บทที่ 12 คนปริศนา
ฉันที่กำลังเหมือนตกอยู่ในสถานการณ์ประหลาดก็สะดุ้งตื่นขึ้น เปลือกตาที่ปิดสนิทก็ลืมขึ้นเห็นเพดานไม้ที่ไม่คุ้นเคย
อะไรกัน.. ฝันหรอกเหรอ ค่อยโล่งอกหน่อยที่นั่นไม่ใช่ความจริง.. เล่นเจอแบบนั้นเลยนะ แต่ในตอนนั้นเอง
“อ่าว ฟื้นแล้วเหรอสาวน้อย”
เสียงของผู้หญิงดังขึ้นด้านข้าง ทำเอาฉันหันไปมองทันที ฉันเห็นผู้หญิงผมสีดำซึ่งดูแปลกมากสำหรับโลกใบนี้
โดยทั่วไปโลกใบนี้เป็นโลกที่มีสีผมที่แตกต่างกันออกไป แต่สีดำนี่จะไม่มีเลย อาจจะเพราะทวีปนี้เป็นทางตะวันออกของโลกก็ได้
แต่ผมสีดำตั้งแต่เกิดมาฉันไม่เคยเห็นมาก่อนเลยนี่เป็นครั้งแรก ที่น่าตกใจไปกว่านั้นคือ.. ฉันกลับรู้สึกระแวงคนคนนี้ไม่ลง?
ทำไมกันนะ? หากเป็นปกติทั่วไปฉันจะต้องระแวงคนแปลกหน้าเป็นเท่าตัว แต่ท่าทางของเธอคนนี้กลับไม่ทำให้ฉันรู้สึกแบบนั้นเลย
จะว่าไงดีล่ะ มันอารมณ์เหมือนกับว่าฉันรู้จักเธอคนนี้ตั้งแต่ลืมตาดูโลกแล้วงั้นเลย… แต่ฉันก็รับรู้ถึงจุดที่ว่าฉันไม่ระแวงเธอ
ฉันจึงต้องระแวงขึ้นไปอีกนี่เป็นโลกที่เหนือจินตนาการ ฉันไว้ใจมันไม่ได้..
“คุณเป็นใคร?!”
ฉันลุกขึ้นยืนแล้วกระโดดลงออกจากเตียงทันที แต่ทว่าเมื่อเท้าเหยียบลงพื้นเข่าก็อ่อนยวบลงทันที
เหมือนฉันจะบาดเจ็บหนักพอสมควร เธอคนนั้นก็พูดขึ้น
“เดี๋ยวเถอะ อย่าพึ่งขยับสิ ตอนฉันไปเจอสาวน้อยก็เห็นเธอได้รับบาดเจ็บหนักพอสมควรนะ!?”
“บาดเจ็บหนัก?”
ฉันรู้สึกงงงวยขึ้นมา ก่อนที่หญิงสาวคนนั้นจะชี้ผ่ านหลังฉัน แล้วพูดขึ้นว่า
“ตอนฉันไปเจอสาวน้อย แล้วก็สองคนนั้นหมดสติอยู่กลางป่า ดูเหมือนพวกเธอจะตกมาจากที่สูงจนได้รับบาดเจ็บนั่นแหละ”
ฉันหันไปเห็นเลวี่กับ.. เอ่อ.. ซิลเวีย นี่ไม่ได้ฝันจริงๆ สินะ ฉันโดนยัยนั่นพุ่งดิ่งชนพสุธาอย่างรุนแรง
แต่ว่ากันตามตรงถึงฉันจะเตะใส่หน้าซิลเวีย แต่ตามความจริงร่างกายหกขวบก็ไม่มีเรี่ยวแรงขนาดนั้น ถึงจะมีพลังเวทมหาศาลก็ตามที
แต่ใช้กำลังล้วนๆ ก็ยังเป็นแค่เด็กไม่แปลกจะดิ่งพสุธาจนสลบ.. ฉันทำอะไรเลินเล่ออีกแล้ว
ตอนนั้นน่าจะแทรกแซงพละกำลังเยอะๆ แล้วเตะ.. แต่แบบนั้นก็เป็นฆาตกรฆ่าเทพธิดาพอดีสินะ
“อ้อ ส่วนฉันมีชื่อว่า ชิสุ ส่วนคนที่อยู่ข้างฉันมีชื่อว่าริว”
เธอว่าแบบนั้นฉันก็หันไปแล้วพึ่งจะรู้สึกตัวว่ามีผู้หญิงอีกคนนั่งอยู่ใกล้ๆ ผู้หญิงที่ชื่อชิสุ อย่าว่าแต่สัมผัสถึงเลย
ขนาดมองยังไม่เห็นถ้าไม่สังเกต! ฉันหันไปมองผู้หญิงที่ไม่ได้หันมามองฉันเลย เธอมีผมสีขาว ก้มหน้าก้มตาถักไหม้พรม
“โทษทีนะ เขาไม่ชอบเข้าสังคมแบบนี้แหละ”
ฉันรู้สึกประหลาดใจกับคำพูดของผู้หญิงที่ชื่อชิสุ คนที่จู่ๆ ก็ปรากฏตัวขึ้นแล้วช่วยไว้แบบไม่มีปี่มีขลุ่ยเนี้ย ไม่มีในโลกหรอก (มีสิ)
“ขอบคุณ งั้นฉันขอตัว”
ฉันไม่อยากสุงสิงกับคนแปลกหน้านัก ถ้าพยายามจะรั้งเอาไว้ฉันก็จะรู้ทันทีว่าคนพวกนี้เป็นศัตรูแน่นอน
เพราะมีจุดประสงค์อยู่เบื้องหลัง คิดว่านะ.
ฉันอุ้มเลวี่และรีบออกจากบ้านไม้นี้ไป ปมคิดว่าคนพวกนี้ค่อนข้างประหลาดไม่อยากอยู่ให้นานกว่านี้ แต่ในตอนนั้นจู่ๆ ผู้หญิงที่ชื่อชิสุก็พูดขึ้น
“เดี๋ยวสิ แล้วผู้หญิงคนนั้นล่ะ”
เธอชี้นิ้วไปที่ซิลเวีย เทพธิดาที่กำลังนอนน้ำลายยืดสบายใจเฉิบ เอิ่ม.. ตัวปัญหานี่น่าไม่เอาด้วยหรอก
ปัญหาแค่ในฝันก็พอแล้วไม่ต้องรวมมาถึงโลกแห่งความจริงหรอกน่า ฉันคิดแบบนั้นเลยตอบไปว่า
“เธอไม่เกี่ยวกับพวกเรา”
ว่าแล้วฉันก็รีบวิ่งออกไปหลังจากวิ่งออกมาสักพักแล้วก็ เสกพรมขึ้นมารีบขึ้นพรมแล้วก็บินกลับทันที
ตอนนี้เป็นเวลาเช้าแล้ว ต้องรีบกลับก่อนท่านแม่จะรู้ว่าพวกเราแอบออกมา ไม่งั้นโดนกักบริเวณแน่!
ฉันจึงรีบตะบึงกลับทันที…
……..
โดยที่ฉันไม่รู้.. ผู้หญิงที่ชื่อชิสุเอามือแตะใบหน้าตัวเองแล้วพูดขึ้น
“เป็นเด็กที่ระแวงจริงๆ แล้วก็ใจร้ายไม่เบาเลยด้วยนะ”
เธอพูดติดตลกออกมา เธอตบมือเบาๆ ร่างซิลเวียที่กำลังนอนน้ำลายยืดก็หายวับไป.. ถ้าหากเลทิเซียหันกลับไปมองหลังพรม
คงเห็นว่าซิลเวียขึ้นไปนอนอยู่บนนั้นแล้ว…
ผู้หญิงคนนั้นหัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนที่บ้านไม้ที่กว้างพอจะวางเตียงเรียงกันสามอันก็หายไปเหลือเพียงเตียงเดียวที่เลทิเซียเคยนอน
ในตอนนั้นเองผู้หญิงผมสีขาวที่ผมปิดหน้าปิดตาก็ค่อยๆ เงยหน้าขึ้นช้าๆ แล้วพูดขึ้นเบาๆ ว่า
“เธอคิดจะทำอะไร ทุกอย่างมันจบไปแล้ว”
แต่ชิสุก็ส่ายหน้าแล้วตอบ
“ไม่มันยังไม่จบ.. ความสัมพันธ์ของเราถูกสะบั้น มันจะหวนกลับมาเพื่อทำลายล้างและมอบคำสาปที่ร้ายแรงยิ่งกว่า.. นั่นแหละคือผู้หญิงคนนั้น ฉันรู้จักเธอดี”
เธอตอบแบบนั้น ริวจึงก้มหน้าลงถักไหม้ต่อในขณะที่พูดขึ้นเบาๆ ว่า
“ถ้างั้น ให้ฉันจัดการซะก็สิ้นเรื่อง”
ชิสุอดที่จะหันไปจับผมของริวแล้วก็พูดขึ้นเบาๆ
“นี่เป็นเรื่องของผู้หญิงนะ”
……..