เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด – บทที่ 42 ตัวจริงของเขา

เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด

“ยิ่งอัน” คุณหญิงหลินลุกขึ้นยืน พร้อมกับจูงมือเล็กๆของเธอด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิด “เมื่อวานนี้……ขอโทษด้วยจริงๆ”

ไป๋มู่ชิงมองไปที่หลินอันหนานและไป๋ยิ่งอัน สัมผัสได้ถึงสีหน้าไม่ค่อยสู้ดีของพวกเขา ความรู้สึกแบบนี้ของพวกเขา เธอเพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก ในใจรู้สึกสมดุลขึ้นเล็กน้อย

“คุณชายใหญ่มาแล้วค่ะ” พี่เหอกล่าว

คุณชายใหญ่?

แต่ไหนแต่ไรคุณชายใหญ่ที่ไม่เคยปรากฏตัวต่อหน้าเธอ …… ลงมาแล้วหรอ ?!

ไป๋มู่ชิงตะลึงงัน กวาดสายตาไปดูทางบันไดวนตามสัญชาตญาณ​

ไม่เพียงแต่เธอเท่านั้น แม้แต่หลินอันหนานกับไป๋ยิ่งอันก็มองไปที่ชั้นบนพร้อมกัน

แม้ว่าเมื่อวานนี้คุณหญิงหลินได้บอกกับพวกเขาอย่างชัดเจนแล้ว ชายคนที่พาไป๋มู่ชิงไปจากงานเลี้ยงเมื่อคืนก็คือ หนานกงเฉิน แต่พวกเขาก็ยังคงไม่อยากจะเชื่อ​ และก็ยังคงไม่เชื่อ เพราะมันช่างต่างจากที่พวกเขาคิดเอาไว้มาก !

และเมื่อพวกเขามองไปที่บันไดวนก็ได้ปรากฏเป็นหนุ่มหล่อพราวสเน่ห์ ออร่าอันเปร่งประกายรอบๆตัวของหนากงเฉิน ความหวังสุดท้ายในใจก็ได้ดับลง

เขาคือหนานกงเฉินจริงๆ ! หนานกงเฉินที่แข็งแรง กระฉับกระเฉง !

หนานกงเฉินแท้จริงแล้วไม่ได้หน้าตาน่าเกลียด หรือร่างกายอ่อนแออย่างที่ผู้คนพูดกัน

เมื่อเทียบกับพวกเขา ไป๋มู่ชิงไม่เคยคิดว่าผลลัพธ์จะเป็นเช่นนี้ ดูเหมือนจะยิ่งตกใจ และสับสน ทำให้ตกตะลึงจนเหมือนกับคนโง่

เมื่อหนานกงเฉินเดินลงมาจากบันได ยืนอยู่ต่อหน้าผู้คน เธอยังคงไม่สามารถหันหน้าหนีได้ ใช้มือขยี้ตาอย่างคนโง่เขลา ไม่ผิดแน่ คือเขา ชายคนที่ช่วยเธอจากความยากลำบากหลายครั้ง

หนานกงเฉินไม่ใช่ไม่เห็นสีหน้าโง่ๆของเธอ เพียงแค่เขาไม่ได้ให้ความสนใจ และได้กล่าวทักทายคุณหญิงหลินอย่างสุภาพ : “คุณอา”

เมื่อคุณหญิงหลินเห็นเขาลงมา ก็กล่าวขอโทษในทันที : “อาเฉิน เรื่องเมื่อวานขอโทษจริงๆ วันนี้อาตั้งใจพาอันหนานกับมู่ชิงมาเพื่อขอโทษเธอกับยิ่งอัน”

เมื่อพูดจบ ก็หันไปทางหลินอันหนานและไป๋ยิ่งอันที่ยืนอยู่ข้างๆ : “พวกเธอสองคนรีบมาขอโทษพี่และพี่สะใภ้ของเธอซะ”

หลินอันหนานกับไป๋ยิ่งอันมองตากัน แต่ก็ไม่มีใครเอ่ยปากออกไป

คุณหญิงหลินร้อนใจ ดันทั้งคู่ไปข้างหน้า และบอกว่า : “เร็วสิ เรียกพี่และพี่สะใภ้ซิ”

“พี่” หลินอันหลานเรียกหนานกงเฉิน และหันไปทางไปมู่ชิง แล้วค่อยๆเรียก “พี่สะใภ้”

การเอ่ยปากเรียกพี่สะใภ้ของเขาแสดงให้เห็นถึงความกล้าหาญของเขามาก

ไป๋มู่ชิงตะลึงไปสักครู่หนึ่งก่อนได้สติ แล้วยิ้มให้เขาเบาๆ

สถานการณ์มันช่างเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว คนที่ก้าวร้าวสองคนเมื่อวาน วันนี้สีหน้าและท่าทางกลับกลายเป็นเด็กที่ทำความผิด โดยเฉพาะเมื่อได้เห็นความไม่เต็มใจของไปยิ่งอัน อีกทั้งการเรียกตนว่าพี่สะใภ้อย่างเสียไม่ได้ของหลินอันหนาน ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าโกหก

“ พบหน้ากันแล้ว กล่าวขอโทษกันเสร็จแล้ว ก็กลับกันไปเถอะ ” คุณหญิงพูดด้วยท่าทีที่เรียบเฉย แล้วหันกลับไปในบ้าน

บรรยากาศในห้องนั่งเล่นค่อนข้างกดดันและอึดอัด มีแค่คุณหญิงหลินที่ยังคงเช็ดน้ำตาอยู่

ไปมู่ชิงมองไปที่ทุกคน ซบไปที่เฉินอย่างตั้งใจ พร้อมทั้งจับมือเขาแล้วพูดอย่างยิ้มแย้มว่า “อาเฉิน , ในเมื่อทุกคนก็มากันแล้ว พวกเราชวนคุณอา และพวกน้องๆขึ้นไปดื่มชากันข้างบนสักหน่อยเถอะ ”

ปลายนิ้วเย็นๆของเธอ เมื่อสัมผัสไปที่ฝ่ามือของหนานกงเฉินก็สั่นโดยไม่รู้ตัว

นี่เป็นครั้งแรกที่ได้จับมือของเขาอย่างเปิดเผย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฐานะภรรยาของเขา

หนานกงเฉินหันหน้ามามองเธอ เขาจะดูไม่ออกได้ยังไว่าเธอคิดอะไร? เขาไม่ชอบผู้หญิงเจ้าเล่ห์ แต่ว่าการกระทำของเขากลับไม่ตรงกับใจตัวเอง

ฝ่ามือที่ใหญ่และอบอุ่นของเขาประคองไปที่มือเล็กๆของเธอ แล้วกล่าวกับทุกคนว่า “ ได้สิ ”

เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด

เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด

Status: Ongoing
ไป๋มู่ชิงเคยได้ยินเรื่องเล่าตั้งแต่เด็กว่า ตระกูลหนานกงในเมืองซีเป็นตระกูลที่ร่ำรวยที่สุด แต่น่าเสียดายที่คุณชายใหญ่ของตระกูลกลับป่วยเป็นโรคประหลาด โรคที่เขาเป็นจะทำให้เขามีอายุอยู่ได้ไม่ถึงอายุ30ปี ไป๋มู่ชิงยังได้ยินมาอีกว่า คุณชายหนานกงเฉินแต่งงานใหม่ทุกๆปี แต่เจ้าสาวของเขากลับมีชีวิตอยู่ได้ไม่ถึงวันต่อมาหลังคืนเข้าหอ แต่ไม่ทราบสาเหตุของการแต่งงานและยังไม่ทราบถึงสาเหตุการเสียชีวิตของเจ้าสาวด้วย เมื่อตระกูลหนานกงได้ส่งของหมั้นมาให้ตระกูลไป๋ ไป๋มู่ชิงก็คิดไม่ถึงว่าพ่อของเธออยากจะปกป้องชีวิตพี่ของเธอไว้ถึงขนาดผลักเธอเข้าไปในประตูนรกอย่างโหดร้าย บังคับให้เธอแต่งงานกับหนานกงเฉินเป็นเจ้าสาวคนที่เจ็ดของเขา แทนพี่สาวของเธอ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท