บทที่ 142 – อาบน้ำ
“จริงสิ ที่ข้ามาหาเจ้ามันมีเหตุผลนะ คือว่าเพราะเจ้าขาดเรียนไปนานถึงจะเพราะมีเหตุการณ์มากมายก็เถอะ แต่อีกไม่กี่วันก็ต้องสอบวัดความสามารถ เพื่อหาตัวแทนไปเข้าศึกชิงสถานะนักเรียนแห่งความภาคภูมิใจเลยต้องเร่งการเรียนการสอนน่ะ”
เหมือนซิลเวียพึ่งนึกขึ้นได้เธอเลยพูดขึ้น แล้วเทศกาลล่าสมบัติล่ะ ไม่ใช่ว่าเทศกาลล่าสมบัติคือการคัดเลือกหรอกเหรอ
“แล้วเทศกาลล่าสมบัติล่ะ?”
“ก็เทศกาลล่าสมบัติมันดันพังไม่เป็นท่าน่ะ ทางโรงเรียนทั้งห้าจึงปรึกษากันใหม่ วิธีที่เร็วและได้ผลที่สุดคือสอบวัดความสามารถ ส่วนเนื้อหาข้าเองก็ไม่รู้”
นั่นสิ ก็เทศกาลล่าสมบัติดันกลายเป็นภัยพิบัติที่ฉันเกือบตายนี่ แถมนักเรียนจำนวนหนึ่งก็ไม่ได้เข้าร่วมเพราะกลับบ้านด้วยน่ะนะ
อีกอย่างฉันไม่ได้สมบัติเลยสักชิ้นด้วยเนี่ยสิ พอคิดแล้วก็รู้สึกเศร้า… แต่เพราะงั้นมันทำให้ฉันวางเรื่องของเลวิเนียไว้ข้างๆ ก่อนได้
ฉันถอนหายใจออกมาเบาๆ พอเห็นท่าทางของฉันซิลเวียก็พูดต่อว่า
“ไม่ต้องเป็นห่วงที่เจ้าทำก็มีแค่เรียนเสริมเท่านั้น ส่วนหัวข้อเรียนเสริมก็เป็นการทำความเข้าใจต่อหลายๆ อย่างที่ยังไม่ได้เรียนแต่สำคัญมาก”
“อืม”
ฉันพยักหน้า เอาจริงๆ ฉันก็ไม่ได้เกลียดหรอกนะ เพราะการเรียนเสริมพูดอีกนัยหนึ่งก็คือไม่ต้องไปเรียนร่วมกับคนอื่นนั่นแหละ
แถมยังได้รู้เรื่องใหม่ๆ ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการดำรงชีพของฉันด้วย พอคิดแบบนั้นฉันก็อารมณ์ดีขึ้นมา
“แล้วเริ่มวันไหนเหรอ?”
“วันพรุ่งนี้เลยนะ คนที่สอนเจ้าจะเป็นอาจารย์คนหนึ่ง เธอดุมากเจ้าต้องใจเรียนนะ ไม่งั้นจะโดนหักคะแนนเอาได้! แล้วเจาอาจจะไม่ได้เข้าร่วมศึกชิงสถานะเลย!”
“ฉันก็ไม่ได้ต้องการสักหน่อยนะ..”
จะว่าไปก็ไม่สนใจจริงๆ นะ เพราะถ้าหากทำตัวเด่นก็จะโดนอิจฉาอีก ซึ่งแบบนั้นก็จะไม่ดีเป็นการสร้างศัตรูโดยไม่รู้ตัว
ซึ่งขัดกับหลักการการใช้ชีวิตของฉันโดยสิ้นเชิง พอคิดแบบนั้นก็รู้สึกว่าบางทีฉันควรไม่เข้าร่วมเลยจะดีกว่า
แต่ซิลเวียเห็นท่าทางของฉันเธอเลยขยับเข้ามากระซิบ
“เจ้านี่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยนะ ถ้าหากได้อันดับหนึ่งหมายความว่าเจ้าเป็นเด็กที่มีอายุต่ำกว่าสิบห้าปีที่เก่งที่สุดในทวีปเลยนะ! นั่นหมายความว่าไง หมายความว่าต่อให้เป็นใครก็อยากหาของมาเอาอกเอาใจเจ้า ในฐานะที่เจ้าเป็นองค์หญิงคงอาจจะเคยเจอมาบ้าง แต่คราวนี้ไม่ใช่แค่ในอาณาจักร แต่เป็นทั่วทุกอาณาจักร!”
“อืม.. แล้วไง…?”
“ก็คือ เจ้าอยากได้อะไรคนก็คงหามาให้เจ้าแน่ๆ!”
พอพูดแบบนั้นน้ำลายของซิลเวียก็ไหล พนันได้เลยว่าเธอกำลังนึกถึงเรื่องกินอีกแน่ๆ เลย เธอกลายเป็นพวกกินจุที่แสดงละครไม่เก่งไปแล้วสินะ
แต่ว่านะ ขออะไรก็ได้งั้นเหรอ… ถ้าเทียบกับการโดนอิจฉามีศัตรูหมายหัวไม่เห็นคุ้มตรงไหนเลย
ถึงฉันจะขอของที่สร้างอุปกรณ์เวทมนตร์มาได้ แต่ก็คงมีคนรู้เพราะตกเป็นเป้าสายตา สุดท้ายไพ่ตายลับก็ไม่ใช่ไพ่ตายลับ
เพราะงั้นเวลาฉันซื้อของสร้างอุปกรณ์เวท ฉันเลยไม่ขอให้คนช่วยยังไง.. ฉันไม่สนใจอยู่แล้ว แต่ที่สนใจคือเรื่องเรียนเสริม
“อ๊ะ ถึงเวลาข้าต้องไปแล้ว แล้วเจอกันนะเลทิเซีย ชาร์ล็อตก็ด้วย!”
ว่าแล้วซิลเวียก็เปิดหน้าต่างและก็กระโดดออกไป เฮ้ย.. ประตูก็มีนะ จะออกทางหน้าต่างทำไมละเนี่ย
แต่ก็ช่างเถอะ… ฉันคิดอะไรอยู่พักหนึ่งก่อนจะรู้สึกร้อนขึ้นมา อยากอาบน้ำแฮะ
“งั้นฉันอาบน้ำก่อนนะ ชาร์ล็อต”
“อ๊ะ ค่ะ..”
ฉันบอกตามมารยาท ว่าแต่ปกติเขาบอกไหมฉันก็ไม่รู้นะ เพราะตอนฉันอยู่บ้านกับพี่ฉันก็ทำแบบนี้ตลอดว่าตัวเองจะใช้ห้องน้ำ
ฉันเดินเข้าไปในห้องน้ำซึ่งเป็นห้องล้างหน้าและซักเสื้อผ้า พอถอดชุดออก ฉันก็มองเห็นตัวเองที่สะท้อนผ่านกระจก..
“เอ๊ะ..?”
ฉันอึ้งอยู่พักหนึ่งก่อนจะเอามือลูบหน้าและจับผมตัวเองมาดู.. ดูเหมือนว่าฉันจะตัวสูงขึ้นนิดหน่อยแฮะ
แถมตอนนี้ยังมีหน้าอกด้วย ไม่สิ.. ทำไมหน้าอกถึงพองขึ้นมาละ?
(ถ้าหากถามว่าทำไมเจ้าตัวที่เคยเป็นชายมาก่อน ถึงมองร่างหญิงตัวเองเหมือนปกติเลย จงตระหนักว่าเธอคนนี้อยู่กับร่างกายนี้มาสิบสี่จะสิบห้าปีแล้ว
อันที่จริงเพราะกลายเป็นหญิงแม้จะเคยเป็นชายมาก่อน แต่ฮอร์โมนเพศของร่างกายของเธอก็ไม่ตอบสนองต่อร่างกายของตัวเอง
แต่แน่นอนว่าความรู้สึกนึกคิดก็ยังเหมือนเดิม แต่เพราะตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา เลทิเซียจึงคุ้นชินกับร่างกายตัวเอง)
ฉันพยายามใช้ความคิดอย่างมาก แต่ในหนังสือเรียนก็ไม่มีบอกนี่น่าว่าทำไมหน้าอกถึงพองหรือจู่ๆ ร่างกายก็สูงขึ้น แล้วก็ร่างกายฉันมันหยุดเจริญเติบโตไม่ใช่เหรอ
อืม.. ช่างมันแล้วกัน ฉันเดินเข้าไปในห้องอาบน้ำ ขณะกำลังเริ่มทำความสะอาดร่างกายเพื่อความสดชื่นนั้น
ประตูห้องน้ำก็เปิดออกฉันก็ตกใจ รีบกระโดดถอยหลังดึงมีดออกมาจากฝักบัวที่ฉันทำเก็บเอาไว้อย่างลับๆ
“ชาร์ล็อต ..?”
ฉันตกใจคนที่เข้ามาคือชาร์ล็อต ไม่ใช่อันน่า.. ถามว่าทำไมถึงรู้.. ไม่รู้สิความรู้สึกมันเป็นแบบนั้นละมั้ง
ชาร์ล็อตเหมือนจะหน้าแดง แล้วพูดขึ้นว่า..
“เอ่อคือว่า.. อันน่าแนะนำให้ฉันมาขัดหลังให้เลทิเซียน่ะ เพราะเมื่อกี้พวกเราหลอกเลทิเซีย..”
“งั้นเหรอ..”
ฉันมองอย่างคลางแคลงใจ พยายามใช้ความคิดคาดเดา แต่ก็นะคนประเภทอันน่าเป็นคนที่ต้องระวัง เธอคงวางแผนอะไรไว้
ว่ากันว่า ในอดีตเคยมีมือสังหารที่ปลอมตัวเป็นเมดไปถูหลังให้นักรบ เพราะการอาบน้ำคือสถานที่แห่งการผ่อนคลายและปลดเปลื้องทุกอย่าง
ผลลัพธ์คือนักรบถูกฆ่าอย่างเลือดเย็น โดยฝีมือนักฆ่า บางทีอันน่าก็คิดจะทำแบบนั้นสินะ
แต่ฉันขอบอกไว้ก่อนเลยนะว่า ต่อให้เป็นในห้องน้ำฉันก็ไม่เคยลดการป้องกันตัวเลยสักนิด ปล่อยให้ชาร์ล็อตควบคุมร่างกายเพื่อให้ฉันไม่ระวังตัว
ก่อนจะฉวยโอกาสควบคุมร่างแล้วฆ่าฉันตอนถูหลังล่ะสิ ฉันบอกเลยว่าฉันรู้ทันแผนของเธอแล้ว..
“อันที่จริงฉันทำเสร็จแล้วน่ะ”
“อ๊ะ งั้นเหรอ..”
ชาร์ล็อตดูคอตกหน่อยๆ แต่ว่านะคนอย่างอันนาคงมีแผนสำรอง สิ่งที่ดีที่สุดในตอนนี้คือหยุดยั้งไม่ให้เธอเดินหมากต่อไป
วิธีก็มีเพียงวิธีเดียวนั่นคือ… ชิงลงมือก่อนนั่นเอง ฉันทำท่าทางเหมือนนึกอะไรได้ก่อนที่จะพูดออกไป
“จริงสิ ไหนๆ ก็มาแล้ว เดี๋ยวฉันถูหลังให้ชาร์ล็อตเอง”
“เอ๋.. แบบนั้นจะดีเหรอคะ?!”
“มาเถอะๆ”
ฉันลุกขึ้นจากเก้าอี้ ดูเหมือนชาร์ล็อตจะยังหน้าแดงอยู่ แต่เธอก็ไม่ได้พูดอะไรเดินมานั่งลงบนเก้าอี้ไม้
ฉันก็นั่งลงข้างหลังเธอก่อนที่จะใช้มือสองข้างถูหลังเธอ บรรยากาศตกอยู่ในความเงียบ ถ้าเป็นแบบนี้อันนาคงเล่นตุกติกอะไรไม่ได้แน่
หากเธอเคลื่อนไหวเพียงน้อยนิดฉันก็จะชิงลงมือก่อนโดยการหลบหลีกนั่นเอง เรียกได้ว่าจุดนี้เป็นจุดกำหนดยุทธศาสตร์เลย
ฉันขอเรียกมันว่า จุดถูหลังแห่งยุทธศาสตร์ละกัน ถ้าหากมีศัตรูมากแผนแบบอันนาโผล่มาอีกก็คงโดนแผนนี้ฉันอย่างแน่นอน
ในขณะที่คิดแบบนั้น จู่ๆ ชาร์ล็อตก็เงยหน้าขึ้นมองกระจกสะท้อนมายังฉันที่อยู่ด้านหลังเธอ.. เธอก็พูดขึ้นว่า
“เลทิเซีย.. ทะเลาะกับท่านเลวิเนียงั้นเหรอ?”
มือของฉันหยุดชะงักลง… ฉันไม่รู้จะตอบยังไงดีเหมือนกัน.. แต่ว่าเธอคนนี้รู้ได้ยังไงกัน ทั้งที่ฉันทำตัวปกติและพยายามปกปิดจุดอ่อนของตัวเอง
ทำไม..?
“ข้ารู้ได้ยังไงน่ะเหรอ.. ก็เพราะว่าพอข้าทะเลาะกับอันน่า ข้าเองก็จะมีท่าทางแบบเลทิเซียเลยยังไงล่ะ..”
“ฉัน..”
“ถึงข้าจะไม่รู้ว่าเพราะอะไรก็เถอะ แต่ถ้าหากอยากระบายก็มาพูดกับข้าได้นะ ก็พวกเราเป็นรูมเมจกันนี่น่า..”
“….”
………