ไม่ได้มีแค่หนานกงเยี่ยเท่านั้นที่ตกตะลึง แม้แต่ก่วนอวี้ที่กำลังขับรถอยู่นั้นก็ยังอดไม่ได้ที่จะกระตุกมุมปาก เขาเป็นคนจับตาดูเรื่องที่เกิดขึ้นทุกอย่างตั้งแต่ต้นจนจบ ทั้งๆ ที่เป็นความแค้นของตัวเธอเอง แต่เธอกลับโยนความผิดให้หนานกงเยี่ย คุณเหลิ่งคนนี้ สุดยอดจริงๆ!
หนานกงเยี่ยมองดูเหลิ่งรั่วปิงเงียบๆ อยู่หลายวินาที เขาอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเสียงดัง “ครับๆๆ เป็นความผิดของผมเอง!” เขารู้ซึ้งมากขึ้นถึงความสามารถในการทำเรื่องโหดเหี้ยมของเธอ ถ้าไม่ใช่เพราะเขาสั่งให้ก่วนอวี้คอยปกป้องเธอ เวลานี้เขาคงคิดแล้วว่าต้นเหตุมาจากเขา
เหลิ่งรั่วปิงเบะปาก ไม่ได้พูดอะไรอีก เขาเชื่อหรือไม่เชื่อนั้นไม่สำคัญ สิ่งที่สำคัญก็คือเธอต้องกุมความลับของตนเองเอาไว้ให้ดี
ภายในรถเงียบไปพักหนึ่ง จู่ๆ เหลิ่งรั่วปิงก็เหมือนคิดเรื่องบางอย่างขึ้นมาได้ “คุณหนานกง คุณอยู่กับคุณลู่ไม่ใช่หรอคะ ทำไมฉันไม่เห็นเธอเลย?”
น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยการหยอกล้อ ทำให้หนานกงเยี่ยไม่พอใจมาก เขามองค้อนไปที่เธอ เขาอดทนอยู่กับผู้หญิงน่ารังเกียจคนนั้นเพราะเธอแท้ๆ แต่พอทุกอย่างจบแล้วเธอยังมาเยาะเย้ยเขาอีก!
หนานกงเยี่ยแสยะยิ้ม “คราวหน้าถ้าจะผลักผมให้ผู้หญิงคนอื่น ช่วยผลักให้ผู้หญิงที่พอๆ กับคุณหน่อย ผู้หญิงประเภทลู่หวาหนงที่ยอมทำเรื่องต่ำๆ เพื่อความสะใจของตนเองในที่สาธารณะนั้น ขอไปที ห้อ”
คำตอบของหนานกงเยี่ยหลักแหลมมาก เหลิ่งรั่วปิงรู้ทันที ลู่หวาหนงวางยาปลุกเซ็กส์เพราะต้องการให้เธอทำเรื่องน่าอาย ทว่าคิดไม่ถึงว่าตัวเองจะเป็นคนโดนวางยาเสียเอง ตอนนี้ลู่หวาหนงเป็นผู้หญิงของจั่วเยี่ยนเหา เธอทำเรื่องน่าอับอายต่อหน้าสาธารณะ จั่วเยี่ยนเหาไม่ปล่อยเธอไว้แน่
แต่ว่าเหลิ่งรั่วปิงไม่คิดจะเปิดโปงเรื่องของลู่หวาหนง “ฉันกำลังทำงานโดยดูจากสีหน้าคุณไงคะ คุณเชิญให้เธอมาเป็นนางเอกภาพยนตร์ของบริษัทหนานกง ฉันนึกว่าคุณสนใจเธอเสียอีก”
หนานกงเยี่ยยิ่งไม่พอใจ “คุณยอมยกผมให้ผู้หญิงคนอื่นด้วยความยินดีขนาดนี้เลยหรอ”
เหลิ่งรั่วปิงเข้าใจ เรื่องของลู่หวาหนง รวมถึงเรื่องของลั่วซูเยียง หนานกงเยี่ยคอยเข้าข้างเธอ ดังนั้นเธอจึงตัดสินใจที่จะปลอบเขา เหลิ่งรั่วปิงยิ้มร่าแล้วซบลงที่แขนของหนานกงเยี่ย “เปล่าค่ะ ฉันรู้ว่าคุณไม่มีวันมองผู้หญิงอย่างหนานกงเยี่ยแน่นอน ดังนั้นก็เลยวางใจปล่อยให้เธออยู่กับคุณ”
“หึ!” หนานกงเยี่ยหัวเราะในลำคอ เขาโอบกอดเหลิ่งรั่วปิงเอาไว้ “คุณเนี่ยนะ เอาแต่ทำให้ผมโมโห”
เธอมีความลับ แต่ไม่ยอมบอกเขา ถ้าอย่างนั้นเขาจะแกล้งทำเป็นไม่รู้ ถ้าหากวันหนึ่งเธอยินดีที่จะบอกให้เขาฟัง มันก็หมายความว่าวันนั้นเขาได้อยู่ในใจเธอแล้ว
*****
ตอนแรกจั่วเยี่ยนเหานึกว่างานเลี้ยงฤดูใบไม้ผลิที่อลังการ เขาจะใช้โอกาสนี้โปรโมทผลิตภัณฑ์ของบริษัทจั่วซื่อ ใครจะไปคิดว่าทุกอย่างกลับพังเพราะลู่หวาหนง กลายเป็นเรื่องตลกในสังคมชนชั้นสูงของเมืองหลง ผู้หญิงของจั่วเยี่ยนเหายั่วยวนหานกงเยี่ยต่อหน้าแขกเหรื่อ อีกทั้งยังถูกหนานกงเยี่ยรังเกียจจนเตะทิ้ง เขาขายหน้ามาก!
ถึงแม้เขาจะหลงลู่หวาหนง แต่ไม่มีวันทนกับพฤติกรรมที่เธอสวมเขาให้ตนต่อหน้าแขกเหรื่อเด็ดขาด
ดังนั้น หลังจากออกมาจากงานเลี้ยง จั่วเยี่ยนเหาพาลู่หวาหนงกลับไปที่วิลล่าของตนด้วยความโมโห
ลู่หวาหนงในเวลานี้ ถูกขังอยู่ในห้องนอน ฤทธิ์ของยาทำให้เธอทรมานแทบเป็แทบตาย เธอถอดเสื้อผ้าของตนเองทิ้งจนหมด แต่ยังรู้สึกร้อนผ่าว สุดท้ายลู่หวาหนงวิ่งไปแช่น้ำเย็นที่อ่างอาบน้ำในห้องน้ำ เล็บมือยาวของเธอขูดอ่างอาบน้ำไม่หยุด จนทำให้มีเลือดออก ผมเพ้ายุ่งเหยิงแนบชิดกับหน้าที่เปียกชุ่ม สภาพของเธอในตอนนี้ไม่ต่างจากผีพราย
จั่วเยี่ยนเหาเข้ามาในห้องน้ำ มองดูสภาพของลู่หวาหนงในตอนนี้ สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความรังเกียจ เขาสั่งให้ลูกน้องลากเธอออกมาจากอ่างอาบน้ำ ทิ้งเธอไว้บนพื้น “นางคนชั้นต่ำ กล้าสวมเขาฉันต่อหน้าคนอื่น ดูสิวันนี้ฉันจะถลกหนังแกไหม!”
ลู่หวาหนงทรุดตัวลงแนบเท้าของจั่วเยี่ยนเหาอย่างหมดแรง เธอจับชายกางเกงเขาเอาไว้ “คุณจั่ว คุณฟังฉันก่อน ฉันถูกคนวางยา…”
จั่วเยี่ยนเหาไม่ใช่คนโง่ ดูจากสภาพของลู่หวาหนงเขาก็รู้แล้วว่าเธอถูกคนวางยา แต่ว่า…
“หึ ถูกคนวางยา หรือว่ายาคนอื่นแล้วเข้าตัวเองกันแน่ หื้ม?” จั่วเยี่ยนเหาย่อตัวลงนั่ง จับคางลู่หวาหนงเชยขึ้นมา เขาบีบแน่นจนมีเลือดไหลซิบๆ
ความเจ็บปวดนี้ลู่หวาหนงไม่รู้สึกแล้ว เธอถูกฤทธิ์ยาทำให้ชาไปทั้งตัว “คุณจั่ว ฉัน ฉัน…”
“นางคนชั้นต่ำ สันดานแก้ไม่ได้จริงๆ สิ่งที่ฉันพูดไม่รู้จักฟังหรือไง แกถึงกล้าคิดกำจัดเหลิ่งรั่วปิง อยากให้ฉันตายหรือไง ห๊ะ?” วันนี้ไม่ว่าลู่หวาหนงจงใจยั่วยวนหนานกงเยี่ยหรือไม่ เขาก็ไม่มีวันเก็บผู้หญิงคนนี้ไว้ การเก็บผู้หญิงคนนี้เอาไว้ก็เหมือนเก็บระเบิดเวลา ซึ่งเท่ากับรนหาที่ตาย!
“คุณจั่ว ยกโทษให้ฉันสักครั้งนะคะ ฉันไม่กล้าแล้ว”
“หึๆๆ…” เสียงหัวเราะของจั่วเยี่ยนเหาเหมือนเสียงจากนรก “แกไม่มีโอกาสนั้นแล้ว”
พูดจบ จั่วเยี่ยนเหาทิ้งลู่หวาหนงเอาไว้ข้างๆ แล้วเดินออกไป หลังจากนั้นไม่นาน มีชายฉกรรจ์ห้าคนเดินเข้ามา พวกเขาลากตัวลู่หวาหนงออกไปจากวิลล่าของจั่วเยี่ยนเหา สุดท้ายพาเธอไปที่บ้านร้างแห่งหนึ่ง พวกเขาจับเธอยัดเข้าไปในกระสอบ แล้วโยนทิ้งแม่น้ำ…
*****
ผู้หญิงสามคนที่คิดจะลอบทำร้ายเหลิ่งรั่วปิง คนหนึ่งติดคุก คนหนึ่งถูกจระเข้กัดขาขวาจนเข้าโรงพยาบาล ส่วนอีกคนถูกโยนทิ้งแม่น้ำไม่รู้ว่าเป็นหรือตาย แผนการชั่วร้ายนี้ถือว่าจบไปชั่วคราว
เหลิ่งรั่วปิงและเวินอี๋สดใสขึ้นมา ความเจ็บปวดที่ต้องสูญเสียคนรักไปถูกความสะใจจากการแก้แค้นทำให้รู้สึกเจ็บปวดน้อยลงมาก พวกเธอต่างก็ไปทำงานของตนเอง ช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ก็จะมาดื่มชาด้วยกันเป็นบางครั้ง ถือว่าชีวิตในช่วงนี้สงบสุขไปชั่วคราว
หลังจากที่ได้เจอกับหลินมั่นหรู ถังเฮ่าสั่งคนของคนคอยจับตาดูที่สถานีขนส่งและสนามบินทุกแห่ง อีกทั้งในเมืองหลงและรอบเมืองหลงเขาก็สั่งคนจำนวนมากคอยสืบหาตัวเธออย่างลับๆ เขาปฏิญาณกับตนเองว่าต้องหาตัวหลินมั่นหรูให้เจอ ดังนั้น หลินมั่นหรูจึงเอาแต่ซ่อนตัวอยู่ในวิลล่า ไม่กล้าออกไปไหน ด้วยเหตุนี้ เธอและอาเธอร์จึงเปลี่ยนแผน พวกเขาจะอยู่ที่เมืองหลงต่อ ไม่ได้รายงานเรื่องที่เกิดขึ้นให้ซือคงอวี้
ชั่วพริบตา เข้าสู่ฤดูร้อนแล้ว อากาศค่อยๆ ร้อนขึ้น
เที่ยงวันนี้ ขณะที่หนานกงเยี่ยกำลังทำงานในห้องทำงาน จู่ๆ ก่วนอวี้ก็เข้ามา “คุณชายเยี่ย แย่แล้วครับ คุณอวี้เธอ…”
เมื่อได้ยินชื่อของอวี้หลานซี หนานกงเยี่ยเงยหน้าขึ้น “เธอเป็นอะไร”
“เธอ…” ก่วนอวี้ขมวดคิ้วเป็นปมแล้วถอนหายใจ “ช่วงนี้เธอเพิ่งตีพิมพ์หนังสือออกมาเล่มหนึ่ง เธอเปิดเผยตัวตนของตนเองต่อหน้าสื่อมวลชนในงานขายหนังสือครับ ตอนนี้ในเน็ตมีแต่รูปของเธอกับคำแถลงข่าว”
อวี้หลานซีชอบเล่นเปียโน อ่านหนังสือและวาดรูปตั้งแต่เด็ก เธอหลงใหลด้านงานเขียน ทุกวันนี้หนังสือของเธอได้รับการตีพิมพ์กว่าสิบเล่ม ทุกเล่มล้วนได้รับความนิยม แต่ว่าที่ผ่านมาเธอล้วนใช้นามปากกาเยี่ยซี ไม่มีใครรู้ว่านักเขียนตัวจริงเป็นใคร ครั้งนี้ เป็นครั้งแรกที่เธอเปิดเผยตัวตนต่อหน้าสื่อมวลชน ยอมรับว่าตนเป็นนักเขียนเยี่ยซีที่โด่งดังและยอมรับว่าตนคืออวี้หลานซี
หนานกงเยี่ยจับปากกาในมือแน่น หัวใจของเขาเต้นแรงอย่างควบคุมไม่ได้ เพื่อที่จะปกป้องอวี้หลานซี ตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้ตระกูลหนานไม่ให้เธอเปิดเผยตัวตนกับสื่อมวลชน แต่เธอกลับ…
เปิดอินเทอร์เน็ตอย่างรวดเร็ว ดูแถลงข่าวและวิดีโอการให้สัมภาษณ์ของเธอ ตอนนี้สื่อมวลชนทำงานกันเร็วมาก ในเน็ตเต็มไปด้วยคำแถลงข่าวของอวี้หลานซี เขาอยากหยุดก็ไม่ทันแล้ว
แววตาของหนานกงเยี่ยเย็นยะเยือก น้ำแข็งกำลังก่อตัวเข้าด้วยกัน “ตอนนี้เธออยู่ที่ไหน”
“ยังอยู่ในงานแถลงข่าวครับ”
หนานกงเยี่ยลุกขึ้นแล้วเดินออกไป ตอนเดินไปถึงประตูเขานึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ จึงเดินกลับไปที่โต๊ะ กดต่อสายภายในไปหาเหลิ่งรั่วปิง “วันนี้ผมมีธุระ ไม่ได้กินข้าวเที่ยงกับคุณแล้ว คุณหาอะไรทานเองนะ”
“ค่ะ” เหลิ่งรั่วปิงรู้เรื่องของอวี้หลานซีแล้ว เธอรู้ว่าหนานกงเยี่ยจะไปทำอะไร
วางสาย หนานกงเยี่ยเดินออกไปจากห้องทำงาน เข้าไปยังลิฟต์ของประธาน โดยมีก่วนอวี้คอยเดินตามหลัง
ห้องประชุมขนาดใหญ่ของโรงแรมวั่นหา อวี้หลานซีกำลังให้สัมภาษณ์ถึงหนังสือเล่มใหม่ของเธอ เพื่อเป็นการโฆษณาก่อนการขาย เธอสวมชุดสูทสีดำ ผมของเธอตรงสวย แต่งกายได้สะอาดสะอ้าน
นักข่าว “คุณอวี้ ตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้ คุณไม่เคยปรากฎตัวต่อหน้าสื่อมวลชน ทำไมวันนี้ถึงเลือกเปิดเผยตัวตนของคุณละคะ”
อวี้หลานซีคลายยิ้ม “ฉันอยากมีชีวิตเหมือคนปกติค่ะ อยากใช้ชีวิตอยู่ใต้แสงอาทิตย์ อยากใช้ชีวิตรักเหมือนคนทั่วไป”
นักข่าว “ได้ยินว่าคุณคือว่าที่คุณผู้หญิงของคุณหนานกง ซึ่งนายท่านหนานกงเป็นคนเลือกเอาไว้ เรื่องนี้เป็นความจริงไหมคะ”
อวี้หลานซียิ้มอย่างสง่างาม “จริงค่ะ”
นักข่าว “ไม่ทราบว่านามปากกาเยี่ยซี มีความหมายอะไรพิเศษไหมคะ”
อวี้หลานซียิ้มอย่างสง่างามอีกครั้ง “ทุกคนน่าจะรู้กันดีนะคะ” ทุกคนน่าจะรู้กันดี เธอกับหนานกงเยี่ยโตมาด้วยกัน คำว่าเยี่ยในนามปากกาของเธอคือหนานกงเยี่ย
หนานกงเยี่ยมาถึงโรงแรมวั่นเหา เขาไม่ได้ไปที่งานแถลงข่าว แต่ใช้ทางเข้าลับหลังโรงแรมเข้าไปยังห้องเพรสซิเดนสูท เขาออกคำสั่งกับก่วนอวี้ “ไปพาเธอขึ้นมา!”
ก่วนอวี้ไม่กล้ารอช้า เขารีบออกไปทันที
หนานกงเยี่ยกดดูภาพจากกล้องวงจรปิดภายในงาน เขามองดูสิ่งที่อวี้หลานซีทำ ความโกรธพุ่งพล่านขึ้นมาทันที อวี้หลานซีไม่เพียงแต่เปิดเผยตัวตนของเธอ แต่เธอยังยอมรับว่าตนเองเป็นว่าที่คุณผู้หญิงหนานกงในอนาคต! สิ่งที่เขาพยายามปกป้องเธอตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้ ถูกเธอทำลายทิ้งในวันเดียว! เธออยากให้เขากังวลมากแค่ไหนกัน!
สายตาเหยี่ยวของหนานกงเยี่ยเหมือนมีพายุ ถ้าหากว่าอากาศสามารถฆ่าคนได้ เวลานี้โรมแรมวั่นเหาคงเละเป็นผุยผง
ในงานแถลงข่าว อวี้หลานซีกำลังยิ้มแล้วให้สัมภาษณ์ จู่ๆ ก่วนอวี้ก็เดินออกมาจากเวทีด้านข้าง อวี้หลานซีตกใจจนหน้าซีดขาว รอยยิ้มบนใบหน้าแห้งเหือดไปมาก แต่ว่า ในเมื่อเธอตัดสินใจเปิดเผยตัวตนของตนเองแล้วนั้น เธอได้เตรียมใจยอมรับความโมโหของหนานกงเยี่ยแล้ว ดังนั้น หลังจากกระวนวายอยู่ครู่หนึ่ง เธอก็มาในเย็นและนิ่งสงบอีกครั้ง
ก่วนอวี้ไม่ให้เวลาเธอมาก เขาจับมือของเธอแล้วพาออกไปจากงานแถลง ปล่อยให้นักข่าวยืนมองหน้ากัน
เข้าไปในลิฟต์ อวี้หลานซีถามด้วยน้ำเสียงนิ่งเฉย “เยี่ยโกรธมากหรอ”
ก่วนอวี้มองดูอวี้หลานซีด้วยความปวดใจและจนปัญญา “แล้วคุณคิดว่าเป็นยังไงครับ หลายปีมานี้คุณชายเยี่ยคอยปกป้องคุณเอาไว้ ไม่ให้เปิดเผยต่อสื่อมวลชน แต่คุณกลับทำลายสิ่งที่คุณชายเยี่ยทุ่มเท คุณ…หึย!”
ดวงตาคู่นั้นของอวี้หลานซี เย็นยะเยือกเหมือนพายุหิมะที่เพิ่งสงบลง เธอนิ่งสงบแต่กลับน่าสงสาร “เขารังเกียจที่ฉันอ่อนแอ รังเกียจที่ฉันเป็นตัวถ่วง ฉันแค่อยากพิสูจน์ให้เขาเห็นว่าฉันเป็นเหมือนเหลิ่งรั่วปิง สามารถพาไปออกหน้าออกตาได้ ฉันสามารถเผชิญหน้ากับภัยอันตรายและยินดีที่จะยืนเคียงบ่าเคียงไหล่เขา”
ก่วนอวี้ถอนหายใจเฮือกใหญ่ด้วยความจนปัญญา “ทำไมคุณถึงไม่เข้าใจสักทีครับ เรื่องพวกนี้ไม่ใช่สิ่งสำคัญ”
สิ่งสำคัญก็คือไม่ว่ายังไงคุณก็ไม่สามารถเข้าไปอยู่ในใจของเขาได้ แต่เหลิ่งรั่วปิงต้องตาเขาตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกัน จากนั้นเธอก็อยู่ในใจของเขาทันที ต่อให้เหลิ่งรั่วปิงกลายเป็นคนพิการ เขาก็ยังคงรักเธอ ในทางกลับกันต่อให้คุณกลายเป็นผู้หญิงแกร่ง ในใจของเขาก็ยังไม่มีที่ของคุณ
สรุปสั้นๆ ก็คือ โชคชะตาและความรู้สึกต่างหากที่สำคัญที่สุด