หลังจากออกจากโรงพยาบาลเก่งก็ไม่ได้กลับไปทำงานอีก เขาไม่ยอมคืนยางรัดผมให้กุ๊กไก่ และยังใช้มันมัดจุกตัวเองอย่างน่ารักดูอ่อนวัยเหมือนหนุ่มน้อยจริงๆ เขาตามกุ๊กไก่ไปที่ร้านกาแฟ และยังตามเธอแจไปที่สมัครเรียนชงกาแฟกับเธออีก
ลูกเกดกับลูเซียโน่บินไปทำงานต่อที่ต่างประเทศแล้ว คงเหลือเพียงเก่งที่บอกว่าจะพักยาวอีกสามเดือน แถมยังข่มขู่เควิลประธานกรรมการว่าถ้าไม่ให้พักจะลาออก
เควิลกลับตอบว่า “ไม่กลัวมึงลาออก แต่กลัวมึงพลาดคนดีๆ แบบกุ๊กไก่กูเลยให้โอกาสมึงตื๊อให้เต็มที่ เข้าใจนะ”
”ไม่ต้องห่วงกูเก่งขนาดนี้ถ้าพลาดกูยอมบวชเลยเอ๊า”
”ถุ๊ย คนไม่มีศาสนาแบบมึงอย่าทำให้ศาสนาเสื่อมเลย รีบๆจีบให้ติด อย่าไก่อ่อนจู่โจมเลย เสียชื่อชะมัด”
”เออกูบอกแล้วว่ากูเลิกเป็นสุภาพบุรุษแล้ว คราวนี้จะมัดมือชกเลยคอยดู”
หลังคุยกับบอสตัวจริงอย่างเควิลจบ เกงก็สบายใจทำตัวเป็นตังเมเกาะกุ๊กไก่โดยไม่สนใจว่าเธอจะรู้สึกรำคาญเขาหรือเปล่า
กุ๊กไก่ตั้งใจเรียนทำกาแฟอย่างเต็มที่ กระทั่งเรื่องภาษี เรื่องบัญชีร้านค้าเธอยังไปเทคคอร์สง่าย ๆ เพื่อเรียนรู้ โดยมีเก่งคอยแนะนำช่วยเธออีกแรง ทำให้เคื่องที่เคยยากสำหรับเธอกลายเป็นเรื่องง่ายดาย
”เครื่องมือมีเยอะค่ะ โปรแกรมสำเร็จรูปพวกนี้ทำให้เราสบายขึ้น”
หนึ่งปีที่ผ่านมาเพราะเขาทำให้ร้านกาแฟของเธอกลับมาขายดีอีกครั้ง ติ๊กหรือหมวยน้อยของเก่งก็ขยับตำแหน่งขึ้นเป็นผู้จัดการร้านเต็มตัว และติ๊กก็กลายเป็นผู้จัดการสาวสวยประจำร้านที่ฮอตมาก มีลูกค้ามาขายขนมจีบไม่เว้นวัน กุ๊กไก่เข้าร้านก็มักจจะพบดอกไม้ช่อใหญ่ตลอด
”ขอโทษด้วยนะคะพี่กุ๊ก ตอนนี้หมดยุคของพี่กุ๊กแล้วค่ะ หนูขออนุญาตรับมงต่อค่ะ”
”ย่ะ ถ้าไม่ใช่เพราะติ๊กไปบอกคนอื่นว่าพี่ทีแฟนแล้วรับรองพี่ยัวฮอตเหมือนเดิม”
ติ๊กทำหน้าหงอ “ก็พี่เก่งดีขนาดนั้นหนูไม่รับคนอื่นหรอกค่ะ พี่เก่งเหมาะกับพี่กุ๊กแล้วนะ”
กุ๊กไก่เขกมะเหงกติ๊กไปครั้ง เด็กสาวโวยวายยังแสดงละครว่าเจ็บมาก ก่อนจะหัวเราะแล้ววิ่งไปประจำตำแหน่งบาริสต้าเมื่อลูกค้าเข้าร้าน
กุ๊กไก่ยิ้มด้วยความสดชื่นในตอนนี้เธอที่ผ่านความทุกข์ยากมาพร้อมกับติ๊กจึงรู้สึกเอ็นดูเด็กคนนั้นเหมือนเป็นน้องสาวแท้ ๆ ของตัวเองไปแล้ว เด็กดีซื่อสัตย์หาไม่ง่ายเลยในสังคมนี้
เพราะชีวิตที่วุ่นวายในแต่ละวันทำให้กุ๊กไก่ลืมอชิได้ในที่สุด แม้จะคิดถึงบ้างในบางครั้งแต่มันก็ไม่เจ็บปวดแล้ว เพียงแต่เกิดความสงสัยว่าเขาหายไปไหนกัน แต่ก็ไม่ได้มีความใคร่รู้เหมือนอย่างที่ผ่านมา
เดือนนี้ที่ร้านทำยอดขายได้ทะลุเป้าหมายกุ๊กไก่จึงเพิ่มวันหยุดร้านพิเศษหนึ่งวัน ร้านที่ปกติจะหยุดวันอาทิตย์ แต่คราวนี้กุ๊กไก่หยุดให้พนักงานในวันเสาร์ด้วย เพื่อพาไปเลี้ยงฉลองและแจกโบนัสวันสิ้นปีไปพร้อม ๆ กัน
”เราจะไปเที่ยวทะเลกัน วันศุกร์ให้ทุกคนมาพร้อมกันนะทุกคน”
หลังจากปิดร้านกุ๊กไก่แจ้งข่าวดีให้เด็กๆ รู้ เสียงเฮของทุกคนดังขึ้น ตอนนี้เธอมีพนักงานในร้านทั้งหมดหกคนที่มาจากต่างถิ่น อายุพอ ๆ กันและขยันขันแข็ง
คงต้องขอบคุณกฏเกณฑ์ที่เก่งเข้ามาช่วยวางในร้าน ให้แต่ละคนรู้จักรักร้าน จูงใจด้วยความมั่นคงโดยมีผลตอบแทน ี่ดีเป็นส่วนประกอบ เก่งถนัดเรื่องวางโครงสร้างบริหารนอยู่แล้ว
ยิ่งร้านเล็กๆ เขาจัดการแป๊บเดียวก็เออยู่ โดยคราวนี้กุ๊กไก่ไม่ขี้เกียจที่จะเรียนรู้ ไม่นานเธอก็เป็นเจ้าของร้านที่น่าเชื่อถือและเด็ก ๆเกรงใจ เปลี่ยนจากคนเดิมที่เหมือนคนง่อยเปลี้ยเสียขา ทำอะไรไม่เป็น กลายเป็นคนรู้ทุกเรื่องภายในร้านโดยละเอียดและทำเป็นทุกอย่างจนไม่มีใครสามารถโกหกและคิดโกงเธอได้อีก
หลังปิดร้านตอนห้าโมงเย็นทุกคนก็พร้อมแล้วที่จะออกเดินทาง โดยที่เก่งจัดหารถตู้ให้พนักงานของกุ๊กไก่เดินทางไปด้วยกัน ส่วนเขากับกุ๊กไก่แยกนั่งรถลิมูซีนคันโตที่หาได้ยากบนถนนในเมืองไทยกันเพียงลำพัง
เก่งเปิดประตู้ให้กุ๊กไก่ขึ้นไปนั่งก่อนที่เขาจะตามขึ้นไป คนรถค่อย ๆ เคลื่อนรถออกจากตัวตึกช้า ๆ กระทั่งวิ่งเข้าสู่เส้นทางการจราจรของวันศุกร์ที่คับคั่ง
“พี่ทำดีหรือเปล่าคะ”
เก่งขยับเข้าหากุ๊กไก่จนร่างชิดกันกุ๊กไก่ไม่ได้ขยับหนีเพราะตัวของเธออีกข้างติดกับประตูรถอีกฝั่งเสียแล้ว หัวใจของเธอเต้นแรงขึ้นเมื่อเขาจับเส้นผมที่ระข้างแก้มมาทัดหูให้อย่างอ่อนโยน
“ว่าไงคะคนดีของพี่ พี่ทำดีหรือเปล่าคะ”
เสียงทอดยาวนุ่มทุ้มของเขาที่จงใจประดิษฐ์ขึ้นมาหรือเพราะเป็นไปโดยธรรมชาติในตอนนี้กุ๊กไก่ก็ไม่รู้ได้ทำให้เธอยิ่งรู้สึกอ่อนระทวย น้ำเสียงของเธอที่ตอบเขาออกไปจึงค่อนข้างสั่นและเบาหวิว
“ดีค่ะ ขอบคุณนะคะที่เป็นธุระให้”
“แค่คำขอบคุณเหรอคะ พอเหรอ”
เก่งเอียงคอใบหน้าหล่อเหลาอยู่ใกล้เธอแค่คืนเธอยังได้กลิ่นเปปเปอร์มิ้นท์จาง ๆ ออกจากลมหายใจของเขาเพราะชามิ้นท์ต์ที่เธอชงให้ดื่มก่อนออกมาจากร้านนั่นเอง
“แล้วพี่เก่งอยากได้อะไรล่ะคะ ถ้าไม่ใช่…”
เขาใช้นิ้วชี้ปิดปากของเธอก่อนจะพูดขึ้นอย่างรู้ทัน
“ไม่เอาคำว่าตัวและหัวใจคำนี้นะ พี่บอกกุ๊กไก่แล้วไม่ใช่เหรอว่าพี่จะรุกแล้ว พี่เก่งไม่ใช่คนดีอย่างที่กุ๊กไก่คิดไม่ว่าตัวหรือหัวใจพี่เก่งก็จะเอาทั้งหมด เข้าใจหรือเปล่าคะ”
กุ๊กไก่แทบจะกลั้นหายใจ ถ้าเป็นเมื่อก่อนด้วยคำพูดของเขาแบบนี้เธอคงจะผลักเขาออกไปโดยไม่คิดอะไรแล้ว แต่ตอนนี้เขากำลังทำให้เธอขัดเขินจนตัวแทบจะบิดเป็นมนุษย์ไร้กระดูกไปแล้ว
“ปกติพี่เก่งดีกับกุ๊กนี่คะ ที่พูดออกมาแบบนี้จะแกล้งกันใช่หรือเปล่า”
เขาส่ายหน้าช้า ๆ ดวงตาที่เอาแต่จ้องหน้าเธอคล้ายกับมีแสงระยิบระยับอยู่ในนั้น
“ไม่ได้แกล้วและไม่ได้คิดดีเลยแม้แต่น้อย พี่คิดข่มเหงกุ๊ก และพี่จะเอาแต่ใจตัวเอง”
กุ๊กไก่ขยับตัวถอยห่างเมื่อเขาตามมาชิดจนเป่าลมหายใจรดใบหน้าของเธอและยังจ้องริมฝีปากของเธอโดยไม่เกรงใจ ท่าทางดุร้ายนั้นกลับกระแทกใจเธอเป็นอย่างมาก มือของเขายังอยู่ที่ช่วงเอวของเธอและค่อย ๆ ลูบไล้เบา ๆ จนความร้อนจากฝ่ามือส่งผ่านเสื้อผ้าเข้าสู่ร่างกาย
กุ๊กไก่แสร้งหัวเราะแล้วพูดตะกุกตะกัก
“พี่เก่งไม่อ่อนโยนแล้วเหรอคะ ว๊าแย่จัง กุ๊กชอบพี่เก่งคนเดิมมากกว่าค่ะ”
มือของหญิงสาวตอนนี้ก็ไม่รู้จะวางไว้ตรงไหนดี สายตาของเขาทำให้เธอขัดเขินจนอวัยวะในร่างกายตอนนี้ดูเหมือนจะเกะกะไปหมดแล้ว
เมื่อเก่งเห็นท่าทางตื่นตูมของเธอทำให้เก่งยิ่งอยากจะขย้ำเธอให้รู้แล้วรู้รอด เขาครางในลำคอแผ่วเบาและพูดขึ้นอย่างเอาแต่ใจ
“ไม่รู้ล่ะ ยังไงพี่ทำดีก็ต้องได้รับรางวัล ตอนนี้พี่พูดจริง ๆ ว่าพี่อยากได้กุ๊กใจจะขาดอยู่แล้ว ทั้งตัวและหัวใจ จะให้พี่ได้หรือเปล่าคนดี”
“พี่เก่ง”
กุ๊กไก่ตกตะลึงไม่คิดว่าเขาจะจู่โจมเธอด้วยคำพูดแบบนี้ ตั้งแต่หัวฟาดพื้นมาเก่งเปลี่ยนไปจริง ๆ เหมือนเขาจะแสดงตัวตนที่แท้จริงของเขาให้เธอเห็นมากขึ้น
ด้านมืดของเขาที่ไม่ใช่สุภาพบุรุษอย่างที่เธอคิดแต่เธอกลับไม่คิดหลบหนี เธอกำลังเสพติดเขาอย่างช้า ๆ โดยที่เธอเองก็ไม่รู้ตัว
และแล้วเก่งก็ทำอย่างที่ใจคิด มือของเขาคว้าร่างของกุ๊กไก่เข้ามานั่งบนตัก
“พี่เก่งคะ ทำอะไรคะ”
เก่งยิ้มยั่ว
“ขอรางวัลค่ะ นางฟ้าของพี่จะให้รางวัลสักหน่อยไม่ได้เหรอคะ”
กุ๊กไก่แสร้างไม่รู้ว่าเขาต้องการอะไร
“พี่เก่งจะเอาอะไรคะ”
เก่งจับมือของเธอขึ้นมาแล้วปัดผ่านด้วยริมฝีปากเบา ๆ นั่นทำเอากุ๊กไก่ขนลุกซู่
“แค่นี้เหรอคะ”
“ไม่ค่ะ พี่อยากได้จูบตรงนี้”
เขาจับนิ้วเรียวของเธอชี้เข้าที่ริมฝีปากของเขา “ให้ได้หรือเปล่าคะ”
กุ๊กไก่หัวใจระทึก เธอจูบที่มุมปากของเขาเบา ๆ
“นี่ค่ะรางวัลขอบคุณค่ะ”
คิดว่าเขาคงพอแล้วและคงปล่อยเธอให้นั่งดี ๆ แต่ตอนนี้แววตาของเก่งไม่ได้เป็นอย่างที่เธอคิด มันเต็มไปด้วยอารมณ์หื่นกระหายเป็นอย่างยิ่ง
“ไม่พอค่ะ ไม่พอเลย”
เขาพูดก่อนจะฉกริมฝีปากเข้ามาหาเธออย่างว่องไวกุ๊กไก่ไม่ได้ผลักเขาอย่างที่ใจคิด เพียงสัมผัสร้อนแรงของเขาก็ทำให้เธอร่างกายอ่อนระทวยยินยอมรับสัมผัสที่ดุดันและเสน่ห์ที่ไม่สามารถต้านทานของเก่งได้อีกต่อไป
จูบร้อนแรงของเขากำลังเผาร่างของกุ๊กไก่ช้า ๆ เธอไม่สามารถต้านทานได้อีกต่อไปเมื่อในตอนนี้เธอเต็มใจรับเขาเข้ามาอย่างเต็มใจด้วยการอ้าปากแลบลิ้นกับเขาพัลวัน
มือของเก่งที่โอบรอบหลังของเธอกำลังล้วงเข้าไปในเสื้อยืดรัดรูปตัวบางที่อวดความใหญ่โตของเนินเนื้อให้เด้งออกมา เขาลูบจนกระทั่งพบตะขอเสื้อชั้นในก่อนจะปลดออกด้วยความชำนาญ
“อื้อ พี่เก่งคะ”
กุ๊กไก่ได้สติเมื่อบราของเธอหลุดลงมาจากบ่า ในขณะที่มือซุกซนของเก่งกลับไม่รอช้า เขากางนิ้วออกแล้วเฟ้นฟอนเต้าคู่งามอย่างรุนแรง
“กุ๊ก พี่ต้องการกุ๊ก”
เขายังคงบดเบียดริมฝีปากไม่ยอมให้เธอได้พัก กุ๊กไก่ถูกเขารุกไล่รุนแรงดูเหมือนว่าเก่งจะไม่ยอมหยุดเสียแล้ว
“พี่เก่งคะ ในรถนะคะ ที่นี่ยังมีคนขับรถอยู่นะคะ”
เธอพยายามผลักเขาอย่างกระดากอายแต่ครั้งมองไปที่คนขับรถด้านหน้าก็พบว่าเขาได้กดปุ่มกระจกกั้นระหว่างคนขับและผู้โดยสารเรียบร้อยแล้ว กุ๊กไก่เห็นแบบนี้ถึงกับหน้าเหวอพูดไม่ออกเลย
“ไม่มีใครเห็นแล้ว”
น้ำเสียงแหบห้าวดังขึ้นเมื่อเขาฟุบหน้าลงตรงซอกคอของเธอ กุ๊กไก่สัมผัสได้ถึงปลายลิ้นนุ่มร้อนที่กำลังลูบไล้เนื้อนุ่มนิ่มของตัวเองอยู่ ในขณะที่มือของเขาทั้งสองข้างกำลังเฟ้นฟอนเต้านมของเธอด้วยความโหยหิว
“พี่เก่งคะ หยุดก่อน”
น้ำเสียงของกุ๊กไก่ที่คล้ายจะโกรธและเอาเรื่องทำให้เก่งหยุดขยับ เขาดึงมือออกมาแล้วคล่อมร่างของเธอเอาไว้ สองคนต่างมองตากันและกัน ใบหน้าของคนทั้งคู่แดงก่ำพยายามสะกดกั้นอารมณ์อย่างเต็มที่
“ถ้าพี่ทำจะเกลียดพี่หรือเปล่าคะ”
ดูเหมือนริมฝีปากของเธอจะแดงและบวมเจ่อ ยิ่งทำให้เขาคุ้มคลั่งขึ้นไปอีก เพราะกำลังข่มอารมณ์ที่เดือดพล่านของตัวเองอย่างหนัก
“ว่าไงคะ ถ้าพี่ทำกุ๊กไก่จะเกลียดพี่หรือเปล่าคนดี”