เกรียนแบบนี้ ก็ศิษย์พี่ใหญ่นี่แหละ – ตอนที่ 103 ดวงธาตุขั้นเก้า

เกรียนแบบนี้ ก็ศิษย์พี่ใหญ่นี่แหละ

แล้วตัวมันไฉนร่ำร้องจนปากแทบฉีก ร่ำร้องจนริมฝีปากแห้งแตกระแหงกร้าน แม้แต่ใบไม้ใบเดียวยังไม่มีร่วงตกลงมาใส่หัว? ขี้เหนียว ตระหนี่ขี้เหนียวเหลือทน

“น่ารังเกียจ ข้าพูดดีก็แล้ว ทำดีก็แล้ว หากเจ้ายังไม่ยอมร่วงผลลงมาให้ข้า ข้าจะตีเจ้าให้น่วม!” ฉินจิ่วเกอไม่ใช่คนดีอะไร และแน่นอน มันเป็นคนอยู่กับความจริง ในเมื่อพูดจากันดีๆ ไม่รู้เรื่อง ก็ต้องใช้กำลัง

ฉินจิ่วเกอประเคนสารพัดกระบวนท่าใส่พฤกษาสวรรค์ ไม่ว่าจะกิเลนครองฟ้า หมื่นบรรพตค้ำสมุทร หมัดสุนัขบ้าบลาบลาบลา ทักษะยุทธ์ทั้งหลายแหล่ จวบกระทั่งมันเหนื่อยหอบแทบล้มประดาตาย แต่พฤกษาสวรรค์แม้แต่เปลือกยังไม่กะเทาะ

ไม้แข็งไม้อ่อนไม้ดีไม้ชั่วล้วนไม่ได้ผล ฉินจิ่วเกอถอดใจแล้ว หรือว่ามันต้องกลับไปมือเปล่าจริงๆ ?

ภายนอกนาวาเรืองปัญญา อาวุโสใหญ่รอคอยมานานครึ่งเดือนแล้ว นับแต่ประมุขตระกูลจวงล้มเหลวในด่านทดสอบที่สาม ถูกขับออกจากนาวาเรืองปัญญา ทว่าฉินจิ่วเกอที่ด่านสามกลับยังไม่มีความเคลื่อนไหว

นั่นก็หมายความว่า เด็กน้อยนั่น ยังคงบุกบั่นไม่ย่อท้อ

เมืองเทียนเอินยามนี้เดือดพล่าน สามร้อยปีแล้ว ตั้งแต่เฒ่าเรืองปัญญาลงมายังเมืองเทียนเอิน ยังไม่มีใครสามารถฝ่าไปถึงด่านที่สาม ยิ่งกว่านั้น มีคนค้างอยู่ในด่านสามได้นานกว่าสิบวันแล้ว ไม่ว่าเป็นพรสวรรค์ปัญญาความสามารถและความบากบั่น ล้วนสามารถอวดโอ่ไปทั่วทวีปฉงหลิงได้

ผู้คนล้วนกำลังรอคอย หากเกิดมีคนได้ผลอู๋เลี่ยงสดๆ มาจริง เรื่องอื่นไม่ต้องพูดถึง เพียงสรรพคุณที่สามารถเพิ่มอายุขัยหนึ่งพันปี คุณสมบัตินี้แม้แต่ชนชั้นสุญญตายังเห็นเป็นสมบัติล้ำค่า ยังสูงส่งกว่าศาสตราวิญญาณอีก!

อาวุโสใหญ่ไม่แยแสสนใจคนพวกนั้น คนเพียงนั่งนิ่งหลับตาทำสมาธิ เมืองเทียนเอินอาจมีชนชั้นกฎสรรพสิ่งอยู่จริง ทว่าตัวประหลาดเหล่านั้นล้วนเข้าสู่ภวังค์กักด่านบำเพ็ญเพียรหรือหลับลึก มีแต่ทำเช่นนี้จึงยืดอายุขัยออกไป

นอกจากมีเรื่องถึงขั้นสิ้นโคตรล้างวงศ์ตระกูล ตัวประหลาดเหล่านั้นจึงค่อยออกโรง อย่างไรเสีย อย่างมากก็ปรากฏดวงธาตุขั้นเก้ามาตอแย มิใช่เรื่องราวใหญ่โตเกินรับมือ ส่วนชนชั้นแหวกชำระกายา อาวุโสใหญ่ยังไม่เคยสัมผัสได้

จิ่วเกอเอย ครึ่งเดือนแล้ว เจ้ายังไม่ออกมา หากลากถ่วงนานไปกว่านี้ เกรงว่าฝีมือซุ่มซ่อนคิดลอบกลบฝังจะยิ่งมีมากกว่าเดิม อาวุโสใหญ่ส่ายศีรษะเล็กน้อย สงบสติสมาธิ สู่สภาวะนิ่งสงัดเช่นเดิม

ฉินจิ่วเกอรอคอยใต้ต้นพฤกษาสวรรค์อย่างเบื่อหน่ายเกียจคร้านเนิ่นนานแล้ว มันล้วงเอาบรรทัดตารางนิ้วออกมาถือกวัดแกว่งเล่น เมื่อเห็นตัวศาสตรา ฉินจิ่วเกอหวนนึกถึงตอนได้รับมา นั่นสามารถหยิบยืมวิธีการเดียวกันออกมาใช้ได้

ใช่แล้ว ข้านี่มันหัวสุกรสุนัขจริงๆ นอกจากไม้อ่อนและไม้แข็ง ยังมีวิธีการสกปรกชั่วร้ายที่สามารถใช้ออกได้นี่นา

ครั้งกระโน้นพระยูไลใจกว้างร่างโตถึงปานไหน ซุนหงอคงลิงน้อยฉี่รดบนดรรชนีขององค์พระสัมมาสัมพุทธะ ด้วยพระมหากรุณาของพระพุทธ ยังเพียงลงทัณฑ์ความพยศของวานรวิเศษไว้ห้าร้อยปี

สรุปแล้ว วิถีเต๋าแฝงอยู่ในอุจจาระ ที่เรียกว่าปัสสาวะอุจจาระ สามารถทนทานรับไว้ได้อย่างสบาย

ฉินจิ่วเกอแก้เชือกรัดเอว สองมือจับกางเกงไว้ พองสองแก้มออกมา สองขากางออกด้านข้าง รวบรวมลมปราณ ส่งแรงลงเท้ายืนหยัดไว้มั่น

“ข้ารู้ว่าเจ้าเข้าใจภาษามนุษย์ บอกต่อเจ้า เรานายท่านไม่ขอร้องเจ้าแล้ว อันที่จริงเจ้าเติบโตมาสวยงามพิสดารล้ำ วันนี้นายน้อยจะใส่ปุ๋ยบำรุง ฉี่รดใส่เจ้าสักครา”

พฤกษาสวรรค์คืออันใด? นั่นคือสัตว์ประหลาดที่ยืนยงมาแต่โบราณจวบปัจจุบัน!

ตำนานกล่าวว่า บรรพชนวิญญาณมาถึงทวีปฉงหลิง เพียงพกพาสมบัติล้ำค่ามาสองประการ พฤกษาสวรรค์ก็คือหนึ่งในนั้น แม้แต่ผู้เฒ่าเรืองปัญญาเองยังไม่อาจสะกดมันไว้ได้ ได้แต่ต้องอัญเชิญมันมาเพาะเลี้ยงประคบประหงมอยู่ด้วยความเคารพในที่นี้

แล้วฉินจิ่วเกอเล่า? ถึงกับข่มขู่พฤกษาสวรรค์ว่าจะปัสสาวะราด ดีกะผีน่ะสิ แม้แต่พระยูไลยังไม่อาจทนไหว ไหนเลยต้นไม้ต้นหนึ่งจะทนได้?

ไม่ต้องสงสัยเลย ฉินจิ่วเกอกล่าวข่มขู่ออกมา คนบ้าคนหนึ่งไม่ว่าเรื่องใดล้วนกล้ากระทำ มันแก้สายรัดเอวออก ผิวปากหวือ มองดูก็รู้ว่าอันธพาลน้อยนี้พูดจริงทำจริง

พฤกษาสวรรค์มิอาจไม่แยแสได้อีก ลำต้นกิ่งก้านเขย่าสั่นไหวออกมาในท้ายที่สุด สื่อสัญญาณเป็นความหมายว่ายินยอม

น่าเสียดายมันเพียงเป็นไม้ต้นหนึ่ง มิเช่นนั้นย่อมต้องทุบอีกฝ่ายให้ตายคามือ!

ตุบ!

ผลขนาดเท่ากำปั้นผลหนึ่งร่วงหล่นลงมาต่อหน้าฉินจิ่วเกอ กลิ้งมาหยุดอยู่ที่เท้าของชายหนุ่ม ผลอู๋เลี่ยงสีสันราวผลึกใสแต้มสี ทว่ามิได้มีรูปร่างแน่นอน ล้วนขึ้นอยู่กับธรรมชาติแห่งฟ้าดิน เมื่อกำไว้ในมือ ร่างกายก็บังเกิดความรู้สึกกระหายใคร่อยากได้ขึ้นมากะทันหัน

นี่คือผลอู๋เลี่ยงสดที่เทียบกับโอสถระดับเก้ายังสูงส่งกว่า !

ฉินจิ่วเกอเร่งเก็บขึ้นมาถือไว้ใจกลางฝ่ามือ ในใจร้อนวูบวาบ ใบหน้าแม้ยังคงสีหน้าน่ารังเกียจ ทว่าต้องใจเต้นไม่เป็นจังหวะ มันสงบรัศมีพลังลง นี่ยังแค่ลูกเดียวเท่านั้น ไม่รีบๆ

“ดี ถือว่าพูดง่าย งั้นข้าไม่ฉี่ก็ได้”

ซ่าซ่า พฤกษาสั่นเทิ้ม คล้ายกำลังสรรเสริญต่อพฤติการณ์อันสูงส่งนี้ของฉินจิ่วเกอ

ชายหนุ่มล้วงเอากระดาษออกมา เอ่ยเสียงเรียบ “ขอข้าถ่ายหนักก็แล้วกัน”

ซ่าซ่า พฤกษาสวรรค์ร้อนรนแล้ว ไอ้เจ้าหมอนี่ไร้แก่นสาร มีความละอายบ้างหรือไม่!

ไม้สูงนับพันจั้ง กิ่งก้านสาขาห้าสีสุกใสค่อยๆ โน้มลงเบื้องล่าง กิ่งพฤกษาหนาประมาณหนึ่งหัวแม่มือ บนกิ่งประดับประดาด้วยใบผลึกห้าสีหลายสิบใบ ยังมีผลอู๋เลี่ยงแปดผลขนาดเท่ากำปั้น แผ่กระจายรัศมีไอพลังอันบริสุทธิ์ออกมา

เห็นกิ่งไม้เสนอตัวลงมาต่อหน้า ฉินจิ่วเกอยื่นมือออกเด็ดดึง เสียงแคร่กคราหนึ่ง กลับทำกิ่งไม้หักลงมาทั้งกิ่ง ใบผลึกห้าสีนับสิบและผลอู๋เลี่ยงสดทั้งหมดโบยบินเข้าสู่ในตันเถียนของมันติดต่อกันจนสิ้น

บรรทัดตารางนิ้วสินค้าเกือบตกขอบแทบถูกถีบกระเด็นออกไปในทันที

และขณะที่กิ่งพฤกษาสวรรค์เข้าสู่ภายในตันเถียน เริ่มทับโถมทวีคูณเข้าใส่พลังฝีมือปราณสุริยันอันเต็มอิ่มสมบูรณ์ของฉินจิ่วเกอชั้นแล้วชั้นเล่า เพิ่มพูนความหนักแน่นมั่นคงแก่พื้นฐานพลังของชายหนุ่ม ขัดเกลาบ่มเพาะกายสังขารและชีพจรไม่หยุดยั้ง

“ข้าไม่ได้ตั้งใจ” ฉินจิ่วเกอคาดไม่ถึง พฤกษาอายุล้านปีต้นนี้กลับเปราะบางถึงปานนี้ ตนเองแค่แตะนิดเดียวกิ่งไม้ก็หักขาด ยังปลิวเข้าไปในตันเถียนของมันอีก

พลังอันเต็มอิ่มบริบูรณ์อย่างแท้จริง ปราณสุริยันขั้นสุดสูง ขีดจำกัดสูงสุดในขั้นสูงสุด

ซู่ซู่!

พฤกษายักษ์สั่นเขย่ารุนแรงจนฟ้าดินยังสะท้านสะเทือน แผ่กิ่งก้านสาขาที่บดบังท้องฟ้าสิ้น ใบพฤกษาคมปลาบราวมีดกรีด สามารถผ่าแยกวัตถุอย่างง่ายดาย ย่อยสลายคนออกเป็นเศษชิ้นส่วน

ฉินจิ่วเกอกระโจนหนีออกจากรัศมีของต้นพฤกษาสวรรค์อย่างเร็วรี่ ออกมายังเขตโลกพฤกษารัศมีหนึ่งพันลี้รอบนอก เฒ่าเรืองปัญญาที่กำลังหัวร่อจนปวดท้องในห้องศิลาเห็นฉินจิ่วเกอออกมาอีกครั้ง ในมือยังกำผลอู๋เลี่ยงเอาไว้หนึ่งผล ในใจลอบฉุนเฉียว

ผู้เฒ่าเรืองปัญญาขับเคลื่อนพลังจิตเปิดมิติ เอ่ยเสียงเคร่งขรึม “เด็กน้อยเจ้ารีบไสหัวไป นาวาเรืองปัญญาไม่ต้อนรับเจ้า”

ฉินจิ่วเกอยังคงลังเล ดูแล้วผลอู๋เลี่ยงสดอันใดนี่มีมูลค่ามหาศาล ตนเองตอนนี้ไยมิใช่เป็นเศรษฐีหมื่นล้าน ต่อไปนี้ยามรับประทานเนื้อยังต้องเป็นเนื้อพิเศษสอดไส้ ไหนเลยจะลำบากยากเข็ญเช่นยาจกอีก

เห็นเจ้าเด็กน้อยนี้ยืนรากงอกไม่ยอมขยับ ผู้เฒ่าเรืองปัญญายิ่งบังเกิดโทสะ เอ่ยเสียงทรงพลัง “ยังไม่ไปอีก ต่อไปหากข้าเห็นหน้าเจ้าอีก พบหนึ่งครั้งตีหนึ่งครั้ง!”

“หวา” ฉินจิ่วเกอเหงื่อแตกซิก ขยับเท้าเล็กน้อยเข้าใกล้อุโมงค์มิติ

ผู้เฒ่าเรืองปัญญาไม่ว่ามองดูฉินจิ่วเกออย่างไรล้วนไม่สบายตา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในมือของอีกฝ่ายยังถือไว้ด้วยผลอู๋เลี่ยงสด นั่นมันของที่ตนเองอยากได้ ทั้งยังต้องเปลืองเรี่ยวสิ้นแรงมหาศาล เจ้าเด็กนี่คิดอวดโอ่งั้นหรือ?

มันเองก็ยากจะคาดเดาถูก ในตันเถียนของฉินจิ่วเกอยังมีผลอู๋เลี่ยงสดอยู่อีกแปดลูก แถมด้วยใบไม้เขียวจากพฤกษาสวรรค์นับสิบ หากถูกเฒ่าเรืองปัญญาล่วงรู้ ย่อมลงทัณฑ์ฉินจิ่วเกอโทษฐานทำลายสมบัติโบราณของมัน จับชายหนุ่มขังไว้สิบหมื่นแปดพันปี

“ไสหัวไป!ในสามวินาที หากยังไม่ไป ข้าจะตบหน้าเจ้าก่อน เชื่อหรือไม่?” เฒ่าเรืองปัญญากล่าววาจาอย่างดุร้าย มันเองก็เป็นประเภทพูดจริงทำจริงเช่นกัน

ฟู่วฟู่ว!

ก้นของฉินจิ่วเกอพลันงอกไอพ่นออกมาสองหัว ด้วยระดับความเร็วแสง เพียงพริบตาก็หายออกจากนาวาเรืองปัญญาไป ยามเดินทางออกยังยกมือปิดหน้าปิดตา กริ่งเกรงว่าเฒ่าเรืองปัญญาจะลอบลงไม้ลงมืออันใดต่อมัน

เกิดอะไรขึ้นมา ยังไงใบหน้าย่อมสำคัญที่สุด ใบหน้าคือพื้นฐานการดำรงชีวิตของมันเชียวนะ

ฉินจิ่วเกอทะยานร่างวิ่งฉิวเข้าใส่อุโมงค์มิติที่ผู้เฒ่าเรืองปัญญาสร้างขึ้นมาให้ มือที่กำผลอู๋เลี่ยงสดไว้ยกขึ้นมาบังหน้าตามปฏิกิริยาของสมองโดยอัตโนมัติ เพียงห่วงใยการปกป้องรักษาหน้าตาสุดหล่อเหลาของตนเองเท่านั้น

พลังแห่งมิติ มีเพียงผู้กระจ่างในวิถีแห่งกฎเกณฑ์ที่สามารถใช้ออกได้ เมื่อออกมาจากนาวาเรืองปัญญา ฉินจิ่วเกอยืนหยัดอาจหาญใจกลางจัตุรัส ใช้เวลาแค่ไม่กี่วินาทีในการข้ามมิติเท่านั้น

ผู้ชมโดยรอบพลังตะลึงค้าง ฉินจิ่วเกอเองก็ตะลึงตาลานไป

คนไม่ผิด ผิดที่ครอบครองหยก ผลอู๋เลี่ยงสดถือเป็นสุดยอดมหาสมบัติที่แม้แต่ชนชั้นสุญญตายังไม่อาจปล่อยวาง กระทั่งนักปรุงยาขั้นแปดยังบูชายิ่งกว่าโอสถชุบชีวิต และฉินจิ่วเกอพอดีถืออยู่ในมือของมันลูกหนึ่ง

ผลอู๋เลี่ยงสดปรากฏขึ้นบนพื้นพิภพ เป็นเรื่องน่าแตกตื่นสะท้านฟ้าถึงปานไหน เฒ่าเรืองปัญญานับว่าเป็นตาแก่หัวแข็ง เจ็ดชนชั้นสุญญตาก่อนหน้านี้ถูกมันจัดการ ครึ่งหนึ่งตายครึ่งหนึ่งบาดเจ็บ ดังนั้นทั้งอสูรมารมนุษย์ล้วนไม่มีผู้ใดกล้าไปตอแยมัน

แต่ฉินจิ่วเกอแน่นอนว่าไม่อาจเทียบกับผู้เฒ่าเรืองปัญญา มันเพียงอยู่ขอบเขตปราณสุริยัน แม้รัศมีพลังผิดแปลกแตกต่างไปบ้าง ทว่าข่าวมีคนเข้าสู่นาวาเรืองปัญญาไปแล้วนับสิบวันถูกแพร่กระจายออกไปทั่วเมืองเทียนเอินแล้ว ทั้งยังพัดกระพือออกไปรอบนอกเมืองอีกเสียด้วยซ้ำ

ผู้เข้มแข็งของทั้งมนุษย์มารอสูรสามเผ่าพันธุ์ ชั่วขณะย่อมไม่อาจมาถึงเมืองเทียนเอินได้ในทันที ทว่าภายในตัวเมืองยามนี้ไม่ต่างจากฉลามร้ายได้กลิ่นเหยื่อ ล้วนแล้วแต่เป็นกลั่นดวงธาตุ นี่มันงานชุมนุมสุดยอดยุทธ์ชัดๆ !

ฉินจิ่วเกอโผล่ออกมานอกจัตุรัส ทั่วบริเวณพลันตกสู่ความเงียบสงัดงัน เงียบเชียบจนน่ากลัว ผู้มุงดูทั้งหมดล้วนลืมเลือนวาจาสิ้น มีเพียงสายตาของพวกมันที่ตรึงแน่นอยู่ที่ใจกลางฝ่ามือของฉินจิ่วเกอไม่คลาดคลา

“แย่ง!”

มีคนตะโกนขึ้นมาคำหนึ่ง คนระเบิดพลังออก เป็นกลั่นดวงธาตุขั้นห้า!

อีกฝ่ายยังไม่ทันได้เข้าใกล้ร่างของฉินจิ่วเกอ กลับปรากฏเงาร่างที่รวดเร็วยิ่งกว่าสามร่างสอดแทรกเข้ามา เพียงรัศมีพลังก็บีบคั้นจนกลั่นดวงธาตุขั้นห้านั้นต้องถอยร่น คนทั้งสามประสานออกมาเป็นค่ายกลจู่โจมท่าเท้าไตรดารา พวกมันล้วนเป็นชนชั้นกลั่นดวงธาตุขั้นแปด!

สามคนนี้เป็นพี่น้องร่วมอุทร มีชื่อเสียงในเมืองเทียนเอิน ถือเป็นยอดฝีมือที่คร่ำหวอดเป็นที่รู้จักในขุมกำลังทั้งสี่ คนทั้งสามอาศัยค่ายกลก่อร่างสร้างตัว ประสิทธิผลของค่ายกลเมื่อตั้งขบวนสามารถประชันขันแข่งกับกลั่นดวงธาตุขั้นเก้าได้

“สามปีศาจ อย่าได้แตะต้องศิษย์เรา!”

อาวุโสใหญ่ที่นิ่งเงียบมาตลอดลงมือแล้ว ควรรู้ว่าปัญญาและความสามารถต่อให้สูงส่งเท่าใดก็ไม่ใช่พลังยุทธ์ หากไม่มีพลังฝีมืออันกล้าแกร่ง ทั้งหมดทั้งมวลล้วนว่างเปล่า เมื่อออกจากนาวาเรืองปัญญา ผู้ชนะล้วนเป็นเจ้า ใครแกร่งสุดก็รอด!

ผัวะ!

หนึ่งฝ่ามือ ทลายค่ายกลไตรดาราของสามพี่น้องแปดดวงธาตุจนย่อยยับ กลิ้งหลุนๆ ออกไปนับพันเมตร ถล่มทลายบ้านเรือนนับโหล ทิ้งร่องรอยการทำลายล้างสามสายเอาไว้บนพื้น

อาวุโสใหญ่ภายนอกราวเทพยดา แผ่รัศมีบารมีปรากฏขึ้นข้างกายฉินจิ่วเกอ “เด็กบัดซบ ได้ผลอู๋เลี่ยงมา ยังไม่รู้จักซุกเก็บเอาไว้ เอาออกแกว่งไปมาทำอะไร?”

“ท่านอาจารย์” ฉินจิ่วเกอขมขื่นไม่อาจเอ่ยวาจา ผู้ใด้ใช้ให้ตาเฒ่าเรืองปัญญาข่มขู่ว่าจะทำลายโฉมหน้าข้ากันล่ะ

“ท่านนี้คือผู้ใด พวกเราทั้งหลายมิสู้สนทนากันสักตั้ง” กลั่นดวงธาตุขั้นเก้าผู้หนึ่งโผล่ออกมา ตามติดหลังมาด้วยกลั่นดวงธาตุผู้เข้มแข็งอีกเจ็ดแปดคน เป็นตัวแทนทางการของสี่ขุมกำลังหลักเมืองเทียนเอิน

อาวุโสใหญ่ไม่สนใจลูกไม้นี้ คิดให้ตนเองเดินตามทางที่พวกมันเสนอ พวกมันคู่ควรหรือ?

“คุยกับน้องสาวเจ้าสิ ไสหัวไป!” หางตาเหลือบมองดูฉินจิ่วเกอเก็บผลอู๋เลี่ยงสดลงไปแล้ว อาวุโสใหญ่ค่อยคลายใจ ใต้ชายเสื้อที่โบกสะบัด สายตามุ่งร้ายอำมหิตทั่วทุกทิศจับจ้องลงบนร่างของฉินจิ่วเกออย่างร้อนแรง

“ผู้อาวุโส ท่านทรงพลังอย่างยิ่ง ทว่าในสายตาพวกเราเหล่าผู้เข้มแข็งมากมายปานนี้ หากคิดปกป้องศิษย์ของท่านไว้ เกรงว่าไม่ง่ายดาย” กลั่นดวงธาตุขั้นเก้าอี้กผู้หนึ่งเผยโฉม มันคือประมุขเขาพิรุณเซียนสี่กองกำลังใหญ่นั่นเอง!

เมืองเทียนเอินมีสี่กองกำลังใหญ่ เขาพิรุณเซียน ค่ายพรรคเดชมาร พรรคทรราช และสมาพันธ์อู่ซิ่ง

ในขุมกำลังทั้งสี่ ผู้นำของพวกมัน ถูกเรียกเป็นเจ้าสำนัก ประมุขพรรค จอมทรราช และเจ้าสมาพันธ์ ต่างเป็นกลั่นดวงธาตุขั้นสูงสุด แตะสัมผัสยังจุดสูงสุดของขอบเขตกลั่นดวงธาตุทั้งสิ้น

เกรียนแบบนี้ ก็ศิษย์พี่ใหญ่นี่แหละ

เกรียนแบบนี้ ก็ศิษย์พี่ใหญ่นี่แหละ

Status: Ongoing
หากศิษย์น้องรองที่่เป็นคู่แค้นกับมัน ต้องถูกกำหนดให้เป็นพระเอกเช่นนี้? แล้วเหตุใดข้าถึงต้องให้มันสร้างตำนานด้วยเล่า ตำนานศิษย์พี่ใหญ่ป่วนยุทธ์ภพสำแดงแล้วคนถือไม้กวาดอาจเป็นแฮร์รี่ คนโชคดีข้ามภพก็อาจเป็นแค่ตัวประกอบ ฉินจิ่วเกอที่ข้ามภพมาอีกครั้งพลันรู้แจ้งในสัจธรรมข้อนี้แต่ทำไมศิษย์น้องรองที่เป็นคู่แค้นกับมันต้องถูกกำหนดให้เป็นพระเอกเล่า? ไม่ได้การ ก่อนที่หมอนั่นจะสร้างตำนานก่อนที่เรื่องราวจะเริ่มต้น ความสัมพันธ์ที่แตกหักระหว่างศิษย์พี่ศิษย์น้อง มันต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท