เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด – บทที่ 212 ความจริงที่แสนโหดร้าย

เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด

ในห้องนอน คุณหญิงดูโทรทัศน์ไปสักครู่ก็เริ่มรู้สึกง่วงก็เลยเอนตัวนอนลงกับเก้าอี้ เมื่อนอนหลับได้ไม่นานท่านก็เอ่ยสะดุ้งตื่นอย่างตกใจ

ท่านนั่งตัวตรง แล้วสมองก็รู้สึกมึนมัวไป

พี่เหอที่อยู่ข้างท่านก็สะดุ้งตกใจแล้วรีบเดินมาถามอย่างเป็นห่วง “คุณหญิงคุณฝันร้ายเหรอคะ? ดื่มน้ำก่อนนะคะ”

เธอหันไปเทน้ำโต๊ะข้างๆแล้วยื่นไปให้ท่าน

คุณหญิงยกมือขึ้นแล้วผลักแก้วในมือเธอออกไปแล้วเงยหน้าพูดกับเธอ “ฉันฝันเห็นว่าเสี่ยวหว่านชิงจมน้ำ เธอกำลังขอให้ฉันช่วย ใช่สิ ตอนนี้หว่านชิงอยู่ไหน? ถูกรับตัวกลับไปหรือยัง?”

“ยังค่ะ ยังวิ่งเล่นกับคุณหญิงน้อยที่สวนอยู่ค่ะ” พี่เหอยิ้มเอ่ย “คุณหญิงไว้ใจเถอะค่ะ ฉันให้คนรับใช้ไปเฝ้าดูแลแล้วไม่มีเรื่องอะไรหรอกค่ะ”

“ไม่ได้ เฉินเคยบอกว่าห้ามให้จูจูเข้าใกล้หว่านชิง เธอรีบไปดูสิ รีบไป……” คุณหญิงเอ่ยขึ้น

พี่เหอได้ยินท่านพูดอย่างนี้ก็เลยพยักหน้า “ได้ค่ะ ฉันจะไปดูเดี๋ยวนี้”

เมื่อพี่เหอเดินออกจากห้องนอน ก็เห็นคนรับใช้เดินออกมาจากห้องครัวแล้วในมือก็ยกถ้วยผลไม้อยู่พร้อมเอ่ยถามขึ้น “เสี่ยวเหลียน ฉันให้เธอเฝ้าหว่านชิงไม่ใช่หรอ? ทำไมมาอยู่ที่นี่?”

เสี่ยวเหลียนชี้ไปที่ผลไม้ในมือ “คุณหญิงน้อยให้ฉันมาหาอะไรให้หว่านชิงทานค่ะ ฉันกำลังจะไปจัดผลไม้ค่ะ”

“แล้วหว่านชิงล่ะ? อยู่กับคุณหญิงน้อยสองคนในสวนหรอ?”

“ใช่ค่ะ กำลังเล่นน้ำอยู่ที่สระว่ายน้ำค่ะ”

เมื่อพี่เหอได้ยินเธอพูดแบบนี้ในใจก็สั่นขึ้นมาทันทีแล้วรีบเอ่ย “ไม่ได้การละ! เธอรีบออกไปเดี๋ยวนี้ หว่านชิงอาจจะมีอันตราย!”

เมื่อเสี่ยวเหลียนได้ยินอย่างนั้นก็รีบวางผลไม้ในมือแล้ววิ่งไปทางสวนดอกไม้

วิ่งมาแต่ไกล เสี่ยวเหลียนก็เห็นจูจูกับเสี่ยวหว่านชิงลอยอยู่ในน้ำ เธอวิ่งไปทางสระว่ายน้ำแล้วเอ่ยตะโกนขึ้นว่า “ช่วยด้วย……ช่วยด้วย……!”

เธอกระโดดลงไปในน้ำแล้วล้วงตัวเสี่ยวหว่านชิงขึ้นมาแล้วอุ้มไว้ในอ้อมกอด

จูจูไม่คิดเลยว่าเสี่ยวเหลียนจะมาเร็วขนาดนี้ เธออึ้งนิ่งไปในน้ำครู่หนึ่งก่อนจะรีบดึงสติกลับมา จากนั้นก็รีบจับตัวของเสี่ยวเหลียนไว้ แล้วดิ้นรนพร้อมตะโกน “ช่วยด้วย……ช่วยด้วย……ใครก็ได้ช่วยฉันด้วย……!”

ขณะที่กำลังดิ้นรนเธอก็แอบจับขาของเสี่ยวหว่านชิงไว้แล้ว ดึงขาเธอลงไปแรงๆ

ถึงแม้เสี่ยวเหลียนจะเคยเรียนว่ายน้ำ แต่ก็รับมือไม่ไหวกับการกระทำของจูจู เธอที่กอดเสี่ยวหว่านชิงไว้ในอ้อมกอดก็หลุดไปในน้ำอีกครั้ง เมื่อจูจูเห็นว่าเธอกำลังจะลงไปล้วงเสี่ยวหว่านชิงอีกก็กอดเธอไว้แน่นแล้วในปากก็ยังเอ่ยอย่างหวาดกลัว “ช่วยด้วย……ฉันกลัว……ช่วยฉันด้วย……”

“คุณหญิงน้อยคนใจเย็นก่อนนะคะ คุณปล่อยฉันก่อน……” เสี่ยวเหลียนถูกเธอกอดไว้แน่น จะช่วยใครก็ไม่ได้ทำได้แค่ช่วยตัวเองก่อนในน้ำ

เมื่อได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือ ยามหน้าบ้านกับคนรับใช้เห็นก็รีบกระโดดลงน้ำไป ยามคนหนึ่งพาตัวเสี่ยวหว่านชิงขึ้นมาจากน้ำแล้วรีบอุ้มขึ้นฝั่ง

เสี่ยวหว่านชิงในตอนนี้ หมดสติไปแล้ว……

เมื่อพี่เหอเห็นเสี่ยวหว่านชิงนอนอยู่กับพื้นไม่ขยับตัวเลย ก็รีบบอกกับคนรับใช้ข้างๆว่าให้ไปเรียกคุณหมอจางมาเดี๋ยวนี้

คุณหมอจางมาถึงอย่างรวดเร็วแล้วปฐมพยาบาลเสี่ยวหว่านชิงที่จมน้ำทันที

ยามก็ช่วยจูจูขึ้นมาบนฝั่ง เธอนั่งอยู่กับพื้นแล้วหายใจเสียงดัง สายตาก็จ้องไปที่คุณหมอจางที่กำลังช่วยเหลือเสี่ยวหว่านชิง แล้วเห็นปากของหว่านชิงสำลักน้ำออกมา

ถ้าแม้แต่ครั้งนี้ก็ยังไม่ตาย เธอคงจะโกรธจนอกแตกตายแน่นอน

“นี่มันเรื่องอะไรกัน? ทำไมถึงตกน้ำได้?” คุณหญิงที่เพิ่งมาถึงก็มองกวาดไปที่แล้วถามจูจู

จูจูจงใจนอนอยู่กับพื้นแล้วทำท่าทางหายใจไม่ออก “หว่านชิงเธอ……เธออยู่ดีๆก็ตกลงไป หนู……หนูว่ายน้ำไม่เป็น……”

“ฉันก็ว่าทำไมฉันถึงฝันร้ายอย่างนั้น ที่แท้หว่านชิงตกน้ำจริงๆด้วย” คุณหญิงก็หันไปทางคุณหมอจางอย่างกังวล “เด็กเป็นยังไงบ้าง? ไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”

“เบื้องต้นยังไม่ทราบครับ” คุณหมอจางอุ้มตัวเสี่ยวหว่านชิงขึ้นมาบนตักแล้วปฐมพยาบาล สุดท้ายก็ได้ยินเสียงสำลัก

ทุกคนที่มามุงดูก็โล่งอกทันที มีแต่จูจูที่ร่างกายขยับถอยหลังไป ที่รู้สึกผิดหวังมาก!

ดูเหมือนแผนครั้งนี้ไม่สำเร็จอีกแล้ว เป็นเพราะเสี่ยวเหลียนนั่นแหละ เธอมองตาขวางไปที่เสี่ยวเหลียนที่เนื้อตัวเปียกทั้งตัว เสี่ยวเหลียนที่ใส่ซื่อไม่รู้สึกถึงความคาดแค้นของเธอเลย ก็ยังรู้สึกดีใจกับทุกคนที่เสี่ยวหว่านชิงได้สติมา

“รีบอุ้มเด็กกลับไปในบ้านก่อนเถอะครับ” คุณหมอจางพูด

“เดี๋ยวฉันอุ้มเอง” พี่เหอเดินไปแล้วอุ้มตัวเสี่ยวหว่านชิงที่ยังไม่ค่อยได้สติแล้วเดินเข้าไปในคฤหาสน์

พี่เหอวางตัวเสี่ยวหว่านชิงลงบนเตียงจากนั้นก็ช่วยเปลี่ยนเสื้อผ้าที่เปียกของเธอแล้วห่มผ้าห่มให้ พร้อมแกะเปียบนหัวแล้วเป่าผมให้แห้ง

เมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จแล้ว เธอก็หันหลังไปพูดกับคุณหญิง “คุณหญิงคะ เด็กแค่นอนหลับไปก็ไม่เป็นอะไรแล้วค่ะ”

“อือ” คุณหญิงพยักหน้าแล้วมองไปที่เสี่ยวหว่านชิงอย่างสงสัย “แปลกจังเลย หรือว่าใจฉันกับเด็กคนนี้สัมผัสกันได้ ถึงได้ฝันว่าเธอตกน้ำ”

ท่านก็สงสัยเรื่องนี้เหมือนกัน ทั้งๆที่ท่านเพิ่งเคยเจอเด็กคนนี้วันนี้ ความรู้สึกยังไม่ได้ลึกซึ้งจนถึงขั้นใจตรงกับเธอ

พี่เหอยิ้มอ่อน “อาจจะเป็นเพราะคุณหญิงชอบเด็กคนนี้ก็เลยมีความรู้สึกแบบนี้ คนอื่นเขาก็ว่ากันว่า คนที่ฝันถึงก็เป็นคนที่ในใจนึกถึง”

“ฉันไม่ได้คิดถึงเธอสักหน่อย” คุณหญิงก็ยังมองสำรวจเสี่ยวหว่านชิงที่อยู่บนเตียง “ใช่ เด็กคนนี้หน้าตาน่ารักแล้วรู้เรื่องมาก แต่ก็ไม่ใช่เด็กของตระกูลหนานกง ฉันจะชอบเธอขนาดไหนกัน?”

“นี่ก็……” พี่เหอก็ไม่รู้ว่าจะปลอบใจยังไงก็เลยยิ้มให้ “คุณหญิงอย่าคิดมากเรื่องนี้เลยค่ะ อาจจะแค่บังเอิญก็ได้”

คุณหญิงพยักหน้าไป สุดท้ายก็ไม่พูดถึงเรื่องนี้

แล้วหน้าประตูก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น คนรับใช้ก็เดินเข้ามา “คุณหญิงคะ ข้างนอกมีผู้ชายที่บอกว่าตัวเองเป็นคนขับรถของตระกูลเฉียวมาค่ะ บอกว่าจะมารับเด็กกลับไปค่ะ”

คุณหญิงหันไปมองที่เสี่ยวหว่านชิง คิดไปคิดมา “เธอไปบอกเขาว่าเด็กหลับที่นี่แล้ว พรุ่งนี้เราจะส่งกลับไปให้เขาเอง”

คนรับใช้พยักหน้าจากนั้นก็เดินออกไป

พี่เหอรู้สึกงง “คุณหญิงทำไมไม่ให้เขารับเด็กกลับไปคะ?”

คุณหญิงก็พูดอย่างเอือมละอา “ตอนนี้บนตัวเด็กคนนี้ไม่มีแม้แต่เสื้อผ้าแล้วก็หมดสติอยู่ เดี๋ยวคนอื่นจะคิดว่าเราทำอะไรกับเธอ รอจนถึงพรุ่งนี้ค่อยส่งเธอกลับไปดีกว่า”

“ค่ะ คุณหญิงที่ได้รอบคอบมากค่ะ” พี่เหอพยักหน้า

ที่หน้าประตูก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นอีก เป็นจูจูที่เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้วเดินเข้ามา เธอเดินมาข้างเตียงแล้วจับมือของเสี่ยวหว่านชิงไว้แล้วเอ่ยด้วยสีหน้าเป็นห่วง “ตอนนี้หว่านชิงเป็นยังไงบ้างคะ? ไม่เป็นอะไรแล้วใช่ไหมคะ?”

“คุณหมอจางบอกว่าไม่เป็นอะไรแล้วค่ะ” พี่เหอตอบ

“งั้นก็ดี” จูจูทำสีหน้าโล่งใจ “เมื่อกี้หนูตกใจมากเลย”

คุณหญิงก็นึกถึงคำพูดของหนานกงเฉินแล้วนึกถึงอยู่ๆเมื่อกี้ก็ตกน้ำ ท่านก็เลยจ้องมองไปที่จูจู “จูจู เมื่อกี้เกิดอะไรขึ้นกันแน่? ทำไมเสี่ยวเหลียนเพิ่งเดินออกไปพวกเธอก็ตกน้ำล่ะ?”

ในใจจูจูก็เกร็งไปทันทีแล้วคิดว่าคุณหญิงสงสัยตัวเธอหรอ แต่ว่าเธอก็เตรียมตัวมาล่วงหน้าแล้ว ก็ทำท่าทางสีหน้ากลัวขึ้นมาทันที “หนูก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นค่ะ ทีแรกหนูกับหว่านชิงนั่งเล่นอยู่ข้างสระ อยู่ๆเธอก็ตกลงไป หนูก็เลยกระโดดลงไปช่วยเธอ แต่ว่าหนูว่ายน้ำไม่เป็นแล้วตรงนั้นก็เป็นโซนน้ำลึกด้วย……”

“เธอรู้อยู่แล้วว่าตัวเองว่ายน้ำไม่เป็นแล้วยังจะพาเธอไปโซนน้ำลึกอีก?”

“เธออยากจะไปเองค่ะ” จูจูพูดด้วยสีหน้ารู้สึกผิด “คุณย่าคะ หนูไม่ได้เรื่องมากเลยใช่ไหมคะ? แม้แต่เด็กคนเดียวก็ดูแลไม่ได้”

คุณหญิงจ้องมองไปที่เธอ ผ่านไปสักครู่ค่อยเอ่ยขึ้น “ขอให้เธอดูแลเด็กไม่เป็นจริงๆเถอะ อย่าจงใจแล้วกัน”

“จงใจ?” จูจูประหลาดใจไป “คุณย่าคะ ทำไมหนูต้องจงใจทำให้หว่านชิงจมน้ำด้วยค่ะ หนูกับเธอไม่มีความโกรธแค้นอะไรแล้วเธอเป็นแค่เด็กด้วย……”

“ใครจะรู้ล่ะ แต่ว่าเฉินบอกกับฉันไว้ว่าห้ามให้เธอเข้าใกล้หว่านชิงเด็ดขาด”

“เฉินเขา……มีความคิดไม่ดีกับหนู จนเกือบจะไล่หนูออกบ้านไป” จูจูพูดไปด้วยน้ำตาก็ไหลลงมา

เมื่อคุณหญิงเห็นว่าเธอร้องไห้เสียใจก็เลยไม่ได้เอ่ยพูดอะไรอีก

เมื่อเฉียวเฟิงมาถึงโรงพยาบาล ไป๋มู่ชิงก็ยังไม่ออกมาจากห้องฉุกเฉิน เขาจ้องมองไปที่หนานกงเฉินอย่างเครียดแค้น “มู่ชิงเป็นยังไงบ้าง?”

“บาดเจ็บสาหัสมาก” หนานกงเฉินเอ่ยเสียงเบา

“ทำไมเธอถึงถูกลักพาตัวไป? แล้วทำไมถึงตกลงมาจากระเบียง?” เฉียวเฟิงตะคอกไปที่เขา “เป็นภรรยาคุณอีกแล้วใช่ไหมที่ทำ? ใช่ไหม……”

“คุณชายเฉียวใจเย็นๆก่อนนะคะ” ผู้ช่วยเหยียนรีบเดินมาแล้วจับรถเข็นของเขาไว้ “ตอนนี้คุณหนูไป๋กำลังอยู่ในห้องฉุกเฉิน เราก็อย่าเสียงดังตรงนี้เลยค่ะ”

เฉียวเฟิงไม่ได้สนใจเธอแล้วสายตาก็จ้องไปที่หนานกงเฉิน “คุณยังมีหน้ามาโทษว่าผมไม่ปกป้องดีมู่ชิง มู่ชิงอยู่กับผมมาสองปีกว่าไม่เคยได้รับบาดเจ็บเลย แต่หลังจากที่เจอคุณล่ะ อุบัติเหตุต่างๆเต็มไปหมด คุณเอาแต่พูดว่าคุณรักเธอ แม้แต่ผู้หญิงข้างกายก็ยังควบคุมไม่ได้ ผมว่าถ้าคุณไม่ทำให้มู่ชิงตายก็คงจะไม่สาแก่ใจใช่ไหม?”

หนานกงเฉินก้มลงไปที่ฝ่ามือตัวเอง ในใจก็รู้สึกเสียใจจนรู้สึกหายใจลำบาก

เฉียวเฟิงด่าได้ถูก ด่าได้ดีมาก มู่ชิงตกอยู่ในภาวะอันตรายอีกครั้งก็เป็นเพราะเขา

“คุณชายเฉียวคะ คุณชายเฉินเสียใจมากแล้วคุณยังด่าเขาอีกเลยค่ะ” ผู้ช่วยเหยียนพูดปลอบใจ “แล้วอีกอย่าง ตอนนี้ตำรวจก็กำลังสืบหาอยู่ คุณหนูจูเป็นทำหรือเปล่าก็ยังไม่รู้เลยค่ะ”

“นอกจากคนนั้นแล้วจะยังมีใครอีก?” เฉียวเฟิงเอ่ยอย่างโมโห

“ขอโทษ เป็นความผิดของผมเอง” เป็นครั้งแรกที่หนานกงเฉินก้มหัวแล้วขอโทษกับคนอื่น

แล้วก็เป็นครั้งนี้ด้วย ที่เขารู้สึกว่าตัวเองผิดมากแล้วเสียใจมาก ถ้ามู่ชิงผ่านครั้งนี้ไปไม่ได้ เขาต้องเกลียดตัวเองแล้วโกรธเคืองตัวเองมากแน่ๆ

เฉียวเฟิงรู้ว่าด่าเขาไปก็ไม่มีประโยชน์ก็เลยจำใจต้องหุบปาก

ถ้าร่างกายเขาสะดวก ตอนนี้คงจะชกหน้าเขาไปแล้ว แต่ว่าทำไม่ได้ ก็เหมือนกับที่เขารู้ทั้งรู้ว่าไป๋มู่ชิงถูกลักพาตัวไปที่ไหน แต่ก็ไม่มีปัญญาไปช่วยเธอ

อย่าพูดถึงความรู้สึกแบบนี้เลยว่ามันอึดอัดแล้วน่าเกลียดแค่ไหน!

สถานการณ์เงียบไปสักพัก โทรศัพท์ของเฉียวเฟิงก็ดังขึ้น เขาสูดหายใจเข้าลึกแล้วล้วงโทรศัพท์ออกมาจากในกระเป๋า จากนั้นก็กดรับสาย

อีกฝั่งของโทรศัพท์เป็นเสียงของลุงหลิ่ว “คุณชายครับ คนตระกูลหนานกงบอกว่าหว่านชิงหลับแล้ว จะให้เธอนอนอยู่ที่บ้านตระกูลหนานกงก่อนครับ แล้วยังบอกอีกว่าพรุ่งนี้เช้าพวกเขาจะส่งตัวคุณหนูกลับมาครับ”

เฉียวเฟิงมองกวาดไปที่หนานกงเฉิน “อุ้มตัวนอนที่คาร์ซีทไม่ได้เหรอ?”

“ผมก็พูดไปอย่างนั้นครับ แต่ว่าคนตระกูลหนานกงบอกว่าไม่ปลอดภัย ใช้ข้ออ้างต่างๆมาพูดครับ” ลุงหลิ่วพูด

เมื่อได้ยินเฉียวเฟิงพูดถึงหว่านชิง สุดท้ายหนานกงเฉินก็เลยเงยหน้าขึ้นมองไปที่เขา ขณะเดียวกันเฉียวเฟิงก็วางสายแล้วหันไปมองที่เขา “ทำไมคนตระกูลหนานกงถึงไม่ยอมปล่อยตัวหว่านชิง? พวกคุณคิดจะทำอะไรกันแน่?”

หนานกงเฉินถูกเขาถามแล้วไม่รู้จะเอ่ยตอบยังไง เงียบไปสักพักแล้วค่อยเอ่ยขึ้น “เดี๋ยวผมโทรไปถาม”

พูดจบ เขาก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้จากนั้นก็ล้วงโทรศัพท์ออกมาแล้วเดินไปมุมทางเดิน โทรศัพท์มีคนรับอย่างรวดเร็วก็ถามตรงๆไปเลย “หว่านชิงล่ะ?”

พี่เหอไม่คิดเลยว่าเขาจะถามตรงขนาดนี้ก็เลยอึ้งไป “คุณชายไว้ใจเถอะค่ะ เธอนอนหลับแล้ว”

“เธอเป็นอะไรกันแน่?” น้ำเสียงของหนานกงเฉินเยือกเย็น

“เธอ……หลับจริงๆค่ะ” เมื่อพี่เหอถูกเขาบีบบังคับก็รู้สึกเกร็งไป

“แล้วทำไมพวกคุณไม่ให้คนตระกูลเฉียวรับเธอกลับไป?” หนานกงเฉินรู้สึกมีลางร้ายขึ้นมาในใจแล้วรีบเอ่ยถามขึ้นอีก “บอกความจริงกับผม เสี่ยวหว่านชิงเป็นอะไรกันแน่? ดูแลเธอดีหรือเปล่า?”

“เธอ……” พี่เหอถูกเขาบีบบังคับจนต้องพูดความจริงไป “คุณชายคะ ทีแรกเราก็ดูแลได้ดีค่ะ แต่พอไม่ระวังหว่านชิงกับคุณหญิงน้อยก็ตกไปในสระว่ายน้ำ แต่ว่าคุณไว้ใจได้นะคะ คุณหมอจางมาตรวจเช็คแล้วค่ะ หว่านชิงไม่เป็นอะไร อีกสักพักก็คงจะตื่นมาได้ค่ะ”

หนานกงเฉินขมวดคิ้ว “พี่พูดอะไรนะ? หว่านชิงกับจูจูตกลงไปที่สระว่ายน้ำพร้อมกันงั้นหรอ?”

“ใช่ค่ะ ยังดีที่เสี่ยวเหลียนช่วยพวกเขาสองคนขึ้นมาค่ะ”

ฝ่ามือของหนานกงเฉินกำแน่น “ผมบอกให้ดูแลหว่านชิงอย่าให้จูจูเข้าใกล้เธอไม่ใช่หรอ?”

“คือ……ดิฉันให้เสี่ยวเหลียนไปดูแล แต่พอเสี่ยวเหลียนกลับมาเอาผลไม้พวกเธอก็ตกน้ำไป ยังดีที่ทั้งสองไม่เป็นอะไร……”

หนานกงเฉินไม่เหลือความอดทนที่จะทนฟังแล้ว เขาวางสายไปแล้วเดินไปหน้าห้องฉุกเฉิน เฉียวเฟิงจ้องที่เขา ท่าทางกำลังรอคำตอบของเขา

หนานกงเฉินดึงสติกลับมาแล้วเอ่ย “หว่านชิงเล่นจนเหนื่อยก็เลยนอนหลับ คุณไว้ใจเถอะ พรุ่งนี้เช้าผมจะส่งหว่านชิงกลับไปหาคุณเอง”

พูดจบคำนี้ หนานกงเฉินก็หันหลังเดินไปทางลิฟท์

หนานกงเฉินใช้เวลาที่รวดเร็วที่สุดกลับไปถึงคฤหาสน์ เมื่อเขาเข้าไปถึงคฤหาสน์คุณหญิงกับจูจูก็กำลังจะแยกย้ายกลับไปนอน เขาเข้ามาด้วยท่าทางดุเดือด สีหน้าของจูจูก็ซีดไปเลย แต่เธอก็แสร้งทำเป็นนิ่งสงบแล้วมองไปที่เขา

“เฉิน แกกลับมาสักที แกเป็นอะไรหรือเปล่า?” คุณหญิงมองไปที่เขาก็รู้สึกโล่งอกทันที เขาออกไปอย่างร้อนรนแล้วช่วยตำรวจจับคนร้ายแล้วไม่มีข่าวคราวทั้งคืน ตอนนี้ท่านวางใจแล้ว

เมื่อเห็นรอยแผลบนแขนของเขาคุณหญิงก็รีบถามอย่างเป็นห่วง “เฉิน แขนของแกเป็นอะไร? บาดเจ็บหรอ?”

หนานกงเฉินไม่ได้ตอบคำถามท่าน แต่ใช้สายตาที่แหลมคมมองไปที่จูจูแล้วพูดกัดฟันแน่น “เสี่ยวหว่านชิงล่ะ?”

จูจูถูกเขาจ้องจงจนหายใจไม่ทั่วท้องแล้วรีบชี้ไปที่ห้องพี่เหอ “หว่านชิงเพิ่งตื่นมาแต่ว่าหลับไปอีกแล้วค่ะ”

หนานกงเฉินก้าวเดินไปที่ห้องนอนของพี่เหอ เมื่อเขาเห็นว่าเสี่ยวหว่านชิงนอนหลับอยู่บนเตียงก็รู้สึกเป็นห่วงขึ้นมาทันทีใบหน้าที่อมชมพูน่ารักแต่ตอนนี้กลับซีดขาวจนน่าตกใจแล้วบนหน้าผากก็ยังมีผ้าพันแผลอีก ดูไม่มีชีวิตชีวาเหมือนวันปกติทั่วไปเลย

เขาเอนตัวลงไปจับแขนเธอแล้วแก้มของเธอ เมื่อรู้สึกถึงลมหายใจที่เป็นจังหวะค่อยโล่งอกไป

“เฉิน……หว่านชิงหลับแล้ว หลับสบายมาก……” จูจูที่อยู่ข้างๆยิ้มอ่อน แต่ในใจกลับสั่นเกร็งไปหมด

หนานกงเฉินยืนขึ้นจากปลายเตียงแล้วลากตัวจูจูออกไปนอกห้อง

จูจูถูกเขาลากแล้วรีบเดินตามฝีเท้าของเขา “เฉิน คุณจะพาฉันไปที่ไหนคะ?”

หนานกงเฉินไม่ได้สนใจเธอ แต่กลับลากเธอเดินต่อไปที่ทิศทางสวนดอกไม้

จูจูรู้สึกได้ว่าเขากำลังจะทำอะไรก็รีบเอ่ยขึ้น “เฉิน คุณจะทำอะไรคะ? คุณสงสัยว่าที่หว่านชิงตกนั้นเป็นเพราะฉันเหรอคะ? ฉัน……ฉันเปล่านะคะ เธอตกลงไปเอง……ฉันกระโดดลงไปช่วยเธอแต่ฉันว่ายน้ำไม่เป็นก็เกือบจะจมน้ำเหมือนกัน……”

“ว่ายเป็นหรือไม่เป็นแค่ลองก็รู้แล้ว” หนานกงเฉินยิ้มอย่างเยือกเย็นจากนั้นก็ผลักเธอลงไปที่โซนน้ำลึกสองเมตร

จูจูตกใจจนกรีดร้องแล้วร่างกายก็เอนตัวลงไปในน้ำ

เธอรีบใช้มือทั้งสองข้างว่ายแล้วให้ตัวเองโผล่ขึ้นมาบนน้ำ มองผ่านน้ำในนัยน์ตา เธอก็เห็นหนานกงเฉินยืนมองเธออย่างเยือกเย็น ในใจก็สั่นขึ้นมาทันทีก็รีบร้อนตะโกนขึ้นในน้ำ “ช่วยด้วย……ช่วยด้วย……เฉิน……ฉันว่ายน้ำไม่เป็น……!”

เธอไม่ใช่ว่ายน้ำไม่เป็น แต่เป็นเพราะว่าห้ามให้หนานกงเฉินรู้เด็ดขาดว่าเธอว่ายน้ำเป็น เธอเลยจำเป็นต้องแสร้งทำเป็นว่ายน้ำไม่เป็นแล้วตะกุยตะกายอยู่ในน้ำแล้วเอาแต่สำลักน้ำอยู่อย่างนั้น

แต่หนานกงเฉินที่ยืนอยู่บนบกก็จ้องมองเธออย่างเยือกเย็น ไม่มีทีท่าที่จะช่วยเธอเลย

“เฉิน……ช่วยฉันด้วย……ฉันยังไม่อยากตาย……” จูจูตะโกนร้องขึ้นจากสระน้ำ

คุณหญิงกับพี่เหอก็รีบวิ่งมา เมื่อคุณหญิงเห็นว่าจูจูกำลังดิ้นรนอยู่ในน้ำก็รีบเอ่ยขึ้น “ทำไมตกน้ำอีก? เร็ว……รีบลงไปช่วยเธอขึ้นมา……”

ท่านหันไปพูดกับยาม เมื่อกี้เพิ่งช่วยชีวิตไปคนนึงยามกำลังจะถอดเสื้อผ้ากำลังจะลงน้ำไป แต่หนานกงเฉินก็เอ่ยปากพูดมาตอนนี้ “ผมดูซิว่าใครกล้าไปช่วยเธอ!”

ยามอึ้งนิ่งไปแล้วมองไปที่จูจูในน้ำแล้วมองไปที่ใบหน้าที่เยือกเย็นของหนานกงเฉิน ไม่เข้าใจเลยว่าเจ้านายกำลังเล่นอะไรกันอยู่

“ไสหัวไปซะ!” หนานกงเฉินตะคอกใส่ยามกับคนรับใช้ ทุกคนก็ตกใจแล้วหันหลังเดินกลับไปที่ของตัวเอง

จูจูก็ยังดิ้นรนอยู่ในน้ำ ดิ้นรนไปด้วยตะโกนไปด้วย เมื่อคุณหญิงเห็นท่าทางของเธอที่กำลังจะจมลงไปก็รีบหันไปพูดกับหนานกงเฉิน “เฉิน แกรีบลากเธอขึ้นมาสิ ถ้ายังทำแบบนี้อีกจะเอาชีวิตเธอไปได้นะ”

“คุณย่า……ช่วยหนูด้วย……” จูจูเปลี่ยนไปขอความช่วยเหลือกับคุณหญิง

“เฉินแกได้ยินหรือยัง? รีบลากจูจูขึ้นมา!” คุณหญิงโมโห

แต่หนานกงเฉินกลับไม่ขยับแล้วจ้องไปที่เธอ ดูเธอตะกุยตะกายอยู่ในน้ำ “ในเมื่อเธอชอบเอาชีวิตคนอื่นมาก ก็ให้เธอชดใช้ด้วยชีวิตแล้วกัน”

“หมายความว่ายังไง?”

“เธอเป็นคนลักพาตัวคุณหนูอี เธอก็เป็นคนผลักเสี่ยวหว่านชิงลงไปด้วย ทั้งสองแม่ลูกตอนนี้คนนึงกำลังอยู่ในห้องฉุกเฉิน ส่วนอีกคนก็จมน้ำแล้วยังไม่ตื่น ให้เธอชดใช้ด้วยชีวิตไม่สมควรหรอกครับ?”

“นี่แกกำลังพูดอะไร? จูจูเป็นภรรยาของแก แกจะดูเธอจมน้ำตายงั้นหรอ?” คุณหญิงร้อนใจ “แล้วอีกอย่าง แกรู้ได้ยังไงว่าเป็นจูจูคนลักพาตัวคุณหนูอี? แล้วเมื่อกี้จูจูก็ตกน้ำเกือบจะจมน้ำตายเหมือนกัน”

คุณหญิงไม่มีทางให้จูจูตายแน่นอน เรื่องนี้ทุกคนรู้ดี แม้แต่ตัวจูจูเองก็รู้ด้วย

“มานี่……รีบมาช่วยคุณหญิงน้อยเดี๋ยวนี้” คุณหญิงหันไปตะโกนเข้าไปในคฤหาสน์

“ใครกล้า!” เมื่อหนานกงเฉินพูดอย่างนี้ ยามที่กำลังวิ่งมาก็ตกใจทันที

สายตาหนานกงเฉินก็กลับไปมองจูจูที่อยู่ในน้ำ “คุณหนูจู ถ้าคุณยังไม่อยากตายก็อย่าแกล้งเลย ว่ายขึ้นมาเองเถอะ”

จูจูตกอยู่ในสถานการณ์ที่ลำบาก

ตั้งแต่ที่เธอตกน้ำไปก็หลายนาทีแล้ว ถ้าว่ายน้ำไม่เป็นจริงๆตอนนี้ก็คงหมดแรงไปแล้ว ความใจแข็งของหนานกงเฉินที่ไม่ให้ใครไปช่วยเธอก็ดูออกแล้วว่าเธอว่ายน้ำเป็น เธอควรจะทำยังไงดี?

จะแกล้งต่อ? หรือว่าว่ายกลับไปขึ้นฝั่ง?

เมื่อไม่มีทางเลือก สุดท้ายเธอก็ว่ายไปทางน้ำตื้น จากนั้นก็ขึ้นมาบนฝั่ง พอขึ้นมาแล้วเธอก็นั่งหายใจเสียงดังด้วยท่าทางที่จะเป็นจะตาย

หนานกงเฉินก้าวเดินไปต่อหน้าเธอแล้วเอนตัวลงไปจับคางของเธอขึ้นด้วยสีหน้ารังเกียจ “ผมไม่ฆ่าคุณหรอก เพราะว่าผมไม่อยากเอาชีวิตตัวเองไปเปื้อนเพราะชีวิตของคุณ รีบไสหัวกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าได้แล้ว”

“เฉิน……คุณจะทำอะไร?”

“ส่งตัวเธอไปให้ตำรวจไง” หนานกงเฉินพูดกัดฟันแน่น “ที่ยังไว้ชีวิตเธอก็ถือว่าชดใช้บุญคุณที่เธอเคยช่วยผมไว้ ตั้งแต่วันนี้ไปเราไม่มีอะไรติดค้างกันอีก”

“ไม่นะ……!” จูจูรีบจับกางเกงของเขาไว้แล้วส่ายหัว “ฉันไม่ได้ทำจริงๆ ไม่ได้ทำ……”

“ทำหรือไม่ได้ทำตำรวจจะบอกเอง ไม่ต้องมาพูดกับผม” หนานกงเฉินเอนตัวลงไปแล้วสะบัดมือที่จับกางเกงของตัวเองออก “อุบัติเหตุเมื่อสองปีก่อน ผมหาหลักฐานไม่เจอ ผมไม่เชื่อว่าจนถึงวันนี้ผมก็จะหาไม่เจอ คุณตั้งใจทำร้ายคุณหนูอี……ทั้งคุณและผมรู้อยู่แก่ใจ”

หลังจากที่พูดคำนี้จบ หนานกงเฉินก็หันหลังเดินกลับคฤหาสน์

มองตามแผ่นหลังของเขา จูจูก็รีบหันไปทางคุณหญิงแล้วพูดสะอึกสะอื้น “คุณย่าคะ หนูเปล่านะคะ หนูไม่ได้ทำอะไรเลยนะคะ……”

“เธอทำให้ฉันผิดหวังมาก!” คุณหญิงส่ายหัว “ฉันไม่เข้าใจเป็นถึงคุณหญิงน้อยของตระกูลหนานกง แต่กลับไปแย่งความรักกับผู้หญิงข้างนอก แล้วยังลงมือขนาดนี้ เพื่ออะไร?”

จูจูร้องไห้อย่างเสียใจจนจะเป็นจะตาย

ถ้าไม่ใช่เพราะว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นไป๋มู่ชิงแล้วในใจหนานกงเฉินก็เอาแต่คิดถึงเธอ เธอก็คงไม่ไปเสี่ยงแบบนี้หรอก

สองปีนี้มา เธอรู้ความสัมพันธ์ระหว่างผู้ช่วยเหยียนกับหนานกงเฉินดี แต่อย่างมากเธอก็จะไล่ผู้ช่วยออก แต่ไม่เคยทำร้ายชีวิตของเธอเลย ในใจเธอเข้าใจดี ด้วยฐานะของตัวเองตอนนี้ก็ไม่ควรไปยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงแบบนั้นแล้วทำให้ตัวเองเสียหายด้วย

“เธอคิดว่าฉันจะคุ้มหัวเธอก็เลยกล้าขนาดนั้นเลยใช่ไหม” คุณหญิงส่ายหัวจากนั้นก็หันหลังเดินกลับไปด้วย

ผู้ช่วยเหยียนซื้อขนมกับนมกลับมาแล้ววางไปที่บนตักของเฉียวเฟิง “ฉันไม่รู้ว่าคุณชอบทานอะไรก็เลยซื้อมาให้ คุณก็ทานรองท้องไปก่อนเถอะ”

เฉียวเฟิงเงยหน้ามองไปที่เธอแล้วเอ่ย “ทำไมคุณยังไม่กลับอีก?”

“ทีแรกจะกลับแล้วค่ะ แต่พอเดินผ่านร้านขนมปังมีขนมกับนมก็เลยซื้อมาให้” ผู้ช่วยเหยียนพูดปลอบใจเขา “ฉันเข้าใจความรู้สึกคุณ แต่ก็จะทำให้ตัวเองหิวไม่ได้ ไม่งั้นถ้าคุณหนูไป๋ตื่นมาแล้วคุณก็ไม่มีแรงที่จะดูแลเธอ”

เฉียวเฟิงมองกวาดไปที่ขนมบนตักแล้วเอ่ยกับเธอ “ขอบคุณ”

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ” ผู้ช่วยเหยียนพูด

เธอมองเฉียวเฟิงกลืนลงไปคำหนึ่งอย่างไม่มีรสชาติ คิดไปคิดมาแล้วเอ่ยพูดอย่างระมัดระวัง “คุณชายเฉียวคะ ความรู้สึกที่คุณชายเฉินมีต่อคุณหนูไป๋ลึกซึ้งมาก ที่ดูแลเธอไม่ได้ในใจเขาก็เสียใจเหมือนกัน เพราะฉะนั้น……ขอให้คุณเข้าใจแล้วให้อภัยเขาด้วยเกี่ยวกับการกระทำกี่วันก่อนที่เขาทำกับคุณหนูไป๋”

เฉียวเฟิงเงยหน้ามองเธอ “ผู้ช่วยเหยียนกำลังจะบอกให้ผมปล่อยมู่ชิงงั้นหรอ?”

ผู้ช่วยเหยียนรีบส่ายหัว “ไม่ค่ะ ฉันรู้ว่าคุณชายเฉียวรักคุณหนูไป๋จริง แล้วคุณชายเฉียวก็ทำให้คุณหนูไป๋มีความสุขด้วย ที่คุณชายเฉียวไม่อยากให้คุณหนูไป๋ฟื้นคืนความจำก็เพราะว่ากลัวว่าจะเสียเธอไป เรื่องทั้งหมดฉันเข้าใจค่ะ”

“แต่ว่า……” ผู้ช่วยเหยียนลังเลไปแล้วเอ่ย “พูดบางคำที่คุณไม่อยากฟังนะคะ ฉันคิดว่าคุณหนูไป๋เธอมีสิทธิ์ที่จะเลือกคู่ชีวิตกับความรัก เธออาจจะรักคุณชายเฉิน โดยสามารถยอมเสียสละชีวิตเพื่อเขาได้ ถึงแม้วันไหนจะตกอยู่ในอันตราย หรือว่าเธออาจจะหมดใจกับคุณชายเฉินแล้วในใจมีคุณชายเฉียว การปิดบังไม่ใช่หนทางที่ดีไม่ใช่หรอคะ?”

เฉียวเฟิงก็ยังจ้องมองไปที่เธอ ผู้ช่วยเหยียนก็ก้มหน้าอย่างรู้สึกผิด “ขอโทษค่ะ ถ้าพูดอะไรที่ไม่ดีไปคุณชายเฉียวก็อย่าใส่ใจก็พอค่ะ”

“ผมคิดว่าผู้ช่วยเหยียนซื้อของกินมาให้ผมเพื่อที่จะหาโอกาสให้ผมรั้งตัวมู่ชิงไว้”

“คะ?”

“ผู้หญิงก็ชอบทำอะไรลับหลังแบบนี้ไม่ใช่หรอครับ?” เฉียวเฟิงยิ้มอย่างเสียดสี “ผู้ช่วยเหยียนไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอครับถ้ามู่ชิงกลับไปอยู่ข้างกายของหนานกงเฉิน?”

ผู้ช่วยเหยียนถามกลับ “ทำไมฉันต้องรู้สึกด้วยคะ?”

เฉียวเฟิงก็ยิ้ม “ดูเหมือนว่าผู้ช่วยเหยียนจะเป็นผู้หญิงที่ดี”

“ขอบคุณค่ะ” ผู้ช่วยเหยียนเข้าใจว่าเขาหมายถึงอะไร แต่ว่าเธอก็ไม่ได้อธิบาย

เรื่องแบบนี้อธิบายยังไงก็ไม่ชัดเจน แต่จะทำให้ยุ่งยากมากกว่าเดิม

เมื่อทางเดินมีเงาของคนเดินผ่านมา ผู้ช่วยมองไปที่คนนั้นจากนั้นก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วเอ่ย “คุณชายเฉียวคะ ฉันกลับก่อนนะคะ”

เฉียวเฟิงพยักหน้าให้ ผู้ช่วยเหยียนก็พยักหน้ากลับค่อยก้าวเดินไปทางลิฟต์

เฉียวซือเหิงมองกวาดไปที่ผู้ช่วยเหยียนที่เดินไปไกลแล้วจากนั้นก็ถามเฉียวเฟิง “เกิดเรื่องอะไรขึ้น? ตอนนี้มู่ชิงเป็นยังไงบ้าง? ทำไมถึงถูกคนลักพาตัวไป?”

เขาออกไปทำธุระกลับมาก็ได้ยินเรื่องนี้ แม้แต่บ้านก็ยังไม่ได้กลับก็รีบมาโรงพยาบาลทันที

“หมอบอกว่ายังไม่ฟื้น” เฉียวเฟิงก้มหน้าอย่างเสียใจ

เฉียวซือเหิงยกมือขึ้นวางที่บ่าเขา “อย่ากังวลเลย ไป๋มู่ชิงเป็นคนโชคดีอยู่แล้ว ครั้งนี้ก็ต้องไม่เป็นอะไรแน่นอน”

เฉียวเฟิงตอบรับไป คำพูดปลอบใจพวกนี้เขาก็ไม่ค่อยอยากฟังมากเท่าไหร่

“ใครเป็นคนทำกันแน่?” เฉียวซือเหิงเดินวนไปวนมาอย่างหงุดหงิด “ฉันคิดว่าต้องเป็นผู้หญิงที่ชื่อจูจูว่าแน่นอน ใช่สิ หนานกงเฉินเอาแต่ตามตื๊อไป๋มู่ชิงไม่ใช่หรอ? ทำไมตอนนี้ไม่เห็นเงาหัวเลย?”

“เขากลับไปแล้ว”

“ขอให้กลับไปจัดการกับภรรยาตัวเองเถอะ” เฉียวซือเหิงเอ่ย

“รอมู่ชิงฟื้น ผมจะพาเธอไปจากที่นี่ ” เฉียวซือเหิงเอ่ยพึมพำกับตัวเอง

เฉียวซือเหิงก็พยักหน้า “ครั้งนี้พี่จะช่วยจัดการเอง”

เมื่อเดินมาจากสระว่ายน้ำ หนานกงเฉินก็มาหาเสี่ยวหว่านชิง เขาเอนตัวลงไปอุ้มเสี่ยวหว่านชิงขึ้นจากบนเตียง คุณหญิงก็เอ่ยพูดขึ้นว่า “เฉิน แกจะอุ้มเธอไปไหน?”

“อุ้มเธอไปจากที่นี่ ยิ่งไกลยิ่งดี” หนานกงเฉินพูด

“รอก่อน” คุณหญิงพูด “เฉิน แกมานี่ ฉันอยากจะคุยกับแก”

“คุยอะไรครับ? คุณย่ายังจะใช้ข้ออ้างที่ว่าจูจูเป็นคู่คลองที่ฟ้าลิขิตแล้วให้ผมเก็บเธอไว้แล้วให้อภัยเธอหรอครับ?”

คุณหญิงทำมือให้เขาเงียบ “อย่าทำให้เด็กตื่น มาที่ห้องฉัน”

เมื่อคุณหญิงพูดจบก็หันไปพูดกับพี่เหอว่าให้ดูแลเสี่ยวหว่านชิง จากนั้นก็เดินกลับห้องตัวเองไป

หนานกงเฉินหันหลังแล้วเดินตามคุณหญิงไปที่ห้อง หลังจากที่คุณหญิงปิดประตูก็นั่งลงที่โซฟาจ้องมองไปที่เขา “เฉิน แกพูดไม่ผิด ฉันจะเก็บจูจูไว้”

“ผมรู้อยู่แล้วว่าคุณย่าต้องทำแบบนี้ ถ้าไม่มีท่านคอยเอาใจเธอ จูจูก็คงไม่กล้าทำเรื่องอะไรแบบนี้” สีหน้าของหนานกงเฉินเข้มงวดขึ้นมาทันที “แต่ว่าครั้งนี้ผมจะไม่ยุ่งไม่ได้แล้ว จูจูต้องชดใช้กับการกระทำที่ตัวเองทำไป ไม่งั้นก็คงไม่แฟร์กับแม่ลูกทั้งสอง”

หนานกงเฉินนึกอะไรบางอย่างได้แล้วจ้องไปที่ท่าน “คุณย่ารู้อยู่แล้วหรอครับว่าเป็นจูจูคนทำ? ที่ตำรวจยังไม่มาเอาตัวไปเป็นเพราะคุณย่าใช่ไหมครับ?”

“ใช่ ฉันเอง”

“คุณย่า!” หนานกงเฉินหงุดหงิด

“ฉันเคยบอกแล้ว จูจูยังตายตอนนี้ไม่ได้ ยิ่งเข้าคุกไม่ได้ด้วย เธอต้องอยู่ที่บ้านตระกูลหนานกง “สีหน้าของคุณหญิงก็เข้มงวดเหมือนกัน

ทีแรกท่านก็ไม่คิดเหมือนกันว่าเรื่องคืนนี้จูจูเป็นคนทำ จนกระทั่งเสี่ยวหว่านชิงจมน้ำท่านค่อยคิดได้ ท่านรู้ว่าหนานกงเฉินเกลียดจูจูมาก เพื่อที่จะไม่ให้ตำรวจนำตัวจูจูไป ท่านก็ใช้เวลาที่น้อยที่สุดแล้วปิดบังความผิดของเธอไว้

“จูจูเลือดเย็นมาก เธอไม่แค่จะฆ่าคุณหนูอีแล้วจะฆ่าหว่านชิงด้วย แม้แต่เด็กเธอก็ไม่ปล่อย! คุณย่าครับ คุณย่าจะปิดบังคนเลวแบบนี้หรอครับ?” หนานกงเฉินส่ายหัวแบบเอื้อมละอา “คุณย่าทนได้ แต่ผมทนไม่ได้……”

“แกทนไม่ได้ก็ต้องทนไว้!” คุณหญิงพูดเสียงเข้ม “ถ้าแกจะต่อต้านกับฉัน ตั้งแต่วันนี้ไปแกอย่าคิดที่จะได้เดินออกจากคฤหาสน์นี้แม้แต่ก้าวเดียว อย่าคิดว่าจะได้ติดต่อกับคนข้างนอก จนกระทั่งสามเดือนหลังจากนี้!”

สามเดือนหลังจากนี้ หนานกงเฉินเข้าใจดีว่าคุณหญิงหมายถึงอะไร สามเดือนหลังจากนี้ก็เป็นวันครบรอบแต่งงานสามปีของเขากับจูจู แล้วเป็นวันเวลาที่คุณหญิงเอาแต่เฝ้ารอคอยด้วย

แต่ว่าวันครบรอบนี้ไม่มีความสำคัญอะไรในใจเขาเลยเขาไม่เคยเก็บไว้ในใจเลย

คุณหญิงปรับอารมณ์ให้อ่อนลงแล้วสูดหายใจเข้า “เฉิน แกคิดว่าฉันชอบจูจูหรอ? แกคิดว่าฉันเอาใจเธอหรอ? คิดว่าฉันไม่รู้ว่าเธอเลวแค่ไหนหรอ? แต่ทำยังไงได้ล่ะ? ใครให้เธอเป็นคู่ครองที่ฟ้าลิขิตไว้ ใครให้เธอช่วยชีวิตแกไว้? ฉันรู้ว่าแกเกลียดเธอมาก เกลียดจนอยากจะบีบคอเธอตาย ไม่ก็ส่งเธอเข้าคุก แต่แกเคยคิดหรือเปล่า ถ้าแกทำให้เธอตายแล้วแกจะทำยังไง?”

“ผมบอกแล้วว่าผมไม่เชื่ออะไรพวกนี้!”

“แกไม่เชื่อ? แต่ฉันเชื่อ!” คุณหญิงตบหน้าอกของตัวเอง “แกให้เธอมีชีวิตอีกสามเดือนจะเป็นอะไรไป? พอถึงเวลาแกจะไว้ชีวิตเธอฉันก็ไม่ไว้อยู่แล้ว ถ้าถึงเวลาก็เอาหัวใจของเธอไปให้คุณหญิงจิ้ง ฉันจะตามใจแกเลยว่าแกจะทำยังไงกับเธอก็ได้ จะโยนเธอไปให้สัตว์ป่ากินก็ได้ ขอแค่แกได้ระบายอารมณ์คุณย่าจะไม่เอ่ยพูดอะไรสักคำเลยได้ไหม?”

หนานกงเฉินมองไปที่คุณหญิงแล้วมีความรู้สึกอะไรบางอย่างในใจ: คุณย่าหลงงมงายจนบ้าไปแล้ว……

แล้วขณะเดียวกัน จูจูที่กำลังแอบฟังอยู่หน้าประตูหน้าก็ซีดขาว ขาทั้งสองข้างก็อ่อนแรง

เธอหันหลังไปแล้วหายใจเข้าลึกๆ ไม่กล้าเชื่อความจริงที่ตัวเองได้ยินเลย

เมื่อได้ยินคุณหญิงบอกว่าท่านช่วยเธอปิดบังความผิด ในใจเธอก็ยังรู้สึกดีใจเพราะว่าเธอคาดเดาได้ เธอรู้ว่าไม่ว่าตัวเองจะทำอะไรคุณหญิงก็ไม่มีทางให้เธอเกิดเรื่องแน่นอน

เธอคิดว่าคุณหญิงจะคุ้มครองเธอเพราะว่าเธอเป็นคู่ครองที่ฟ้าลิขิตไว้ของหนานกงเฉิน เธอคิดว่าได้เป็นคู่ครองหนานกงเฉิน ได้เป็นภรรยาเขา ก็จะได้อยู่กับเขาตลอดชีวิต ไม่คิดเลยว่า……

คุณหญิงจิ้งอะไร เธอไม่รู้จักแล้วไม่เคยได้ยินด้วย ยิ่งคิดไม่ถึงว่าคุณหญิงจะเอาหัวใจของเธอไปให้คุณหญิงจิ้ง นี่มันเรื่องอะไรกันแน่?

สามเดือนหลังจากนี้? ก็ถึงเวลาของเธอแล้วหรอ?

เมื่อเห็นว่าหนานกงเฉินไม่เอ่ยพูดอะไรอีก คุณหญิงก็เอ่ยขึ้นอีก “เรื่องนี้ฉันตัดสินใจแล้ว แกกลับไปพักผ่อนเถอะ ห้ามออกจากห้องตั้งแต่พรุ่งนี้ ห้ามติดต่อกับคนข้างนอกด้วย”

“คุณย่าครับ คุณย่าจะทำแบบนี้ไม่ได้นะครับ”

“เพื่อร่างกายของแก ฉันต้องทำแบบนี้” อยู่ๆคุณหญิงก็เอาแส้ออกมาจากลิ้นชักแล้วยัดไปในมือเขา “ฉันรู้ว่าแกโกรธ ขึ้นไปเฆี่ยนเธอให้สมใจ แต่ต้องไว้ชีวิตเธอด้วย”

“หลังจากสามเดือน ฉันจะให้เธอชดใช้เองแล้วทวงความยุติธรรมให้ทั้งสองแม่ลูก” คุณหญิงพูด

หนานกงเฉินจับแส้ที่คุณหญิงให้ไว้ในมือแน่น จากนั้นก็หันหลังเดินออกไป

เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด

เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด

Status: Ongoing
ไป๋มู่ชิงเคยได้ยินเรื่องเล่าตั้งแต่เด็กว่า ตระกูลหนานกงในเมืองซีเป็นตระกูลที่ร่ำรวยที่สุด แต่น่าเสียดายที่คุณชายใหญ่ของตระกูลกลับป่วยเป็นโรคประหลาด โรคที่เขาเป็นจะทำให้เขามีอายุอยู่ได้ไม่ถึงอายุ30ปี ไป๋มู่ชิงยังได้ยินมาอีกว่า คุณชายหนานกงเฉินแต่งงานใหม่ทุกๆปี แต่เจ้าสาวของเขากลับมีชีวิตอยู่ได้ไม่ถึงวันต่อมาหลังคืนเข้าหอ แต่ไม่ทราบสาเหตุของการแต่งงานและยังไม่ทราบถึงสาเหตุการเสียชีวิตของเจ้าสาวด้วย เมื่อตระกูลหนานกงได้ส่งของหมั้นมาให้ตระกูลไป๋ ไป๋มู่ชิงก็คิดไม่ถึงว่าพ่อของเธออยากจะปกป้องชีวิตพี่ของเธอไว้ถึงขนาดผลักเธอเข้าไปในประตูนรกอย่างโหดร้าย บังคับให้เธอแต่งงานกับหนานกงเฉินเป็นเจ้าสาวคนที่เจ็ดของเขา แทนพี่สาวของเธอ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท