การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม – ตอนที่ 260

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

บทที่ 260 – ‘เพื่อน’

ดังนั้นในตอนนั้นอันน่าจึงพูดออกไป.. พูดในสิ่งที่เธอนั้นรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นตั้งแต่แรกอยู่แล้ว..

หลังจากเลทิเซียคุยกับอาจารย์ซิลเวียเสร็จเธอก็เข้าไปอาบน้ำ อันน่าจึงได้บอกให้ชาร์ล็อตเข้าไปหาเธอ..

อันน่านั้นรู้ดีว่าคนแบบเลทิเซียเป็นคนยังไง เธอเป็นคนที่มีกลิ่นอายเหมือนกับตัวอันน่าและชาร์ล็อตในเวลาเดียวกัน

ซึ่งมันรุนแรงและสุดโต่งจนแทบเรียกได้ว่าหากเกิดอะไรสักอย่างขึ้นมันอาจจะแยกเป็นสองฝั่งเหมือนอันน่ากับชาร์ล็อตได้อย่างง่ายดายเลย

เพราะความขัดแย้งในตัวของบุคคลที่ชื่อเลทิเซียนี้นั้นมันมีมากเกินไป.. และสภาวะทางอารมณ์ของเลทิเซียในตอนนี้ที่อยู่ในสภาวะที่ถือว่าแย่มาก

แม้เธอจะไม่ได้พูดออกมา แต่ว่ามีหรือที่จะหลอกสายตาของตัวตนอย่างอันน่าที่เป็น ‘ด้านลบ’ สมบูรณ์แบบได้

เธอสามารถมองเห็นความสับสนลังเลและเสียใจ พร้อมทั้งความบิดเบี้ยวในดวงตาของเลทิเซียได้ชัดเจนยิ่งกว่าใครๆ

แน่นอนว่าชาร์ล็อตเองก็คงมองออก ยังไงซะตลอดเดือนที่ผ่านมาพวกเธอทั้งสาม ไม่สิ สองคนก็อยู่ด้วยกันตลอด

ไม่แปลกที่จะมองออกได้ แน่นอนว่าคนอย่างชาร์ล็อตเธอคงไม่มีความกล้ามากพอที่จะเข้าไปหาเลทิเซียด้วยตัวเองแน่ๆ

แม้จะมีความคิดในหัวอยู่แล้วแต่ก็ยังขาดความกล้า เพราะเธอยังคงคิดว่ามันอาจจะไม่ควรอยู่บ้าง แต่ว่าพอเป็นคำพูดของอันน่า คนที่ตัวเองเชื่อใจที่สุดดังเข้าสู่โสตประสาท

ดังนั้นเธอจึงตัดสินใจที่จะเข้าไปหาเลทิเซีย อันที่จริงชาร์ล็อตเองก็แค่ไม่มีความกล้า.. ใช่

เธอแค่อยากจะให้อันน่าเป็นคนบอกให้เธอเข้าไป..เพราะเธอจะสามารถบอกได้ว่าอันน่าคือคนที่บอกให้เธอเข้ามา..

บางทีมันอาจจะดูเห็นแก่ตัวไปบ้างสำหรับชาร์ล็อต แต่สำหรับเธอมันก็แบบนี้ล่ะ คนที่ไร้ความกล้าเช่นเธอ

ตามคำยุยงของอันน่าที่เต็มไปด้วยอารมณ์ที่หลากหลายมากมาย.. ชาร์ล็อตก้าวเข้าไปพร้อมกับพูดในสิ่งที่ตัวเองคิด

ใช่.. บัดนั้นทุกอย่างมันเกิดขึ้นเหมือนกับสิ่งที่อันน่ารู้ว่าจะเกิดขึ้นในทันที…

ชาร์ล็อตคว้ามือทั้งคู่ของเลทิเซียขึ้นมา

“…….พวกเราเป็นเพื่อนกันแล้วนี่น่า”

สีหน้าของเลทิเซียบิดเบี้ยว ใบหน้านั้นของเธอมันทำให้ชาร์ล็อตปล่อยมือออกจากมือของเลทิเซียพร้อมกับถอยหลังออกไป

“พวกเรา… ไม่ใช่เพื่อน…”

ความเย็นชา ความห่างเหินที่แสดงออกจากทางสีหน้ามันส่งตรงออกมาแม้แต่คนอย่างชาร์ลล็อตยังเข้าใจได้

ชาร์ล็อตที่ทั้งสับสนและไม่เข้าใจยื่นมือออกไปพยายามจะจับเลทิเซียเอาไว้ ทว่าฝ่ามือของเลทิเซียก็สะบัดขึ้นมาปัดใส่มือของเธออย่างรวดเร็วและเย็นชา

เปรียบดั่งสายฟ้าที่ผ่าใส่หน้าอกของเธอ

“อย่ามา…แตะตัวฉัน”

ราวกับมีเสียงบางอย่างสะบั้นขาดในอกของเธอ สีหน้าของเธอแปรเปลี่ยน ถอยหลังไปหลายก้าว..

ดวงตาเริ่มที่จะพร่ามัวอย่างไม่ทราบสาเหตุ บัดนี้เสมือนกับว่าโลกทั้งใบพังลงไปตรงหน้า ปากเธอเปิดออกราวกับอยากจะพูดอะไรสักอย่าง

แต่กลับไร้ซึ่งเสียง..และในเวลานั้นมันก็ทำให้อันน่าที่ถูกความอิจฉาครอบงำคืนสติกับมาเพราะความเจ็บปวดจากอกของชาร์ล็อตมันแผ่ขยายเข้ามาในอกของเธอ

และในตอนนั้นเธอก็ได้นึกถึงเหตุผลที่มีชีวิตขึ้นมาบนโลกใบนี้.. ใช่.. เพื่อชาร์ล็อต.. เพื่อชาร์ล็อต…

ไม่ใช่เพื่ออันน่า..ไม่ใช่เพื่อคนแบบเธอ เธอไม่ได้เกิดมาเพื่อตัวเองเลย แต่ทว่าบัดนี้เธอชี้นำให้ชาร์ล็อตมาเจออะไรแบบนี้..

อีกทั้งสายตาอันเย็นชาของเลทิเซียก็ยังจ้องตรงมาชาร์ล็อต และอันน่าก็เห็นสายตานั้น.. เธอสับสนและไร้ซึ่งคำจะกล่าว

เธอโกรธ.. ความรู้สึกโกรธที่มากมายเหลือคำจะกล่าวนั้นล้นปรี่ออกมาจากในอก.. ไม่ใช่ความโกรธที่มีต่อชาร์ล็อตหรือเลทิเซีย

แต่เป็นความโกรธที่มีต่อตัวเอง.. แต่เธอน่ะ.. เธอน่ะ..ไม่ได้ถูกอนุญาตให้แสดงอารมณ์หรือความโกรธ..

เธอไม่มีสิทธิ์ที่จะอิจฉาหรือสาปแช่ง.. ใช่หากเธอมีสิทธิ์มันก็คงจะไม่ทำให้เธอตระหนักว่าตนเองกระทำผิดพลาดในตอนนี้แน่ๆ

ดังนั้นเธอไม่มี.. เธอไม่ควรแบบนั้นเธอมันควรจะเป็นสิ่งเดียวเพื่อชาร์ล็อต.. เธอพุ่งเข้าควบคุมร่างกาย

กลับเป็นตัวของเธอ.. ไม่สิ.. ตัวตนของเธอที่ผู้อื่นปรารถนาจะได้พบ.. ไม่ว่าจะชาร์ล็อตหรือเลทิเซียล้วนจดจำเธอในแบบนี้..

เธอพุ่งเข้าใส่เลทิเซียพร้อมกับพูด

“น่ารำคาญโว้ย เจ้าจะอะไรนักหนา ยัยนี่แค่อยากช่วยเจ้าไม่ใช่หรือไง”

เธอกล่าวออกไปแทนชาร์ล็อต.. เพราะหน้าที่ของเธอคือความโกรธของชาร์ล็อตซึ่งเป็นสิ่งที่ชาร์ล็อตขาดมันไป

แม้ในใจจะร่ำร้องหรือพยายามจะพูดว่า.. “ขอโทษ… ทุกอย่างเป็นเพราะข้าเอง..” แต่เธอคือด้านลบ..คือความมืด คือด้านโกรธยังต้องพูดสิ่งที่ชาร์ล็อตไม่สามารถพูดได้ออกไป

“ข้าไม่รู้หรอกนะว่า เจ้าไปโกรธใครมาหรืออารมณ์เสียมาจากไหน แต่ถ้าจะมาทำตัวเหมือนเด็กๆ โวยวายใส่เพื่อนตัวเองเพราะคนอื่นแบบนี้ข้าไม่ยกโทษให้เจ้าแน่”

เสียงกรีดร้องของเธอด่าทอเลทิเซียอย่างแข็งกร้าว แต่ในใจของเธอยังคงกรีดร้องอีกคำหนึ่ง

“ข้ารู้ว่าเจ้ารู้สึกสับสน.. ข้ารู้ว่าเจ้าทรมาน.. การที่เจ้าสับสนได้ขนาดนี้..มันก็คงเหมือนกับข้าในตอนนี้.. ข้าขอโทษ”

“คำก็เพื่อน สองคำก็เพื่อน…”

ในตอนนั้นเองเลทิเซียก็ผลักอันน่าจนล้มลงไปกับพื้นพร้อมกับระเบิดอารมณ์อย่างรุนแรงใส่อันน่า

คอของเธอถูกบีบกระแทกลงพื้นด้วยฝ่ามือของเลทิเซียอย่างโหดร้าย พลังงานสีดำไหลบ่าออกมาท่วมท้นน่ากลัวอย่างเหลือเชื่อ..

“นี่มันอะไร..”

อันน่าที่กำลังสับสนแต่ผิวก็ซีดเซียวลงอย่างรวดเร็ว แถมยังเริ่มหายใจไม่ออก.. ดวงตาของเธอเริ่มเลื่อนลอย

แต่บัดนั้นเอง.. ดวงตาของเธอเหลือบขึ้นไปมองดวงตาของเลทิเซียในระยะประชิด.. เลทิเซียในตอนนี้กำลังมีสีหน้าที่น่ากลัวอยู่

แต่ไม่รู้ทำไม.. เธอกลับมองเห็นความว่างเปล่าในสายตานั้นได้.. มันเป็นความเจ็บปวดอ้างว้างและโดดเดี่ยว

เธอกำลังกลัว.. กลัวอะไรก็ไม่รู้ กลัวอะไรที่ไม่มีอยู่จริง สับสนในสิ่งที่พบเจอ.. โดดเดี่ยวเพราะปฏิเสธทุกอย่าง

ไม่เข้าใจใครเพราะทิ้งระยะห่างทุกคน.. ชีวิต.. ที่เต็มไปด้วยคนรุมล้อมแต่กลับอยู่ห่างไกลจากทุกผู้ทุกคนมากที่สุด..

“อ่า..เข้าใจแล้ว…”

อันน่าพึมพำ.. พร้อมกับหลับตาลง.. ใช่ เธอเข้าใจทุกอย่างแล้ว.. เรื่องของเลทิเซีย..แล้วก็เรื่องที่ว่าเลทิเซียนั้น..เป็นคนที่ไม่เหมือนกับพวกเธอเลยสักนิด

เลทิเซียอาจจะเจออะไรที่มากกว่าพวกเธอมาแล้ว.. เพียงแค่ไม่ได้มีจุดเปลี่ยนเหมือนกับเธอและชาร์ล็อต

ดังนั้นเธอคนนี้ถึงได้มีชีวิตอยู่โดยความหวาดกลัวและไม่เชื่อใจใครเลย.. เธอโดดเดี่ยวมาตลอดเลยต่างหาก..

และเธอก็มีชีวิตอยู่โดยการแบกรับความเจ็บปวดที่อาจจะลืมไปแล้ว..เพียงแต่มันมากเกินไป..มันมากจนจำไปจนถึงสันดาน

ความเจ็บปวดที่ถูกหักหลังจากเพื่อนเพียงคนเดียวและคนแรกของเลทิเซีย แม้มันจะจางลงไปมาก.. แต่เธอก็ยังคงจำมันโดยสัญชาตญาณ

และกลัวมันตลอดมา…

ใช่..

คำคำหนึ่งที่เรียกว่า

‘เพื่อน’

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

Status: Ongoing
เรน ชายหนุ่มผู้มองโลกในแง่ร้ายสุดแสน ดันเป็นบัคจึงไปเกิดใหม่ในต่างโลกพร้อมพรสามข้อได้ แต่ด้วยพรสามข้อบางอย่างในคำขอทำให้เขาเกิดใหม่เป็นผู้หญิงทั้งยังกลายเป็นจอมมารไม่พอยังถูกแม่ตัวเองทิ้งไว้กลางป่าไปเฉยเลย!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท