ลูกซื้อพ่อให้แม่ [买个爹地宠妈咪] – บทที่ 18 ยืนรออะไรอยู่ล่ะ ไปจัดการมันเลยสิ!

ลูกซื้อพ่อให้แม่ [买个爹地宠妈咪]

บทที่ 18 ยืนรออะไรอยู่ล่ะ? ไปจัดการมันเลยสิ!

คาเฟ่แห่งหนึ่งทางฝั่งตะวันตกของเมือง หลี่เสี่ยวเมิ่งกำลังนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับหลินเจี่ยว

“เอาน่า ๆ อย่าเพิ่งโกรธเป็นฟืนเป็นไฟไป ถ้าฉันรู้ว่าเรื่องมันจะเป็นแบบนี้ ฉันก็คงจะเรียกแค่พี่เขยของเธอมาไกล่เกลี่ยปัญหานี้แทน อย่างน้อย ๆ เธอกับพี่สาวจะได้ไม่ต้องมาเจ็บตัวกันแบบนี้ มันเป็นความผิดของฉันเองแหละ” หลี่เสี่ยวเมิ่งพูดขึ้นด้วยสีหน้าสำนึกผิด

“นั่นไม่ใช่ความผิดของเธอสักหน่อย ยัยนั่นต่างหากที่จองหองเกินไป อย่าลืมสิว่าลูกยัยนั่นน่ะผลักฮ่าวฮ่าวจนเจ็บตัวเลยนะ แถมมันยังบังอาจมาล่อลวงพี่เขยและมีเรื่องกับพวกฉันสองพี่น้องอีก! ถ้าฉันไม่เอาคืน ยัยนั่นจะต้องได้ใจแล้วคิดว่าฉันน่ะไม่เท่าไหร่แน่ ๆ!” หลินเจี่ยวโต้แย้งด้วยน้ำเสียงโกรธเคือง

ความดื้อรั้นของหลินเจี่ยวทำให้หลี่เสี่ยวเมิ่งได้แต่บ่นเบา ๆ “ฝูเจิ้งเจิ้งน่ะไม่ใช่คนที่เธอจะจัดการได้ง่าย ๆ หรอกนะ คนคนนั้นไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเธอเลย ปล่อยวางซะยังจะดีกว่า”

“ไม่มีทาง!” หลินเจี่ยวผู้ไม่ยอมแพ้ตบโต๊ะเสียงดังจนคนที่อยู่รอบ ๆ นั้นต่างมองเธอเป็นตาเดียว แต่หญิงสาวก็ไม่ได้รู้สึกละอายกับการกระทำของตนเอง แถมยังตวาดพวกคนที่หันมามองอย่างเกรี้ยวกราด “แล้วพวกแกจะมองอะไรกันน่ะ หา! ไม่เคยเห็นคนสวยโกรธหรือไง!?”

“ฟังนะ ฉันจะไม่ยอมปล่อยผ่านเรื่องนี้แน่ ๆ พรุ่งนี้ฉันจะหาคนไปกับฉันด้วยแล้วก็รอยัยนั่นที่หน้าประตูโรงเรียนตั้งแต่เช้าตรู่เลย! เรื่องนี้มันจะไม่จบจนกว่าจะได้ฉีกหน้ายัยนั่นเป็นชิ้น ๆ!!” หลินเจี่ยวพูดพร้อมกำหมัดแน่น

หลี่เสี่ยวเมิ่งได้แต่ส่ายหน้าแล้วพูดขึ้นเบา ๆ “ปกติแล้วเธอจะมาส่งฝูซิงที่โรงเรียนประมาณ 7 โมงครึ่ง จากนั้นก็จะรีบตรงไปที่ทำงานที่อยู่ทางทิศตะวันออก แต่ฉันคิดว่าช่วงนี้เธอน่าจะยังไม่อยากให้ฝูซิงมาโรงเรียนหรอกนะ อย่างน้อย ๆ คงจะรอให้เรื่องซาไปก่อนถึงจะให้มา”

“ไม่มีปัญหา เพราะงั้นฉันจะไปรอยัยนั่นที่ทางฝั่งตะวันออกของโรงเรียนอนุบาลก็แล้วกัน ฮึ่ม!” ช้อนในมือของหลินเจี่ยวถูกกำไว้แน่นราวกับมันเป็นตัวแทนของฝูเจิ้งเจิ้ง ความโกรธและความแค้นบังตาเสียจนเธอไม่ได้สังเกตเลยว่าแววตาของหลี่เสี่ยวเมิ่งนั้นฉายแววซับซ้อนที่อ่านไม่ออกเต็มที

————

เช้าวันรุ่งขึ้น

“หม่ามี๊ วันนี้ฝูซิงไม่ต้องไปโรงเรียนจริง ๆ เหรอ? แบบนี้ฝูซิงจะกลายเป็นเด็กไม่ดีหรือเปล่า?” เสียงของฝูซิงดังขึ้นขณะกำลังรีบสาวเท้าน้อย ๆ ของตนตามแม่ของเขาไปติด ๆ

ด้วยความรีบร้อน ฝูเจิ้งเจิ้งก็ไม่ได้อยากบอกเสียทีเดียว แต่เธอจำเป็นต้องตอบแบบขอไปทีเพื่อให้เจ้าตัวเล็กหยุดถามเรื่องนี้เสียที “หม่ามี๊บอกลูกไปตั้งหลายครั้งแล้วว่าครูหลี่บอกให้ลูกอยู่บ้านเพื่อทบทวนความผิดที่ลูกทำไว้เมื่อวาน เร็วเข้า หม่ามี๊กำลังโดนเพ่งเล็งอยู่นะ ขืนไปสายอีกได้โดนเด้งออกจากงานแน่”

ในขณะที่ทั้งสองแม่ลูกกำลังเดินเลี้ยวเข้าไปที่มุมตึก ฝูเจิ้งเจิ้งก็รู้สึกได้ถึงสิ่งผิดปกติจนเธอต้องรีบชะงักฝีเท้าไว้

“อ้าว ๆ ไม่เดินต่อล่ะ? เมื่อวานยังปีกกล้าขาแข็งอยู่เลยไม่ใช่หรือไง? ตอนนี้กลายเป็นยัยขี้กลัวไปแล้วเหรอ?” หลินเจี่ยวที่อยู่ตรงหน้าสองแม่ลูกค่อย ๆ เดินเข้ามาหาทั้งสองด้วยรอยยิ้มน้อย ๆ ด้านหลังของเธอมีอันธพาลร่างสูงเดินตามมาด้วยอีก 3 คน

“ฉันก็บอกไปแล้วนี่ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นที่โรงเรียนก็ให้ผู้อำนวยการเป็นคนจัดการไป ถ้าไม่พอใจอะไรก็ไปคุยกับทางโรงเรียนเอง จู่ ๆ มาทำแบบนี้คุณต้องการอะไรกันแน่? พวกเราอยู่ในสังคมที่มีกฎหมายเป็นข้อบังคับ เพราะงั้นฉันไม่แนะนำให้คุณฝ่าฝืนมันถ้ายังอยากมีหน้าอยู่ในสังคมนี้อยู่นะ!” ฝูเจิ้งเจิ้งดันลูกชายเธอให้หลบด้านหลังด้วยสัญชาตญาณของความเป็นแม่ ตลอดเวลาที่คุยกับหลินเจี่ยว สายตาของเธอก็คอยจับจ้องไปยังชาย 3 คนที่อยู่ด้านหลังอีกฝ่ายเป็นระยะ ๆ เพื่อคิดหาแผนรับมือไปด้วย

“ฉันก็คิดว่าเธอเป็นคนที่พร้อมจะมีเรื่องตลอดซะอีก แต่ก็นะ เพราะเก่งแต่ปากก็เลยหาพ่อให้ลูกไม่ได้หรือเปล่า?” มือเรียวของหลินเจี่ยวสะบัดมาด้านหน้าแทนคำสั่งให้แก่เหล่าอันธพาลทั้ง 3 ด้านหลัง “ยืนรออะไรอยู่ล่ะ? ไปจัดการมันเลยสิ!”

“อย่าทำร้ายหม่าม๊าของฝูซิงนะ!” เมื่อฝูซิงเห็นว่ามีชายแปลกหน้าท่าทางไม่ดีมายืนประจัญหน้าปิดล้อมแม่ของตนเช่นนี้ เจ้าตัวเล็กก็ออกโรงปกป้องพยายามจะพุ่งออกไปเพื่อจะรับหน้าแทน ทว่าถูกมือของผู้เป็นแม่ดึงรั้งเอาไว้ พร้อมกับดันเขาให้ออกห่างจากระยะอันตราย

ภายใต้คำสั่งของหลินเจี่ยว ชายทั้ง 3 ก็เข้าโจมตีใส่ฝูเจิ้งเจิ้งโดยไม่สนว่าเธอจะเป็นผู้หญิงแต่อย่างใด และทุก ๆ ครั้งที่ฝูเจิ้งเจิ้งโต้กลับ หมัดเล็ก ๆ ของฝูซิงก็จะต่อยลมตามมาด้วยโดยหวังว่ามันจะช่วยให้แม่ของตนไม่เป็นอันตราย

เมื่อเห็นว่าชายทั้ง 3 คนนั้นไม่สามารถเทียบได้กับฝูเจิ้งเจิ้งแค่คนเดียว หลินเจี่ยวก็ครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง แววตาของเธอกวาดมองหาทางได้เปรียบจนสบตาเข้ากับเด็กน้อยที่ยืนต่อยลมอยู่ห่าง ๆ ความคิดชั่วร้ายของหญิงสาวก็ทำงานขึ้นมาทันที เธอรีบวิ่งเข้าไปด้านหลังฝูเจิ้งเจิ้งพร้อมกับคว้าตัวฝูซิงออกมาจากอีกฝ่าย

ฝูซิงที่โดนดึงตัวไปก็ใช่ว่าจะตื่นกลัว ด้วยความที่แม่เขานั้นสอนมาดีถึงความห้าวหาญและวิธีการเอาตัวรอดเบื้องต้น เจ้าเด็กน้อยที่กลายเป็นเหยื่อผู้นี้ก็รีบหันไปและกัดเข้าที่แขนของหลินเจี่ยวเต็มแรง

งับ!…ทันทีที่ฟันซี่เล็กแต่แหลมคมนั้นฝังลงบนเนื้อของหญิงสาว เธอก็พลั้งมือตบเข้าที่ใบหน้าของเด็กชายในทันที

ทว่าสีหน้าของเด็กน้อยผู้นี้ก็ไม่ได้แสดงท่าทีหวาดกลัวขึ้นมาแม้แต่น้อย สองมือเล็กยังคงกำหมัดแน่นและใช้หมัดที่เหมือนแมวข่วนนั้นรัวใส่หลินเจี่ยวอยู่ตลอดเวลา

หลินเจี่ยวที่เห็นว่าแผนหลอกล่อของเธอเป็นไปได้ไม่สวยนักก็ตัดสินใจคว้าแขนของฝูซิงไว้ก่อนจะหยิกเข้าที่แขนน้อย ๆ จนเด็กชายต้องร้องโอดครวญออกมา

“โอ้ยยย…T^T”

ทันทีที่ได้ยินเสียงร้องของลูกชาย ฝูเจิ้งเจิ้งก็ตกใจเป็นอย่างมาก เธอหันกลับไปหมายจะช่วยลูกชายของเธอ ชายฉกรรจ์ทั้ง 3 ที่เห็นเธอเผลอก็กระชากผมยาวสลวยของหญิงสาวจากด้านหลังและใช้แรงเหวี่ยงให้ร่างบางเสียหลักลงไปกองกับพื้น

ทันทีที่เห็นว่าแม่ของตนได้รับบาดเจ็บ ฝูซิงก็ขัดขืนด้วยการดิ้นสุดกำลังพร้อมตะโกนออกไป “หม่ามี๊ ทิ้งฝูซิงไว้เลย ทิ้งไว้แล้วรีบออกไป!”

ภาพตรงหน้านั้นทำให้หญิงสาวไม่สามารถยอมได้… คนพวกนี้บังอาจมาทำให้ลูกชายเธอต้องเจ็บตัว

ฝูเจิ้งเจิ้งรีบดีดตัวลุกขึ้นมาทันทีพร้อมเตือนอีกฝ่ายเป็นครั้งสุดท้าย “ปล่อยลูกของฉันซะ! ไม่งั้นฉันจะเข้าไปยันหน้าเธอให้เสียโฉมไปเลย นี่เป็นคำเตือน!”

“โอ้ ยันหน้าฉันเลยเหรอ? เชิญเลยจ้าแม่คนเก่ง ฮ่า ๆๆๆๆ!” หลินเจี่ยวหัวเราะชอบใจ ยัยคนนี้ยังกล้ามาอวดดีอีกนะ “แล้วพวกแกจะยืนเฉยทำบื้ออะไร? ฉันจ้างพวกแกมากระทืบคนนะไม่ใช่จ้างมาดูคนกระทืบฉัน! จัดการมันสิ!!” หลินเจี่ยวคนนี้แหละจะสั่งสอนแกเองฝูเจิ้งเจิ้ง

ชายเหล่านั้นเริ่มง้างหมัดหมายจะต่อยเข้าที่ร่างกายบอบบางของฝูเจิ้งเจิ้ง คนพวกนี้เริ่มรู้สึกเสียหน้าที่พวกตนพ่ายแพ้ให้ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ขณะเดียวกันเสียงร้องของเด็กน้อยก็ยังดังขึ้นมาไม่ขาด “หม่ามี๊ ระวังเจ็บ!”

ในตอนนั้นเอง เสียงเครื่องยนต์ของรถคันหนึ่งก็ดังขึ้นมา มันดังใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ จนกลบเสียงของฝูซิงไปจนหมด เมื่อพวกอันธพาลหันไปมองยังด้านหลัง ก็พบว่ารถยนต์สีดำคันหรูกำลังพุ่งตรงเข้ามายังพวกเขาด้วยความเร็วเต็มกำลัง

เหล่าชายฉกรรจ์ที่เห็นดังนั้นรีบกระโดดหลบให้พ้นทางทันทีพร้อมกับไม่ลืมผลักร่างของฝูเจิ้งเจิ้งให้เข้าปะทะกับรถคันนั้นด้วย เพื่อใช้โอกาสนี้ทำงานของพวกเขาให้สำเร็จ

ด้วยการที่เธอต้องคอยมองลูกชาย ทำให้ฝูเจิ้งเจิ้งไม่ทันระวังตัว ยามเมื่อถูกผลัก เธอก็เสียหลักล้มลงไปต่อหน้ารถยนต์ที่กำลังพุ่งเข้ามาทันที ด้วยระยะกระชั้นชิดแบบนี้หญิงสาวไม่สามารถกลิ้งหลบได้อย่างแน่นอน

———————————————————————————————————-

คุยกับผู้แปล

ฝูซิง MVP เด็กเก่ง ๆ ต้องตบรางวัล ไม่ใช่ตบหน้า!

-ทีมงานผู้แปล Enjoybook-

ลูกซื้อพ่อให้แม่ [买个爹地宠妈咪]

ลูกซื้อพ่อให้แม่ [买个爹地宠妈咪]

Status: Ongoing
เรื่องราวชีวิตของคุณแม่ยังสาว ฝูเจิ้งเจิ้ง และลูกชายตัวแสบของเธอ ฝูซิง เด็กน้อยที่เฝ้าแต่จะตามหาผู้เป็นพ่อให้ได้ วันดีคืนดีเจ้าตัวน้อยดันไปเจรจาซื้อผู้ชายคนหนึ่งมาเป็นคุณพ่อของเขาเสียนี้ฝูเจิ้งเจิ้ง สาวสวยวัย 24 ปีผู้ที่วุ่นวายอยู่กับการเลี้ยงลูกน้อยอย่าง ฝูซิง ด้วยตัวคนเดียวมาตลอด ชีวิตแม่เลี้ยงเดี่ยวของเธอนั้นแม้จะยุ่งยากไปบ้างแต่ชีวิตในแต่ละวันก็ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี จนกระทั่งวันหนึ่งที่เธอตัดสินใจสมัครเข้าทำงานในบริษัทเว่ยฮั่น ใครจะไปคิดเล่าว่าจู่ๆ เจ้าลูกชายตัวแสบของเธอจะเก็บเงินแล้วไปหาซื้อป๊ะป๋ามาเติมเต็มให้ชีวิตแบบไม่บอกเธอเสียอย่างงั้น แถมป๊ะป๋าคนใหม่ของเขา ดันเป็นรองประธานบริษัทเว่ยฮั่นที่เธอเพิ่งจะสมัครเข้าทำงานอีก!? ตายละ แล้วแบบนี้ชีวิตฉันจะเป็นยังไงต่อไปเนี๊ย!!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท