The Divine Nine Dragon Cauldron – ตอนที่ 1097 – การกลับมาอย่างยิ่งใหญ่

ตอนที่ 1097 - การกลับมาอย่างยิ่งใหญ่

  มีคนเพียงหยิบมือที่ต้านทานพลังของวายุมิติและหนีจากพื้นที่ไปได้ไม่มีเรือกระดูกลำอื่นหรือศพทองแดงบนเรืออีก

  วายุมิติที่ช่องว่างท้องนภาเริ่มหมุนช้าลงหลังจากที่ปกคลุมดินแดนสุดลูกหูลูกตา มันได้หยุดลง ช่องว่างบนท้องฟ้าค่อย ๆ ถูกซ่อมแซมกลับมา

  คนที่รอดยืนด้วยความหนาวสั่นจะมีผืนดินเหลืออยู่หรือ? ในระยะแสนลี้ที่ถูกวายุปกคลุม สิ่งที่เหลือมีเพียงลาวาเดือด!

  มีเพียงอสูรเนรมิตรที่แข็งแกร่งสูงสุดเท่านั้นที่ทำเรื่องแบบนี้ได้แต่ซือหยูที่บ่มเพาะวิถีเทพสามารถทำมันได้อย่างง่ายดาย

  ในแผ่นผืนลาวาที่ลุกเป็นไฟมีเรือรบเพียงลำเดียวจากสิบลำที่เหลืออยู่ มีคนเพียงหยิบมือที่ไม่ถูกดูดเข้าไป

  ในเรือรบปี้หลิงเทียนยังคงยืนอยู่บนดาดฟ้าเรือ ใบหน้าของเขาซ่อนอยู่ใต้หน้ากากสีทอง แต่ความตกตะลึงแสดงให้เห็นผ่านดวงตา

   นายน้อยเราจะทำอย่างไรดี? เรือรบศพทองแดงเก้าลำของเราไปแล้ว ชะตาของรองจ้าวดินแดนห้าคนก็มิอาจรู้ได้ 

  กระดูกโลหิตคือหนึ่งในผู้ที่เหลือรอดเขามองบ่อลาวาด้วยความกลัว

  ปี้หลิงเทียนทำใจให้เย็นและถอนหายใจเบาๆ ด้วยความโล่งอก

   พวกมันยังไม่ตายแต่พวกมันถูกย้ายไปในที่ห่างไกล เรือรบเองก็กำลังทะลวงมิติและจะกลับมาในอีกหกวัน 

  ปี้หลิงเทียนยิ้มอย่างขมขื่นเมื่อมองซือหยูอีกครั้ง

   น้องซือทำให้คนต้องแปลกใจได้เหลือเชื่อวิถีเทพของเจ้าแท้จริงแล้ว…มันสุดยอดจนน่าขัน 

   เจ้ากล่าวเกินไปแล้วตอนนี้เจ้ายังมั่นใจอยู่หรือไม่ว่าจะรับมือข้าได้? 

  ซือหยูถามด้วยความใจเย็น

  ปี้หลิงเทียนตอบไม่ได้เขาคือหนึ่งในผู้กล้าและไร้ความกลัวเมื่อเผชิญหน้ากับศพทองแดงนับพันและเซียนมณี แต่ในเวลานี้ เขาแทบจะไร้ที่พึ่ง เขาอยู่กับกระดูกโลหิต รองจ้าวดินแดนที่สี่ที่เป็นอสูรเนริมตรขั้นสาม รองจ้าวดินแดนที่ห้าผู้เป็นอสูรเนรมิตรขั้นสอง และเทียนเหรินเหยา

  ฝ่ายตรงข้ามคือซือหยูและเจิ่งฉิงหลงซึ่งเจิ่งฉิงหลงสามารถรับมือกับกระดูกโลหิต รองจ้าวดินแดนที่สี่และห้ากับเทียนเหรินเหยาได้ด้วยตัวคนเดียว

  ส่วนซือหยู…ปี้หลิงเทียนมีไพ่ตายของตัวเองแต่เมื่อได้เห็นวิถีเทพที่น่ากลัวของซือหยู เขาก็เสียความเชื่อมั่นที่จะเอาชนะ เขารู้ว่าฎีกาสวรรค์ของซือหยูยังไม่ได้ปล่อยพลังเต็มที่ออกมา

  ปี้หลิงเทียนครุ่นคิดการเสี่ยงชีวิตต่อสู้กับซือหยูไม่ใช่ความคิดที่ฉลาดนัก แต่ถ้าเขายอมแพ้ทั้งอย่างนี้ เรื่องภูติผีที่มีอยู่ในทวีปจะถูกเปิดโปงออกมา

  หลังจากนั้นเขาก็ทำสิ่งที่ซือหยูต้องตกใจ!

   ข้าจะให้เจ้าตัดสินใจเรื่องนี้ก็แล้วกัน 

  ปี้หลิงเทียนก้าวไปข้างหน้าปี้หลิงเทียนและมองตาเขาตรงๆ!!

  ซือหยูหรี่ตาทำไมเทียนเหรินเหยาถึงไม่ดูเหมือนกำลังหาที่หลบภัยอีกแล้วเล่า? ทีแรกเขายืนอยู่ข้างหลังกระดูกโลหิต และซือหยูก็คิดว่าเทียนเหรินเหยาเป็นข้ารับใช้ แต่ตอนนี้มันดูไม่เหมือนก่อนอีกแล้ว

  ที่ซือหยูแปลกใจที่สุดก็คือนอกจากปี้หลิงเทียนและอสูรเนรมิตรที่แข็งแกร่ง เทียนเหรินเหยาสามารถฝ่าวายุมิติมาได้ แต่เขาจำได้ว่าเทียนเหรินเหยามีพลังแค่ระดับทั่วไป เขายังรอดอยู่ได้ยังไง? ท่ามกลางความวุ่นวายเมื่อครู่ ทุกคนมีพลังเพียงแค่ช่วยตัวเองเท่านั้น ไม่มีใครมีพลังพอที่จะช่วยเขา  หรือว่าเขามีพลังที่จะต้านทานวายุมิติด้วยตัวเอง?

  ซือหยูนึกย้อนอดีตที่เขารู้เกี่ยวกับเทียนเหรินเหยาเขาไม่เคยเห็นเทียนเหรินเหยาต่อสู้มาก่อน เขาเคยต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับสามอสูรแห่งเขาอสูร กงซุนหวูซื่อ ปิงหวูชิง และแม้แต่ไป่ชานเหลียง แต่ไม่เคยต่อสู้ร่วมกับเทียนเหรินเหยา

  นอกจากการที่เขาจะเปลี่ยนร่างซือหยูไม่เคยเห็นเทียนเหรินเหยาแสดงพลังออกมาได้ ไม่มีใครรู้ว่าเขามีพลังมากเพียงใด แต่ที่แปลกก็คือ ผู้คนพยายามที่จะหน่ายหนีเขาและรู้สึกไม่สบายใจกับเขา

  ไม่มีใครคิดจะพูดถึงหรือสนใจเขาพลังที่แท้จริงของเขาคือสุดบอดที่ไม่มีใครรู้เลย

  กระดูกโลหิตมองเทียนเหรินเหยาด้วยความนับถือ!ดังนั้นที่เทียนเหรินเหยายืนดา้นหลังเขาไม่ใช่เพราะเป็นข้ารับใช้ แต่เป็นเพราะเขาอยู่ภายใต้การปกป้องของกระดูกโลหิต!   ข้ารับใช้ตัวจริงก็คือกระดูกโลหิต!

  ซือหยูสั่นไปถึงกระดูกสันหลังเมื่อคิดได้เทียนเหรินเหยาคือยอดฝีมือที่ปกปิดตัวตนเอาไว้อย่างมิดชิด!

  เทียนเหรินเหยาไร้รอยข่วนเมื่อต้องเจอกับพลังอันยิ่งใหญ่เส้นผมนุ่มลื่นยังคงเรียบร้อยเหมือนกับมีพลังบางอย่างล้อมรอบเอาไว้ เขาไม่ได้รับผลกระทบจากพลังภายนอกเลย

  เขาลุกขึ้นช้าๆ พลังอันยิ่งใหญ่ของเขามีความเป็นเอกลักษณ์

   ไม่เป็นไรก่อนคนคนนั้นจะเปิดเผยตัว ไม่สะดวกกับข้าที่จะลงมือ ทำตามแผนจู่โจมจิวโจวต่อไปซะ 

  เขาพูดอย่างเรียบง่ายราวกับว่าเขาคือผู้นำสูงสุดของเผ่าภูติผีที่อยู่ในจิวโจว

  ปี้หลิงเทียนพยักหน้า

   การเตรียมการเกือบจะเสร็จแล้วพวกเราเตรียมการรบนี้มาร้อยปี!    ปี้หลิงเทียนและเทียนเหรินเหยายิ้มมองซือหยู

  ปี้หลิงเทียนเงียบเทีนยเหรินเหยาเริ่มพูดถึงอดีต

   เราเคยเป็นพี่น้องร่วมสำนักข้าไม่ปรารถนาจะเห็นเจ้าในสนามรบ เพราะฉะนั้น จงอย่ากลับสำนัก! ตำหนักโลหิตคือเป้าหมายแรกของเรา! 

  เมื่อพูดจบเทียนเหรินเหยาสะบัดชายเสื้อ เรือรบกระดูกบินออกไป เหลือไว้เพียงแค่เสียงสะท้อนอันว่างเปล่า

  ซือหยูชักสีหน้าเมื่อได้ฟังตำหนักโลหิตคือเป้าหมายแรกรึ? แล้วทัพใหญ่ของเผ่าผีอยู่ไหน? พวกมันรออยู่ที่ใกล้ตำหนักโลหิตมาโดยตลอดหรือ? เขาหนักใจขึ้นมาทันที เขาเรียกวิหคไม้ออกมาและเตรียมจะเดินทาง

   นายน้อยซือข้าจะไปกับเจ้า 

  เจิ่งฉิงหลงก้าวขึ้นวิหคไม้

  ซือหยูส่ายหน้า   เจ้าไม่ต้องไปตำหนักโลหิตกำลังเจอภัยครั้งใหญ่ เจ้าจะเป็นอันตรายถ้าไปกับข้า… 

   ข้าก็แค่กลัวว่าท่านจะกลับไม่ถึงตำหนักโลหิต… 

  เจิ่งฉิงหลงถอนหายใจเบาๆ เขามองซือหยูด้วยสายตาซับซ้อน

   ท่านรู้สึกไม่ดีไม่ใช่หรอกหรือ? 

  เขาพูดถูกใบหน้าซือหยูที่ดูปกติสุดท้ายก็ถูกแทนที่ด้วยความเจ็บปวด เขาตัวสั่น ถ้าหากเจิ่งฉิงหลงไม่จับบ่าของเขาเอาไว้ เขาก็คงจะล้มไปแล้ว

  ทีแรกเขาต้องใช้ไพ่ตายเพื่อรับมือกับฉีหมิง การใช้เพลงกระบี่ไตรสุริยากินพลังจิตของเขาไปมาก ซือหยูแทบจะถึงขีดจำกัดอยู่แล้ว เขาต้องการการพักฟื้นอย่างมาก เขาไม่คิดเลยว่าจะต้องเจอกับกองทัพใหญ่หลังจากต่อสู้!

  และในเวลาสำคัญซือหยูยังต้องเสี่ยงใช้วิถีเทพที่เพิ่งได้มาใหม่เพื่อทำให้ทัพใหญ่ที่มาหวาดกลัวและหนีไป

  แม้จะมีพลังยิ่งใหญ่ผลที่ตามมาก็น่าตกใจ พลังของซือหยูถูกใช้ไปจนเกือบจะหมดสิ้น เกือบที่เขาจะบาดเจ็บ

  เวลานี้ซือหยูแทบจะยืนไม่ไหว เขาไม่มีพลังต่อสู้เหลืออยู่อีก

  แต่ผลที่ตามมาก็ไม่น่าจะดีไปกว่านี้

  เผ่าภูติผีได้กลับมาอย่างยิ่งใหญ่!

   รองจ้าวดินแดนสามโปรดพาข้าไปเมืองเทียนเหยา พวกเขาติดต่อตำหนักโลหิตเป็นการด่วนได้ 

  ซือหยูพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำเขาต้องให้ตำหนักโลหิตมีเวลาเตรียมตัว

   ย่อมได้ 

  เจิ่งฉิงหลงพาลูกชายและลูกสะใภ้ไปด้วยต่อมา พวกเขาก็อยู่ที่เมืองเทียนเหยา

   อาจารย์ซือ! 

  เสี่ยวฮั่นกับอู๋หลิงรีบมาหาพวกเขาเมื่อเห็นสภาพของซือหยู พวกเขาก็หน้าซีดด้วยความกลัว หรือว่าซือหยูได้พบกับศัตรูที่แข็งแกร่ง?

   เจ้ามีทางติดต่อสำนักเป็นการด่วนหรือไม่? 

  ซือหยูลงจากวิหคไม้และถามทันที

  เสี่ยวฮั่นตระหนักถึงภัยร้ายเขาพูดด้วยสีหน้าหม่นหมอง

   แน่นอนว่าเรามีแต่ที่นี่ห่างไกลจากสำนัก ทุกครั้งต้องใช้แก้วระดับกลางหนึ่งร้อยดวง สำนักจึงมีกฎว่านอกจากเรื่องสำคัญมาก เราจะไม่สามารถใช้การติดต่อนี้ได้! 

   อาจารย์ซือหาหลักฐานไม่เจอแต่ทำให้พวกมันรู้ตัวแทนจนดินแดนมีดสวรรค์จะจู่โจมรึ? ถ้าเป็นเรื่องเช่นนั้น เราต้องใช้การติดต่อด่วนจริง ๆ 

  ซือหยูส่ายหน้า

   ข้ามีหลักฐานอยู่ในมือแล้วราชาเขตจะต้องมาจัดการเรื่องนี้ การสู้รบระหว่างดินแดนพรสวรรค์กับดินแดนมีดสวรรค์จบลงแล้ว 

  เสี่ยวฮั่นตกตะลึงเขารู้สึกดีใจ แต่ต่อมาก็ใจหายอีกครั้ง ถ้าหากวิกฤติถูกแก้ แต่ซือหยูยังต้องการใช้การติดต่อด่วน หรือว่าจะเกิดเรื่องที่เลวร้ายยิ่งกว่าสงครามระหว่างสองดินแดน?

   เจ้าจะส่งข่าวอะไรล่ะ? 

  จ้าวหอเพลิงคลั่งเข้ามาฟังด้วย

   เผ่าภูติผีกลับมาแล้วเป้าหมายแรกของพวกมันคือตำหนักโลหิต… 

  ซือหยูกล่าว

   เผ่าผี…กลับมาแล้วรึ? 

  เสี่ยวฮั่นจุกอกเขาพูดเสียงหลง

  เขาโชคดีมากพออยู่แล้วที่มีชีวิตผ่านสงครามครั้งใหญ่เมื่อร้อยปีก่อนมาได้ความกลัวในอดีตยังคงสดใหม่อยู่ในความทรงจำ

   ช้าก่อนทำไมตำหนักโลหิตถึงเป็นเป้าหมายแรกเล่า?    เสี่ยวฮั่นสีหน้าหม่นหมอง

  ซือหยูตอบ

   ข้าก็อยากรู้เหมือนกันแต่เวลากำลังจะหมดแล้ว! แจ้งกลับไปที่ตำหนักเดี๋ยวนี้! 

  ซือหยูรู้สึกไม่ดีอยู่เต็มหัวใจถ้าหากเทียนเหรินเหยาตั้งใจจู่โจมตำหนักโลหิต แล้วทำไมถึงต้องบอกซือหยูก่อนและปล่อยให้ตำหนักโลหิตมีเวลาเตรียมตัวเลบ่า?

  ไม่มีเวลาให้เสียเสี่ยวฮั่นไม่กล้าจะทำเรื่องใหญ่ให้ช้า เขาตรงไปยังสำนักงานในห้องลับที่ถูกทหารมากมายป้องกันเพื่อใช้งานการติดต่อด่วน

  ครึ่งชั่วยามต่อมายังไม่มีคำตอบกลับจากที่ส่งข่าว

   แปลกนักถ้าเจ้าตำหนักม่อได้รับข้อความ นางจะต้องส่งข้อความกลับมาถามรายละเอียด เหตุใดต้องรอนานเช่นนี้เล่า? 

  เสี่ยวฮั่นเลิกคิ้วเขารู้สึกไม่ดีเลย

  ซือหยูถาม   ข้อความตรงไปที่ม่อเทียนฉวนรึ? 

   ไม่ใช่นักมันจะส่งไปยังห้องฝึกลับของเจ้าตำหนักม่อในที่แรก ถ้าหากบังเอิญว่าไม่มีคนรับข้อความ มันก็จะชข้าลง 

  ความรู้สึกเลวร้ายในใจเขาเข้มข้นขึ้น

   รองจ้าวดินแดนสามพาข้าไปที่ตำหนักโลหิตได้หรือไม่? ข้าอยากจะไปดูที่สำนักด้วยตัวเอง 

  ซือหยูร้องขอ

  เจิ่งฉิงหลงพยักหน้าโดยไม่คิดหน้าคิดหลัง

   เจ้าช่วยชีวิตข้าใยข้าจะไม่พาเจ้าไปที่นั่นเล่า? 

  แต่เขาทิ้งเจิ่งเฉิงกับฉิวเอ๋อเอาไว้

   โปรดช่วยข้าดูแลพวกเขาด้วยท่านเสี่ยวฮั่น 

  เขาเองก็รู้สึกว่าตำหนักโลหิตกำลังจะเกิดปัญหาเช่นกัน   แน่นอน! 

  เสี่ยวฮั่นกล่าว

   อาจารย์ซือหากเจ้าตำหนักม่อต้องการความช่วยเหลือ โปรดบอกพวกเราที่เมืองเทียนเหยาด้วย พวกเรายินดีกลับไปร่วมชะตากับตำหนัก ไม่ว่าจะเป็นเช่นใดก็ตาม 

  ซือหยูพยักหน้า

   มีอีกเรื่องที่ข้าอยากให้เจ้าช่วย 

   โปรดพูดได้เลย 

  เสี่ยวฮั่นตอบ

  ซือหยูขยับปากคำพูดไปถึงหูเสี่ยวฮั่นผ่านวิชาส่งข้อความลับ

  เสี่ยวฮั่นผงะหลังสีหน้าเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาพยักหน้าหลังจากลังเลไม่นาน

   สบายใจได้ข้าจะจัดการให้อาจารย์ซือแน่นอน 

  เจิ่งฉิงหลงกระจากมิติโดยไม่พูดอะไรและพาซือหยูไปที่ตำหนักโลหิต  ….

  ณเขตกลาง ในวังหลวง

  ในมุมมืดเสียงเคี้ยวของบางอย่างที่คล้ายกับโลหิตและเนื้อหนังได้ดังอยู่เนือง ๆ กลิ่นโลหิตน่าสะอิดสะเอียนฟุ้งในอากาศ!

   ยังไม่พอ!หัวใจกับดวงวิญญาณพวกนี้เป็นแค่ของอสูรเนรมิตรธรรมดา มันยังฟื้นฟูบาดแผลในอดีตของข้าไม่ได้ 

  เสียงแหบพร่าดังมาจากเงามืด

  ราชาเขตกลางกล่าว

   ในเขตข้าอสูรเนรมิตรทุกคนที่แข็งแกร่งและมีดวงวิญญาณที่ดีล้วนถูกหลอกมายังที่นี่ ในนามของการฝึกฝน… 

 

The Divine Nine Dragon Cauldron

The Divine Nine Dragon Cauldron

Status: Ongoing

หนึ่งประสงค์ทำลายสุริยันจันทราและหมู่ดารา ดัชนีเดียวเข่นฆ่าราชันย์สวรรค์ เพียงปริปากทั้งสวรรค์แลสิบภพพลันวินาศ

เด็กยากจนเดินทางออกจากหุบเขาห่างไกลพร้อมกับมังกรนพเก้าและหม้อวิเศษที่ควบคุมกาลเวลาและพื้นที่กว้างใหญ่ เขาใฝ่หาเส้นทางแห่งพระเจ้าเพื่อท้าทายจักรวาลอันไม่มีสิ้นสุดและต่อสู้กับยุคสมัยในตำนาน

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท