เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด – บทที่ 58 ยุ่งไม่เข้าเรื่อง

เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด

จ้าวเฟยหยางแอบได้ใจเบาๆก่อนจะเข้าไปห้ามเด็กๆไว้ พร้อมกับนำทิชชู่ไปให้หนานกงเฉิน “ขอโทษนะครับคุณชายเฉิน เด็กยังคิดแยกแยะไม่ออกว่าใครคนดีคนร้าย”

เขารู้ตั้งนานแล้วว่าบริษัทที่จัดการเรื่องที่ดินเป็นบริษัทหนานกง แต่ก็เพิ่งเคยเจอหนานกงเฉินตัวเป็นๆก็วันนี้แหละ ปกติเห็นแค่ในหนังสือพิมพ์

เลขาเหยียนดึงทิชชู่จากมือเขามาแล้วเช็ดวิปครีมบนเสื้อหนานกงเฉินพร้อมเอ่ยขึ้นว่า “ขอโทษนะคะคุณชายเฉิน ดิฉันลืมบอกว่าเด็กที่นี่ไม่น่ารักเลย”

สีหน้าของหนานกงเฉินก็ยังนิ่งเฉย เหมือนเขาไม่โกรธ

เขามองทะลุผ่านทุกคนแล้วจ้องไปที่รูปบนขาตั้งวาดรูปจากนั้นก็เดินก้าวไป

รูปวาดนี้เพิ่งวาดได้ครึ่งหนึ่ง ลายเส้นสวยคม วาดได้เหมือนมาก เขาก็เพิ่งรู้ว่าภรรยาของเขายังสามารถวาดรูปได้สวยขนาดนี้

“นี่เป็นรูปที่คุณครูไป๋วาดให้เด็กๆ แต่ถ้าคุณชายเฉินมีความเมตตาได้สักครึ่งของคุณครูไป๋ ก็จะมองว่าเด็กๆกลุ่มนี้น่ารักมาก” จ้าวเฟยหยางพูดแซะอย่างลอยๆ

“ไป๋ยิ่งอันล่ะ?” หนานกงเฉินหันไปถามเขา

ไป๋มู่ชิงที่หลบอยู่ใต้หน้าต่างในบ้านได้ยินเขาถามขึ้น ใจตกวูบลงท้อง คิดอยู่ในใจว่าเธอยังไม่ได้บอกความจริงกับจ้าวเฟยหยางเรื่องสลับตัวกับพี่สาว

ถ้าจ้าวเฟยหยางพูดออกไปว่าเธอไม่ได้ชื่อไป๋ยิ่งอันแต่ชื่อไป๋มู่ชิงล่ะ!

ทำยังไงดีทำยังไงดี?

“ไป๋ยิ่งอัน? ไป๋ยิ่งอันเป็นภรรยาของคุณไม่ใช่เหรอ? ผมไม่สนิทกับเธอมาถามถึงเธอที่นี่……ทือมือ……”

ปากของจ้าวเฟยหยางถูกมือของใครสักคนปิดไว้ เขาหันกลับไปด้วยความตกใจเลยเห็นว่าเป็นไป๋มู่ชิงกำลังขยิบตากับเขา นี่ทำให้เขายิ่งงงไปกว่าเดิม

ไป๋มู่ชิงใช้มือข้างนึงปิดปากเขาไว้ส่วนอีกข้างก็จับแขนเขาไว้พร้อมยิ้มเก้อแก้ต่างไป “คุณชายเฉินมาได้ยังไงคะ?ฮ่าฮ่า……บังเอิญจัง”

ถึงใบหน้าจะยิ้มแต่ในใจกลับภาวนาอย่างให้เขาสงสัยอะไร

เห็นท่าทางที่ตลกแถมยังใกล้ชิดขนาดนี้ของเธอ หนานกงเฉินขมวดคิ้วแล้วสั่งด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “ปล่อยเขาซะ”

“ออ” เธอเปลี่ยนมาคล้องแขนหนานกงเฉินแทน พร้อมพูดด้วยสีหน้ากังวล “ฉันลืมบอกไปว่าฉันทำงานอยู่ที่นี่ อย่าไปถือสาอะไรเด็กๆเลย เอิ่ม……เรากลับกันเถอะกลับไปเปลี่ยนชุดดีกว่า?”

ขณะที่กำลังพูดยอหนานกงเฉินเธอก็พยายามขยิบตายิกๆเพื่อที่จะไม่ให้จ้าวเฟยหยางพูดอะไรต่อ

สายตาของจ้าวเฟยหยางจ้องไปที่แขนของเธอที่กำลังคล้องแขนของหนานกงเฉิน ตกใจจนพูดอะไรไม่ออก นี่มันอะไรกันเนี่ย? เขาเป็นน้องเขยของเธอไม่ใช่หรอ? ทำไม……

ขณะที่เขายังงงอยู่ ไป๋มู่ชิงก็ลากหนานกงเฉินออกไปแล้ว

พอขึ้นมาในรถ ไป๋มู่ชิงก็รีบใช้ทิชชู่เช็ดเสื้อผ้าของเขา พร้อมพูดขอโทษว่า “ขอโทษนะคะฉันไม่ได้จงใจจะหลบคุณ ฉันแค่เกรงว่าคุณจะไม่พอใจฉันเลย……วิ่งไปหลบ”

หนานกงเฉินจ้องมองไปที่เธอพร้อมเอ่ยขึ้นว่า “คุณหนูไป๋ ผมจำไม่ได้เลยว่าคุณวาดรูปเป็น”

“อือ……”ไป๋มู่ชิงนิ่งคิดไป

ก็จริงของเขา ไป๋ยิ่งอันวาดรูปไม่เป็น เธอเลยต้องรีบหลบเขายังไงล่ะ

“คือฉัน……ก็วาดไม่ค่อยเป็นหรอก แค่วาดเล่นๆน่ะ”

“จริงเหรอ?” หนานกงเฉินเลิกคิ้วขึ้น “แต่ฉันเห็นว่าเธอวาดเหมือนมืออาชีพเลย”

“ตาฝาด……ใช่ตาฝาดแน่ๆ” ไป๋มู่ชิงหัวเราะกลบเกลื่อน “จ้าวเฟยหยางยังชอบแซวฉันเลยว่าฉันวาดได้ไม่สวย กลัวฉันจะสอนเด็กๆไม่ได้”

เขาถามเธอแค่เรื่องวาดรูปคงยังไม่รู้เรื่องที่เธอไม่ใช่ไป๋ยิ่งอัน

เพื่อที่จะเปลี่ยนประเด็นคุยเธอเลยพูดลอยออกไปแต่สีหน้าของหนานกงเฉินไม่ดีขึ้นเลยแต่กลับยิ่งเข้มไปกว่าเดิม

ไป๋มู่ชิงรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่เลยรีบพูดเสริมว่า “คุณชายอย่าเข้าใจผิดนะคะ ฉันกับเขาเป็นแค่เพื่อนกันธรรมดา ไม่ใช่อย่างที่คุยคิดนะคะ”

“ฉันรู้อยู่แล้ว”

“หื้อ?”

“คนจนถึงขั้นที่ไม่ยอมย้ายออกจากที่ดินคนอื่นจะเข้าตาผู้หญิงโลภมากอย่างคุณหนูไป๋ได้ยังไง?”เขาพูดด้วยน้ำเสียงเสียดสี

สีหน้าของไป๋มู่ชิงซีดเล็กน้อย เธอรู้ว่าเพราะเงินถึงได้แต่งงานกับเขา ทุกคนดูถูกเธอ มันเป็นจุดด่างที่เธอลบออกไปไม่ได้ แต่……

ถึงเธอกัดฟันแน่นแต่เธอก็ทนไม่ไหวจนเถียงกลับไปว่า “จ้าวเฟยหยางไม่เลวร้ายอย่างที่คุณคิดนะ ที่เขาไม่ยอมย้ายออกไปเพราะเด็กๆ เด็กที่นั่นเป็นเด็กกำพร้าที่ไม่มีพ่อแม่ จ้าวเฟยหยางเป็นคนดูแลเลี้ยงดูเอง ถึงคุณจะไม่สงสารก็เถอะ แต่กลับเอาแต่ไล่พวกเขาคุณไม่คิดว่าตัวเองเลือดเย็นเกินไปเหรอ?”

“แล้วคุณคิดว่าผมควรจะทำยังไง? ยอมยกเลิกโครงการเพียงเพราะพวกเขางั้นเหรอ?

“อย่างน้อย……คุณควรจัดการเรื่องที่พักให้พวกเขา”

“เพราะอะไร?”

“ก็เพราะ……” เพราะอะไรงั้นเหรอ? เธอก็นึกไม่ออกเหมือนกันว่าเพราะอะไรเขาถึงจะต้องจัดการที่พักให้ แต่ด้วยความใจร้อนเธอกลับพูดดูเหมือนมีเหตุผลว่า “คุณไม่เคยได้ยินเหรอ ทำดีได้ดีน่ะ ถ้าคุณทำดีทุกวัน คอยช่วยเหลือคนที่ทุกข์ยากลำบาก ไม่แน่นะโรคของคุณอาจหายไปก็ได้นะ”

หนานกงเฉินจ้องไปที่เธอพร้อมยิ้มอย่างเย็นชา “ขอบคุณที่เป็นห่วง แต่ผมไม่เคยเชื่อเรื่องทำดีได้ดีอยู่แล้ว”

“เริ่มเชื่อตอนนี้ก็ยังไม่สายนะ” ไป๋มู่ชิงกระพุ่มมือขึ้นพร้อมพูดขอร้องเขา “ขอร้องล่ะ เด็กๆน่าสงสารจริงๆ”

“นี่เธอขอร้องเพราะผู้ชายคนนั้นหรือว่าเพราะเด็กกันแน่?

“ก็ต้องเพราะเด็กๆสิ” ไป๋มู่ชิงรีบอธิบาย

“ลงไปได้แล้ว” หนานกงเฉินเอื้อมไปเปิดประตูฝั่งเธอด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก “รีบกลับบ้าน อย่าให้ผมเห็นอีกว่าคุณอยู่กับผู้ชายคนนี้กับเด็กไม่มีหัวนอนปลายเท้านี้อีก”

“พวกเขาไม่ใช่เด็กไม่มีหัวนอนปลายเท้านะ” ไป๋มู่ชิงเริ่มโมโห “พวกเขาแค่ถูกพ่อแม่ทอดทิ้ง พวกเขา……”

“ลงไป!”

ไป๋มู่ชิงอึ้งไป เธอเงียบสักที

เธอลงจากรถด้วยความไม่พอใจ ก่อนจะปิดประตูรถอย่างแรงก็ไม่ลืมที่จะพูดกับเขาว่า “เลือดเย็นขนาดนี้ ถึงว่าล่ะไม่มีผู้หญิงคนไหนอยากแต่งงานกับคุณ”

จากนั้นเธอก็ปิดประตูโดยไม่ทันสังเกตเห็นเลยว่าสีหน้าของหนานกงเฉินเปลี่ยนไปเล็กน้อยกับคำพูดของเธอ

ไม่มีผู้หญิงคนไหนอยากแต่งงานกับเขา ก็ใช่น่ะสิ!

เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด

เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด

Status: Ongoing
ไป๋มู่ชิงเคยได้ยินเรื่องเล่าตั้งแต่เด็กว่า ตระกูลหนานกงในเมืองซีเป็นตระกูลที่ร่ำรวยที่สุด แต่น่าเสียดายที่คุณชายใหญ่ของตระกูลกลับป่วยเป็นโรคประหลาด โรคที่เขาเป็นจะทำให้เขามีอายุอยู่ได้ไม่ถึงอายุ30ปี ไป๋มู่ชิงยังได้ยินมาอีกว่า คุณชายหนานกงเฉินแต่งงานใหม่ทุกๆปี แต่เจ้าสาวของเขากลับมีชีวิตอยู่ได้ไม่ถึงวันต่อมาหลังคืนเข้าหอ แต่ไม่ทราบสาเหตุของการแต่งงานและยังไม่ทราบถึงสาเหตุการเสียชีวิตของเจ้าสาวด้วย เมื่อตระกูลหนานกงได้ส่งของหมั้นมาให้ตระกูลไป๋ ไป๋มู่ชิงก็คิดไม่ถึงว่าพ่อของเธออยากจะปกป้องชีวิตพี่ของเธอไว้ถึงขนาดผลักเธอเข้าไปในประตูนรกอย่างโหดร้าย บังคับให้เธอแต่งงานกับหนานกงเฉินเป็นเจ้าสาวคนที่เจ็ดของเขา แทนพี่สาวของเธอ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท