“พี่เก่งอย่าบอกนาชาและลูกเกดเรื่องอชินะคะ เดี๋ยวกุ๊กพร้อมจะเล่าเองค่ะ”
กุ๊กไก่กระซิบบอกเก่งหลังจากสามสาวเพื่อนรักร้องห่มร้องไห้และเพื่อนสาวทั้งสองของเธอต่างก็แยกย้ายกันไปที่ระเบียงเพื่อโทรหาสามี
เก่งยิ้มแล้วพยักหน้าเขาเองไม่คิดจะก้าวก่ายเรื่องของอชิอยู่แล้ ต่อให้กุ๊กไก่ไม่บอกเขาก็จะปิดปากสนิท
“ขอบคุณมากค่ะ พี่เข้าใจ”
เก่งนั่งลงที่เก้าอี้ข้างเธอเขาแล้วพยักหน้า
“ไม่ต้องห่วงพี่จะคอยมองห่าง ๆ ถ้าเกิดต้องการความช่วยเหลือพี่ขอแค่กุ๊กคิดถึงพี่ก็พอ”
สายตาที่แสดงออกถึงความจริงใจนั้นทำให้กุ๊กไก่รู้สึกผิด เธอรู้ตัวดีว่าไม่คู่ควรให้เขามาชอบ ทั้ง ๆ ที่ในตอนแรกคิดจะจีบเขาก่อนด้วยซ้ำ แต่ในตอนนี้เธอกลับคิดว่าตัวเองไม่เหมาะสมกับคนดี ๆ แบบเก่ง
เขาควรได้พบกับคนที่ดีพร้อมมากกว่าเธอ
“พี่เก่งคะ กุ๊กไม่ใช่คนดีเลยนะคะ กุ๊กไม่ดีพอ”
เก่งยิ้ม
“ดีเลวใครตัดสินล่ะ คนที่ไม่ดีพออาจจะเป็นพี่ก็ได้”
กุ๊กไก่ทั้งเกรงใจทั้งรู้สึกอึดอัดในความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเขา ยังไงเธอก็ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นเมียคนอื่นและเขาเองก็เฝ้าอยู่ข้างเตียงเธอไม่ห่างในขณะที่สามีของเธอหายหัวไปอย่างไร้ร่องรอยราวกับว่าอชิไม่เคยอยู่บนโลกใบนี้
ทุกอย่างที่เกี่ยวกับเขาเหมือนเป็นแค่ความฝันที่ทุกครั้งที่ตื่นขึ้นมามันมักจะสลายไปเสมอ
ดวงตาไหวระริกของกุ๊กไก่บ่งบอกถึงความไม่มั่นใจและหวาดหวั่น เก่งยิ้มอบอุ่นเขาไม่คิดจะกดดันเธอเลยสักนิด
“ถ้าไม่สบายใจก็คิดว่าพี่เป็นเพื่อนเหมือนนาชาและลูกเกดก็ได้ ดีหรือเปล่า”
“เพื่อน”
กุ๊กไก่ยิ้มแห้ง ๆ เพราะคำ ๆ นี้มันช่างเสียดแทงใจเธอเหลือเกิน มีอชิที่พยายามตอกย้ำสถานะว่าเขาและเธอเป็นเพียงเพื่อนมาคนหนึ่งแล้ว ยังมีพี่เก่งที่พยายามจะเป็นเพื่อนกับเธออีกเหรอ
แต่ผู้ชายคนนี้ด้วยสายตาอ่อนโยนที่กำลังมองมองเธอทำให้กุ๊กไก่ถึงกับพูดไม่ออก
“ก็ได้ค่ะ เพื่อนความสัมพันธ์แบบนี้บางทีอาจจะดีก็ได้”
จนกระทั่งเมื่อรู้สึกตัวกุ๊กไก่ก็ได้ยินเสียงกระแอมของนาชาและลูกเกดแล้ว พวกเธอคงกระแอมอยู่นานจนรู้สึกคอแห้งลูกเกดจึงเดินไปเปิดตู้เย็นหยิบโค้กกระป๋องออกมาโยนให้นาชาแล้วเปิดโค้กให้ตัวเอง
นาชาพูดเบา ๆ เหมือนเกรงใจที่ตัวเองกำลังขัดจังหวะของเก่งและกุ๊กไก่
“ขอโทษนะคะพี่เก่ง เรารู้สึกว่าพวกเราเป็นส่วนเกินยังไงไม่รู้ อยากจะอยู่กันสองคนหรือเปล่าเดี๋ยวเปิดโอกาสให้สักครึ่งชั่วโมง ชากับไอ้เกดจะไปซื้ออะไรข้างล่างหน่อย”
เก่งยิ้ม
“ไม่ต้องมาแซวพี่เลย สองคนคุยกับกุ๊กไปเถอะ พี่เองก็มีงานต้องทำมีคนมาเฝ้ากุ๊กไก่แบบนี้ค่อยเบาใจหน่อย”
ลูกเกดหัวเราะยังแซวเสียงใส
“โอ๊ย พูดยังกะว่าเป็นสามีของเพื่อนเกดไปแล้ว ลับหลังพวกเราพัฒนาไปถึงไหนกันแล้วคะ แต่งเลยหรือเปล่า”
เก่งไม่ตอบอะไรเพียงแต่ยิ้มรับในขณะที่กุ๊กไก่อยากจะตีก้นสองสาวปากมากให้เงียบลงหน่อย
“พวกแกหุบปากเลย พี่เก่งกับฉันไม่มีอะไรทั้งนั้นย่ะเราเป็นแค่เพื่อน”
สองสาวพยักหน้าแต่ใบหน้าสวยยังล้อเลียน ลูกเกดหัวเราะ
“จ้ะ แค่เพื่อนจ้ะ เชื่อแล้วจ้า”
เก่งเองกลับหน้าแดง ปกติเขาอยู่กับเควิลและลูเซียโน่ยังพอมีพรรคพวกแต่ตอนนี้เขาตัวคนเดียวแล้ว ถูกสองสาวจู่โจมจนเขาตั้งรับไม่ทันจึงได้รีบขอตัว
“พี่ไปก่อนนะครับ เดี๋ยวเราค่อยคุยกันพรุ่งนี้พี่จะมาเยี่ยมใหม่”
“ขอบคุณค่ะพี่เก่ง ถ้าไม่สะดวกก็ไม่ต้องมานะคะกุ๊กเกรงใจ”
นาชากลับหัวเราะ
“พี่เก่งมาแต่เช้าแวะซื้อโจ๊กฮ่องกงเจ้าประจำมาให้ด้วยนะคะ ชาอยากกินงานไม่ต้องไปทำกุ๊กบอกพี่เคนแล้วว่าห้ามใช้งานพี่เก่งเด็ดขาดช่วงนี้ พี่เคนรับปากแล้ว”
ลูกเกดสำทับ
“ใช่ค่ะพี่สมชายส่งคนมาช่วยพี่เก่งแล้วด้วย ทุกการเคลื่อนไหวของพี่เราสองคนรู้หมดแล้วอย่าหาข้ออ้างที่จะไม่มา”
เก่งส่ายหน้า
“ครับ ภรรยาของเจ้าของบริษัทและหุ้นส่วนใหญ่ทั้งสองคนสั่งมาแบบนี้ผมคนนี้จะไปไหนได้ล่ะครับ อีกอย่างผมก็ห่วงกุ๊กไก่เหมือนกัน”
เขาพูดเป็นงานเป็นการกระทั่งสองสาวพอใจ ในขณะที่กุ๊กไก่กลับเกรงใจจนพูดไม่ออก
เมื่อเก่งออกไปแล้วกุ๊กไก่จึงตำหนิเพื่อนเสียงเขียว
“พวกแกไปทำความลำบากให้พี่เก่งทำไมวะ ที่ผ่านมาเขาก็เฝ้าฉันจนไม่เป็นอันทำงานแล้ว”
นาชากลับไม่สนใจ
“พี่เก่งเขาเก่งขนาดนั้น เรื่องงานจัดการเรียบร้อยแกไม่ต้องห่วงหรอก เขามาเมืองไทยคราวนี้ก็เหมือนมาพักร้อนแค่แวะไปดูความเรียบร้อยเท่านั้น โชคดีที่เขามาช่วงนี้พอดีเรื่องมันเป็นยังไงถึงได้มานอนอยู่นี่แบบนี้ได้”
กุ๊กไก่เล่าให้เพื่อนฟังถึงอาการไส้ติ่งอักเสบของเธอ โดยเลี่ยงที่จะพูดถึงอชิไม่ต้องการให้เพื่อนรับรู้กลัวว่าตัวเองจะอดทนไม่ร้องไห้ต่อหน้าเพื่อนรักได้
“กุ๊กเอ๊ย น่าสงสารจังเลยว่ะ”
นาชาถอนหายใจ น้ำตาของเธอไหลออกมาอีก
“บ้าสิ อย่าร้องไอ้ชาจะร้องอีกทำไมวะ”
ลูกเกดว่าเพื่อนแต่ตัวเองกลับน้ำตาไหลเสียเอง หลังจากนั้นสามสาวก็ต่างคนต่างเบือนหน้าหนีเช็ดน้ำตาป้อย ๆ เหมือนเด็กน้อยในวัยเยาว์ กุ๊กไก่คลายสะอื้นจึงถามเพื่อนด้วยความห่วงใย
“นี่พวกแกมาได้ยังไงวะ ลูกอีก”
“นั่งเครื่องส่วนตัวมาน่ะ ลูกก็ทิ้งให้ผัวเลี้ยงไปก่อนงอแงบ้างเล็กน้อยแต่ไม่มีปัญหา”
นาชาพูดขึ้นลูกเกดพยักหน้า
“ใช่งอแงแล็กน้อยแต่ก็เอาอยู่”
กุ๊กไก่เลิกคิ้วถาม
“หมายถึงลูกพวกแกงอแงเหรอ”
ทั้งนาชาและลูกเกดส่ายหน้าตอบแทบจะพร้อมกัน
“ผัวน่ะ”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
กุ๊กไก่หัวเราะจนแผลสะเทือน “โอ๊ย ไอ้พวกบ้าฉันเจ็บแผลนะโว๊ย โอ๊ย มาขายขำอะไรตอนนี้ฟะ”
สองสาวจึงปาดน้ำตาหัวเราะตาม ไม่คิดว่าสามีของตัวเองจะเหมือนกันขนาดนั้น
“พี่เคนจะตามมาให้ได้ แต่ฉันยื่นคำขาดว่าให้ดูลูกให้ดี งอแงอยู่พักใหญ่จะหอบลูกมาด้วยแต่ฉันไม่ยอมกว่าจะยอมได้ก็ต้องดุกันเป็นชั่วโมง แล้วแกล่ะเกดพี่สมชายของแกอ่ะ”
ลูกเกดโบกมือ
“จะต่างอะไรกับของแกล่ะ บ้าบออ้อนอยู่นั่นแหละให้พามาด้วย ฉันก็ห่วงงานแทนเขาแต่เขาเหมือนไม่สนใจอะไรเลย สุดท้ายต้องดุกันเสียงเข้มไม่งั้นก็ไม่ยอมปล่อยฉันมาหรอก”
กุ๊กไก่ถอนหายใจ
“ฉันรู้สึกว่าเป็นตัวปัญหาให้พวกแกต้องเดือดร้อน”
ลูกเกดขยับขึ้นมานั่งบนเตียงกับกุ๊กไก่มองหน้าสดซีดเซียวแต่กระจ่างใสเหมือนเด็กมัธยมปลายของเพื่อนแล้วยิ้ม
“พูดมากน่า ที่ผ่านมาพวกเราก็เป็นตัวปัญหาของกันและกันมาตลอดไม่ใช่เหรอ”
กุ๊กไก่หัวเราะเบา ๆ เพราะยังเจ็บแผล นาชารีบพูดขึ้น
“ตอนนั้นที่แม่ฉันป่วยหนักก็เป็นฉันที่เป็นตัวปัญหา เงินไม่มีก็เพราะแกนะกุ๊กที่เปิดร้านกาแฟให้ฉันยังทำให้ฉันรู้จักกับพี่เคนอีก ได้ผัวดี ๆ ก็เพราะแก ตัวฉันสร้างปัญหาให้แกมากกว่านี้อีก”
ลูกเกดยิ้ม
“ใช่แกจำได้หรือเปล่าว่าสมัยนั้นฉันเปรี้ยวแค่ไหน ตบกับชาวบ้านไปทั่วก็เป็นแกที่วิ่งประกันตัวฉันไม่ต้องถูกขัง ตอนนั้นมีแต่แกที่ช่วยฉัน พวกเราต่างมีกันและกันมาตลอดไม่ใช่เหรอ”
กุ๊กไก่น้ำตาไหล ใช่ที่ผ่านมาเธอกับเพื่อนอยู่เคียงข้างกันมาตลอดแต่ตอนนี้มันต่างออกไปเพราะทุกคนต่างมีครอบครัวแล้ว เธอไม่อยากทำให้สามีของเพื่อนตำหนิได้ แต่ได้ยินเพื่อน ๆ พูดแบบนี้ก็ทำให้เธอสบายใจขึ้นและเธอตั้งใจจะทำร้านให้ดีไม่เป็นปัญหาของเพื่อน ๆ อีกต่อไป
ลูกเกดเห็นใบหน้าไร้สีเลือดของเพื่อนก็เกิดเป็นกังวลขึ้นมาอีก
“หน้าแกซีดมากเลยนะกุ๊กไม่เป็นอะไรแน่นะ”
กุ๊กไก่ส่ายหน้า
“ถ้าไม่เพราะแพ้ยาสลบคงออกจากโรงพยาบาลได้แล้วล่ะ คนผ่าตัดมานะจะให้หน้าแดงก่ำเป็นลูกตำลึงได้ยังไง”
นาชาขยับมาลูบผมที่มันแผล็บของเพื่อนทั้งยังมองกุ๊กไก่ด้วยความสงสาร
“แกไปอยู่เมืองนอกกับฉันนะกุ๊ก ที่นี่แกก็ไม่มีใครแล้ว เราไปเปิดร้านเล็ก ๆ กันช่วยกันทำงานเหมือนอยู่ที่เมืองไทย ฉันเองก็อยู่บ้านเฉย ๆ โคตรเบื่ออยากมีอะไรทำเหมือนกัน ถ้าแกไปอยู่กับฉันคงดีขึ้นมาก อีกอย่างพี่เก่งก็อยู่กับพี่โน่เป็นส่วนใหญ่แกกับเขาจะได้สานสัมพันธ์ด้วย ฉันเห็นนะแววตาที่เขามองแกคราวนี้มันแสดงออกชัดเจนว่าเขาคิดยังไง”
ลูกเกดเห็นด้วย
“ใช่ฉันเห็นด้วย ยังคิดเหมือนไอ้ชาเลยพวกเราทำร้านเล็ก ๆ ด้วยกันดีหรือเปล่าล่ะ พี่เก่งเขาก็ดีกับแกขนาดนี้ แต่ก่อนนะเพราะแกมีแฟนเขาเลยไม่กล้ายุ่งกับแกตอนนี้แกโสดแล้วลองคบกับเขาดีหรือเปล่า เผื่อว่าจะใช่คนที่แกตามหา”
กุ๊กไก่จับมือลูกเกดและนาชาเอาไว้ด้วยความซาบซึ้งใจ เธอในตอนนี้ไม่อยากจะเป็นภาระของเพื่อน ๆ อีกแล้ว
“แค่พวกแกทิ้งลูกทิ้งผัวนั่งเครื่องบินข้ามวันข้ามคืนมาหาฉันแบบนี้ก็เกรงใจมากแล้ว อย่าให้ฉันเกรงใจมากกว่านี้อีกเลยนะ ยังมีร้านกาแฟของเราอีกฉันไปไม่ได้หรอก ส่วนเรื่องพี่เก่งพวกเราคุยกันแล้วว่าจะเป็นแค่เพื่อนกัน”
“เพื่อนเหรอ”
สองสาวพูดแทบจะพร้อมกัน กุ๊กไก่พยักหน้า
“ใช่ เพื่อนเราสองคนคบกันในสถานะเพื่อนดีที่สุดแล้ว”