ตอนที่ 1320 – การมาของศัตรูตัวฉกาจ
ซือหยูเลิกคิ้ว
หา?นางเป็นเซียนขั้นสี่แล้วรึ?
แน่นอนของชั้นดีถูกส่งให้นางเป็นอันดับแรก และด้วยพลังวิหคเพลิงมรณะ ความเร็วในการบ่มเพาะของนางจึงทวีคูณ!
ถ้าหากนางไม่จงใจควบคุมเอาไว้หากฎีกาสวรรค์ของนางรวมตัวกันเมื่อใด นางคงจะกลายเป็นว่าที่เทพไปแล้ว
ซือหยูดีใจมากเซี่ยนเอ๋อกำลังจะกลายเป็นเทพโดยที่เขาไม่รู้ตัวเลย
ตั้งแต่ที่เขาเข้าสู่จักรวาลเขาไม่มีเวลาเจอเซี่ยนเอ๋อเลย ซือหยูรู้สึกผิดอยู่ในใจ
ในโลกที่นางอยู่ยากที่นางจะกลายเป็นเทพได้ด้วยตัวเอง แต่ในอีกไม่นาน เจ้าจะได้ภรรยาเป็นว่าที่เทพแล้วล่ะ
เพื่อตอบแทนน้ำใจเทพกิเลนได้ทุ่มเทดูแลฉินเซี่ยนเอ๋อเป็นพิเศษ ขอบคุณเจ้ามาก!
ซือหยูพูด
ข้าก็แค่ตอบแทนเจ้าโอ้ จริงด้วย เซียนขาวดำกำลังจะเป็นว่าที่เทพขั้นต้นแล้ว
ช่วงนี้ทั้งสองกำลังเสริมการบ่มเพาะพลังคนอื่นอีกหลายคนเองก็ใช้จิตวิญญาณเทพที่เจ้าหามาเพื่อใช้เป็นว่าที่เทพ
อีกไม่นานจิวโจวจะเต็มไปด้วยเทพ
เทพกิเลนกล่าวด้วยความตื่นเต้น
ซือหยูพยักหน้า
เจ้าตัดสินใจเรื่องในจิวโจวได้ตามใจข้าจะไม่ยุ่งเกี่ยว
เทพกิเลนมองซือหยูไม่วางตา
ซือหยูเจ้าคงคิดว่าแปลกที่สัตว์ประหลาดอย่างข้าสร้างมนุษย์ขึ้นมา
ซือหยูสงสัยมาโดยตลอด
โลกที่สร้างจากเทพมักจะมีเผ่าพันธุ์ของเทพผู้สร้างเป็นต้นแบบ แต่เทพกิเลนเป็นข้อยกเว้น
แต่ซือหยูไม่เคยสนใจเหตุผลนักจากน้ำเสียงของเทพกิเลน ซือหยูคิดว่ามันมีเหตุผลซ่อนอยู่
ข้าเคยสงสัยแต่มันสำคัญรึ?
ซือหยูถาม
เทพกิเลนพยักหน้าอย่างตั้งใจ
ใช่แล้วสำคัญมาก! ข้าสร้างมนุษย์ขึ้นมาตามคำขอของคนอื่น
หืม?ผู้ใดกัน?
ซือหยูถามด้วยความสงสัย
เทพกิเลนตอบ
เขาคือผู้ครองใต้หล้าคนสุดท้ายบนโลกที่ซ่อนตัวอยู่ในจักรวาลข้าเชื่อว่าเจ้าจะได้พบเขาในอีกไม่นาน ในระหว่างที่การรุกรานของอสูรมาถึง
ผู้ครองใต้หล้ารึ?ซือหยูอ้าปากค้าง
ผู้ครองใต้หล้าจากยุคสมัยที่เคยรุ่งเรืองในอดีตยังคงมีตัวตนอยู่ในจักรวาล!
เขาคือสุดยอดที่สามารถทำลายโลกได้มากกว่าร้อยใบด้วยดัชนีเดียวตามบันทึกที่ว่าไว้
ซือหยูขนลุกไปทั้งตัว
เหตุผลที่สั่งให้เจ้าสร้างมนุษย์คืออะไรกัน?
ซือหยูถาม
เทพกิเลนส่ายหน้า
ข้าพูดไม่ได้เพราะคำสัญญาหากเจ้าได้พบเขาคนนั้นเมื่อใด เขาคงจะบอกเจ้าด้วยตัวเอง
เมื่อพูดจบเทพกิเลนจากไปโดยไม่พูดอะไรอีก
ซือหยูยืนนิ่งอยู่กับที่เป็นเวลานาน
เขาได้รับรู้ความลับอย่างไม่ทันตั้งตัว
วิถีศรัทธาที่เทพปีศาจพูดถึง…
ผู้ครองใต้หล้าแห่งโลกที่เทพกิเลยกล่าว…
ทั้งสองความลับถือเป็นเรื่องสุดยอด
ซือหยูสะบัดหัวลืมความคิดนี้ไปเขากำลังจะต้องต่อสู้
เทพอสูรเก้าคนปรากฏกายออกมา
มีทั้งองค์ชายหนึ่งองค์หญิงสอง องค์หญิงหก และเทพอสูรเจ้าเมืองอีกหกคน
ข้ามีข่าวดีกับข่าวร้ายเจ้าอยากจะฟังข่าวไหนก่อนล่ะ?
เทพอสูรทั้งเก้ายังไม่ทันตั้งตัวเป็นองค์หญิงหกที่ตอบสนองได้คนแรก
ข้าขอฟังข่าวดีก่อนแล้วกัน
ข่าวดีคือพวกเจ้าจะได้รับการปลดปล่อยในอีกไม่นาน
องค์ชายหนึ่งกับองค์หญิงหกหยุดนิ่งไปชั่วขณะองค์หญิงหกโพล่งออกมา
จริงเรอะ?
แต่ทันทีที่นางรู้ตัวว่าซือหยูยังไม่พูดถึงข่าวร้ายนางก็ถามด้วยความเคร่งเครียด
ข่าวร้ายเจ้าน่ะร้ายแค่ไหนกัน?
ร้ายมากร้ายที่สุดเชียวล่ะ
เจ้าจะพูดอะไรกันแน่?
ศาลอสูรที่ตามล่าเรามาถึงแล้วนำโดยเทพอสูรหกวิถี!
แกร๊ง!
องค์ชายหนึ่งเหม่อลอยในทันทีกระบี่อสูรหลุดออกจากมือเมื่อเขาตัวสั่น เขาตกใจ
เจ้าไม่ได้ล้อเล่นใช่ไหม?
ฟึ่บ!
ซือหยูแสดงภาพฉายของเทพอสูรหกวิถี
รัชทายาทั้งสามเบิกตากว้างใบหน้าเศร้าหมอง
เทพอสูร…หกวิถี!
เหล่ารัชทายาล้วนได้รับการบ่มเพาะมาจากเทพอสูรหกวิถี
ภาพจำของเทพอสูรหกวิถีในใจของเหล่ารัชทายาทคือผู้ที่แข็งแกร่งและมิอาจเอาชนะได้เลยไม่ต่างกับภูเขาขนาดมหึมาที่ไม่วันพิชิตได้
ไม่มีรัชทายาทคนใดคิดเลยว่าเทพอสูรหกวิถีจะมาตั้งแต่แรก
ด้วยสภาวะของแดนอสูรในขณะนี้เทพอสูรหกวิถีจำเป็นต้องอยู่ที่แดนอสูรเพื่อปราบจลาจลที่เกิดขึ้นในแดนอสูร
ใยถึงได้ถูกส่งมาทำภารกิจข้างนอกกัน?
องค์หญิงหกโศกเศร้า
ข่าวร้ายที่เจ้าพูดถึง…ต่อให้พวกข้าเป็นอิสระพวกข้าก็อาจไม่ได้มีชีวิตอยู่เพื่ออิสรภาพที่ได้มาสินะ?
ซือหยูพยักหน้า
อย่างที่เจ้าพูดนั่นแหละ
องค์ชายหนึ่งและองค์หญิงหกสีหน้าหม่นหมอง
แม้แต่พวกเจ้าก็ไม่คิดจะต่อสู้งั้นรึ? ซือหยูถอนหายใจ
องค์หญิงหกหัวเราะด้วยความขื่นขม
เจ้าไม่รู้ว่าเทพอสูรหกวิถีแข็งแกร่งเพียงใจต่อให้พวกข้ารวมพลังกัน เทพอสูรหกวิถีก็อาจไร้รอยข่วน
แล้วอย่างไรเล่า?เจ้ารู้แล้วว่าสุดท้ายต้องตาย เจ้าเลยเลือกนั่งรอความตายงั้นรึ?
ซือหยูพูดจี้จุดนาง
เทพพันธมิตรประจิมไม่มีโอกาสต่อกรเลยพวกเขาจึงกลับไป แต่พวกเจ้าจะหนีไปได้ด้วยรึ? อย่าบอกข้านะว่าพวกเจ้าไม่รู้ว่าเทพอสูรหกวิถีกำลังตามล่าใคร!
ความแตกตื่นในแววตาองค์ชายหนึ่งเลือนหายไปเขาลูบกระบี่อสูรในมืออย่างดุร้าย
เจ้าพูดถูกการหนีไม่ใช่วิธีที่ได้ผล ต่อให้พวกเราจะตาย ข้าจะใต้กระบี่ของข้าเอาเลือดมันออกมาให้ได้ ต่อให้เป็นเทพอสูรหกวิถีก็ตาม! องค์หญิงหกหัวเราะอย่างเศร้าโศกนางเองก็ทำใจได้ช้า ๆ กลัวไปแล้วจะได้อะไรขึ้นมา?
แม้แต่องค์หญิงสองก็ถอนหายใจอย่างหมดหวัง
จะอย่างไรพวกเราก็หนีไม่ได้อยู่แล้ว!
ส่วนพวกเจ้า…
ซือหยูมองเทพอสูรเจ้าเมืองทั้งหก
พวกเขาเหลือบมองกันทุกคนคิดที่จะยอมแพ้
ทั้งหกมิได้อยู่ในการควบคุมของซือหยูทั้งหกติดตามซือหยูเพราะซือหยูทำให้พวกเขาหลบหนีออกมาได้สำเร็จ
แต่ชีวิตของซือหยูและรัชทายาทกำลังแขวนอยู่บนเส้นด้ายจะมีเหตุผลอะไรให้ติดตามทั้งสี่คนต่อไปเล่า?
ตามพันธมิตรประจิมไปซะฉีเหมินเจี้ยนกับหลินหลางฟานจะรับรองพวกเจ้าเอง
อสูรเจ้าเมืองทั้งหกราวกับได้รับความช่วยเหลือเมื่อได้ฟังคำพูดของซือหยูทั้งหกโค้งคำนับให้ซือหยูด้วยความสำนึกขอบคุณและเดินทางออกไปทันที
แม้จะเป็นความเลื่อมใจจากเทพเช่นเดียวกันมันก็ไม่ทำให้เปิดปรากฏการณ์ประหลาดขึ้น จิตวิญญาณเทพของซือหยูไม่ได้แข็งแกร่งขึ้นเลยแม้แต่น้อย
รัชทายาททั้งสามมิได้ปฏิเสธที่ซือหยูให้อสูรทั้งหกหนีไป
เทพอสูรหกคนนั้นอ่อนแอเกินไปสำหรับเทพอสูรหกวิถีทั้งหกไร้ประโยชน์และอาจตายอย่างไร้ค่า
เอาล่ะเตรียมตัวให้พร้อม จะเป็นตายก็ขึ้นอยู่กับเทพอสูรหกวิถี
องค์หญิงหกหายใจเข้าลึกนางกำลังทำใจ
องค์ชายหนึ่งกับองค์หญิงสองพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับความตายแล้ว
ตายรึ?พวกเราไม่จำเป็นต้องตาย หากจัดการให้ดี เราจะยังมีโอกาสรอดชีวิต…
ซือหยูปลอบเหล่าอสูร
อะไรนะ?จะมีทางรอดชีวิตหรือถ้าต้องเผชิญหน้ากับเทพอสูรหกวิถี?
ถ้าหากคนอื่นพูดเหล่ารัชทายาทก็คงไม่เชื่อ แต่ถ้าหากเป็นซือหยู พวกเขาเริ่มเกิดความหวัง
ทุกอย่างที่เคยผ่านพ้นร่วมกับซือหยูทำให้เหล่ารัชทายาทเชื่อว่าชายหนุ่มผู้นี้มีพลังในการสร้างปาฏิหาริย์
คำพูดของเขามักจะกลายเป็นความจริง
ตัวอย่างเช่นเรื่องที่เกิดขึ้นในพันธมิตรประจิมซือหยูบอกเทพกงซุนว่าถ้าหากเขาขอโทษอย่างจริงใจ เรื่องราวจะจบลงเช่นนั้น
ในตอนนั้นทุกคนคิดว่าซือหยูอวดดีราวคนบ้าไม่ใช่รึ?เซียนต่ำต้อยหนึ่งคนไร้ยางอายจนไม่กล่าวขอโทษต่อเทพ
แต่ผลที่ตามมากับเทพกงซุนนั้นไม่มีใครคาดคิดได้ พันธมิตรประจิมแทบจะพลิกเป็นอีกพันธมิตรเขาที่เป็นคนนอกได้ครองตำแหน่งเจ้าพันธมิตรและปกครองพันธมิตรประจิมได้สำเร็จ
จนถึงตอนนี้หากเขาพูดว่ายังมีหวังที่จะรอดชีวิต เหล่ารัชทายาทจึงมีกำลังใจขึ้นมาอีกครั้ง
เจ้าบอกว่าเราจะไม่ตาย?เจ้ายังมีโอกาสรอดสินะ?
องค์หญิงหกยอมรับในตัวซือหยูแต่เสียงที่นางถามดูไม่เชื่อใจนัก
ซือหยูยิ้มอย่างสงบ
ข้าหมายถึงเราจะไม่ตายแต่พวกมันจะตาย!
องค์ชายหนึ่งเบิกตากว้างจนแทบจะหลุดจากเบ้า
เจ้าพูดถึงเทพอสูรหกวิถีเรอะ?
ใช่!หากจัดการให้ดี เราจะฆ่ามันได้!
รัชทายาททั้งสามตัวแข็งทื่อสังหารเทพอสูรหกวิถี? พวกเขาไม่กล้าคิดถึงเรื่องนี้ด้วยซ้ำ!
แต่เทพอสูรหกวิถีแข็งแกร่งมาก….
องค์หญิงหกตัวสั่นนางรู้สึกว่าแผนที่กำลังจะทำนั้นยากกว่าการหนีจากแดนอสูรอย่างปาฏิหาริย์เสียอีก
ซือหยูตอบ
มันไร้เทียมทานก็จริงแต่พลังสุดยอดย่อมแตกต่างกันในสถานที่ หากเป็นที่อื่น ข้าคงจะไม่มีพลังเหนือมัน แต่ที่นี่…
ซือหยูก้มลงมองสระสวรรค์ใหญ่ยักษ์ด้านหลังเขาหัวเราะเบา ๆ
ที่นี่…มันไม่ได้ไร้เทียมทาน!
โลกทุกใบถูกเคลื่อนย้ายไปแล้วสระสวรรค์ทอดยาวผ่านจักรวาลจนไม่เห็นขอบ
วารีสีขาวนวลปล่อยระลอกคลื่นอย่างแผ่วเบา
นี่มัน…สระสวรรค์แห่งพันธมิตรประจิม? รัชทายาทแห่งแดนอสูรย่อมรู้เรื่องเก่าแก่มาบ้าง
มันไม่ใช่ความลับที่มีสระสวรรค์อันน่ากลัวอยู่ใต้พันธมิตรประจิม
แต่การใช้สระสวรรค์ต่อศัตรูนั้นทำไม่ได้ไม่ใช่รึ?
นายท่านเทพอสูรหกวิถีรู้อยู่แล้วว่าสระสวรรค์กลืนกินได้ทุกสิ่ง การใช้สระสวรรค์กับเขาไม่น่าจะใช่ความคิดที่ดีนัก
ซือหยูยิ้มอย่างมีเลศนัย
ถ้ามันรู้แล้วจะทำไมเล่า?เพราะมันรู้นั่นแหละ ข้าถึงปรับอุบายได้ไม่ยาก!
ฟึ่บ!
ทั้งสี่ก้าวพริบตาไปที่กลางสระสวรรค์อยู่เหนือสระสวรรค์เพียงไม่ถึงสิบศอก
รัชทายาททั้งสามแตกตื่นและระวังตัวขึ้นมา
จงทำตามแผนของข้าอย่างเข้มงวดแผนเป็นเช่นนี้… ซือหยูอธิบายช้าๆ
…
เมื่อฟังจบรัชทายาททั้งสามตัวแข็งทื่อ
มีของแบบนั้นอยู่ด้วยรึ?
ซือหยูเพียงยิ้มกริ่มเหล่ารัชทายาทตื่นเต้น บางทีพวกเขาอาจกำจัดศัตรูได้ก็ได้!
เวลาผ่านไปทีละน้อย
คำสาปบนอกซือหยูรุนแรงขึ้นรอยกะโหลกอสูรกำลังโผล่ขึ้นมา มันสัมผัสได้และกำลังจะออกจากร่างของซือหยู
พวกมันใกล้เข้ามาแล้ว!
ต่อให้ยังไม่เห็นตัวท้องนภาที่มีหมู่ดาวรายล้อมได้จมลงสู่ความเงียบงัน
เหล่าสัตว์อสูรที่มักจะร่อนเร่ในจักรวาลต่างหนีหายไป
พวกมันตัวสั่นด้วยความกลัวแม้กล้าแม้จะเปิดเผยพลังของตัวเองออกมา ราวกับมีสิ่งที่น่าสะพรึงกลัวถึงขีดสุดกำลังคืบคลานเข้าใกล้
หนึ่งชั่วยามผ่านไป…
สายลมพัดพาผ่านจักรวาล
ระลอกเล็กๆ แผ่เข้าสู่ความมืดมิด
ครึ่งชั่วยามผ่านไป…
ระลอกบนจักรวาลรุนแรงขึ้น
ครึ่งชั่วโมงผ่านไป…
ระลอกได้กลายเป็นคลื่นสูงเท่าครึ่งตัวคน!
ในเวลาต่อมา…
คลื่นยักษ์สูงร้อยศอกได้เกิดขึ้นในจักรวาล!
อีกไม่กี่นาทีต่อมา…
ระลอกคลื่นที่เคยมาถึงในทีแรกได้กลายเป็นคลื่นยักษ์สูงเสียดฟ้า!
เมื่อมองทะลวงผ่านคลื่นไปจะเห็นเมฆาแดงที่เห็นได้อย่างชัดเจนมันกำลังเข้ามาอย่างรวดเร็ว