มุกดาอยู่ที่หน้าประตูได้ยินเสียงทะเลาะของธีรนัยน์สองแม่ลูก เธอหิ้วของยืนอยู่ที่หน้าประตู ตอนนี้กลับไม่รู้ว่าตัวเองควรเข้าไปดีหรือเปล่า
บุณยอรกับธีรนัยน์พูดกันจบ พอเธอหันหน้าไปก็เห็นมุกดา เธอมองสำรวจผู้หญิงที่ยืนอยู่ที่หน้าประตูคนนี้ไปอย่างละเอียด สวมเสื้อโค้ตขนแคชเมียร์สีดำ บนใบหน้าเปลือยเปล่าไม่มีการแต่งหน้าเอาไว้ ผมสั้นสะอาดเรียบร้อยมองดูแล้วดูมีชีวิตชีวาเป็นอย่างมาก
“เธอมาหาธีรนัยน์?” บุณยอรถามมุกดา
“ค่ะ ฉันมาเยี่ยมดูเธอสักหน่อย” มุกดาตอบกลับไปอย่างสุภาพ ดังนั้นเธอจึงเดินเข้าไป
“ธีรนัยน์ มีคนมาหาแก” สีหน้าที่แสดงออกมาของบุณยอรไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงอะไรออกมาเลย เธอหันหน้าไปพูดกับธีรนัยน์
“มุก?” ตอนที่ธีรนัยน์เห็นมุกดา ก็ประหลาดใจอย่างมาก เธอนึกไม่ถึงว่ามุกดาจะมาหาตัวเองถึงบ้านของตน
“รีบเข้ามานั่งเร็วฉันขี้เกียจลุกขึ้นแล้ว” ธีรนัยน์รีบเรียกมุกดาเข้ามานั่งที่ข้างๆตัวเองทันที แต่ว่าเธอก็ไม่ได้บอกว่าขาของเธอบาดเจ็บจนยืนขึ้นมาไม่ได้
“ได้ ท่านนี้เป็นคุณป้าใช่มั้ยคะ?” มุกดาหลังจากที่วางของลงไปแล้ว ก็ถามบุณยอรไป
“อืม ท่านเป็นแม่ฉันเอง!” ธีรนัยน์ชี้ไปที่บุณยอรแล้วพูดกับมุกดาออกไป
“คุณป้าสวัสดีค่ะ” มุกดาเองก็ทักทายบุณยอรไปอย่างมีมารยาทมากเช่นกัน
“อืม” บุณยอรส่งเสียงฮึดฮัดออกมาจากในจมูก เธอไม่ได้มีความเป็นกันเองกับใครนัก ถึงแม้ว่ามุกดาจะเป็นเพื่อนของธีรนัยน์ แต่เธอก็ไม่ได้เย็นชาอะไรนัก เดิมทีแล้วลูกสาวก็ไม่ได้มีเพื่อนเลย ผู้หญิงคนนี้ครั้งนี้ทำไมถึงได้ทำให้ลูกสาวของตนชอบได้ ดูท่าแล้วคงมีความสามารถอยู่บ้างจริงๆ
“แม่ของฉันเป็นคนหน้าตาเย็นชาแต่ก็มีจิตใจที่อบอุ่น เป็นแม่ที่ดีเลยคนหนึ่ง!” ธีรนัยน์อยู่ต่อหน้าคนอื่นแล้วจะบอกว่าแม่ของตัวเองดีออกมาไม่หยุด ถึงแม้ว่าในใจของเธอจะมีความไม่พอใจต่อนิสัยนั้นของแม่อยู่
“เฮอะ!” แต่บุณยอรกลับไม่ได้รู้สึกปลื้มใจในความกรุณาของลูกสาวเลย ปกติโกรธตนให้น้อยลงก็พอแล้ว บุณยอรนั่งอ่านนิตยสารแฟชั่นของตัวเองอยู่ที่ตรงนั้นต่อไป
“พี่ยิ้ม รินน้ำชาให้แก้วหนึ่ง” ธีรนัยน์บอกให้คนใช้ของตัวเองรินน้ำชาให้มุกดาแก้วหนึ่ง
“มุก เธอมาได้ยังไง? ฉันก็บอกไปแล้วว่าฉันไม่เป็นไร ก็แค่อยากพักผ่อนสักหน่อย” ธีรนัยน์พูดกับมุกดาออกไป
“ฉันรู้ว่าเธอไม่เป็นอะไร ฉันก็แค่อยากมาดูสักหน่อยว่าบ้านของเธอเป็นยังไง บ้านฉันอยากจะทำการตกแต่งสักหน่อย แต่ว่าฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าควรจะต้องทำยังไง ก็เลยอยากไปให้มันหลายๆบ้าน เพื่อดูสไตล์การตกแต่งของคนอื่นเขากันสักหน่อย” มุกดารู้ว่าธีรนัยน์เป็นคนที่ไม่ยอมจำนนกับอะไรง่ายๆคนหนึ่ง ตั้งแต่ที่ได้รับบาดเจ็บจนถึงตอนนี้ก็ไม่เคยจะบอกว่าตัวเองได้รับบาดเจ็บมาก่อนเลย และตั้งแต่ที่ตนเข้าบ้านมาจนถึงตอนนี้ เธอก็ไม่เคยพูดถึงการบาดเจ็บของตัวเองออกมาเลยเช่นกัน
ดังนั้นแล้วมุกดาก็เลยไม่ได้พูดถึงออกไปเช่นกัน เธอหาข้ออ้างอื่นเพื่อมาเยี่ยมธีรนัยน์
“อ้อ บ้านเธอจะตกแต่งใหม่เหรอ ฉันคิดว่าที่บ้านเธอสวยมากแล้วนะ ไม่ต้องตกแต่งแล้ว ที่นี่มันรกยุ่งเหยิงไปหมด ไม่เจริญหูเจริญตาหรอก” ธีรนัยน์คิดอยู่ตลอดว่าบ้านของมุกดามันสวยมาก นั่นเป็นการทำงานอย่างหนักของชลธีทั้งนั้น
“ฮ่าๆๆ ธีรนัยน์เธอถ่อมตัวมากจริงๆเลย แต่ฉันดูไปแป๊บหนึ่ง บ้านเธอก็สวยมากเลยทีเดียว เธอออกแบบเองเหรอ?” มุกดามองออกไปรอบๆห้องรับแขกของบ้านของธีรนัยน์ ตกแต่งได้ดูสวยงามไม่ธรรมดาเลย แต่ว่าสไตล์กลับไม่เหมือนสไตล์ของธีรนัยน์เลย
“เปล่า แม่ของฉันเป็นคนออกแบบ” ธีรนัยน์ชี้ไปที่บุณยอรที่กำลังอ่านนิตยสารอยู่ที่ข้างๆไปอีกทีหนึ่ง
บุณยอรเหมือนกับไม่ได้ยินเลยก็ไม่ปาน เธออ่านนิตยสารเสียดูตั้งอกตั้งใจอย่างมาก
“อ้อ ฉันคิดว่าสไตล์มันดูไม่ธรรมดามากเลย และก็แปลกใหม่ไม่เหมือนใครเลยด้วย ดีมากเลย!” มุกดามองดูไปอีกครั้งหนึ่ง ไม่เลวเลยจริงๆ
บุณยอรถึงแม้ว่าจะแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน แต่ในใจเธอก็มีความสุขมาก ผลของการลงแรงไปของตัวเองถูกคนอื่นมาชื่นชม และเธอก็เป็นสาวน้อยน่ารักมากคนหนึ่งเลยด้วย
แต่ธีรนัยน์ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เธอไม่ได้ชอบสไตล์นี้เลยสักนิดเดียว เมื่อตอนแรกนั้นบอกว่าซื้อวิลล่าให้ตน แต่ว่าทั้งหมดล้วนแล้วแต่จะออกแบบมาตามสไตล์ของบุณยอรทั้งนั้น อาศัยอยู่ที่นี่นอกจากไม่ได้เห็นบุณยอรไปทุกวันแล้ว มันก็ไม่ได้ต่างไปจากการอยู่ที่บ้านเลยจริงๆ
“มุกเอ๋ย เรื่องเมื่อวันนั้นสืบออกมาได้แล้วหรือยัง? ฉันเห็นสื่อพวกนั้นได้เปิดเผยข่าวออกมาทุกวัน มันน่ารำคาญมากจริงๆ!” ธีรนัยน์พูดเสียงกระซิบออกไปกับมุกดา
“ไม่มี ชลกำลังสืบอยู่น่ะ เพียงแต่ว่าตอนนี้ยังไม่ได้อะไรเลย ธีรนัยน์ ขอบคุณเธอนะ ณัฐบอกว่าถ้าไม่ใช่เพราะว่าเธอได้ค้นพบออกมาก่อนแล้วล่ะก็ พวกเราก็คงจะแย่กันมากเลย” มุกดากดเสียงให้เบาลงพลางพูดออกไปกับธีรนัยน์
ทั้งสองคนต่างก็กำลังพูดกันเสียงเบา บุณยอรไม่ได้ยินอะไรเลยสักอย่าง เธอเองก็คิดว่าไม่มีอะไรที่น่าสนใจด้วยเหมือนกัน จึงลุกยืนขึ้นมาทันที แล้วเดินออกไป
“มุก ฉันคิดว่าพี่เลี้ยงคนใหม่คนนั้นของเธอมีปัญหาอะไรกันหรือเปล่า ถ้าไม่มีปัญหาอะไรก็สมองมีปัญหากันไปหมด หล่อนยังจะต้องให้ฉันเอาพัสดุอันนั้นเข้าไปเสียให้ได้! ทำไมหล่อนถึงได้ทำตัวเป็นเจ้าของบ้านได้อย่างนี้กัน?” ธีรนัยน์คิดถึงเหตุการณ์ในวันนี้ขึ้นมาแป๊บหนึ่ง แล้วก็ได้เตือนมุกดาออกไป
“อืม ฉันรู้แล้ว ฉันจงใจจะเก็บหล่อนเอาไว้” ในใจของมุกดาได้มีแผนของตัวเองเอาไว้แล้ว
“อ้อ งั้นเธอรู้แล้วก็ดี แต่ว่าฉันคิดว่ามันจะอันตรายไปหน่อยหรือเปล่าน่ะ? เก็บคนอย่างนี้เอาไว้ใกล้ตัว?” ธีรนัยน์ไม่อาจเข้าใจวิธีการของมุกดาได้เลย
“ฉันเก็บหล่อนไว้ข้างตัว มันย่อมดีกว่าให้หล่อนไปอยู่ที่อื่นอยู่แล้ว ฉันจะได้มองดูหล่อนอยู่ได้เสมอ”
มุกดาบอกความคิดของตัวเองกับธีรนัยน์ออกไป
“อ้อ อย่างนี้นี่เอง ฉันเข้าใจแล้ว จริงๆแล้วอย่างนี้มันก็ดีกว่าปล่อยไปข้างนอกเยอะเลย” ธีรนัยน์พอจะเข้าใจการเตรียมการของมุกดาแล้ว
ทั้งสองคนพูดคุยกันอีกนาน ในตอนนี้บุณยอรได้ยกผลไม้จานหนึ่งเข้ามา เธอวางผลไม้ลงบนโต๊ะน้ำชาที่อยู่ตรงหน้าของทั้งสองคน
“กินผลไม้กันสักหน่อยเถอะ” พูดจบ เธอก็ได้เดินออกไปอีกครั้ง
“ธีรนัยน์ ฉันคิดว่าแม่ของเธอดีมากเลย” มุกดาค้นพบความเป็นปฏิปักษ์ต่อแม่ของตัวเองของธีรนัยน์
“อืม จะว่ายังไงดีล่ะ? ฉันคิดว่าก็พอใช้ได้อยู่แหละมั้ง อย่างน้อยๆแล้วก็ไม่ได้ปล่อยให้ฉันหิวและก็ไม่ได้ปล่อยให้ฉันหนาว” ธีรนัยน์เอ่ยออกมานิ่งๆ แต่ว่าสำหรับแม่ที่เอาตัวเองมาเป็นกองหลังให้พี่ชายคนหนึ่ง เธอไม่อยากจะพูดอะไรเลยจริงๆ
“ฮ่าๆๆ งั้นฉันขอตัวไปก่อนนะ ฉันว่าสภาพจิตใจเธอดีมาก คงจะพักผ่อนมาอย่างดี อีกไม่นานก็จะสามารถไปทำงานต่อได้แล้ว” มุกดามองสีหน้าเจ็บปวดนั้นของธีรนัยน์ แล้วยิ้มออกมา ดูจากการติดต่อพูดคุยกันแล้วเธอไม่คิดว่าบุณยอรมีตรงไหนที่ไม่ดีเลย คงจะมีปมอะไรระหว่างแม่ลูกอยู่ล่ะมั้ง
“กินข้าวก่อนแล้วค่อยกลับไปเถอะ เธอยังไม่เคยกินฝีมือแม่ของฉันเลย ตอนนี้ท่านจะต้องไปทำอาหารอยู่แน่ๆ อาหารที่ท่านทำอร่อยมากเลย” ธีรนัยน์ได้เริ่มรั้งมุกดาเอาไว้
ตั้งแต่ที่ตนโตมา ธีรนัยน์ก็ไม่มีเพื่อนอะไรเลย และก็ไม่มีใครมาที่บ้านมาก่อนเลย มุกดาเป็นคนแรก และก็เป็นคนที่ไม่ได้ทำให้ธีรนัยน์รู้สึกเกลียดเลย
“จริงเหรอ? งั้นฉันไม่เกรงใจแล้ว ฉันอยากจะลองลิ้มรสฝีมือของคุณป้าดู” เนื่องจากว่าเมื่อกี้นี้ที่หน้าประตูได้ยินการโต้เถียงกันของทั้งสองคนแม่ลูก มุกดาจึงอยากลองดูรูปแบบการอยู่ร่วมกันของทั้งสองคนแม่ลูกให้มากๆขึ้นมาทันที