หนึ่งเซียนยากเสาะหา – ตอนที่ 389 – ตอบแทน

หนึ่งเซียนยากเสาะหา

ตอนที่ 389 – ตอบแทน

เถียนจือเชียนสำนึกเสียใจขึ้นมาอีก เรื่องนี้มาถึงตรงหน้า ไม่อาจสำนึกเสียใจแล้ว เขาเพียงได้แต่เลือกร่วมรุกร่วมถอยกับหลิงอวิ๋นเฟย — นิสัยของหลิงอวิ๋นเฮ่อ เขาไม่อาจทราบกระจ่างไปกว่านี้อีกแล้ว ในเมื่อเลือกจะหักหลังแล้ว เช่นนั้นเขาก็ไม่มีทางให้หันกลับ หลิงอวิ๋นเฮ่อพอหลุดจากวงล้อมจะไม่ปล่อยเขาเด็ดขาด

แต่อสูรวิญญาณตัวนี้จัดการยากโดยแท้! นี่เป็นชางหลงหนึ่งตัว อยู่ในกลุ่มอสูรทะเล เชี่ยวชาญวิชาเวทธาตุน้ำ ในห้าธาตุ ทองเป็นจ้าวความแข็งแรงและแหลมคม ไม้เป็นจ้าวการกำเนิดและขดม้วน น้ำเป็นจ้าวการชุ่มชื้นและพัวพัน ไฟเป็นจ้าวการเพิ่มพูนและร้อนแรง ดินเป็นจ้าวความหนาหนักและฝังลึก ในวิชาเวทห้าธาตุ ไม้, น้ำ, ดินล้วนมีประสิทธิภาพด้านการกักขัง น้ำเป็นสิ่งที่ทำให้คนปวดหัวที่สุด เพราะว่าน้ำยืดหยุ่นยากจะตัดขาด คุณสมบัติรัดพันเหมาะสมที่สุด

เถียนจือเชียนเป็นอาจารย์วิชาม่านพลัง เมื่อไม่มีผู้ฝึกตนคนอื่นสนับสนุน เผชิญหน้ากับวิชาเวทน้ำ นอกจากหลบเลี่ยงและกักขังโต้กลับก็ไม่มีหนทางอื่นใด เผอิญว่าโม่เทียนเกอก็เข้าใจวิชาม่านพลังถึงสิบส่วน เขาพอกระทำการใด ๆ ออกมา นางก็จะเตือนอสูรวิญญาณของตนเองว่าจะหลบเลี่ยงอย่างไร ยิ่งบวกกับเทียนฉานที่เคลื่อนตัวอยู่ข้าง ๆ เขาเสมือนจงใจแต่ไร้เจตนาเสมอ เขาหวั่นเกรงความแข็งแกร่งอันน่ากลัวของเทียนฉาน ไม่กล้าละเลย จึงถูกควบคุมอยู่มัด

ต่อสู้อย่างนี้ไปพักหนึ่ง เถียนจือเชียนอดเกิดความระอาใจขึ้นมามิได้ คบหากับหลิงอวิ๋นเฮ่อมาร้อยปี ทั้งสองคนร่วมทางกันบ่อย ๆ ทุกคราที่พบภยันตราย เขาเพียงต้องตั้งม่านพลังในจังหวะที่เหมาะสมก็พอ มีหลิงอวิ๋นเฮ่อยืนสังหารศัตรูอยู่ข้างหน้าเขา หากพบวิกฤต หลิงอวิ๋นเฮ่อก็จะคิดวิธีการแก้ไขด้วย ไม่ได้จำกัดเขาไปเสียทุกอย่าง

คิดถึงตรงนี้ เขามองดูหลิงอวิ๋นเฮ่อที่นิ่งงันอยู่กับที่ด้วยอารมณ์ซับซ้อน เขานึกมาตลอดว่าหลิงอวิ๋นเฮ่อใจกว้างกับเขาไม่พอ อาศัยที่กำลังตนเองแข็งแกร่งละเลยการคงอยู่ของเขาเสมอ สั่งให้เขาทำนั่นทำนี่ แต่จนกระทั่งขณะนี้เขาจึงค้นพบว่า ในหนึ่งร้อยกว่าปีมานี้สาเหตุที่เขาสามารถราบรื่นได้ขนาดนี้เป็นเพราะว่ามีเขาขวางอยู่เบื้องหน้าของตนเอง

น่าเสียดายที่ตอนนี้เขาไม่อาจสำนึกเสียใจแล้ว คิดถึงเงื่อนไขที่หลิงอวิ๋นเฟยเสนอให้เขา ในแววตาของเถียนจือเชียนเกิดจิตต่อสู้ลุกโชนอีกครั้ง ถึงภายหลังจะไม่มีหลิงอวิ๋นเฮ่อแล้วอย่างไรเล่า มีโอสถพวกนั้น เขาสามารถพยายามเลื่อนขึ้นขั้นปลายได้แล้ว อาจารย์วิชาม่านพลังก่อเกิดตานขั้นปลายคนหนึ่งมีคุณค่าเพียงไร ถึงแม้เขาจะไม่ออกไปภายนอกอีกในภายหลัง ไม่ได้ผจญภัยอีก ยังคงจะมีคนมาขอร้องถึงประตู ใช้สมบัติแห่งฟ้าดินมาแลกกับอุปกรณ์วางม่านพลังที่เขาผลิตขึ้น ถึงเวลานั้น จิตวิญญาณใหม่ก็มิใช่ว่าจะไร้ความหวังสักนิดเลย…….

“อวิ๋นเฟย ถอยหลัง!” เถียนจือเชียนตะโกน ตอนนี้ไปกล่าวโทษหลิงอวิ๋นเฟยอีกเป็นเรื่องที่ไม่มีความหมายสักนิด ความแข็งแกร่งของหลิงอวิ๋นเฟยไม่เท่าหลิงอวิ๋นเฮ่อจริง ๆ ประสบการณ์ต่อสู้ก็เต็มเปี่ยมไม่เท่าเขา แต่เขาไม่ได้อ่อนแอเลย สถานการณ์ที่ถูกควบคุมไปเสียทุกอย่างในขณะนี้เป็นเพราะว่าความแข็งแกร่งของเทียนฉานแกร่งกว่า อีกทั้งเหนี่ยวรั้งหลิงอวิ๋นเฟยได้พอดีเท่านั้น รูปการณ์ประเภทนี้ ตอนที่เขากับหลิงอวิ๋นเฮ่ออยู่ร่วมกันมิใช่ไม่เคยพบเจอเลย

“กระบี่บินก่อกวนศัตรู อย่าไปปะทะกับเขา ใจเย็นหน่อย!” เถียนจือเชียนพูดจบก็ยกมือขึ้น ม่านหมอกหย่อมหนึ่งก่อตัวขึ้น โถมใส่เทียนฉาน

การสนับสนุนครั้งนี้ประจวบเหมาะนัก การจู่โจมของเทียนฉานถูกสกัด หลิงอวิ๋นเฟยสลัดหลุดออกไปได้พอดี

“พสุธาแห่งซีรังของเจ้า ขังอสูรวิญญาณตัวนี้!”

หลิงอวิ๋นเฟยได้ยินแล้วก็คลำเข้าไปในกระเป๋าเอกภพ ขว้างสิ่งของเล็ก ๆ สีดำหนึ่งก้อนใส่เสี่ยวฝาน

“เสี่ยวฝาน ถอย!” โม่เทียนเกอก็ตะโกน

เสี่ยวฝานถอยหลังอย่างรีบร้อน แต่ประสบการณ์ต่อสู้กับผู้ฝึกตนของมันน้อยเกินไป ช้าไปหน่อย เห็นพสุธาแห่งซีรังก้อนนั้นตกลงตรงหน้ามัน ขยายใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว กลายเป็นเนินดินใหญ่หนึ่งเนิน เสี่ยวฝานตะลึงลาน ในทะเลมันไม่เคยเห็นอาวุธเวทเช่นนี้มาก่อนเลย ไม่รู้เลยว่าควรจะตอบโต้เช่นไร

โม่เทียนเกอเห็นแล้วก็ตบหน้าผาก มองดูเสี่ยวฝานวิ่งวนอยู่ในเนินดินอย่างจนใจ นางดูออกว่านี่มิใช่เนินดินธรรมดา อาวุธเวทสายดินชิ้นนี้ทรงพลังถึงสิบส่วน เสี่ยวฝานไม่มีประสบการณ์เลย ไม่อาจหนีพ้นได้เป็นการชั่วคราว

เห็นพสุธาแห่งซีรังกักขังเสี่ยวฝาน หลิงอวิ๋นเฟยลิงโลด ข้างหูได้ยินเสียงของเถียนจือเชียนดังขึ้นมาอีกทันทีว่า “ด้านนี้ กระบี่บินก่อกวนศัตรู!”

เปลืองแรงกันมาพักหนึ่งขนาดนี้ เทียนฉานหลุดออกมาแล้ว โถมใส่ทั้งสองคนอีกรอบ

แต่ว่าครั้งนี้ ข้อได้เปรียบของเขาไม่ได้ชัดเจนขนาดนั้นอีกแล้ว มีคำสั่งการของเถียนจือเชียน หลิงอวิ๋นเฟยไม่ได้กระวนกระวายอย่างเมื่อครู่อีก เสี่ยวฝานก็ถูกขังอยู่ด้วย พวกเขาสองคนสองต่อหนึ่ง เทียนฉานหวั่นเกรงม่านพลังไร้สภาพของเถียนจือเชียนตลอดเวลา แล้วยังถูกกระบี่บินคู่ของหลิงอวิ๋นเฟยก่อนกวน เหตุการณ์ตกอยู่ในสภาวะชะงักงันขึ้นมาทันที

“สหายเต๋าฉิน!” เทียนฉานตะโกน “ท่านยังจะนั่งไปถึงเมื่อใด”

“ก็เห็นสหายเต๋าเทียนฉานทรงพลังขนาดนี้นี่นา!” โม่เทียนเกอพูดปนหัวเราะหึ ๆ ถึงเสี่ยวฝานจะถูกขังแล้ว แต่หลิงอวิ๋นเฟยและเถียนจือเชียนสองคนพัวพันกับเทียนฉานก็ถูกเทียนฉานพัวพันไปในเวลาเดียวกันด้วย ไม่มีกำลังจะไปเก็บกวาดเสี่ยวฝาน นางไม่ต้องห่วงความปลอดภัยของเสี่ยวฝานเลย

“ท่าน ๆๆ –” เทียนฉานโมโหจนเต้น ถลึงมองนางอย่างดุดัน “นั่งอีก ข้าคนเดียวจะฮุบของหมดแล้วนะ!” ความแข็งแกร่งของเขาถึงจะแกร่ง แต่ผู้ฝึกตนเบื้องหน้าสองคนนี้ถึงอย่างไรก็มิใช่ฝีมือสามัญ คนหนึ่งก่อเกิดตานขั้นกลาง คนหนึ่งก่อเกิดตานขั้นต้น อีกทั้งความแข็งแกร่งล้วนไม่อ่อนแอ ถึงแม้เขาจะไม่ถึงกับแพ้พ่าย แต่คิดจะเอาชนะกลับยากแล้ว

“เช่นนั้นท่านก็ฮุบหมดเถอะ” โม่เทียนเกอเอ่ยต่ออย่างเกียจคร้าน “ถึงอย่างไรสิ่งของของพวกเขา ข้าก็ไม่เห็นอยู่ในสายตา”

“……” เทียนฉานเหลือกตา เห็นกับตาว่าโม่เทียนเกอเตรียมจะกอดอกชมดูอยู่ข้าง ๆ ก็ขบฟันอย่างขุ่นเคือง เขาไม่เชื่อว่าไม่มึสตรีผู้นี้ช่วยเหลือแล้วตนเองจะเก็บกวาดสองคนนี้ไม่ได้!

“สหายเต๋าเทียนฉาน ทางซ้าย ทางซ้าย!”

“ไอหยา ข้าบอกว่าทางซ้ายท่านทำไมถึงละเลยทางขวาล่ะ ข้างบน!”

“ท่านนี่น้า ข้าบอกว่าข้างบน ท่านดันไปสนใจข้างล่าง ไม่เชื่อฟัง วิงเวียนแล้วกระมัง?”

“หุบปาก!” เทียนฉานชกหมัดออกไป พลังปราณอันกล้าแข็งสกัดกระบี่บินสั้นของหลิงอวิ๋นเฟย ร่างกายกระโดดถอยหลังทันที หลบเลี่ยงกระบี่บินยาว ถึงขนาดไม่มีแรงจะไปถลึงตาใส่โม่เทียนเกอ เขาสำนึกเสียใจแล้ว ไยเห็นสตรีนางนั้นแส่เรื่องชาวบ้านแล้วตนเองก็ต้องสอดมือด้วยเล่า ถึงอย่างไรเรื่องนี้เขาก็ไม่ได้เสียหาย!

ในเวลาเดียวกับที่เทียนฉานหงุดหงิด เถียนจือเชียนและหลิงอวิ๋นเฟยทั้งดีใจทั้งสับสน สิ่งที่ดีใจคือ โม่เทียนเกอไม่มีแผนจะช่วยเหลือในตอนนี้ พวกเขาไม่ถึงขนาดมือเท้าปั่นป่วน สิ่งที่สับสนคือ นางผ่อนคลายขนาดนี้ คล้ายกับมีแผนพร้อมพรัก หรือว่ามีกระบวนท่าตามหลังแต่แรกแล้ว? อย่างไรเสียหากเทียนฉานถูกพวกเขาเก็บกวาด นางก็ไม่มีผลประโยชน์อะไร ส่วนม่านพลังกักวิญญาณถึงจะสามารถกักขังผู้ฝึกตนชั่วคราว แต่ถึงอย่างไรนางก็เป็นผู้ฝึกตนก่อเกิดตานขั้นกลาง แล้วยังเชี่ยวชาญวิชาม่านพลัง จะไม่ถูกขังนานขนาดนั้นเป็นอันขาด……

เถียนจือเชียนคิดไปคิดมาอยู่นี่ก็ยังจับต้นชนปลายไม่ออก เทียนฉานนั่นถูกโม่เทียนเกอยั่วโมโหจนโจมตีรุนแรงขึ้นไปอีก ทำเอาพวกเขาสองคนมือเท้าปั่นป่วนไปชั่วขณะ

“อวิ๋นเฟย ใจเย็น!” เถียนจือเชียนตะโกน “ห้ามถูกตีจนเลอะเลือนเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นพวกเราเสร็จแน่!”

หลิงอวิ๋นเฟยสูดลมหายใจเข้าลึก สายตาจดจ่อขึ้นมา หากพูดว่าเถียนจือเชียนถอยหนึ่งก้าวก็คือพ่ายแพ้ตกตาย เช่นนั้นเขาก็คือตายโดยไร้ที่ฝังศพแล้ว หลิงอวิ๋นเฮ่อจะเห็นแก่ความเป็นพี่น้องสองร้อยปีปล่อยเขาไปหรือ ก็อาจจะ แต่เทียนฉานและฉินเวยนี่กลับไม่ใช่แน่ ๆ ถึงหลิงอวิ๋นเฮ่อจะหนีรอด แต่บนร่างเขาบาดเจ็บสาหัส มิใช่คู่มือของสองคนนี้เลย ถึงเวลาสองคนนี้ยินยอมไว้ชีวิตของหลิงอวิ๋นเฮ่อก็ดีแล้ว ความเป็นไปได้สูงสุดยังคงเป็นสิ่งที่ฉินเวยเพิ่งพูด ฆ่าล้างพวกเขาสองคน แล้วค่อยฆ่าหลิงอวิ๋นเฮ่อ เก็บทรัพย์สมบัติของพวกเขาทั้งหมดเข้ากระเป๋า นี่จึงเป็นวิถีของพวกเขาผู้ฝึกตนผู้แข็งแกร่งประเภทนี้

กระบี่เป็นตายมิพรากหนึ่งสั้นหนึ่งยาวภายใต้การควบคุมของหลิงอวิ๋นเฟยหมุนวนเป็นวงหนึ่งวงอยู่เบื้องบน สีฟ้าหนึ่งสีขาวเงินหนึ่ง เปล่งแสงบาดตา ปราณกระบี่คลุ้มคลั่ง พลังวิญญาณสอดประสาน

เถียนจือเชียนเห็นแล้วปิติยิ่ง เขารู้ว่านี่เป็นกระบวนท่าสังหารที่แกร่งที่สุดของอาวุธเวทชิ้นคู่นี้ของหลิงอวิ๋นเฟย ถ้าหากสามารถปล่อยออกมาอย่างราบรื่น เช่นนั้นการสังหารเทียนฉานในกระบวนท่าเดียวมิใช่ว่าไม่อาจเป็นไม่ได้เลย ดังนั้น ตอนนี้เขาต้องทำให้มั่นใจว่าว่าหลิงอวิ๋นเฟยจะไม่ถูกกระทบกระเทือน

ในสมองเข้าใจสถานการณ์ต่อสู้อย่างกระจ่างชัดดุจหลังมือ สถานการณ์ทุกอย่างแจ้งแก่ใจ ใช้ออกมาตามธรรมชาติ เขาพบความรู้สึกเหมือนการต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับหลิงอวิ๋นเฮ่อนิดหน่อย — มิผิด สิ่งที่เขาทำในวันนี้ทุกอย่างนั้นถูกต้องแล้ว หลิงอวิ๋นเฮ่อมิใช่คนเพียงคนเดียว ขอเพียงตนเองแข็งแกร่งเพียงพอก็สามารถควบคุมเหตุการณ์ได้เช่นกัน!

จานหยกในมือหมุนอย่างบ้าคลั่ง ด้านบนห้าแสงกะพริบ อินหยางแปรผันในพริบตา เถียนจือเชียนดวงตาจับจ้องจานหยกไม่กะพริบ รอให้ห้าธาตุอินหยางทั้งกายไปถึงชั่วขณะที่เหมาะสมที่สุด–

“แกร๊ง–ฉึก–” เขาได้ยินเสียงสองเสียง เสียงแรกคือเสียงอาวุธแหลมคมปะทะกัน เสียงหลังคือเสียงอาวุธแหลมคมบาดร่างกาย

ชั่วขณะถัดมา นัยน์ตาของเขาเบิกกว้าง จานหยกไม่สามารถหยุด ยิ่งหมุนยิ่งบ้าคลั่ง สุดท้ายคลาดชั่วพริบตาในการตั้งม่านพลัง ก่อให้ห้าธาตุอินหยางทั้งกายปรากฏความอลหม่านเล็ก ๆ

เขาจับจานหยกแน่น ตาเห็นจานหยกยิ่งหมุนยิ่งเร็ว แสงวิญญาณด้านบนกลับยิ่งมายิ่งสลัว เขารู้ว่านี่เป็นเพราะจานหยกสูญเสียการสนับสนุนของพลังวิญญาณเจ้านายไปแล้ว

เขาค่อย ๆ หมุนตัว เห็นหลิงอวิ๋นเฮ่อยืนอยู่ไม่ไกลด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ มีเวลาเพียงพูดคำเดียวว่า “ท่าน……”

หลิงอวิ๋นเฮ่อขยับมือขวา ดาบหยกจันทร์เสี้ยวหลุดออกจากร่างของเถียนจือเชียน เลือดสาดกระจายออกมา

มองดูเถียนจือเชียนล้มลงช้า ๆ หลิงอวิ๋นเฮ่อลดสายตาลง เอ่ยเสียงแผ่วว่า “ข้าเชิญท่าน เพียงใช้ประโยคเดียว แต่ท่านจำได้หรือไม่ว่า ท่านเชิญข้า แม้แต่ประโยคเดียวยังไม่ต้องพูด?”

เถียนจือเชียนเบิกตากว้าง จ้องหลิงอวิ๋นเฮ่อเขม็ง ในแววตาของเขา มีความหวาดกลัว มีความแตกตื่น มีความแค้นเคือง มีความโกรธเกรี้ยว ยิ่งมีความเสียใจ และสำนึกเสียใจ

หลิงอวิ๋นเฮ่อเอ่ยต่อว่า “ข้านึกว่า ระหว่างพวกเรา ไม่ต้องคุยถึงการแลกเปลี่ยน ไม่ต้องคุยถึงการตอบแทน เพียงต้องพูดประโยคเดียวก็สามารถผ่านเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายเพื่ออีกฝ่าย ข้านึกว่า นี่ก็คือมิตรภาพชั่วชีวิต — ที่แท้ข้าผิดแล้ว”

ตาทั้งคู่ของเถียนจือเชียนสูญเสียประกายในที่สุด ไม่รู้ว่าความคิดที่เหลืออยู่ในใจเขาอย่างสุดท้ายคือความสำนึกเสียใจอย่างสายเกินกาลหรือไม่

ความตายของเขาทำให้การต่อสู้ที่กำลังดำเนินอยู่หยุดไป

เทียนฉานเก็บกรงเล็บกลับมา อยู่มองฉากนี้ในที่ไม่ห่างไกล ส่วนหลิงอวิ๋นเฟยนิ่งงันไปแล้ว

หลิงอวิ๋นเฮ่อกำดาบหยกจันทร์เสี้ยวในมือแน่น เดินเข้าใกล้เขาไปทีละก้าว

กระบี่บินคู่ของหลิงอวิ๋นเฟยหยุดลงอย่างไม่อาจระงับ เบิกตามองเขาเดินมาทางตนเอง

แสงดาบ แสงกระบี่ กะพริบขึ้นมาในเวลาเดียวกัน

กระบี่ยาวแทงใส่ร่างหลิงอวิ๋นเฮ่อ ในเวลาเดียวกัน ลำแสงของจันทร์แรมเสี้ยวหนึ่งสว่างขึ้น พลังวิญญาณอันแหลมคมไร้เปรียบปานสายหนึ่งทะลุอกของหลิงอวิ๋นเฟย

“กระบี่นี้ เป็นพี่รองคืนให้เจ้า สำหรับสองร้อยปีนี้ที่ข้าไม่เคยเข้าใจจิตใจส่วนลึกของเจ้าอย่างแท้จริงเลย” หลิงอวิ๋นเฮ่อยืนเงียบ ปล่อยให้เลือดไหลกระฉูดจากบาดแผลบนร่าง “ดาบนี้ เป็นสิ่งที่เจ้าคืนให้ข้า สำหรับความละโมบและไม่รู้จักสำนึกบุญคุณของสองร้อยปีนี้ของเจ้า!”

“พี่รอง……” หลิงอวิ๋นเฟยหลับตา น้ำตาไหลริน สุดท้ายศีรษะห้อยลง

เหตุผลทั้งหมดทั้งมวลล้วนซ่อนเร้นจิตใจส่วนลึกอันแท้จริงของเขาไม่ได้ หากเขามีความสามารถเพียงพอก็ไม่ต้องให้พี่รองทำทานให้เลย หากเขามีความแข็งแกร่งเพียงพอก็สามารถยืนอยู่ที่ตำแหน่งของพี่รองเช่นกัน เขารู้ว่าตนเองไม่อาจได้มา ดังนั้นโกรธเกรี้ยว ทุกสิ่งนี้ล้วนเป็นเพราะความอิจฉาริษยา

————

*พสุธาแห่งซีรัง ซีรัง (息壤) เป็นดินวิเศษในตำนานของจีน มีคุณสมบัติสามารถแบ่งตัวได้อย่างไร้ขีดจำกัด ในตำนานเอาไปสร้างเขื่อนแล้วพอน้ำสูงขึ้น ดินก็ขยายตัวสูงขึ้นตาม

หนึ่งเซียนยากเสาะหา

หนึ่งเซียนยากเสาะหา

Status: Ongoing
ในฐานะผู้ฝึกตนหญิง ถนนสู่อมตะต้องฟันฝ่าอุปสรรคมากมายนัก คุณสมบัติ, วิชา, ยา, อาวุธเวท ล้วนไม่อาจขาดสักสิ่ง อารมณ์, ความอ่อนแอ, ความเมตตา, ความโลภ ล้วนไม่อาจมากสักสิ่ง ไม่มีของสิ่งแรก การฝึกจะช้าเกินไป ของสิ่งหลังมาก จะตายเร็วเกินไป ยิ่งไปกว่านั้น หน้าตาต้องไม่มากไม่น้อย สติปัญญาต้องไม่มากไม่น้อย งดงามเกินไปย่อมจะถูกผู้ฝึกตนระดับสูงบังคับไปเป็นอนุ อัปลักษณ์เกินไปพบปะผู้คนจะถูกรังเกียจชนกำแพงไปทุกที่ ฉลาดเกินไปจะกลายเป็นนกโผล่หัวที่ถูกตี โง่เกินไปถูกขายแล้วยังช่วยคนนับเงิน ม่อเทียนเกอนึกว่าอย่างไหน ๆ ล้วนสามารถทำได้ แต่ดันมีเรื่องน่าตายเพิ่มขึ้นมาหนึ่งอย่าง ถนนเซียนสายนี้ จะเดินทางอย่างสงบสุขได้อย่างไร

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท