“พี่เก่งคิดยังไงคะ”
“คะ”
เขาทำเสียงสูงย้อนถามเธอกลับเหมือนกำลังเหม่อและถูกคนดึงสติให้กลับมา กุ๊กไก่ส่ายหน้า
“ไม่ได้ฟังเลยเหรอคะ”
เก่งยิ้ม
“เพราะฟังมากนี่แหละมันก็เลยกำลังคิด”
“คิดอะไรคะ”
“ก็คิดไปเรื่อยค่ะ”
เก่งตักอาหารให้เธอแล้วยิ้มกว้าง กุ๊กไก่ตักข้าวเข้าปากคำหนึ่งเคี้ยวจนหมดอย่างมีมารยาทก่อนที่จะถามเขาเสียเบา
“คิดว่าแปลกหรือเปล่าคะ เรื่องของกุ๊กไก่และเพื่อนคนนี้”
ตอนนี้กุ๊กไก่กลับดีใจที่เธอสามารถพูดเรื่องนี้และยังปรึกษากับใครสักคนได้ ความจริงเธออึดอัดมานานเรื่องอชิ เธอไม่สามารถพูดคุยกับใครได้เลยแม้แต่คนเดียว เพราะเพื่อนสนิทของเธอจริง ๆ มีแค่ลูกเกดและนาชาเท่านั้น การได้คุยกับเก่งหลังจากที่ไม่ได้เจอกันนานกลับให้ความรู้สึกอบอุ่นหัวใจเหมือนได้เจอเพื่อนเก่าอีกคน
เก่งกัดปากเบา ๆ ท่าทางง่าย ๆ เหมือนกำลังไตร่ตรองบางอย่างที่สำคัญดูเซ็กซี่จนกุ๊กไก่เผลอมองเขาไม่ได้ ผู้ชายคนนี้ยิ่งอยู่ด้วยยิ่งดึงดูดและมีเสน่ห์เป็นอย่างยิ่ง
“ความจริงพี่ก็ไม่อยากยุ่งหรอกนะ แต่ถ้ากุ๊กไก่อึดอัดก็คุยกับพี่ได้อย่างน้อยก็ในฐานะพี่น้องคนหนึ่ง”
เก่งเว้นระยะห่างออกมาอีกเล็กน้อย แม้เรื่องของกุ๊กไก่จะเป็นสัญญาปลอม ๆ แต่ผลทางกฎหมายก็ชัดเจนส่วนร่างกายนั้นเขาย่อมไม่ถือสา เขาเป็นนักเรียนนอกและให้อิสระทางร่างกายกับคนที่ไม่ใช่ภรรยาที่ถูกต้องของตัวเองอยู่แล้ว
“ขอบคุณนะคะ จริง ๆ เงื่อนไขคือห้ามกุ๊กถามเขามาก หากเขาอยากบอกเขาก็จะบอกเองค่ะ แต่ดูแล้วเขาไม่บอกอะไรกุ๊กเลยสักอย่าง เพียงแต่เขามั่นใจว่ากุ๊กจะไม่หักหลังเขาขายที่ดินมูลค่ามหาศาลนั่นเด็ดขาด”
เก่งพยักหน้า
“ความจริงพี่เข้าใจเขานะ ว่าทำไมต้องเป็นกุ๊กไก่ด้วย”
กุ๊กไก่แย้ง
“พี่ยังไม่เคยเจอเขาสักหน่อย ไปเข้าใจอะไรเขาคะ”
“ก็เขาเป็นเพื่อนที่โตด้วยกันมาไม่ใช่เหรอ คนที่ไว้ใจได้เรื่องเงินทองมีไม่เยอะมากหรอก แสดงว่าเขารู้จักกุ๊กดีและไว้ใจมากทีเดียว เขามองกุ๊กค่อนข้างดีเลยล่ะ ถึงไม่ลังเลที่จะแต่งงานด้วยเลย”
กุ๊กไก่หัวเราะ
“กุ๊กดีขนาดนั้นเชียว ตัวเองยังไม่รู้ตัวเองเลย”
เก่งจ้องเธอจริงจัง
“คนเรามักมองไม่เห็นตัวเองหรอก ต้องให้คนอื่นมองถึงจะรู้”
ใช่ เพราะเขาเองก็ไม่เคยมองเธอมาก่อน และกว่าจะคิดได้ก็อาจจะสายไปแล้ว แต่เขาเองก็ยังมีความหวัง เขายังไม่ได้พบอชิ แต่โปรเจ็คของKWกรุ๊ปก็มีเรื่องพัฒนาเหรียญดิจิตอลเพื่อเข้าตลาดคริปโต เขาจึงสนใจขึ้นมาบ้าง
“กุ๊กบอกว่าบริษัทของอชิทำอะไรนะคะ พวกคริปโตใช่ป่ะค่ะ”
กุ๊กไก่พยักหน้า
“มันใหม่สำหรับกุ๊กและไม่ค่อยเข้าใจค่ะ แต่พี่อยู่ในสายการเงินน่าจะรู้เรื่องพวกนี้”
กุ๊กไก่บอกรายละเอียดของบริษัทอชิคร่าว ๆ เท่าที่รู้ให้เขาฟัง เก่งกลับทำหน้าประหลาดใจ
“พี่คิดว่าพี่กับเขาเราต่างรู้จักกันแล้วล่ะ ถ้าเป็นอชิที่กุ๊กไก่บอกคนนั้น”
กุ๊กไก่ถึงกับวางช้อนด้วยความตกใจ
“ไม่จริงมั้งคะ อะไรจะบังเอิญขนาดนั้น”
เก่งยิ้ม
“พวกพี่ทั้งเคนและสมชายกำลังทำโปรเจคเรื่องเหรียญคริปโต แต่พี่ไม่ได้ดูแลโดยตรงพี่กับเขาเคยคุยกันครั้งหนึ่งเมื่อหลายปีที่แล้ว ตอนนั้นบริษัทเขาเพิ่งก่อตั้งไม่นาน ไม่คิดว่าผ่านมาไม่กี่ปีเขาจะขึ้นเป็นเว็บเทรดคริปโตอันดับหนึ่งได้แบบนี้ เขาน่ะอัจฉริยะของจริงเลยล่ะ”
“อ้อ วงการนี้ความจริงมันก็ไม่กว้างมากนะคะ”
อชิพยักหน้า
“วงการการเงินน่ะ ไม่ว่าจะเป็นเหรียญคริปโต หุ้น กองทุน ธนาคาร มันก็วนลูปกันอยู่แถว ๆ นี้แหละ รู้จักกันเอาไว้ไม่เสียหลายมีแต่จะช่วยต่อยอด”
กุ๊กไก่ทำหน้าเบื่อหน่าย
“ไม่เอาไม่คุยเรื่องงานแล้วค่ะ ปวดหัว หลาน ๆ กุ๊กเป็นยังไงบ้างคะ”
เก่งเปลี่ยนเรื่องทันที
“ก็น่ารักมาก หลัง ๆ พี่ก็ไม่ค่อยได้ไปเล่นด้วยเคนวางมือจากงานหลายอย่างพี่ยังโสดต้องลุยงานแทนเขา ขานั้นเขาไม่ไว้ใจใครเลยนอกจากพี่ มันใช้พี่ยังกะทาส”
“ก็เพื่อนกันนี่คะ แต่ดูพี่มีความสุขดี ระวังนะคะทำแต่งานจะหาคนแต่งไม่ได้”
เก่งมองกุ๊กไก่อย่างมีความหมาย
“ก็เพราะแบบนี้ไง พี่ถึงรู้ตัวว่าพลาดมาก ไม่รู้ว่าตอนนี้จะสายไปหรือเปล่า”
คำพูดกำกวมของเขาทั้งดวงตาคู่โตที่มองเธอยังหวานซึ้งแบบนั้นทำเอากุ๊กไก่ไม่กล้าสบสายตา การพูดคุยกับพี่เก่งทำให้เธอมีความสุขและผ่อนคลายมาก ดูเหมือนว่าเคมีของเธอและเก่งจะเข้ากันได้ดีจนไม่น่าเชื่อ
กระทั่งมีบางช่วงที่เธอลืมอชิไปโดยไม่รู้ตัว
กระทั่งเสียงเตือนแบตโทรศัพท์ของเธอดังขึ้น กุ๊กไก่ประหลาดใจ
“อะไรกันแบตจะหมดแล้ว ก่อนมาชาร์ทเต็มแล้วนะคะ หรือว่าโทรศัพท์จะเก่าไปแล้ว บ้าจริง”
เก่งมองมือเรียวที่จับมือถือทั้งยังทำหน้ามุ่ยก็นึกเอ็นดู
“พี่ซื้อให้ใหม่เอาหรือเปล่า”
กุ๊กไก่รีบส่ายหน้า
“ไม่เอาค่ะ เครื่องนี้ก็ซื้อมาแพงตอนนี้กุ๊กก็ไม่ค่อยได้เจอใครด้วย เดี๋ยวให้อชิดูให้ดีกว่าค่ะ เรื่องพวกนี้เขาเก่งซ่อมเป็นทุกอย่างเลย คนอัจฉริยะนี่ก็เก่งทุกเรื่องจริง ๆ ค่ะ”
กุ๊กไก่พูดเพราะไม่ทันคิด เธอเคยชินแล้วที่มีอชิคอยช่วยเหลือแทบจะทุกอย่างจึงสามารถพูดถึงเขาได้อย่างเป็นธรรมชาติ แต่คนฟังกลับหน้าเสียเล็กน้อย ดวงตาเศร้าลงมาอย่างช่วยไม่ได้ และเขาก็ไม่ได้พูดอะไรอีกเมื่อสุดท้ายแบตโทรศัพท์ของเธอก็หมดจริง ๆ
“เก็บซะเลย ดีค่ะจะได้เอาเป็นข้ออ้างกลับบ้านช้าได้”
กุ๊กไก่ไม่สนใจโทรศัพท์แล้ว เก่งถามขึ้น
“ต้องรีบกลับเหรอ”
“อื้อ ค่ะ สัญญากับเขาแล้วค่ะว่าจะไม่เหลวไหลยังไงก็แต่งงานกันจดทะเบียนถูกต้อง เขาเองก็เป็นคนมีหน้ามีตาไม่อยากจะเสียชื่อค่ะ”
“กี่โมงคะ”
กุ๊กไก่ไม่มีนาฬิกาแล้ว แต่เธอยังติดการมองข้อมือของตัวเอง เพราะโรเล็กซ์ฝังเพชรของเธอก็อยู่โรงจำนำเรียบร้อย
“ไม่เกินสี่ทุุ่มค่ะ ดึกมากไม่ได้”
เก่งยิ้ม
“นึกว่าเที่ยงคืนจะเป็นซินเดอเรลล่า รถม้าจะกลายเป็นฟักทองต้องรีบกลับ”
“โอ๊ย ไม่ขนาดนั้นหรอกค่ะ พี่เก่งนี่รู้จักการ์ตูนดิสนีย์ด้วยเหรอคะ”
“รู้สิคะ พี่ก็แฟนพันธุ์แท้ดิสนีย์เลยนะ พี่มีน้องสาวน่ะมันบ้าทำให้พี่ต้องอดทนดูตาม ดูไปดูมาก็สนุกดี”
สองคนคุยกันไม่หยุด ดูเหมือนว่าวันนี้จะเป็นอีกวันที่กุ๊กไก่รู้สึกดีและมีความสุขที่สุด กระทั่งก่อนเธอจะกลับ กุ๊กไก่เองก็เริ่มเมาไวน์นิด ๆ เก่งจึงพูดขึ้น
“ของฝากของพี่ก็มีนะ นอกจากของนาชาแล้วน่ะ”
กุ๊กไก่เอียงคอน่ารัก ในเวลานี้ที่กึ่ม ๆ เมา โลกของเธอดูเป็นสีชมพูไปหมด ให้ตายเถอะ พี่เก่งยิ่งดูก็ยิ่งหล่อจนใจสั่นไปหมดแล้ว จะเรียกว่าเธอมองเขาแบบอ่อย ๆ ก็ยังได้เลย
แต่ยังไม่ทันได้ส่งยิ้มเต็มที่ ใบหน้ายักษ์ของใครบางคนก็ลอยมาอีก คราวนี้เธอไม่ได้แค่โบกมือไล่ยังส่งเสียงออกมาด้วย
“ไอ้อชิบ้า จะมาโผล่อะไรตอนนี้ ชิ้ว ๆ”
เก่งถอนหายใจน้อย ๆ ออกมา เขายังเรียกกุ๊กไก่เสียงเบา
“กุ๊กไก่”
“คะ”
“พี่มีของฝาก”
กุ๊กไก่หรี่ตามอง “อะไรคะ”
กล่องนั้นเป็นกล่องสีดำ และเธอเองก็คุ้นเคยกับแบรนด์นั้นเป็นอย่างดี แน่ล่ะ เพราะเธอเพิ่งพาพวกมันไปฝากไว้ที่โรงจำนำไม่นาน
“นาฬิกาเหรอคะ”
“อื้อ ดูหน่อยว่าชอบหรือเปล่า”
เก่งลุกขึ้นขยับตัวมานั่งข้าง ๆ เธอ แล้วใส่นาฬิกาฝังเพชรเรือนสวยที่ข้อมือเรียวเล็ก กุ๊กไก่มองอย่างตื่นตะลึง เธอรู้ว่าราคามันแพงขนาดไหน
“พี่เก่ง กุ๊กไก่ไม่กล้ารับ”
เขามองเธอทั้งอมยิ้ม
“ทำไมล่ะ ของฝากของพี่ไม่คู่ควรที่จะรับเหรอ”
“ไม่ใช่ค่ะ เกรงใจมันแพงเกินไป”
“คิดแบบนั้นเหรอคะ”
เธอพยักหน้า
“ใช่ค่ะ แพงเกินไป”
แต่ถึงจะพูดแบบนั้นใจก็อยากได้ เธอรู้ว่าเขารวยมากของแค่นี้ขนหน้าแข้งเก่งไม่ร่วงสักเส้น เผลอ ๆ เป็นเศษเงินเขาด้วยซ้ำ แต่ใจหนึ่งก็ไม่กล้ารับ
“คิดแบบนี้สิ เราไม่ได้เจอกันนานแล้วใช่หรือเปล่า ก็หารเป็นวันสิตกวันละไม่กี่บาทเองนะถ้าคิดแบบนั้น จะได้ไม่รู้สึกว่ามันแพงไป เช่น เราไม่ได้เจอกันมาปีกว่านับคร่าว ๆ เป็นหกร้อยวัน เอาราคามาหารหกร้อยก็ตกวันละไม่กี่บาทเอง”
เก่งทำเหมือนผู้หยั่งรู้ ว่าเธอจำนำพวกมันไปจนหมดแล้วถึงได้ซื้อนาฬิกามาให้เธอ กุ๊กไก่หัวเราะกับข้อเสนอของเขาเธอหารเลขไม่เก่ง แต่เมื่อหารเป็นวันแล้วสำหรับของฝากนี้ก็ไม่ถือว่าแพงเกินไปทั้งเธอยังปวดหัวเมื่อคิดถึงตัวเลข ดังนั้นจึงเลิกคิดเรื่องราคาไปเลยดีกว่า
“ก็ได้ค่ะ ก็พี่ไม่ให้ปฏิเสธใช่ป่ะคะ”
“ใช่ค่ะ อย่าทำให้คนที่อุตส่าห์ยืนเลือกจนขาแข็งเสียใจเลยนะ รับไว้เถอะ”
กุ๊กไก่ยอมแพ้ ไม่ใช่ยอมแพ้เก่งแต่ยอมแพ้ใจฝั่งชั่วร้ายที่อยากได้จนตัวสั่นของเธอ แน่ล่ะเธอไม่ใช่คนดีย่อมมีความคิดอยากครอบครองของสวยราคาแพงที่ตัวเองชื่นชอบ
“ขอบคุณมากนะคะ”
แสร้งทำเป็นจำใจเล็กน้อยนิดหนึ่ง เขาจะได้ไม่คิดว่าเธออยากได้จนตัวสั่น
ชายหนุ่มยิ้มกว้าง ดีใจที่เธอยอมรับเขาสักที
“แค่กุ๊กไก่ชอบพี่ก็ดีใจมากแล้วค่ะ คำขอบคุณไม่ต้องแล้ว”
กุ๊กไก่ราวกับกำลังเหยียบบันไดไต่ขึ้นไปบนสวรรค์ทีละขั้น ทีละขั้น เธอมีความสุขจนเท้าไม่ติดพื้นแล้ว
“ชอบมากค่ะ ชอบจริง ๆ ถึงเกรงใจมาก ว่าแต่ว่าพี่คิดยังไงซื้อนาฬิกามาฝากคะ”
เก่งจับมือของเธอ กุ๊กไก่ตกใจเล็กน้อย ว๊าย เขารุกไม่หยุดเลย เธอจะทำยังไงดี
“ก็เวลาที่กุ๊กไก่มองนาฬิกา เผื่อว่าจะคิดถึงคนให้บ้าง ก็เลยคิดซื้อมาให้ค่ะ”
ไอ้ห่า ไอ้หอกหัก อิกุ๊กฝันไปป่ะวะ นี่มันเจ้าชายชัด ๆ อร๊ายยยย เธออยากกระโดดโลดเต้นเข้าไปจูบเขามาก แต่ได้แต่สงวนท่าทีเอาไว้
“ขอบคุณค่ะ คิดถึงแน่นอนค่ะแพงขนาดนี้ ยิ่งต้องคิดถึง”
จากใจเลยล่ะ กุ๊กไก่ไม่ปิดบังอะไรแล้ว เก่งเองก็ดูพอใจเป็นอย่างมาก เขาเดินกลับไปนั่งที่เดิมอย่างคล้ายจะเสียดาย คุยกับเธอไม่กี่คำก็ได้เวลาที่ต้องออกจากห้างแล้ว
“เสียดายจังห้างก็กำลังจะปิด ถ้ากุ๊กไก่ไม่ว่าเราไปต่อกันดีป่ะคะ”
กุ๊กไก่ส่ายหน้า คิดถึงเงินเดือนของตัวเองที่อาจจะโดนอชิตัดจนไม่เหลือสักบาท แบบนั้นไม่ดีแน่
“ไม่ได้ค่ะ กุ๊กกลับดึกไม่ได้ เอาไว้พี่เก่งเคลียร์งานแล้วเสาร์อาทิตย์นัดเจอกันได้ค่ะ วันปกติกุ๊กต้องทำงานเหมือนกันค่ะ เป็นเลขาของสามีน่ะค่ะ”
กุ๊กไก่พูดคำนี้ไม่ขัดเขินเลยแม้แต่น้อยเพราะเธอชักจะชินที่เรียกอชิแบบนั้น แต่คนฟังกลับรู้สึกเจ็บแปลบอย่างประหลาด
“ได้ค่ะ ถ้างั้นพี่ไปส่งที่รถนะคะ”
“ค่ะ”
คนขับรถเดินมารอเธอที่หน้าร้านนานแล้ว หลังจากกุ๊กไก่ไลน์ไปบอกเขาตอนที่เข้ามาในร้าน เก่งเดินไปส่งเธอช้า ๆ เขามองข้อมือเรียวที่ใส่นาฬิกาของเขาอยู่อย่างมีความสุข