ตอนที่ 245 ลูกพี่ลูกน้องลงชื่อเข้าร่วมการแข่งขันหัวหน้าครั้งใหญ่ 16
ตอนที่ 245 ลูกพี่ลูกน้องลงชื่อเข้าร่วมการแข่งขันหัวหน้าครั้งใหญ่ 16
เจ้าหน้าที่ทั้งหลายแอบจดจำชื่อร้านค้าเอาไว้ ครุ่นคิดว่าเมื่อพวกเขากลับ พวกเขาจะต้องเจรจากับเถ้าแก่ร้านที่อยู่เบื้องหลังและทำให้เขาขายเครื่องปรุงรสของเอเลี่ยนปลาหมึกยักษ์ให้พวกเขาให้ได้!
คณบดีพูลแมนเก็บคอมพิวเตอร์ปัญญาประดิษฐ์และครุ่นคิดในใจ องค์หญิงสาม ผมก็แค่ทำเพื่อท่านเท่านั้น…
สวี่หลิงอวิ๋นไม่คิดไม่ฝันว่าคณบดีของเธอจะทรงอิทธิพลขนาดนี้ และเขายังผลักดันธุรกิจเครื่องปรุงรสไปสู่เวทีระดับห้วงดวงดาวด้วยตัวเอง!
ขณะเดียวกัน เธอยังคงยืนอยู่ที่เดิมจ้องมองชายหนุ่มรูปงาม ‘คนโปรด’ ของพี่ชายใหญ่
หล่อมาก ๆ! เป็นชายหนุ่มที่หล่อเหลาอะไรขนาดนี้!
สวี่หลิงอวิ๋นเม้มริมฝีปากบาง สงสัยว่านักเรียนจากจักรวรรดิอีโน่คนนี้คือใคร แต่งงานแล้วหรือยัง?
แลนเซล็อตจ้องมองสวี่หลิงอวิ๋นที่กำลังจับตาดูชายหนุ่มอย่างตาไม่กะพริบ ตั้งใจจ้องมองอย่างระมัดระวัง
ก็ดูธรรมดาทั่วไป!
แลนเซล็อตวิพากษ์วิจารณ์เขาในใจ
ชาร์ลที่ถูกพลเอกถีบหัวส่งมา กำลังหอบหุ้มเอเลี่ยนคุนดาหยาที่หนักเป็นพิเศษมาด้วย
“องค์หญิงสามน่าจะอยู่ที่สถาบันแล้วใช่ไหม?” ชาร์ลออกมาจากยานอวกาศ จ้องมองเวลาและพึมพำกับตนเอง
นานมากแล้วที่เขาไม่ได้เจอองค์หญิงสาม! ฮิฮิ! มันคงจะดีไม่น้อยหากเขาได้ลิ้มลองรสชาติอาหารที่องค์หญิงสามเป็นคนทำ!
ชาร์ลรู้สึกราวกับฝันไป! ท่านพลเอกเต็มใจจะปล่อยให้เขาเดินทางมาหาองค์หญิงสาม! แต่ภารกิจที่ท่านพลเอกพูดถึงคืออะไร?
หลังจากครุ่นคิดอยู่นาน เขาก็นึกออก! มันคือการรายงานชีวิตประจำวันขององค์หญิงสามนั่นเอง!
ในที่สุดงานเลี้ยงต้อนรับที่สุดแสนจะวุ่นวายก็จบลงเสียที คณบดีพูลแมนยิ้มแย้มและจัดแจงคนอย่างเหมาะสม
องค์หญิงวินเซอร์จ้องมององค์ชายรัชทายาทแลนเซล็อตด้วยดวงตาเศร้าโศก โค้งคำนับ หมุนตัวกลับ ตามลูกพี่ลูกน้องชายและพี่ชายกลับไปยังราชวัง
สวี่หลิงอวิ๋นส่ายหัวเมื่อเห็นว่าลูกพี่ลูกน้องใช้ความเฉยเมยปกปิดความโศกเศร้าตลอดเวลา
หน้าบางอะไรขนาดนี้!
มีคำกล่าวไว้ว่า ผู้ชายต้องข้ามภูเขาเพื่อไปหาผู้หญิง แต่ผู้หญิงเพียงแค่ฉีกกระดาษกั้นแผ่นเพื่อไปหาผู้ชาย!
จะต้องสอน ‘เคล็ดลับตามจีบผู้ชาย’ ให้ลูกพี่ลูกน้องซะแล้ว!
หลังจากนั้นไม่นาน รถเหาะก็มาถึงประตูราชวัง และทั้งห้าคนก็ลงจากรถ
องค์ชายรัชทายาทแลนเซล็อตยังคงอยู่ที่สถาบัน เนื่องจากเขาเป็นกรรมการผู้ตัดสิน เขาจึงได้พักอยู่ในห้องรับรองของทางสถาบัน
ยิ่งไปกว่านั้น เขาวางแผนจะฝึกซ้อมหัวหน้าทั้งหลายจากจักรวรรดิของเขา โดยหวังว่าหัวหน้าเหล่านี้จะสามารถแสดงศักยภาพในการแข่งขันหัวหน้าครั้งใหญ่และเผยแพร่เกียรติยศของจักรวรรดิได้
หลังอาหารเย็น สวี่หลิงอวิ๋นมองดูลูกพี่ลูกพี่น้องวินเซอร์กลับไปที่ห้อง และติดตามเธอไป
“เธอจะตามมาทำไม? มาเยาะเย้ยพี่หรือไง?” วินเซอร์รู้สึกหงุดหงิดทันทีที่เห็นสวี่หลิงอวิ๋น!
เธอเองก็มีแฟนหนุ่มอยู่แล้ว อยากหล่อกว่านี้หรือไง ยังจะทำมาเป็นหมาหวงก้างอีก สารเลว!
“เฮ้! พี่วินเซอร์ ถ้าฉันมาเยาะเย้ยพี่จริง ๆ มันก็คงไม่ใช่แบบนี้หรอก!” สวี่หลิงอวิ๋นยกยิ้มและผลักลูกพี่ลูกน้องผู้บอบบางเข้าไปในห้องด้วยการกระทำที่หยาบคาย
“เธออยากทำอะไรกันแน่? จะบอกอะไรเธอให้นะว่าฉันเป็นพี่เธอ!” วินเซอร์รู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อยเมื่อเห็นพฤติกรรมที่เกรี้ยวกราดของสวี่หลิงอวิ๋น
ได้ยินมาว่าลูกพี่ลูกน้องมีความแข็งแกร่งถึงเจ็ดดาว หากเป็นแบบนี้อีกฝ่ายจะไม่ทุบตีเธอจนตายด้วยหมัดเดียวเลยเหรอ?!
แต่มันก็แค่ทุบตีจนตาย ประเด็นหลักคือเธอจะไม่ได้เห็นองค์ชายรัชทายาทแลนเซล็อตอีกต่อไป!
“ฉันรู้ว่าพี่เป็นลูกพี่ลูกน้องของฉัน และฉันไม่ใช่คนโง่!” สวี่หลิงอวิ๋นปิดประตูและผลักวินเซอร์ไปที่กระจก
“พี่มองดูตัวเองสิ!” สวี่หลิงอวิ๋นยืนกอดอก และกล่าวว่า “ดูสิว่าพี่กับฉันเราแตกต่างกันยังไงบ้าง?”
แตกต่างอย่างนั้นเหรอ? เราแตกต่างกันมากทีเดียว!
เธอทั้งงดงาม มีความสามารถ รูปร่างสมบูรณ์แบบ ผิวเนียนละเอียด ให้อารมณ์ของชนชั้นสูงผู้สง่างาม
ส่วนลูกพี่ลูกน้องสวี่หลิงอวิ๋น ไม่ว่าจะนั่งหรือยืน เธอก็กอดอกราวกับพวกอันธพาล มีคุณสมบัติของความเป็นผู้หญิงตรงไหน?!
สวี่หลิงอวิ๋นส่ายหัว “พวกเราแตกต่างกันมาก พี่ประณีตและบอบบางเกินไป!”
“พี่ก็คิดแบบนี้ใช่ไหม แล้วอะไรคือความแตกต่างระหว่างท่านป้าของพี่กับเสด็จแม่ของฉันล่ะ? ทำไมเสด็จแม่ถึงกลายเป็นองค์หญิงที่โด่งดังไปทั่วห้วงดวงดาว? เป็นเพราะมารยาทของเสด็จแม่จริง ๆ เหรอ?” สวี่หลิงอวิ๋นยิ้ม “พี่ก็รู้เหมือนกันใช่ไหม? ว่ามันไม่ได้เกี่ยวกับมารยาทเลย”
เนื่องจากเสด็จแม่ของสวี่หลิงอวิ๋นแสดงศักยภาพทางการเมืองอย่างกระตือรือร้นมาตั้งแต่ยังเป็นเด็ก จนมีข่าวลือกล่าวไว้ว่า สาเหตุที่จักรพรรดิองค์ปัจจุบันของจักรวรรดิเหมยรุ่ยหรือน้องชายของเสด็จแม่สามารถขึ้นครองบัลลังก์ได้ นั่นเป็นเพราะฝีมือของเสด็จแม่
นี่เป็นความลับกึ่งสาธารณะ
สวี่หลิงอวิ๋นตบไหล่ลูกพี่ลูกน้องของเธอ “พี่อาจจะสามารถแต่งงานกับองค์ชายได้ แต่ถ้าอยากแต่งงานกับองค์ชายรัชทายาท พี่จะต้องใช้ฝีมือสักหน่อย!”
ฝีมือ? ฝีมืออะไร?!
วินเซอร์ยอมรับว่าสิ่งที่สวี่หลิงอวิ๋นพูดออกมาค่อนข้างสมเหตุสมผล
“เริ่มตั้งแต่ตอนนี้เลย ขุดอำนาจวาสนาของพี่ออกมาให้หมด! แสดงด้านที่ดีที่สุดให้หวานใจของตัวเองได้รู้เหมือนกับนกยูงรำแพนหาง!” สวี่หลิงอวิ๋นลูบคาง “แลนเซล็อตเป็นถึงองค์ชายรัชทายาท เขาจะต้องมีสนใจในการเมือง การทหาร และเศรษฐกิจ เพราะงั้นพี่จะต้องหัดพูดภาษาเดียวกันกับเขาให้ได้ จะต้องขยับเข้าไปใกล้ด้วยทางนี้!”
“แต่ว่า…”
“แต่ว่าอะไร? พี่จะไปคุยกับเขาว่าเครื่องสำอางอันไหนให้ความชุ่มชื่น ลิปสติกสีไหนน่าดึงดูดที่สุดน่ะเหรอ? ผู้ชายเก้าในสิบคนไม่เข้าใจเรื่องพรรค์นี้หรอก ยกเว้นแต่ว่าหนึ่งคนนั้นจะเป็นคนเจ้าชู้!”
“ไม่ได้หมายความว่าอย่างงั้นสักหน่อย!” วินเซอร์รีบโบกมือ เม้มริมฝีปากและกล่าวออกไปอย่างเขินอาย “ฉันไม่ค่อยรู้เรื่องพวกนั้นเท่าไหร่น่ะ!”
การเมือง การทหาร และเศรษฐกิจอะไรพวกนั้น เธอไม่รู้เกี่ยวกับเรื่องพรรค์นี้ด้วยหรอก!
สวี่หลิงอวิ๋นตบหน้าผากตัวเอง ใช่ ลูกพี่ลูกน้องของเธอมีความเชี่ยวชาญทางด้านการแต่งหน้าและมารยาทโดยเฉพาะ มันคงไม่ง่ายนักที่จะให้ไปทำเช่นนั้น
“แล้วพี่รู้อะไรบ้าง?” สวี่หลิงอวิ๋นครุ่นคิดเกี่ยวกับมันครู่หนึ่ง เนื่องจากเธอได้ใช้เวลากับองค์ชายรัชทายาทไม่มากนัก ดังนั้นเธอจึงไม่รู้เกี่ยวกับเขาดีพอ
“พี่ชอบเขามากนิ ทำไมไม่ลองหาดูว่างานอดิเรกของเขาคืออะไร?” สวี่หลิงอวิ๋นกล่าว “ก็แค่หางานอดิเรกของเขาให้เจอ จะได้มีหัวข้อไปพูดคุยกับเขาบ่อย ๆ ไง?”
งานอดิเรก? วินเซอร์จะไม่รู้ได้อย่างไร? งานอดิเรกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดขององค์ชายรัชทายาทคือการนำกองทหารออกไปต่อสู้กับเอเลี่ยน และจัดการกับงานราชการ
วรรณกรรม รายการโทรทัศน์ หนังสือซุบซิบไม่ใช่งานอดิเรกของเขา
สวี่หลิงอวิ๋นเกาหัว ช่างเป็นเรื่องที่ยากเย็นอะไรเช่นนี้!
เดิมทีวินเซอร์ก็แค่แอบหลงรักอย่างบริสุทธิ์ใจเท่านั้น แต่เมื่อได้ยินคำพูดของลูกพี่ลูกน้อง เธอก็ค้นพบว่าเธอไม่ได้ทำสิ่งที่ถูกต้องแม้แต่นิดเดียว
หากเธอเรียนรู้วิธีการจู่โจมตั้งแต่แรก บางทีเธอก็อาจจะไม่ต้องมานั่งค้นหาหัวข้อแบบนี้
สวี่หลิงอวิ๋นครุ่นคิด ช่างมันเถอะ มาลุยกันเลย!
“ฉันคิดดูแล้ว คงจะมีทางเดียวเท่านั้น!” สวี่หลิงอวิ๋นปรบมือและจ้องมองลูกพี่ลูกน้อง “มีคำกล่าวไว้ว่าหญิงสาวผู้แข็งแกร่งนั้นยากที่จะเชื่อง พี่ยังเป็นองค์หญิงคนสวย แต่ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าพี่จะดันทุรังที่จะครอบครององค์ชายแบบนี้!”
“เอ๊ะ?! ดันทุรัง?! นั่น! นั่นมันหยามกันไปหรือเปล่า?!” ไม่เหมาะสมกับสถานะขององค์หญิงเอาเสียเลย!