ลูกซื้อพ่อให้แม่ [买个爹地宠妈咪] – บทที่ 70 แสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องหลังจากเอาเปรียบฉันไปแล้วเนี่ยนะ

ลูกซื้อพ่อให้แม่ [买个爹地宠妈咪]

บทที่ 70 แสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องหลังจากเอาเปรียบฉันไปแล้วเนี่ยนะ?

เมื่อพบว่าหานซือฉีกำลังจ้องมายังเธอพร้อมยิ้มให้จางๆ ฝูเจิ้งเจิ้งก็รีบหลบตาไปทางอื่นอย่างรวดเร็ว

“มานี่เร็ว มาล้างมือแล้วก็ไปทานข้าวกันนะ” เฉินเฉี่ยวหลานเดินออกมาเรียกทุกคนให้ไปล้างมือก่อนจะเดินนำไปยังโต๊ะอาหาร

ได้ยินเช่นนั้นฝูซิงก็รีบลากหานซือฉีไปยังห้องน้ำเพื่อล้างมือ ระหว่างนั้นก็เร่งเขาไปด้วย “ป๊ะป๋า เร็วเข้า เนื้อตุ๋นหม้อไฟน่ะ ต้องกินตอนที่มันกำลังร้อนนะ”

มองตามหลังหานซือฉีไป ฝูเจิ้งเจิ้งก็รู้สึกกังวลอะไรบางอย่างขึ้นมา ดูเหมือนว่าเฉียวเค่อเหรินจะยังไม่ได้บอกเขาเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดหน้าลิฟต์นั่นในวันนี้สินะ แต่มันก็ควรจะเป็นแบบนั้นแหละ เพราะหานซือฉีไม่โดนรั้งตัวไป แถมยังมากินข้าวเย็นที่นี่พร้อมกับหมินจงจู่และจูหลิงหลงได้

สิ่งที่ฝูเจิ้งเจิ้งเดานั้นถูกแล้ว ในตอนนี้เฉียวเค่อเหรินกำลังโกรธเป็นฟืนเป็นไฟอยู่ในห้อง 808 ของโรงแรมโอเรนเต็ลฮ่าวจิง

หลี่เสี่ยวเมิ่งที่อยู่ในห้องด้วยก็ได้แต่ส่ายหน้าเมื่อมองอีกฝ่ายมุดหัวอยู่แต่ในหมอนและฝังตัวอยู่ใต้ผ้าห่มบนพื้น หลังจากที่ไปรับเฉียวเค่อเหรินมาที่นี่แล้ว เธอก็ต้องคอยปลอบใจอีกฝ่ายอยู่ตลอด “หาเรื่องผิดคนก็เป็นแบบนี้แหละ ดีนะที่ไม่มีอะไรนอกจากโดนตบหน้าน่ะ ไม่รู้หรือไงว่าคนที่จะเป็นห่วงเธออย่างพวกฉันจะกังวลขนาดไหนที่รู้ว่าเธอบาดเจ็บมาแบบนี้”

“ก็มันยอมไม่ได้นี่! ถ้ามีโอกาสล่ะก็ ฉันจะจับยัยนั่นหักขาแล้วก็ถลกหนังหน้านั่นซะเลย!”

“นั่นมันไม่ต่างจากฆาตกรเลยนะ ถ้าทำจริงๆ ล่ะก็ เธอได้ติดคุกหัวโตแน่ ห้ามเด็ดขาด!” หลี่เสี่ยวเมิ่งช็อกกับสิ่งที่ได้ยินก่อนจะรีบห้าม

“ถ้างั้นฉันจะบอกให้พ่อของฉันขับไล่นังนี่ออกนอกเมือง B ไปเลย!”

“นั่นก็ห้าม เพราะพ่อเธอก็น่าจะรู้อยู่แล้วว่าเธอน่ะเป็นคนผิด เพราะแต่ไหนแต่ไรคนที่เอาแต่เข้าหาหานซือฉีก็คือเธอ ถ้าเขารู้เรื่องนี้ด้วย เธอคิดว่าเขาจะสนับสนุนให้เธอแต่งงานไหมล่ะ? นอกจากนั้นนะ หากเขารู้ว่าเธอเป็นตัวการที่ขับไล่ฝูเจิ้งเจิ้งออกจากเมือง B ไป ไม่คิดเหรอว่าเขาจะเกลียดเธอ? แต่ดั้งแต่เดิมเขาก็ไม่ได้ชอบเธออยู่แล…” หลี่เสี่ยวเมิ่งหยุดพูดก่อนนิดหน่อยเพื่อเปลี่ยนคำพูด “ยังไงก็เถอะ เธอน่าจะรู้อยู่แล้วว่าฉันหมายถึงอะไร”

“นั่นก็ทำไม่ได้ นี่ก็ทำไม่ได้ ฉันทำอะไรได้บ้างน่ะ?” เฉียวเค่อเหรินดิ้นเร่าด้วยความไม่พอใจ

“ถ้าจะทำก็มีแต่ต้องทำให้ฝูเจิ้งเจิ้งออกจากเมือง B ด้วยตัวเองนั่นแหละ…”

“มันเป็นไปได้เหรอ?”

“ไม่” หลี่เสี่ยวเมิ่งยิ้มแห้ง “แต่ถ้าฉันเป็นฝูเจิ้งเจิ้ง ฉันคงจะทนอยู่ในที่ที่เต็มไปด้วยแรงกดดันไม่ได้แน่ๆ ”

“อ๊ะ! นั่นแหละๆ!” เฉียวเค่อเหรินโผล่หน้าออกมาจากผ้าห่มเหมือนเต่า “เธอคิดว่ายัยนั่นจะทนอยู่ได้ไหมถ้าโดนใส่ร้ายหนักๆ?”

“ใส่ร้ายหนักๆ เหรอ?” หลี่เสี่ยวเมิ่งมองคู่สนทนาด้วยความสงสัย

“ใช่! โดนใส่ร้ายจนไม่มีใครเชื่อเลย ไม่เหลือใครเลย!” เฉียวเค่อเหรินเข้าไปกระซิบอะไรบางอย่างกับอีกฝ่าย

หลี่เสี่ยวเมิ่งช็อกหลังจากที่ได้ยินสิ่งที่เฉียวเค่อเหรินตั้งใจจะทำ “อ๊ะ! เค่อเหริน นั่นมันจะมากเกินไปหรือเปล่า?”

“ไม่มาก! ฉันก็แค่จะแสดงให้ซือฉีเห็นว่ายัยผู้หญิงที่เขาเห็นว่าดีนักดีหนา เป็นสมบัติล้ำค่านั่นน่ะ แท้จริงแล้วเน่าเฟะขนาดไหน แล้วก็ฉันจะทำให้ฝูเจิ้งเจิ้งต้องอยู่อย่างทุกข์ทรมานโทษฐานที่บังอาจมามีเรื่องกับฉัน!” มือเรียวของเฉียวเค่อเหรินสัมผัสไปบนรอยนิ้วมือทั้ง 5 ที่ฝูเจิ้งเจิ้งประทับไว้บนหน้าตนด้วยความคับแค้นใจ

แววตาที่แสดงออกถึงความลุ้นระทึกไปกับความชั่วร้ายของอีกฝ่ายนั้นกะพริบปริบๆ 2 ครั้งก่อนที่หลี่เสี่ยวเมิ่งจะพูดขึ้นมา “หน้าเธอจะหายเร็วขึ้นถ้าประคบน้ำแข็งซักหน่อยนะ จะว่าไป…ไม่ใช่ว่าเธอตบสั่งสอนอีกฝ่ายไปแล้วเหรอ? ทำไมดูยังไม่หายแค้นอีกล่ะ?”

“ฉันจะไม่หายแค้นจนกว่านังนั่นจะเลิกยุ่งกับซือฉี!” เฉียวเค่อเหรินตอบกลับด้วยความโกรธและความมั่นใจอย่างล้นหลามบนสีหน้า

————————————————–

ที่บ้านใหม่ของฝูเจิ้งเจิ้งในเจี่ยเย่ฮัวหยวน

จูหลิงหลงและหมินจงจู่กลับไปแล้ว หลังจากช่วยเฉินเฉี่ยวหลานทำความสะอาดครัว ฝูเจิ้งเจิ้งก็เช็ดมือแล้วหันไปตะโกนทางห้องของหานซือฉี “ฝูซิง ล้างหน้าล้างตาแล้วเข้านอนได้แล้วลูก”

“หม่ามี๊ นี่มันเพิ่งจะหัวค่ำเอง ฝูซิงยังอยากเล่นกับป๊ะป๋าต่ออีกหน่อยนะ น้า~”

หานซือฉีเองก็ดูจะไม่มีท่าทีว่าจะออกไปไหนคืนนี้ด้วย เฉียวเค่อเหรินไม่เรียกไปสวีทหรือไงน่ะ?

แต่เมื่อคิดย้อนกลับไปถึงรอยนิ้วมือทั้ง 5 ที่ประทับไว้บนแก้มของอีกฝ่ายแล้ว นั่นอาจจะเป็นเหตุผลที่ทำให้หานซือฉีไม่โดนเรียกตัวไปคืนนี้ ในอีกแง่หนึ่งมันก็ทำเอาเธอหนักใจเหมือนกัน

เฉียวเค่อเหรินน่ะเป็นห่วงภาพลักษณ์ของเธอเป็นอย่างมาก เธอคงไม่อยากจะให้หานซือฉีเห็นสภาพของตัวเองแบบนั้นเป็นแน่ เพราะงั้นลืมเรื่องที่เฉียวเค่อเหรินจะมาฟ้องหานซือฉีได้เลย อย่างมากเจ้าหล่อนก็น่าจะฟ้องแค่ครอบครัวของตัวเอง

ฝูเจิ้งเจิ้งทิ้งตัวลงนอนไปบนเตียงที่เพิ่งจะปัดฝุ่นไปแบบง่ายๆ พลางคิดเสียใจถึงการกระทำที่ขาดความไตร่ตรองให้ดีของเธอเมื่อตอนกลางวัน

จริงๆ การตบหน้าเฉียวเค่อเหรินไปนั้นมันก็สมควรแล้ว แต่รู้สึกว่าตนเองจะตบแรงไปนิดหน่อย

ฝ่ามือของเฉียวเค่อเหรินนั้นก็แอบทำเธอหน้าแดงได้นิดหน่อยเหมือนกัน หากแต่ไม่ได้เจ็บอะไรมากนัก ต่างกับแรงตบของเธอที่มากพอที่จะทำให้เฉียวเค่อเหรินหน้าบวมไปอีกพักใหญ่ๆ

ยังไงก็เถอะ มันเป็นความผิดของเฉียวเค่อเหรินเองนี่ที่ทำตัวแบบนี้ก่อน ดันเอาฝูซิงมาข่มขู่แบบนี้ใครจะอดใจไหว ในเมื่อเป็นเรื่องของผู้ใหญ่ทำไมไม่ด่าเธอล่ะ? เอาเด็กมาเกี่ยวทำไม

สมควรแล้วที่จะโดนตบซะบ้าง จะได้รู้ว่าไม่ใช่ทุกคนที่ยอมโดนกดขี่ได้

การที่ได้คิดทบทวนซ้ำๆ ด้วยความสมเหตุสมผล มันทำให้ฝูเจิ้งเจิ้งรู้สึกดีขึ้น ดูเหมือนว่าตอนนี้เธอควรจะไปคอยดูแลและปกป้องฝูซิงให้มากขึ้นกว่าเดิมเสียแล้ว

เธอบอกเรื่องนี้แก่หยางเต๋าไปแล้ว คิดว่าอีกไม่นานเขาคงจะส่งคนมาคอยปกป้องฝูซิงด้วยอีกที

“หม่ามี๊ ชู่ว—” ฝูซิงวิ่งเข้ามาในห้องของเธอด้วยเสียงที่เงียบที่สุด พลางบอกให้เธอเงียบด้วยเช่นกัน การที่ได้เห็นฝูซิงเดินเข้ามานั้นมันทำให้ฝูเจิ้งเจิ้งที่กำลังคิดเรื่อยเปื่อย ถูกเรียกกลับมาสู่ความเป็นจริงอีกครั้ง

ฝูซิงรีบสะบัดผ้าบนเตียงและห่มตัวฝูเจิ้งเจิ้งไว้อย่างรวดเร็ว จากนั้นก็หยิบหมอนมาวางไว้ที่ด้านซ้ายของเธออย่างทะนุถนอม

หญิงสาวเหลือบมองการกระทำของลูกชายตนตลอดและรู้สึกว่าเขานั้นช่างเป็นห่วงเธอเสียเหลือเกิน นี่คงกลัวว่าเธอจะป่วยสินะ โถ่ๆ พ่อยอดดวงใจของหม่ามี๊—

ทว่าไม่นานนักเธอก็พบว่าตนเองนั้นเข้าใจอะไรผิดไป หลังจากที่ถอดรองเท้าแตะของตัวเองไปซ่อนแล้ว ฝูซิงก็เข้ามาหลบใต้ผ้าห่มทางด้านขวาของเธอและตะโกนขึ้นมา “ป๊ะป๋า ฝูซิงพร้อมแล้ว!”

เล่นซ่อนแอบกันอีกแล้วเหรอ?

ทันทีที่ฝูเจิ้งเจิ้งเข้าใจได้ว่าฝูซิงกำลังทำอะไร หานซือฉีก็เดินเข้ามาในห้องของเธอแล้ว

เขาเดินมุ่งตรงมายังข้างเตียงด้วยรอยยิ้มพร้อมกับยื่นมือเข้าไปใต้ผ้าห่มที่นูนขึ้นมาหมายจะจับตัวเจ้าลูกชาย ทว่าเขาโดนฝูซิงตลบหลังด้วยหมอนที่วางไว้ก่อนหน้าเข้าจนได้

“เฮ้ๆ มือนั่นจะเลื้อยไปไหนน่ะ? หยุดเลยนะคะ!” ฝูเจิ้งเจิ้งรีบหันหลังให้เขาในทันที

โชคยังดีที่เธอนั้นตอบสนองไว ไม่งั้นล่ะก็ 1 ในสมบัติล้ำค่าที่แม่ให้มาแบบไม่กั้กคงได้ถูกล่วงเกินอีกแน่ๆ !

เมื่อตระหนักได้ว่าตนโดนฝูซิงแกล้งตลบหลังเข้าให้แล้ว หานซือฉีก็ชักมือออกไป จากนั้นเขาก็วางมือข้างหนึ่งเป็นตัวค้ำยันที่ขอบเตียงก่อนจะยืดมืออีกข้างข้ามผ่านตัวฝูเจิ้งเจิ้งไปจับยังก้อนกลมๆ ที่นูนขึ้นมาอย่างผิดปกติบริเวณฝั่งที่ฝูเจิ้งเจิ้งหันหน้าไปอยู่แทน

ฝูซิงกระชากผ้าห่มออกหลังจากโดนสัมผัสพร้อมกับหัวเราะออกมาเสียงดัง “ฝูซิงอยู่นี่ แฮ่!”

“เจ้าตัวแสบ” หานซือฉียิ้มอย่างเอ็นดูแก่เจ้าตัวเล็ก

ฝูเจิ้งเจิ้งกลอกตาหน่ายกับสองพ่อลูกที่ดูจะเล่นกันอย่างพลังงานล้นเหลือ ในขณะที่เธอพลิกตัวเพื่อนอนหงายสบายๆ และจะพูดอะไรซักอย่าง ไหล่ของหญิงสาวก็ชนแขนที่ค้ำยันตัวของหานซือฉีจนเขาเสียศูนย์และล้มลงมาทับร่างของเธอในทันที

“หู้วววว ป๊ะป๋าจุ๊บหม่ามี๊แล้ว! ป๊ะป๋าจุ๊บหม่ามี๊!!” ฝูซิงปรบมือชอบใจและส่งเสียงเชียร์

ดูเหมือนนี่จะเป็นสิ่งที่ฝูซิงแอบวางแผนไว้ตั้งแต่แรก เพราะทุกอย่างมันดูลงตัวไปหมด

ทันทีที่รู้สึกได้ว่าตัวเองไม่ปลอดภัยแล้ว ฝูเจิ้งเจิ้งก็พยายามดิ้นและผลักตัวหานซือฉีออก ซึ่งหานซือฉีเองก็พยายามจะพยุงตัวลุกขึ้นให้ แต่ก็โดนฝูซิงก็กระโจนเข้ามาทับเขาจากด้านหลังโดยไม่ให้ตั้งตัว

คราวนี้ร่างของหานซือฉีชิดใกล้ฝูเจิ้งเจิ้งมากไปกว่าเดิมเสียอีก เพราะโดนเจ้าแรคคูนตัวแสบกดน้ำหนักลงมาเพิ่ม ใบหน้าของเขานั้นแทบจะชิดกับฝูเจิ้งเจิ้งแล้วในตอนนี้

“ฝ-ฝูซิง—เจ้าตัวแสบ!” ฝูเจิ้งเจิ้งกัดฟันพูดออกมาด้วยความโกรธเกรี้ยวหลังจากที่ฝูซิงหักหลังเธอ

แต่ฝูซิงก็หาได้รู้สึกผิดไม่ แถมเขายังเด้งตัวไปมาเพื่อกดร่างของหานซือฉีลงไปให้มากกว่าเดิมอีกด้วย

“ฮึ่ม!!”

ริมฝีปากของฝูเจิ้งเจิ้งโดนรุกล้ำอีกแล้ว มันเป็นอะไรที่ชอกช้ำระกำใจที่สุด แววตาที่จ้องไปยังฝูซิงนั้นแทบจะกินเลือดกินเนื้อให้ได้เลยทีเดียวเชียว

ฝูซิงลุกขึ้น เขากระโดดลงไปบนเตียงและยังคงไม่เลิกปรบมือเชียร์ “ป๊ะป๋าจูบหม่ามี๊แล้ว เพราะงั้นป๊ะป๋าจะต้องเป็นของหม่ามี๊!”

เมื่อเห็นท่าทีที่ไม่พอใจของฝูเจิ้งเจิ้งที่เพิ่งจะผลักหานซือฉีออกไปข้างๆ สำเร็จ ฝูซิงก็รีบวิ่งแจ้นออกจากเตียงโดยไม่สนใจที่จะสวมรองเท้า พร้อมกับร้องไปตลอดทางด้วย “คุณย่าช่วยด้วย หม่ามี๊จะตีฝูซิงแล้ว!”

“จ้าๆ ย่ามาแล้ว ทำไมหม่ามี๊จะตีซิงซิงล่ะลูก” เฉินเฉี่ยวหลานรีบเดินมาตามเสียงและอุ้มฝูซิงขึ้นมาทันที

ในตอนที่ฝูเจิ้งเจิ้งลุกขึ้นมาจากเตียงได้ เฉินเฉี่ยวหลานก็เดินมายังห้องของเธอพร้อมกับฝูซิงที่โดนอุ้มอยู่ “โอ้ ซิงซิง อย่าวิ่งโดยที่ไม่ใส่รองเท้าสิลูก เดี๋ยวหนูจะป่วยเอานะ”

เจ้าตัวเล็กชี้ไปยังทิศทางที่ซ่อนรองเท้าเอาไว้ ขณะที่ใบหน้าก็แสยะยิ้มให้ฝูเจิ้งเจิ้งและขยิบตาให้หานซือฉีต่อหน้าต่อตาฝูเจิ้งเจิ้ง เขาดูจะพึงพอใจกับการที่ได้ทำตามแผนที่วางไว้แบบสุดๆ

พลันเมื่อฝูเจิ้งเจิ้งยกนิ้วขึ้นชี้ฝูซิง เขาก็ผลุบหน้าเข้ากอดเฉินเฉี่ยวหลานไป “ย่าเฉิน หม่ามี๊ยังไม่หายป่วย ฝูซิงไม่อยากติดหวัด เพราะงั้นให้ฝูซิงไปนอนกับคุณย่านะ! สัญญาเลยว่าจะทำตัวเป็นเด็กดีสุดๆ!”

“โอเคๆ งั้นไปนอนกับย่านะ” หลังจากที่สวมรองเท้าให้ฝูซิงเสร็จแล้ว เฉินเฉี่ยวหลานก็หันมาหาฝูเจิ้งเจิ้ง “คุณเจิ้งคะ ถ้ายังไงเดี๋ยวให้ซิงซิงมานอนกับฉันก็แล้วกันนะคะ”

พูดจบเฉินเฉี่ยวหลานที่ดูไม่แข็งแรงในสายตาฝูเจิ้งเจิ้งก็รีบสาวเท้าออกจากห้องอย่างว่องไวพร้อมอุ้มฝูซิงไปด้วย เธอไม่สนใจเลยว่าฝูเจิ้งเจิ้งจะยอมหรือไม่ยอม ไม่นานนักหลังจากที่ทั้งสองหายไปจากห้องของฝูเจิ้งเจิ้งแล้ว เสียงปิดประตูห้องข้างๆ ก็ดังปิดท้าย

ฝูเจิ้งเจิ้งนั้นเห็นชัดเลยว่าทั้งป้าทั้งลูกชายต่างยิ้มให้กัน แสดงว่าป้าเฉินนั้นเข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ดี แต่ขนาดป้าเฉินยังเข้าข้างฝูซิงเลยงั้นเหรอ!?

ตอนนี้ภายในห้องเหลือแค่หานซือฉีที่ยืนอยู่แล้ว ฝูเจิ้งเจิ้งจึงหันขวับไปจ้องเขม็งใส่เขาทันที

“ไม่เกี่ยวกับฉัน”

หา? ยังไม่ได้พูดอะไรก็ร้อนตัวขนาดนี้เนี่ยนะ แบบนี้จะยังเป็นใครได้อีก!

คนๆ เดียวที่ขยันเอารัดเอาเปรียบฉันก็มีแต่นายนั่นแหละ!

เธอยกมือขึ้นชี้จมูกหานซือฉีและเริ่มต่อว่า “คุณหานคะ! ลูกชายของฉันเพิ่งจะ 5 ขวบเท่านั้น ห้ามสอนอะไรที่มันไม่เหมาะไม่ควรกับเขาสิคะ! มันส่งผลกระทบต่อการเจริญเติบโตของเขานะ!”

“ฉันสอนอะไรที่ไม่เหมาะไม่ควรนะ?”

“ก-ก็ เอ่อ…” เมื่อเห็นดวงตาที่โค้งคล้ายเป็นรอยยิ้ม ฝูเจิ้งเจิ้งก็กลืนคำพูดของตนลงไปจนหมดและเปลี่ยนเป็นจ้องแบบไม่พอใจแทน “ฉ-ฉันจะพักผ่อนแล้ว!”

“ฉันโดนเธอจูบแล้ว ซิงซิงเองก็บอกว่าฉันเป็นของเธอแล้ว เพราะงั้นเธอก็ควรจะรับผิดชอบฉันด้วยสิ” หานซือฉีแสร้งทำเป็นเหนียมอายขณะทิ้งตัวลงไปบนเตียงของเธอ

ท่าทีนั้นยั่วโมโหฝูเจิ้งเจิ้งได้ดีเลย เธอจัดการลากเขาขึ้นมานั่งจนสำเร็จ “ไม่ต้องมาทำเป็นไขสือเลย เรื่องก่อนหน้านี้ฉันยังไม่ลืมนะคะ! เพราะงั้นถ้าไม่รีบออกไปจากเตียงดีๆ ล่ะก็ ฉันได้ถีบคุณหานออกไปแน่ๆ!”

หานซือฉีใช้จังหวะที่อีกฝ่ายเอาแต่บ่นนั้นดึงตัวเธอลงไปนอนบนเตียง โดยที่เขาพลิกตัวขึ้นมาอยู่ด้านบนได้อีกครั้ง ใบหน้าสวยนั้นถูกลูบไล้ไปด้วยมือใหญ่อย่างแผ่วเบา ขณะที่รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นรอยยิ้มที่ดูชั่วร้ายทันที “ก่อนหน้านี้ฉันทำอะไรไปล่ะ? ทำไมฉันไม่เห็นรู้เรื่องเลย?”

หญิงสาวเขินอายแบบสุดๆ เธออ้าปากงับเข้าที่นิ้วของเขา แม้หานซือฉีจะหลบได้ แต่ฝูเจิ้งเจิ้งก็ตามไปกัดแขนต่อจนเขาต้องยอมลุกออกจากเธอไป

“โอเคๆ ฉันไปแล้ว พักผ่อนให้เยอะๆ” หานซือฉีดูจะพึงพอใจกับการได้ทำความคุ้นเคยกับเธอมากขึ้นในวันนี้แล้ว เขาจัดเสื้อผ้าตนเองให้เรียบร้อยก่อนจะพูดทิ้งท้าย “พรุ่งนี้ไปทำงานกับสวี่เหยียน ส่วนฉันจะไปรับซิงซิงเอง”

“ฉันไปส่งฝูซิงเองดีกว่าค่ะ เพราะถ้าให้คุณหานไปส่ง บางทีอาจจะมีคนอิจฉาแล้วจ้องจะทำร้ายฝูซิงก็ได้”

“ใครหน้าไหนมันจะกล้ามาทำแบบนั้นกับซิงซิง?” หานซือฉีขมวดคิ้ว สีหน้าของเขาเปลี่ยนไป ซึ่งมันแสดงให้เห็นว่าอารมณ์ของเขาเองก็เปลี่ยนไปด้วย “ฉันจะฆ่ามันซะ!”

——————————————————————————————————————

คุยกับผู้แปล

เฉียวเค่อเหรินนี่ไม่เข็ดไม่หลาบจริงๆ เดี๋ยวก็โดนอีกหรอกกกกกก

-ทีมงานผู้แปล Enjoybook-

ลูกซื้อพ่อให้แม่ [买个爹地宠妈咪]

ลูกซื้อพ่อให้แม่ [买个爹地宠妈咪]

Status: Ongoing
เรื่องราวชีวิตของคุณแม่ยังสาว ฝูเจิ้งเจิ้ง และลูกชายตัวแสบของเธอ ฝูซิง เด็กน้อยที่เฝ้าแต่จะตามหาผู้เป็นพ่อให้ได้ วันดีคืนดีเจ้าตัวน้อยดันไปเจรจาซื้อผู้ชายคนหนึ่งมาเป็นคุณพ่อของเขาเสียนี้ฝูเจิ้งเจิ้ง สาวสวยวัย 24 ปีผู้ที่วุ่นวายอยู่กับการเลี้ยงลูกน้อยอย่าง ฝูซิง ด้วยตัวคนเดียวมาตลอด ชีวิตแม่เลี้ยงเดี่ยวของเธอนั้นแม้จะยุ่งยากไปบ้างแต่ชีวิตในแต่ละวันก็ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี จนกระทั่งวันหนึ่งที่เธอตัดสินใจสมัครเข้าทำงานในบริษัทเว่ยฮั่น ใครจะไปคิดเล่าว่าจู่ๆ เจ้าลูกชายตัวแสบของเธอจะเก็บเงินแล้วไปหาซื้อป๊ะป๋ามาเติมเต็มให้ชีวิตแบบไม่บอกเธอเสียอย่างงั้น แถมป๊ะป๋าคนใหม่ของเขา ดันเป็นรองประธานบริษัทเว่ยฮั่นที่เธอเพิ่งจะสมัครเข้าทำงานอีก!? ตายละ แล้วแบบนี้ชีวิตฉันจะเป็นยังไงต่อไปเนี๊ย!!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท