เจ้าเลือกข้าเพราะข้าคือรากเหง้าแห่งความวุ่นวายหรือ?หากเจ้ารู้ว่ามีอันตรายรายล้อมข้าอยู่และตายได้ทุกเมื่อ ข้าก็ไม่เข้าใจเหตุผลของเจ้า
เทพอสูรเนตรม่วงแววตาลึกล้ำมันดูเปล่งประกาย
รากเหง้าแห่งความวุ่นวายย่อมต้องก่อความวุ่นวายแต่มันก็เป็นผลดีต่อตัวเจ้า เช่นเดียวกับคนรอบข้างเจ้าด้วย!
เจ้าเองรู้ดีข้าเชื่อเช่นนั้น เจ้าทำลายล้างศัตรูจนสิ้นซาก แต่เจ้าและคนที่ติดตามเจ้าได้ผลประโยชน์อย่างไร้ขีดจำกัด ดูอย่างเทพสองคนที่อยู่กับตัวเจ้าสิ
ทั้งสองควรจะตายไปแล้วใช่ไหม?แต่เมื่ออยู่กับเจ้า ทั้งสองกลับได้ผลลัพธ์ดั่งฟ้าประทาน ทั้งสองได้จิตวิญญาณเทพกลับคืนมา วันที่จะกลับไปเป็นเทพอีกครั้งกำลังจะมาถึงในอีกไม่ช้า จากที่ข้าเข้าใจต้นตอแห่งความวุ่นวายทำลายล้างทุกสิ่ง แต่ก็คืนสิ่งที่ได้จากการทำลายมาเพื่อทำให้ตัวเองและคนรอบข้างกล้าแกร่งขึ้นด้วย เจ้าเองก็น่าจะรู้ว่าเจ้าผ่านอะไรมา!
ดังนั้นแล้วหากทายาทข้าได้อยู่ข้างกายเจ้า ประโยชน์อันไร้สิ้นสุดจะตกอยู่กับตัว หากทิ้งให้อยู่ลำพังในแดนจิงหยู ทายาทข้าคงจะเกิดเรื่องร้ายก่อนที่จะได้เติบโต!
จะอย่างไรเทพอื่นอีกแปดคนก็แทบจะทนเห็นเทพอื่นที่รู้ความลับตัวเองเติบโตไม่ได้
เขาทำเพื่อรักษาวิถีเทพของตนให้คงอยู่และขัดขวางไม่ให้เทพอีกแปดคนกำจัดทายาทของเขานั่นเอง
ย่อมได้หากเจ้าตายก่อนที่ทายาทเจ้าจะเติบโต ข้าจะดูแลแทนเจ้าจนกว่าเขาจะกลายเป็นเทพ
ซือหยูเลือกรับข้อเสนอ แต่ข้าต้องพูดตามตรงอย่าคิดว่าข้าจะมอบทุกสิ่งให้กับทายาทเจ้า ทายาทเจ้าจะเป็นเพียงคนที่ติดตามข้าเท่านั้น
ดี…
เทพอสูรเนตรม่วงยอมรับด้วยความเต็มใจราวกับกลัวว่าซือหยูจะเปลี่ยนใจ
‘ตาเฒ่านี่…’
ซือหยูคิด
‘มันมาเพราะได้เปรียบข้างั้นรึ?’
ส่งทายาทเจ้าให้กับข้าในยามที่เจ้าดูแลไม่ไหวแล้วเท่านั้น…
ซือหยูกล่าวแม้เทพอสูรเนตรม่วงจะอ่อนแอ เขาก็ยังเหลือเวลาในชีวิตอีกหลายปีตราบเท่าที่ไม่มีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้น
เทพอสูรเนตรม่วงตกลงด้วยความเต็มใจ
ถ้าเช่นนั้นข้าจะช่วยเจ้ากำจัดเทพที่เจ้าระวังอยู่ก็แล้วกัน ถือว่าเป็นความจริงใจเล็ก ๆ น้อย ๆ จากข้า เทพอสูรเนตรม่วงหัวเราะเบาๆ
ซือหยูใบหน้าจริงจังขึ้นเล็กน้อย
มันมาที่เมืองแล้วรึ?
ถูกแล้วกำลังเดินอยู่นอกตำหนัก
เทพอสูรเนตรม่วงที่เป็นเทพสัมผัสการมาของเทพตำราได้อย่างง่ายดาย
ซือหยูตาเป็นประกาย
เจ้าทำได้แค่ไล่มันไปสินะ?
เทพอสูรเนตรม่วงกลอกตา
เจ้าจะหวังอะไรอีกเล่า?ดูสภาพข้าตอนนี้สิ ข้าแก่จนจะตายอยู่แล้ว
เทพอสูรเนตรม่วงไม่ใช่เทพที่มีพลังต่อสู้มากมายพลังอันยิ่งใหญ่ของเขาคือเนตรที่มี มันสามารถมองทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกได้
ซือหยูไม่พอใจนักกับผลลัพธ์เพียงเท่านี้
ซือหยูคิดต่อไป
เจ้าหาจุดอ่อนมันได้หรือไม่?
ข้าจะลองดู เทพอสูรเนตรม่วงหลับตาคลื่นพลังยิ่งใหญ่แผ่ออกมาจากหางตา
ไม่นานเทพอสูรเนตรม่วงก็ลืมตาด้วยความตกใจ
แปลกมากชายคนนี้ราวกับวายุวารีไร้ก้น เป็นครั้งแรกที่ข้าได้เจอกับเทพเช่นนี้
เมื่อคิดได้ว่าชื่อเสียงของตนกำลังเป็นภัยเทพอสูรเนตรม่วงกล่าวอีกครั้ง
ขอข้าลองอีกที!
ไม่ต้องแล้วเจ้านี่น่ะไร้เทียมทาน
ซือหยูไม่ผิดหวังมันเป็นอย่างที่เขาคิด
เขามักจะเห็นความน่ากลัวของเทพตำราอยู่ตลอดเรื่องประหลาดเกี่ยวกับเทพตำราไม่ได้แปลกประหลาดสำหรับซือหยู
มาใช้วิธีที่โง่เง่าที่สุดกันดีกว่า…
ซือหยูพูด
ข้าหวังว่าเจ้าจะช่วยลากตัวมันออกมา
เทพอสูรเนตรม่วงถาม วิธีอันใดกัน?
มันจะกล้าลงมือก็ต่อเมื่อเจ้าออกไป…
เทพอสูรเนตรม่วงเข้าใจในทันที
หมายความว่าข้าต้องแสร้งออกไป และพอมันลงมือ ข้าจะเข้ามาช่วยเจ้าจากด้านนอกสินะ?
ใช่แล้ว!
เทพอสูรเนตรม่วงพยักหน้ายอมรับเขาอยู่ในตำหนักซือหยูจนถึงครึ่งวันก่อนจะแสร้งออกไป เขาซ่อนอยู่ในจุดที่ห่างจากเมือง รอคำสั่งซือหยู
ด้านในเมืองเทพตำราไม่ลงมือในทันที เทพตำรายังคงจับตาดูที่ตำหนัก
คิดจะล่อข้าเข้าไปงั้นรึ?
เขาพ่ายแพ้ซือหยูมาหลายครั้งเทพตำราระวังซือหยูในทุกฝีก้าว
หนึ่งวันผ่านไปและอีกสองวันหลังจากนั้น… เทพตำรายังคงรอคอยอย่างเงียบเชียบด้วยความอดทน
เวลาผ่านไปช้าๆ จนหนึ่งเดือนล่วงเลย
ในตอนนั้นเองคลื่นพลังเทพปรากฏเหนือตำหนัก เทพอสูรเนตรม่วงกลับมาแล้ว
เทพตำราคิดไว้แล้วว่าจะต้องเป็นเช่นนี้
ข้าไม่โดนหลอกอีกครั้งแน่ซือหยู!
เทพตำราหายตัวไปจากเมืองชมทะเลไม่เหลือร่องรอยเอาไว้แม้แต่นิดเดียว
ในตำหนัก…
เทพอสูรเนตรม่วงถอนหายใจห้าซือหยู
เจ้าเทพตำรานั่นยังใจเย็นอยู่ได้มันน่าจะรู้แผนเจ้านะ
ซือหยูขมวดคิ้วเบาๆ
น่ารำคาญซะจริง
ชายคนนี้เจ้าเล่ห์ล่อให้ออกมาท้าทายยิ่งนัก
เทพอสูรเนตรม่วงกล่าวจากนั้นเขาก็ชักสีหน้า
ช้าก่อนมันไปแล้ว!
ไปแล้วรึ?ซือหยูครุ่นคิด
มันยอมแพ้แล้วรึ?
เทพอสูรเนตรม่วงถาม
ซือหยูส่ายหน้าเขาขมวดคิ้วเล็กน้อย
ไม่มีทาง!ข้ารู้จักมันดี มันจะต้องกลับไปคิดหาวิธีการอื่นไม่ผิดแน่
มันคิดจะทำอะไรกันแน่?จู่ ๆ มันก็กลับไป มันจะไปไหนได้…
ซือหยูปราดตามองเห็นเทพอสูรเนตรม่วงเขาจึงนึกขึ้นได้
เทพอสูรเนตรม่วงมันไปที่เมืองของเจ้าแล้วล่ะ
อะไรนะ?
เทพอสูรเนตรม่วงตกใจ
ถ้ามันเล็งเจ้าทำไมจะต้องไปที่ตำหนักข้าด้วยเล่า? แผนเบี่ยงความสนใจยังไงล่ะ…
ซือหยูตอบด้วยความใจเย็น
ก่อเรื่องวุ่นวายในเมืองเจ้าจนเจ้าต้องกลับไปนั่นเป็นอุบายลับของเทพตำรา…ไม่สิ มันจงใจทำอย่างเปิดเผย! ต่อให้มองแผนของมันออก เจ้าก็ยังต้องกลับไปที่เมืองของเจ้าอยู่ดี
เทพอสูรเนตรม่วงขมวดคิ้วแน่นที่เมืองไม่มีสิ่งใดที่เขาเสียไม่ได้นอกจากทายาท ซึ่งเป็นคนที่เขาห่วงใย
หากเทพตำราเจอตัวทายาทมันจะร้ายแรงถึงตายแน่
เทพอสูรเนตรม่วงตกที่นั่งลำบากหากเขากลับไปช่วย เขาจะต้องกับดักนั้น หากไม่มีเขาคอยช่วย ซือหยูจะจัดการเทพตำราไม่ได้ด้วยตัวเอง
ในตอนนั้นเองซือหยูพูดขึ้นมา
เทพอสูรเนตรม่วงเจ้ากลับไปซะ
แต่เจ้า… เทพอสูรเนตรม่วงตกใจแต่เขาก็ได้เห็นเงายิ้มที่มุมปากซือหยู
เจ้าจะต้องคิดเรื่อง…
เราจะเล่นตามแผนมันไปก่อน…
ซือหยูใบหน้าเรียบเฉย
ตราบที่ควบคุมเวลาได้พอดีเราจะทำเทพตำราให้ตกใจได้หนักอึ้งทีเดียว!
เล่นตามแผนรึ?เทพอสูรเนตรม่วงรู้ดีว่ามันหมายความว่าอย่างไร เขามองซือหยูด้วยความชื่นชม
ต่อมาเทพอสูรเนตรม่วงออกจากตำหนักและรีบกลับเมืองเนตรม่วงของตัวเอง
ครั้งนี้เขากลับไปจริง ๆ
สองวันต่อมาคลื่นพลังเทพก็ได้แพร่กระจายมาที่เมืองชมทะเล
แสงเงาเทพส่องอาบตำหนักเจ้าเมืองอย่างสะดุดตา
เทพตำราจ้องมองซือหยูที่กำลังดื่มอยู่คนเดียวในกระโจมอย่างไร้อารมณ์
ทั้งสองมองหน้ากันจากระยะไกลจิตสังหารปะทุผ่านแววตา
เทพตำรายืนมือไพล่หลัง
เจ้าไม่มีใครให้พึ่งพาอีกแล้วสินะ?เก้าเทพจากพันธมิตรบูรพาไม่อยู่แล้ว เทพอสูรที่เป็นมิตรกับเจ้าช่วงนี้ก็มาช่วยเจ้าไม่ได้ บอกข้าสิว่าใครจะมาช่วยเจ้าอีก!
ซือหยูยิ้มเบาๆ
จะกี่ครั้งเจ้าก็ยังมั่นใจต่อให้ต้องแพ้ข้ากี่ครั้งต่อกี่ครั้ง
ครั้งนี้จะไม่เหมือนก่อน!
เทพตำราเปล่งแสงเทพประกายรอบตัวเขาก้าวพริบตามาถึงตัวซือหยูในเสี้ยววินาที!