ตอนที่ 378 กิจการแผงลอยสุดเจ๋งของมนุษย์
ตอนที่ 378 กิจการแผงลอยสุดเจ๋งของมนุษย์
สวี่หลิงอวิ๋นเลิกคิ้ว นับว่าเป็นข่าวดีที่คาดไม่ถึง!
ในที่สุดน้ำพริกไข่ปูของเธอก็ขายได้ในปริมาณมากเสียที! ถือว่าเป็นก้าวที่ดี!
“ฝ่าบาทต้องการพบท่าน” ดอลลี่พูด
สาวใช้ดอลลี่ช่างเป็นเหมือนประติมากรรมน้ำแข็งเสียจริง เงือกตัวอื่นต่างน้ำลายไหลเพราะอาหารที่เธอปรุง ทว่าดอลลี่กลับมีสีหน้าเรียบนิ่ง ราวกับมองไม่เห็นอาหารตรงหน้า
แต่เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว!
สวี่หลิงอวิ๋นส่ายหัว โบกอาหารในมือ “โทษทีนะ แต่ว่าเรากำลังยุ่งอยู่! ถ้าอยากจะพบเรา ก็รออีกสักหน่อยแล้วกัน!”
ดอลลี่ขมวดคิ้ว ภายในลานขนาดย่อมของสวี่หลิงอวิ๋นปรากฏกองอัญมณี ไข่มุก เพชร และแร่ต่าง ๆ รวมถึงตะกร้าปลา กุ้ง และวัตถุดิบนานาชนิดซึ่งถูกจัดวางอย่างหนาแน่น
หม้อขนาดใหญ่ส่งกลิ่นหอมฟุ้ง ในขณะที่แขนกลกำลังชุลมุนอยู่กับจานของทอดซึ่งกำลังส่งกลิ่นหอมโชยออกมา
ชาวเงือกจำนวนนับไม่ถ้วนจ้องมองเธอราวกับต้องการจะบอกว่า ท่านไม่เห็นหรือว่าพวกเรากำลังรออาหารอยู่!
ดอลลี่มองดูชาวเงือก ขณะที่ชาวเงือกมองดูเธอ
เธอต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง แต่กลับไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่ก้าวไปด้านข้างและมองดูชาวเงือกที่แห่กันออกไปล้อมรอบลานขนาดย่อมอีกครั้ง พวกเขาจ้องมองไปข้างหน้าอย่างกระตือรือร้น และเฝ้ารอคอยในขณะที่มือก็กำลังจับราวบันได
ปลาต้มน้ำเสร็จสมบูรณ์แล้ว
เงือกทั้งหลายรีบไปต่อแถว หยิบเอาชามเปลือกหอยและตะเกียบที่เตรียมไว้ออกมาวางตรงหน้าสวี่หลิงอวิ๋น
เงือกหนึ่งตัวต่อหนึ่งกระบวย ไม่มากและไม่น้อยจนเกินไป
ทันทีที่หม้อต้มเสร็จ เงือกทั้งหลายก็ได้รับอาหารหนึ่งกระบวยต่อหนึ่งตัว แม้จะกินไม่อิ่ม แต่อย่างน้อยก็ได้ลิ้มลองรสชาติ
เงือกทุกตัวต่างพึงพอใจ
ความไม่พอใจอย่างเดียวน่าจะเป็นจำนวนอาหารที่น้อยเกินไป!
ดอลลี่มองดูทรัพย์สมบัติในลานขนาดย่อมของสวี่หลิงอวิ๋นเป็นครั้งที่สอง ก่อนจะละสายตาออกไปเงียบ ๆ
มนุษย์พวกนี้ทำเงินเก่งจริง ๆ!
สวี่หลิงอวิ๋นมองดูดอลลี่ และยื่นตะเกียบกับถ้วยที่มีปลาต้มน้ำให้อีกฝ่าย
“ลองดูสิ แต่ว่าปลาที่ฉันทำอาจจะไม่อร่อยเท่ากับปลาดิบของพวกเธอ”
ทำไมจึงแตกต่างกันขนาดนี้? รสชาติแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง?!
ดอลลี่ไม่ได้เสแสร้ง เธอรับถ้วยและตะเกียบขึ้นมาชิม ก่อนจะพบว่ามันอร่อยมาก! อีกทั้งยังมีรสชาติเผ็ดร้อนที่เธอไม่เคยลิ้มลองมาก่อน!
ไม่แปลกใจที่หลังจากชาวเงือกได้ลิ้มลองรสชาติแล้ว พวกเขาจะหอบเอาทรัพย์สมบัติที่บ้านมาแลกเปลี่ยน
แม้แต่เธอที่แม้ไม่มีความอยากอาหารมากนักก็ยังอดไม่ได้ นับประสาอะไรกับเงือกพวกนี้กันล่ะ?!
จักรพรรดิเงือกรอคอยเป็นเวลานานแล้ว แต่ก็ยังไม่เห็นดอลลี่พาพวกมนุษย์มาเสียที เขาจึงว่ายน้ำไปมาในพระราชวังด้วยท่าทีร้อนใจ
“คาชาวิวัฒนาการเสร็จแล้วเหรอ?”
“พ่ะย่ะค่ะ! เสร็จแล้ว!” องครักษ์ตอบ “ตอนนี้เขากำลังปรับตัวให้เข้ากับสภาพร่างกายของตัวเองอยู่ อาจจะต้องใช้เวลาอีกสักพักหนึ่งพ่ะย่ะค่ะ”
“คาดไม่ถึงจริง ๆ!” จักรพรรดิเงือกพูดขึ้นขณะกำหมัดแน่น “ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเจ้ามนุษย์คนนั้นจะค้นพบอาหารที่เหมาะสมกับชาวเงือกเรา! เหลือเชื่อมาก!”
ครั้งหนึ่งบรรพบุรุษของชาวเงือกที่อาศัยอยู่บนดาวสมุทรเคยกล่าวไว้ว่าหากเงือกไม่ต้องการให้ความแข็งแกร่งถดถอยลงและต้องการวิวัฒนาการ ก็จำเป็นจะต้องค้นหาอาหารที่เหมาะสมกับชาวเงือก มิเช่นนั้นกระบวนการทำงานของร่างกายจะค่อย ๆ เสื่อมลง
กรงเล็บที่แหลมคมจะนุ่มขึ้นจนไม่สามารถฉีกผิวหนังของเหยื่อได้ และจะต้องเผชิญหน้ากับหายนะจากการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์
หากพวกเขาต้องการกลับไปที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของบรรพบุรุษ ดังนั้นพวกเขาจะต้องรักษาพละกำลังไว้
เดิมทีหนทางการหวนกลับไปหาบรรพบุรุษช่างดูยากเย็นนัก แต่ตอนนี้กลับดูมีความหวังมากขึ้น!
“ดอลลี่ล่ะ? ทำไมยังไม่พามนุษย์พวกนั้นมาอีก?” จักรพรรดิเงือกถาม
“ฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ ดอลลี่บอกว่า…” องครักษ์รู้สึกลังเลว่าควรจะพูดออกมาดีหรือไม่
“พูดมาสิ! มนุษย์พวกนั้นทำอะไรกันอยู่?” จักรพรรดิโพล่งขึ้นอย่างไม่พอใจ
“พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท ดอลลี่บอกว่าพวกมนุษย์กำลังทำอาหารกันอยู่พ่ะย่ะค่ะ และชาวเงือกก็ล้อมวงกันกินอาหารของมนุษย์ หากพามนุษย์กลับมาตอนนี้ เกรงว่าชาวเงือกจะไม่พอใจพ่ะย่ะค่ะ!”
ทันทีที่จักรพรรดิเงือกได้ยินคำว่าทำอาหาร เขาก็นึกถึงสิ่งของในห้องโถงที่มนุษย์ได้หยิบออกมา
มันจะอร่อยเท่าของพวกนั้นหรือไม่? ถ้าอร่อยละก็…
จักรพรรดิเงือกกระแอมเบา ๆ “ถ้าอย่างนั้น เราจะไปดูความสนุกนั่นด้วย!”
“แล้วก็ไปเรียกจักรพรรดินีมาด้วยล่ะ!”
หากมีของอร่อยให้กิน ทำไมจะไม่พาภรรยาไปด้วยล่ะ? ตั้งแต่กลับมาก็ยังไม่ลุกจากเตียงเลยไม่ใช่เหรอ?
จักรพรรดิเงือกกับจักรพรรดินีเงือกได้กลิ่นเผ็ดฉุนลอยมาตั้งแต่ก้าวออกจากพระราชวัง กลิ่นดังกล่าวไม่เพียงแต่จะทำให้หัวใจ ปอด ลำคอ และดวงตาของพวกเขาแสบชาเท่านั้น แต่ยังทำให้พวกเขารู้สึกอยากอาหารขึ้นมาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน น้ำลายของพวกเขาแทบจะกระเซ็นออกจากปาก
จักรพรรดิเงือกสูดดมกลิ่นเข้าไปเฮือกใหญ่จนน้ำลายแทบจะไหลออกมา “เจ้ามนุษย์นั้นทำอะไร? ทำไมต้องอยากมาทำอาหารในอาณาเขตเงือกของเรา?! มาทำลายนิสัยการกินของเงือก!”
จักรพรรดินีบิดแขนของเขา “เงียบหน่อยเพคะ!”
อย่าให้มนุษย์ได้ยินเด็ดขาด!
มนุษย์ผู้หญิงไม่ได้จิตใจดีอย่างที่ตำนานกล่าวไว้ หากเธอรำคาญคำพูดของสามีจนไม่ยอมแบ่งอาหารให้ ที่นี้พวกเขาจะกินอะไรกันล่ะ?
ชนชั้นสูงผู้เลื่องชื่อจากเผ่าพันธุ์เงือกทั้งสองรีบแหวกว่ายไปที่ลานขนาดย่อมของสวี่หลิงอวิ๋น
ตอนนี้กลุ่มเงือกเริ่มรวมตัวกันมากขึ้นเรื่อย ๆ เงือกส่วนใหญ่ที่ได้ลิ้มลองรสชาติแล้วก็รู้สึกว่ากลิ่นของมันช่างเย้ายวน จนพวกเขาแทบจะลอยขึ้นไปบนสวรรค์ชั้นเจ็ด และอยากที่จะจากไปไหน
มีเงือกจำนวนนับไม่ถ้วนที่กวาดทรัพย์สมบัติทั้งหมดออกมาจากบ้านจนไม่เหลือของให้แลกเปลี่ยน พวกเขาจึงทำได้เพียงเฝ้าดูอย่างกระหาย และถูกพวกที่มาทีหลังบีบคั้น
“ไปให้พ้น! ไม่มีของแล้วจะมาเบียดอยู่ข้างหน้าทำไม?!”
“พวกแกได้กินกันไปแล้ว ให้พวกเรากินมั่งสิ!”
“ฮ่า ๆๆ! โชคดีที่ฉันไม่ได้ทำไข่มุกสีชมพูหาย! ถึงสีจะอ่อนไปหน่อย แต่มนุษย์ก็ยังไม่น่ามี และคิดว่ามนุษย์น่าจะชอบ!”
“เชี่ย! ฉันก็ยังมีไข่มุกสีม่วงอยู่เหอะ! ไม่ได้แย่ไปกว่าของนายหรอก! และฉันจะแลกกับเนื้อปลาสองกระบวย!”
“บัดซบ! นายมันโลภมาก! ถ้าเกิดนายกินเข้าไปสองกระบวย อาหารจะเหลือพอพวกเราไหม?! เชี่ย! พี่น้องครับจัดการไอ้นี่ที!”
…
ดอลลี่กับองครักษ์เงือกกำลังรักษาความเรียบร้อย ในขณะที่องครักษ์มนุษย์คอยตรวจสอบดูสิ่งของที่พวกเงือกนำมาแลก
หากใครที่ไม่ปฏิบัติตามกฎกติกาและพยายามฉวยโอกาสในช่วงชุลมุน บุคคลนั้นจะถูกเชิญลงไปในทันที และจะไม่มีโอกาสได้เข้ามาแลกเปลี่ยนอาหารอีก ดังนั้นชาวเงือกจึงพยายามยับยั้งจิตใจที่ต้องการหลอกลวงพวกเขา
หลังจากที่ชาวเงือกรู้ว่ามนุษย์ชอบของแวววาว สิ่งของที่นำเอามาแลกเปลี่ยนในช่วงหลังจึงดูเป็นประกายมากขึ้น
ว่าแต่มันคุ้มไหม? แน่นอนว่าคุ้มสิ!
องครักษ์มนุษย์รู้สึกตกตะลึงเมื่อเห็นไข่มุกรัตติกาลในตอนแรก ทว่าตอนนี้พวกเขากลับไร้ซึ่งปฏิกิริยาแสดงออกเมื่อเห็นไข่มุกรัตติกาล
มีของล้ำค่ามากมายจนทำให้พวกเขาตกตะลึง!
“ดูท่ากิจการของมนุษย์จะดีเกินคาด!” จักรพรรดิเงือกพยายามยับยั้งไม่ให้ตัวเองแทรกตัวเข้าไปด้านใน และทำได้เพียงยืนมองจากด้านหลัง
พวกเขาต้องการว่ายน้ำขึ้นไป แต่มันจะขัดต่อกฎการเดินทางของเงือก