ตอนที่ 225 ผมไม่เป็นหนานกงเยี่ยก็ได้
อวี๋จงถอนหายใจเบาๆ “คุณชายเยี่ย ผมทำงานกับตระกูลหนานกงมานานหลายสิบปี ซื่อสัตย์และภักดีต่อตระกูลหนานกง คุณชายกับคุณเหลิ่งไม่เหมาะสมกัน รีบหย่ากันเถอะครับ ไม่อย่างนั้นสุดท้ายคนที่เสียใจที่สุดจะเป็นตัวคุณชายเอง”
หนานกงเยี่ยเตะเก้าอี้จนปลิว “นายเป็นใคร ถึงกล้ามายุ่งเรื่องของฉัน! นายไม่ได้ซื่อสัตย์และภักดีกับตระกูลหนานกงหรอก คนที่นายภักดีด้วยคือหัวหน้าตระกูล แต่นายอย่างลืม ตอนนี้อำนาจตระกูลหนานกงอยู่ในมือฉัน ในเมื่อนายกล้าวางแผนทำร้ายฉัน ก็ต้องทนรับความโมโหของฉัน!”
อวี๋จงไม่ได้มีท่าทีอะไรมากมาย จ้องมองหนานกงเยี่ยด้วยแววตาว่างเปล่า “คุณชายเยี่ยครับ เรื่องบางเรื่องคุณชายเยี่ยไม่เข้าใจ ระหว่างคุณชายกับคุณเหลิ่ง เป็นเส้นขนานที่ไม่อาจบรรจบกันได้ อนาคตข้างหน้าคุณเหลิ่งจะทำร้ายคุณ ฆ่าเธอทิ้งจึงจะเป็นการตัดเนื้อร้าย”
หนานกงเยี่ยกำหมัดแน่น ดวงตาทั้งสองข้างฉายแสงเหี้ยมโหด “ดังนั้น วันนี้นายก็เลยทำร้ายเธอ ใช่ไหม” ไม่แปลกที่เหลิ่งรั่วปิงทำรุนแรง ที่แท้ก็เป็นเพราะอวี๋จงจะเอาชีวิตเธอนี่เอง
“นี่เป็นความต้องการของนายท่านครับ”
หนานกงเยี่ยกัดฟันแน่น “ในเมื่อนายจงรักภักดีกับคุณพ่อ ก็ไปอยู่กับเขาสิ!”
พูดจบ หนานกงเยี่ยเดินไปด้านหน้า ฉีกผ้าก๊อซของอวี๋จงจนฉีกขาด อวี๋จงเจ็บจนกัดฟันแน่น “คุณชายเยี่ยครับ ไม่ว่ายังไง ผมก็เป็นคนของนายท่าน คุณชายทำกับผมแบบนี้ เคยคิดไหมครับว่านายท่านจะตำหนิคุณชายยังไงบ้าง”
หนานกงเยี่ยหัวเราะเย็นยะเยือก “นายกล้ายุ่งกับคนที่สำคัญที่สุดของฉัน นายสมควรตาย!”
กรึก!
กรึก!
มือทั้งสองข้างของอวี๋จงถูกหนานกงเยี่ยบิดจนหัก เจ็บจนปวดร้าวไปทั้งตัว เหงื่อเย็นผุดออกมา
หนานกงเยี่ยเย็นยะเยือกราวกับน้ำแข็ง “นายซื่อสัตย์กับคุณพ่อมากขนาดนี้ ก็ไปอยู่กับเขาบนเกาะเถอะ ฉันคิดว่าตอนที่พ่อเห็นสภาพของนาย ท่านต้องดีใจมากแน่ๆ” แสยะยิ้ม “แต่ว่า นายต้องอดทนเอาไว้นะ ระหว่างทางฉันไม่ให้ใครรักษานายเด็ดขาด ถ้านายอดทนไม่ได้ แม้แต่หน้าคุณพ่อก็คงไม่ได้เจอ”
พูดจบ หนานกงเยี่ยหันหลัง เตรียมจะเดินออกไป เดินไปได้สองก้าวเขาก็หยุดชะงัก หันหน้ากลับมา “จริงด้วย ฝากบอกคุณพ่อด้วย ถ้าท่านกล้าคิดทำร้ายเหลิ่งรั่วปิงอีก อย่าหาว่าฉันไม่เห็นแก่ความเป็นพ่อลูก!”
ตั้งแต่ออกมาจากห้องของอวี๋จง หนานกงเยี่ยสุดลมหายใจเข้าลึกๆ ภายในใจของเขามีแต่ความรู้สึกผิด ตอนนั้นเขาจัดการความสัมพันธ์ของเขากับอวี้หลานซีได้ไม่ดี ทำให้เหลิ่งรั่วปิงต้องลำบากใจ ตอนนี้พ่อของเขาก็ยังคิดจะฆ่าเธออีก ไม่แปลกที่เธอจะโมโหแบบนี้ สิ่งที่เขานำพามาให้เธอ ไม่เคยเป็นสิ่งดีๆ เลย
เขานึกถึงตอนที่เหลิ่งรั่วปิงอยู่ในประเทศเอ้าตู เธอเที่ยวเล่นเดินห้างกับไซ่หย่าเซวียน ยิ้มอย่างมีความสุข ตอนนี้เขาอิจฉา อิจฉาที่ไซ่ตี้จวิ้นทำให้เหลิ่งรั่วปิงเขากับครอบครัวได้ดี แต่เขาทำไม่ได้ เขารู้สึกผิด รู้สึกผิดที่ตนเองมอบสิ่งแวดล้อมที่ดีที่สุดให้กับเธอไม่ได้
ยืนเงียบเจ็บปวดเป็นเวลานาน เขายกเท้าขึ้นเบาๆ เดินไปที่ห้องของเหลิ่งรั่วปิง
เวลานี้ เหลิ่งรั่วปิงยืนอยู่ตรงหน้าต่างในห้องนอน มองดูแสงแดดด้านนอกหน้าต่าง ครุ่นคิดทบทวน ตั้งแต่หนานกงเยี่ยเดินออกไป เธอก็อยู่ท่านี้มาโดยตลอด
เธอคิดอะไรต่างๆ มากมาย ตั้งแต่วันแรกที่รู้จักกับหนานกงเยี่ย ไปจนถึงเรื่องราวต่างๆ ทั้งความรักความแค้นเลิกลาและคืนดี จนถึงความแค้นที่ไม่อาจก้าวผ่านได้ในตอนนี้
วินาทีที่หนานกงเยี่ยเปิดประตูเข้ามา เธอหลับตาลงช้าๆ เก็บซ่อนความเจ็บปวด
หนานกงเยี่ยสวมกอดเหลิ่งรั่วปิงจากด้านหลัง แก้มของเขาลูบข้างหูเธอเบาๆ “ที่รักครับ ขอโทษด้วยนะครับ หลังจากนี้ผมจะไม่ปล่อยให้ใครมีโอกาสทำร้ายคุณอีก ไม่ว่าจะเป็นอวี้หลานซีก็ดี หรือพ่อผมก็ดี ผมจะไม่มีวันปล่อยให้พวกเขามีโอกาส”
“แต่การทำร้ายพวกนั้น มันเกิดขึ้นแล้ว” เหลิ่งรั่วปิงลืมตาขึ้นช้าๆ นัยน์ตาของเธอเย็นยะเยือก
หนานกงเยี่ยชะงัก “ผมรู้ครับ ผมจะชดเชยให้คุณ”
“คุณชดเชยให้ไม่ได้หรอกค่ะ” เหลิ่งรั่วปิงหันกลับไปช้าๆ มองหนานกงเยี่ยด้วยสายตาเรียบนิ่ง “คุณหนานกงเยี่ย เรื่องของเรามันจบแล้วค่ะ ตลอดระยะเวลาที่อยู่กับคุณ ทำให้ฉันรู้สึกตลก และแค้นใจมาก การคบกับคุณ เป็นความผิดบาป”
หัวใจของหนานกงเยี่ยมีหลุมดำปรากฏขึ้นมากะทันหัน “คุณพูดอะไร” หัวใจของเขาถูกกรีดแทงจนเลือดมากมายรินไหลลงมา “ผมรู้ครับ อวี้หลานซีกับพ่อของผม พวกเขาทำร้ายคุณซ้ำแล้วซ้ำเล่า ผมไม่ดีเอง แต่ผมสัญญาว่าหลังจากนี้จะไม่เกิดเรื่องอะไรแบบนี้ขึ้นอีกแล้ว ผมหักมือทั้งสองข้างของอวี๋จงแล้ว ส่งเขากลับไปที่เกาะ เรื่องแบบนี้จะไม่เกิดขึ้นอีก”
เหลิ่งรั่วปิงเม้มกัดริมฝีปากแน่น สิ่งที่เธอพูดออกมาเต็มไปด้วยความแค้น “ไม่ คุณไม่รู้อะไรเลย พวกเราควรจะเป็นศัตรูกัน แต่เรากลับจับพลัดจับผลูกลายเป็นสามีภรรยากัน สิ่งนี้ทำให้ฉันรู้สึกผิดบาป โชคดี ที่ยังไม่สายเกินไป ฉันยังไม่มีลูกกับคุณ ทุกอย่างยังแก้ไขได้ทัน”
“คุณพูดอะไร” เสียงของหนานกงเยี่ยสั่นเทา ยื่นมือออกไปจับมือเหลิ่งรั่วปิง แต่เธอกลับสะบัดทิ้งอย่างไร้เยื่อใย ตามด้วย ยื่นใบหย่าให้เขา
“เซ็นชื่อด้วยค่ะ” นัยน์ตาเหลิ่งรั่วปิงและน้ำเสียงเย็นยะเยือกมาก จะบอกว่าเธอไม่มีหัวใจก็ดี จะบอกว่าเธอใจดำก็ช่าง เธอคบกับหนานกงเยี่ยไม่ได้แล้ว เพราะทุกครั้งที่เธอมองเขา ทำให้เธอคิดถึงความทุกข์ทรมานของพ่อก่อนที่จะสิ้นใจ ทำให้เธอคิดถึงเพลิงไหม้ครั้งใหญ่นั้น ทำให้เธอนึกถึงความทุกข์ทรมานตลอดสิบปีที่ผ่านมา
“คุณจะหย่ากับผม?” หนานกงเยี่ยมองใบหย่าอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา เธอเซ็นชื่อเรียบร้อยแล้ว “ทำไมครับ”
“เพราะเราเป็นศัตรูกัน” เหลิ่งรั่วปิงหลบสายตาเจ็บปวดของหนานกงเยี่ยด้วยความเย็นชา “ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป คุณหนานกงเยี่ย คุณกับฉันเราเป็นศัตรูกัน”
ตอนนั้น เพราะความเห็นแก่ตัวของหนานกงจวิ้น ทำลายครอบครัวของตาเธอ และทำร้ายครอบครัวของเธอ แค้นนี้ต้องตาต่อตาฟันต่อฟัน เธอจะทำลายตระกูลหนานกง ถึงแม้เส้นทางนี้จะยากลำบาก แต่เธอตั้งให้การแก้แค้นนี้เป็นเป้าหมายในชีวิตได้
คิ้วเข้มของหนานกงเยี่ยขมวดเป็นปม คว้าข้อมือเหลิ่งรั่วปิงเอาไว้ เม้มกัดฟันแน่น “เหลิ่งรั่วปิง บอกผมมา เพราะอะไรกันแน่”
เหลิ่งรั่วปิงหัวเราะในลำคอ “เพราะอะไรนะหรอคะ เพราะแม่ของฉันคือคุณหนูใหญ่ตระกูลเซียว และแท้จริงแล้วลั่วเฮิ่งเป็นคนที่พ่อคุณส่งไปทำงานกับพ่อฉัน ดังนั้นคนที่ทำลายครอบครัวของฉันไม่ใช่ลั่วเฮิ่ง แต่เป็นหนานกงจวิ้นพ่อของคุณ” เธอสะบัดมือของเขาอย่างแรง “ตอนนี้ คุณเซ็นใบหย่าให้เรียบร้อย เรื่องระหว่างเราตัดขาดให้ชัดเจน อนาคตข้างหน้าเวลาเจอกัน ต่างฝ่ายต่างไม่ต้องออมมือ”
หน้าอกหนานกงเยี่ยกระเพื่อมแรง ดวงตาทั้งสองข้างแดงก่ำ เขานึกถึงคำพูดของอวี๋จงขึ้นมาทันที ดูท่าสิ่งที่หนานกงจวิ้นคุยกับเหลิ่งรั่วปิงในวันนี้ คือความลับเรื่องนี้
“ไม่ มันต้องไม่ใช่ความจริง พ่อโกหกคุณ เพราะอยากจะบีบให้คุณไปจากผม”
“หึ คุณหนานกงเยี่ย อย่าหลอกตัวเองเลยค่ะ พ่อของคุณมีวิธีเป็นร้อยพันในการบีบให้ฉันไปจากคุณ ท่านไม่จำเป็นต้องสร้างเรื่องโกหก ยิ่งไปกว่านั้นท่านพูดความจริงทุกอย่าง ฉันรู้ดี”
คนนอกเพียงแค่คาดเดากันว่า ในปีนั้นหลังจากที่พ่อของเธอตาย ลั่วเฮิ่งฉวยโอกาสฮุบสมบัติ พร้อมทั้งจุดไฟเผาบ้านจนทำให้เธอตาย ไม่มีคนรู้เรื่องที่เจี่ยนชิววางยาพิษให้พ่อของเธอ เพราะพิษนั้นแปลกมาก แม้แต่หมอก็ตรวจไม่พบ ไม่อย่างนั้นพ่อของเธอก็คงไม่ทนทุกข์ทรมานถึงสามปี แต่หนานกงจวิ้นกลับรู้ทุกอย่างเป็นอย่างดี แค่นี้ก็เพียงพอที่จะพิสูจน์ว่าเขาไม่ได้โกหก
อึก! หนานกงเยี่ยได้รับการโจมตีอย่างแรง ก้าวถอยหลังหนึ่งก้าว “พูดแบบนี้ หมายความว่าคุณตัดสินใจเป็นศัตรูของผม?”
“ฉันไม่ได้ตัดสินใจเป็นศัตรูของคุณ แต่เราเป็นศัตรูกันอยู่แล้ว”
“ไม่ รั่วปิง คุณทำแบบนี้กับผมไม่ได้ เมื่อสิบปีก่อน ผมเพิ่งอายุสิบหก ผมไม่รู้อะไรทั้งนั้น คุณเอาเรื่องนี้มาคิดบัญชีกับผมไม่ได้”
“ถ้าอย่างนั้นคุณช่วยฉันฆ่าหนานกงจวิ้นได้ไหม” เหลิ่งรั่วปิงคลายยิ้ม
ฆ่าหนานกงจวิ้น?
คำขอนี้แล่นไปทั่วความคิดของหนานกงเยี่ย พุ่งชนจนเขาปวดหัวเหมือนจะแตกเป็นเสี่ยงๆ ถึงแม้เขาจะไม่ได้ผูกพันกับหนานกงจวิ้น แต่ถึงยังไงหนานกงจวิ้นก็เป็นพ่อของเขา ฆ่าหนานกงจวิ้น เขาทำไม่ได้
เวลานี้ เขาเกลียดตนเองมาก ทำไมเขาต้องเป็นลูกชายของหนานกงจวิ้น! ถ้าเขาเป็นลูกชายของคนอื่น ตอนนี้เขาไม่ลังเลที่จะแก้แค้นเพื่อเธอ แต่ศัตรูของเธอดันมาเป็นพ่อแท้ๆ ของเขา
“หึ!” เหลิ่งรั่วปิงหัวเราะในลำคอ “คุณทำไม่ได้ใช่ไหมคะ ถ้าอย่างนั้นก็อย่ามายุ่งกับฉันอีก เซ็นใบหย่าให้เรียบร้อย พวกเราต่างคนต่างใช้ชีวิตของตนเอง!”
หนานกงเยี่ยจดจ้องใบหย่าอยู่นาน และนิ่งเงียบนานมาก แสงดาวระยิบระยับในนัยน์ตาของเขาดับมอด สุดท้ายตกผนึกกลายเป็นหิน ยืนหยัดไร้เทียมทาน “ผมไม่มีวันหย่ากับคุณ ถ้าคุณลืมความแค้นไม่ได้ ผมยินดีที่จะทิ้งตำแหน่งหัวหน้าตระกูลหนานกง และไม่ใช้นามสกุลหนานกงอีก ไปกับคุณได้ทุกที่ทั่วมุมโลก แต่คุณต้องอยู่ข้างกายผม”
เหลิ่งรั่วปิง “…”
เธอเคยคิดเอาไว้มากมายว่าเขาจะมีท่าทีและตัดสินอย่างไรบ้าง แต่เธอไม่เคยคิดว่าเขาจะเป็นแบบนี้ เขายอมทิ้งทุกอย่างที่มีในตอนนี้ ทำให้หัวใจของเธอรู้สึกเจ็บปวด
“คุณคิดให้ดีนะครับ อนาคตข้างหน้าอยากไปที่ไหน ได้คำตอบแล้วก็บอกผม”
หนานกงเยี่ยฉีกใบหย่า จากนั้นเดินเข้าไปในห้องน้ำ โยนเศษกระดาษทิ้งในชักโครก แล้วกดชักโครก มองดูเศษกระดาษที่หมุนวนไปกับน้ำจนหายไปอย่างไร้ร่องรอย ในที่สุดเขาก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาเล็กน้อย
เขาจะอยู่กับเธอ ความคิดนี้ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง
ตอนที่เดินออกมา เห็นเหลิ่งรั่วปิงยืนนิ่งอยู่หน้าห้องน้ำ เห็นได้ชัดว่าเธอกำลังรอเขา หนานกงเยี่ยหลบสายตา ไม่อยากเผชิญหน้ากับเธอ เพราะเขารู้ดีว่าเหลิ่งรั่วเปิงเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้นแค่ไหน รู้ดีว่าเธอไร้เยื่อใยมากเท่าไร
“คุณหนานกงเยี่ย ฉันลืมความแค้นไม่ได้ เพราะความแค้นในครั้งนี้มันฝังลากลึก ดังนั้นฉันอยู่กับคุณไม่ได้ ฉันแต่งงานกับลูกชายของศัตรูไม่ได้ และไม่มีวันกลายเป็นคนให้กำเนิดทายาทของศัตรู คุณเซ็นหรือไม่เซ็นใบหย่า สำหรับฉันมันมีค่าเท่ากัน พ่อของคุณอยากให้ฉันไปจากตระกูลหนานกง วันนี้ฉันจะทำตามความต้องการของท่าน”
พูดจบ เหลิ่งรั่วปิงหยิบ ‘ใบหย่า’ แผ่นใหม่ขึ้นมาวางไว้บนโต๊ะ แล้วเดินออกไป
“เหลิ่งรั่วปิง!” หนานกงเยี่ยคว้ามือของเธอเอาไว้ แล้วดึงตัวเหลิ่งรั่วปิงกลับมา “คุณไม่อยากอยู่ที่นี่ ถ้าอย่างนั้นเรากลับวิลล่าหย่าเก๋อกันนะครับ หรือไม่ก็ซื้อบ้านหลังอื่น ไม่ว่ายังไง คุณต้องอยู่กับผม ความทุกข์ทรมานทั้งหมดที่คุณเคยพบเจ ผมจะใช้ทั้งชีวิตของผมชดใช้ให้คุณเอง”
“ชดใช้? หึ!” เหลิ่งรั่วปิงหัวเราะเย็นยะเยือก “คุณจะชดใช้ให้ฉันยังไงคะ คุณชดใช้พ่ออีกคนให้ฉันได้หรือไง คุณลบล้างความทุกข์ทรมานที่ท่านพบเจอตอนป่วยหนักได้เหรอคะ”