สำรับมนตราของชายาอ๋อง [戏精王妃的魔力美食屋] – บทที่ 132 ดูเหมือนท่านอ๋องจะเป็นคนคลั่งไคล้เท้า

สำรับมนตราของชายาอ๋อง [戏精王妃的魔力美食屋]

เอ๊ะ หลังจากที่เขาบอกว่าจะยกเสี่ยวหลงเปายี่สิบเข่งนี้ให้ เขาก็ปลอบโยนหญิงสาวที่กำลังร้องไห้ได้สำเร็จ

การเกลี้ยกล่อมอย่างหนักเป็นเวลานานของเขาไม่มีประสิทธิภาพเท่ากับซาลาเปายี่สิบเข่ง หมี่เฉินอี้รู้สึกว่าสถานะผู้อาวุโสของเขากำลังถูกคุกคาม

หรือซื้อร้านซาลาเปาร้านนี้ดี?!

ตำหนักของอ๋องหลี่ชิน

หลังจากวินิจฉัยแล้ว หมอหลวงได้สั่งยาต้มเพื่อส่งเสริมการไหลเวียนโลหิตและขจัดภาวะชะงักงันของเลือด และทำให้เส้นประสาทผ่อนคลาย หลังจากอธิบายคร่าว ๆ แล้ว เขาก็ถอยห่างออกไป

ซวงหวนและอู๋อวิ๋นได้เตรียมน้ำร้อนไว้สำหรับเช็ดตัวให้ฉินปู้เข่อ หลังจากบิดผ้าฝ้ายแล้ว หมี่โม่หรู่ก็รับไปและพูดอย่างเฉยเมย “พวกเจ้าไปต้มยากันเถิด ข้าอยู่ที่นี่แล้ว”

นางกำนัลตัวน้อยทั้งสองมองหน้ากัน “ท่านอ๋อง ท่านเป็นผู้สูงศักดิ์จึงไม่อาจ…”

ดวงตาวาวและเย็นชากวาดไปทั่ว และทั้งสองก็ถอยกลับไปอย่างเงียบงันทันที

หมี่โม่หรู่ใช้ผ้าฝ้ายชุบน้ำอุ่นอีกครั้งและเช็ดตัวฉินปู้เข่อที่กำลังหลับใหลอย่างแผ่วเบา ตั้งแต่ผมและแก้มที่เต็มไปด้วยฝุ่นไปจนถึงข้อมือที่ฟกช้ำ รอยถลอกที่แขน รอยฟกช้ำที่ขา ไปจนถึงข้อเท้าที่แพลง และหลังเท้าที่ได้รับการรักษาด้วย ‘ยา’ แล้ว

เขาเช็ดทุกตารางนิ้วอย่างอ่อนโยน เพราะเกรงว่าจะเพิ่มบาดแผลเล็กน้อยให้กับร่างกายที่บอบบางในมือของเขา

หมี่โม่หรู่รู้สึกหายใจไม่ออก เขาไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะวุ่นวายเพราะสตรีผู้หนึ่ง การอำพรางตัวและความอดทนมานานหลายปีก็พลิกผันในทันที

แต่เขากลับไม่ได้รู้สึกเสียใจเลยแม้แต่น้อย มีเพียงความกลัวและความรำคาญไม่รู้จบในใจที่เขาทำให้ประมาทเลินเล่อ เพราะประเมินความหมกมุ่นของต๋งชวนต่ำเกินไป และเกือบจะทำให้นางตกนรก

เขาวางเท้าเล็ก ๆ ของฉินปู้เข่อลงบนฝ่ามืออย่างระมัดระวัง แล้วทาขี้ผึ้งปิดแผลลงบนข้อเท้าที่บวมแดงอย่างระมัดระวัง

กลิ่นหอมหวานแปลก ๆ ลอยเข้ามาในจมูกของเขา หมี่โม่หรู่จึงยกเท้าอีกข้างหนึ่งขึ้นมามองอย่างละเอียด เขาจำได้ว่าหมี่เฉินอี้กล่าวว่ากริชเจาะจากหลังเท้าทะลุฝ่าเท้า ตอนนี้มีแผลจางเป็นเส้นอยู่ที่ฝ่าเท้าและหลังเท้า และบริเวณอื่นดูเหมือนไม่ได้รับบาดเจ็บเลย

ส่วนผสมชนิดใดใน ‘น้ำห้ามเลือด’ ที่โปร่งใสและสามารถให้ผลอัศจรรย์เช่นนี้ได้?

อุ้งเท้าแมวในหัวใจของเขาข่วนอย่างแรง ดวงตาของหมี่โม่หรู่เป็นประกาย หมี่ฉงกินหน่อไม้และไข่เค็มโดยบังเอิญ นอกเหนือจากไข่เป็ด ซือต๋าก็ดื่มน้ำตาลทรายแดง และแม้แต่หมี่เฉินอี้ก็ยังลองใช้ ‘น้ำห้ามเลือด’

สำหรับเขา ดูเหมือนว่าเขาจะดื่มน้ำเชื่อมแก้ไอขวดใสในวันแรกที่พระชายาตัวน้อยเข้ามาในตำหนัก และตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาเขาก็ไม่เคยแตะต้องสิ่งมหัศจรรย์ของพระชายาตัวน้อยอีกเลย

หมี่โม่หรู่จับเท้าเล็ก ๆ นี้ไว้ตรงหน้าและมองดูอย่างละเอียด ว่ากันว่าหลังจากที่เท้าของนางได้รับบาดเจ็บ หมี่เฉินอี้ก็ได้ทำความสะอาดและทายาให้นาง

ว่ากันว่า ‘น้ำห้ามเลือด’ นี้ใช้ภายนอกเพื่อรักษาบาดแผลที่ถูกแทง และยังสามารถบริโภคโดยตรงเพื่อดับกระหายได้ด้วย

ว่ากันว่า ‘น้ำห้ามเลือด’ มหัศจรรย์นี้ต้องทาหลายครั้งเพื่อรักษาแผล ยิ่งแผลลึกก็ยิ่งต้องทาเยอะ ดังนั้นเท้าน้อย ๆ ของพระชายาตัวน้อยจึงเต็มไปด้วย ‘น้ำห้ามเลือด’…

หมี่โม่หรู่แลบลิ้นออกมาเลียเท้าของพระชายาตัวน้อย

จากนั้นเขาก็พลิกปลายลิ้นในปากเพื่อชิมรส มันหวานนิดหน่อย ไม่ใช่ความหวานของผลไม้ที่เขาเคยกินมาก่อน แต่เป็นความหวานอีกแบบที่ทำให้คนอยากชิมอีก

แล้ว…

เขาก้มศีรษะลงและเลียฝ่าเท้าอีกครั้ง อืม… มันเค็มเล็กน้อย ไม่ใช่รสเค็มจากของเหลวในร่างกายมนุษย์ แต่มีรสเค็มคล้ายเกลือ

คิ้วคู่งามของหมี่โม่หรู่ขมวดเล็กน้อยแล้วคลายออก ลองชิมอีกดีหรือไม่?!

เขาก้มศีรษะลงและเลียเท้าน้อยที่ขาวราวกับหยกอีกครั้ง

ขณะที่หมี่โม่หรู่กำลังหมกมุ่นอยู่กับการศึกษากลิ่นของ ‘น้ำห้ามเลือด’ ที่เหลืออยู่บนเท้าของนาง ความรู้สึกจั๊กจี้ และชาจากฝ่าเท้าก็ทำให้ฉินปู้เข่อตื่นขึ้นมาอย่างสบาย ๆ

“ท่านกำลังทำอะไร?” นางเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยและมองไปยังภาพน่าแปลกใจตรงหน้า พลางกะพริบตาอย่างสับสนและจิตใจของนางก็งุนงงเล็กน้อย

“เอ่อ เจ้าตื่นแล้ว ข้า นี่ ข้า…”

ลิ้นของหมี่โม่หรู่ถูกผูกเป็นปม สีแดงที่น่าสงสัยได้ปรากฏขึ้นจากหลังคอถึงหูและปกคลุมใบหน้าของเขาทั้งหมด ดูเหมือนว่านี่จะเป็นครั้งแรกที่เขาประหม่าต่อหน้าพระชายาตัวน้อย

หากเขาจุมพิตนางที่อื่น เขาคงไม่มีปฏิกิริยาเช่นนั้น แต่เขากำลังจุมพิตที่เท้าของนาง ไม่สิ เลียเท้าของนาง

ฉินปู้เข่อมองพฤติกรรมแปลก ๆ ของหมี่โม่หรู่ที่สงบเสงี่ยมและเป็นธรรมชาติในวันที่ผ่านมา นอกจากนี้เขายังตื่นตระหนกและเขินอายยิ่งนัก ทำให้นางมีการรับรู้พื้นฐานในใจ

นางลุกขึ้นและเกาฝ่ามือของหมี่โม่หรู่ด้วยนิ้วเท้าที่งอของนาง แล้วกะพริบตาและพูดอย่างจริงจังว่า “ท่านอ๋อง ท่านเป็นคนคลั่งไคล้เท้าหรือ?”

“อะไรนะ?” ขณะนี้สีหน้าของหมี่โม่หรู่กลับมาเป็นปกติแล้ว โดยยังคงจับเท้าเล็ก ๆ ของนางไว้ในมือ และใบหน้าของเขาก็สงบลงมาก

ฉินปู้เข่อยกยิ้มกรุ้มกริ่ม “ไม่เป็นอะไร ยอมรับก็ได้ไม่ต้องอายหรอกเพคะ หม่อมฉันเป็นคนคลั่งไคล้มือ หม่อมฉันชอบผู้ชายที่มีมือสวยและผู้ชายที่มีกล้ามหน้าท้องเล็กน้อย ท่านเองก็ชอบเท้าที่ดูดีใช่หรือไม่ มันคือสิ่งที่เข้าใจได้ทั้งหมด”

ไม่ต้องพูดถึงความคลั่งไคล้เมื่อ​​นางได้เห็นชุดคอวี ผ้าไหม ถุงเท้า และไม่ต้องพูดถึงความทะลึ่งอื่น ๆ เพราะหลังจากเจอประสบการณ์ด้านมืดของต๋งชวน ฉินปู้เข่อก็รู้สึกว่าความอดทนทางจิตใจของนางนั้นแข็งแกร่งขึ้นมาก

ท้ายที่สุดแล้วความคลั่งไคล้ของหมี่โม่หรู่ก็คือแค่แอบจับเท้าและเลียเท้าอย่างลับ ๆ ไม่เหมือนครึ่งขันทีที่ตัดเท้ามนุษย์ไปเก็บสะสมไว้

“โอ้ คลั่งไคล้เท้า” หมี่โม่หรู่พูดซ้ำอีกครั้งเพื่อระบุว่าเขาเข้าใจความหมายของคำคำนั้น

แต่จากการได้ยินของฉินปู้เข่อ ประโยคที่สงบเช่นนี้กลับกลายเป็นการยอมรับ

นางเอียงศีรษะแล้วพูดว่า “ท่านก็เห็นว่าเท้าข้างหนึ่งของหม่อมฉันยังเจ็บอยู่ และเมื่อพร้อมแล้วหม่อมฉันจะลองใช้เท้า หม่อมฉันเคยเห็นวิธีการในคลิปวิดีโอ เอ่อ สมุดภาพมาก่อนเพคะ”

ไม่มีทางที่อาจารย์จะสอนในชั้นเรียนวิชาสรีรวิทยาปกติ ดังนั้นเมื่อนางอยู่ในวิทยาลัย นางและเพื่อนร่วมห้องของนางจึงเข้าเว็บไซต์สองสามแห่งเพื่อสังเกตและศึกษา แต่นางไม่คิดเลยว่าจะได้ใช้ประโยชน์จากมันจริง ๆ

“วิธีการอะไร?” หมี่โม่หรู่ไม่รู้ว่าคำพูดของเขาถูกตีความผิด

ฉินปู้เข่อหยิกแก้มเขาแล้วยกยิ้ม “เอ๊ะ ไม่มีอะไรต้องเขินอาย ทั้งหมดนี้เป็นวิธีที่จะเพิ่มความสัมพันธ์ระหว่างสามีและภรรยา ท่านจุมพิตไปแล้วก็ไม่ได้ยากที่จะยอมรับเลย”

“ข้าไม่ได้เป็นเช่นนั้น ข้าแค่อยากรู้และต้องการดมกลิ่นดู”

หมี่โม่หรู่กลับมามีสติอีกครั้งและปลายหูของเขาก็เริ่มร้อนฉ่าขึ้นอีกครั้ง เขาสงสัยเล็กน้อยว่าพระชายาตัวน้อยของเขาอ่านหนังสือภาพทะลึ่งเหล่านี้จากที่ใดกัน

“เข้าใจแล้ว เข้าใจแล้ว” ฉินปู้เข่อหัวเราะอย่างชัดเจน

หมี่โม่หรู่ลูบหน้าผากของเขา เขารู้ว่าพระชายาตัวน้อยคิดผิดอีกแล้ว สิ่งที่เขาพูดถึงคือกลิ่นของ ‘น้ำห้ามเลือด’! ไม่ใช่กลิ่นเท้า!

ช่างเถิด ไม่ต้องอธิบาย บางครั้งพระชายาตัวน้อยก็ลามกกว่าตัวเขาเอง แต่การมีความคาดหวังที่คลุมเครือในใจของเขาคืออะไร?!

เขาเหยียดแขนออกแล้ววางฉินปู้เข่อในอ้อมแขนของเขา สูดหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อสูดกลิ่นลมหายใจอันเป็นเอกลักษณ์ของนางแล้วพึมพำว่า “ข้าชอบกลิ่นของทุกส่วนของเจ้า”

หลังจากผ่านไปนาน หมี่โม่หรู่ก็เงยหน้าขึ้นจ้องนางอย่างเคร่งขรึม “ครั้งหน้า ไม่สิ ครั้งหน้าจะไม่มีอีกแล้ว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เจ้าต้องไม่ปฏิเสธคนที่ข้าจัดไว้ให้ข้างกายเจ้า!”

……………………………………………………………………..

สำรับมนตราของชายาอ๋อง [戏精王妃的魔力美食屋]

สำรับมนตราของชายาอ๋อง [戏精王妃的魔力美食屋]

Status: Ongoing
เธอแค่ออกมาหาอะไรกินแก้หิวตอนดึก แต่อยู่ดี ๆ ก็ทะลุมิติและฟื้นขึ้นมาพบว่าตนเองอยู่ในร่างของชายาอ๋องขี้โรคผู้อ่อนแอ ไหนจะระบบบ้า ๆ ที่ติดตัวมาอีกหญิงสาวที่ออกมาหาอะไรกินยามค่ำคืน จู่ ๆ ก็เกิดอุบัติเหตุทะลุมิติมายังยุคจีนโบราณเมื่อฟื้นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองอยู่ในร่างของ ‘ฉินปู้เข่อ’สตรีที่งดงามและปราดเปรื่องอันดับหนึ่งแห่งต้าเซี่ย ซึ่งมีตำแหน่งเป็นถึงว่าที่พระชายาขององค์รัชทายาท แต่แล้วก็เกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้นจับพลัดจับพูลได้แต่งงานกับ ‘หมี่โม่หรู่’ อ๋องเจ็ดผู้ขี้โรคแทนการทะลุมิติครั้งนี้นางไม่ได้มาตัวเปล่า แต่มาพร้อมกับ ‘ระบบวิเศษ’ ที่เมื่อเก็บแต้มได้ตามเป้าหมายจะสามารถแลก ‘อาหาร’ วิเศษไว้ใช้ในยามคับขัน

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท