การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม – ตอนที่ 398

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

บทที่ 398 – สารภาพออกมาเอง

“เจ้าแน่ใจนะว่ามีเผ่ามนุษย์แอบลักลอบเข้ามาในเมืองนี้ได้จริง?”

“ข้าจะโกหกเข้าไปทำไมกัน?”

ในขณะที่ล้อมที่พักแห่งหนึ่งไว้ ชายคนหนึ่งก็กล่าวกับอีกชายคนหนึ่ง ชายคนที่ตอบคือชายคนที่เคยแอบฟังพวกไอรีน

เขาใช้อำนาจของตัวเองในการออกคำสั่งพวกคนเหล่านี้ อันที่จริงนี่เป็นแผนที่เขาคิดไว้แล้ว ต่อให้เขาเคลื่อนไหวโดยไม่ฟังคำสั่งของจอมมาร

เขาก็ไม่เป็นปัญหาอะไร เพราะหากพวกเขาโจมตีพวกมนุษย์ มนุษย์ก็ต้องตอบโต้แน่นอน เมื่อนั้นเขาก็จะสามารถอ้างได้ว่าอีกฝ่ายมีเจตนาบุกรุก

แม้เขาจะมาหาอีกฝ่ายเองก็ตามที แต่เขาก็สามารถให้ความได้ว่าเพราะอีกฝ่ายนั้นแอบเข้าเมืองมาด้วยการลักลอบ

นั่นเป็นเรื่องธรรมดาที่จะต้องถูกลงโทษนั่นเอง แม้จอมมารจะออกคำสั่งกับเขาเองว่าเลิกยุ่ง และระบบปกครองของจอมมารนั้น..

เขาไม่จำเป็นต้องฟังคำสั่งของใคร หากอีกฝ่ายขัดคำสั่งจอมมาร ก็ถูกฆ่าได้อยู่ดีต่อให้จะหาเหตุผลร้อยแปดมาอ้างก็ตามที

แต่เขารู้จักจอมมารคนนี้ดี จอมมารคนนี้เป็นคนที่เหตุผลมาก่อนเสมอ เขาไม่เคยใช้อารมณ์ตัดสิน

หากมนุษย์โจมตีเผ่าเขาละก็ ต่อให้เขาเป็นคนหาเรื่องอีกฝ่ายก่อน แต่จอมมารก็คงต้องเลือกเผ่าเดียวกันก่อนอยู่ดี

ยังไงซะความแค้นของเผ่าปีศาจและมนุษย์นั้นไม่ได้มีน้อยๆ … กล่าวคือจอมมารจะเข้าข้างเขาไปโดยปริยาย

เพียงแค่นี้.. ทุกอย่างก็จะปะทุขึ้นสงครามกลางเมืองก็จะบังเกิดนั่นเองแถมคนที่เขาพามายังเป็นพวกระดับผู้นำกองทัพใหญ่

เพราะตอนนี้อยู่ในช่วงสงครามพักลงทำให้คนมาพักที่เมืองนี้ไม่น้อย แน่นอนว่าพวกผู้นำกองทัพนับสิบนี้ก็เหมือนกัน

แต่ละคนล้วนแล้วแต่เป็นขุนนางปีศาจระดับสูงๆ กันทั้งนั้นหากตายไปละก็.. ก็ต้องมีความโกลาหลเกิดขึ้นแน่!

เขาเลียริมฝีปากอย่างชั่วร้าย

“เอาล่ะ… ได้เวลาแล้ว ทุกคน โจมตีได้!”

ในขณะที่ทุกคนกำลังจะเคลื่อนไหวนั้นเอง เสียงดีดนิ้วก็ดังขึ้นอย่างกะทันหัน ก่อนที่ร่างสีดำจะพุ่งพรวดออกมาจากห้องดังกล่าว

เงาสีดำนี้คือเวโรเน่เธอเคลื่อนไหวราวกับสายน้ำ โจมตีใส่ปีศาจคนหนึ่งด้วยฝ่ามือที่ผลักออกไปด้วยความเร็วสูง

ก่อนที่เวทมนตร์แทรกแซงจะถูกใช้งานในเวลาเดียว ซึ่งพริบตานั้นเองต่อหน้าของชายคนที่ชักจูงทุกอย่าง…

ปีศาจที่โดนเวโรเน่โจมตีก็หัวแตกกระจุยเป็นเสี่ยงๆ ราวกับลูกแตงโม ดวงตาของมันเบิกกว้างก่อนที่ทันจะได้กล่าวอะไร

มันกลับพลันพบว่าทุกอย่างรอบตัวยืดขยายไปอย่างไร้ที่สิ้นสุด และในเวลาถัดมาปีศาจอีกหลายสิบคนก็ล้วนแล้วแต่ตายไปทันที!

ไม่เห็นแม้แต่การเคลื่อนไหวราวกับสายน้ำของเวโรเน่.. ดวงตาของมันเบิกกว้างก่อนที่พยายามจะตะโกนเสียงดัง

แต่กลับพบว่ารอบตัวมันกลับมีแค่มันซะแล้ว.. แม้แต่ปีศาจที่อยู่ใกล้เคียงทั้งที่เป็นในเมืองตอนกลางวันกลับไม่เหลือใครอยู่เลย

“นี่มันเกิดอะไรขึ้น…?!”

“คุกมิติยังไงล่ะ.. จิตสังหารของเจ้ามันชัดเจนซะขนาดนั้น ข้าก็แค่ชิงลงมือก่อนเอง?”

“ใช้เวทมนตร์งั้นเหรอ ฮ่าๆ .. อีกเดี๋ยวเจ้าจะต้องโดนเผ่ามารบุกมาฆ่าถึงที่แน่ คิดว่าที่นี่คือที่ไหนกันล่ะ?”

“หืม.. เหมือนเจ้าจะไม่รู้จักคุกมิติสินะ.. คุกมิติต่อให้เจ้าจะดิ้นรนยังไงก็ไม่มีทางติดต่อกับด้านนอกได้ และไม่มีใครรู้ด้วยซ้ำว่าเจ้าถูกจับไว้ คิดว่าข้าตามไม่ทันแผนเจ้าหรือไง?”

คนที่พูดตอบอีกฝ่ายคือไอรีนที่ค่อยๆ เดินออกมาจากห้อง ในมือของเธอถืออุปกรณ์บางอย่างอยู่ในมือ

วินาทีนั้น…มันก็นึกถึงของลึกลับแต่กลับมีพลานุภาพที่แข็งแกร่งได้ทันที.. นี่คืออาร์ติแฟ็คไม่ผิดแน่! ถ้าหากเจ้าคุกมิติอะไรนี่เกิดจากสิ่งนั้นจริงๆ ..

ก็หมายความว่าคงไม่มีใครสัมผัสได้น่ะสิ บางทีแม้แต่จอมมารก็ยังสัมผัสไม่ถึงอย่างแน่นอน เพราะมันไม่ใช่เวทมนตร์นี่น่า!

ต่อให้สัมผัสได้จอมมารในตอนนี้ที่กำลังปิดผนึกตัวเองให้ความสำคัญกับการรักษาบาดแผลอย่างถึงที่สุดอยู่ก็คงไม่สังเกตเห็นแน่

หรือก็คือนี่คือคุกที่ปิดตายหนีไม่ได้!

“นั่นมันบลัฟกันชัดๆ หากพวกเจ้าฆ่าข้าไม่นานท่านจอมมารต้องรู้อย่างแน่นอน ข้าเป็นถึงเสนาธิการแห่งหน่วยองครักษ์มาร หากข้าตายไปละก็…”

“เจ้าอาจจะไม่รู้นะว่า.. ท่านจอมมารของเจ้ากับข้าน่ะ… ข้าคงไม่ต้องพูดใช่ไหมว่าหมายถึงอะไร?”

ไอรีนเธอมีทักษะการแสดงใบหน้าที่ยอดเยี่ยมจริงๆ เธอยิ้มราวกับมีลับลมคมในบางอย่าง …

เขาที่เห็นแบบนั้นก็รู้สึกราวกับเข้าใจอะไรบางอย่างขึ้นมา.. หรือว่าเจ้าจอมมารนั่นมันรู้แล้วว่าเขาแอบหักหลัง

อีกทั้งยังแอบพูดคุยกับพวกเผ่ามนุษย์จนเสร็จสรรพแล้ว.. สาเหตุที่มันบอกว่าเลิกตามต่อเพราะต้องการจะยั่วยุเขา?!

ไม่สิๆ ดูยังไงมันก็บลัฟกันชัดๆ ไม่ใช่หรือไงกัน.. แต่ถ้าหากเป็นจริงล่ะ.. เขาก็ควรจะหนีตอนนี้เลยดีหรือเปล่า…

เขาก้มลงมองอาร์ติแฟ็คที่เคยได้รับมาจากจักรวรรดิมังกรเป็นของขวัญ มันคืออาร์ติแฟ็คที่จะสามารถทำให้เขาข้ามมิติได้ในระยะที่ไกลมากๆ

เพราะหากเจ้าจอมมารมันรู้แต่แรก…

ไม่สิ.. หากเจ้าพวกนี้มันคุยกับจอมมารมาแล้วทำไมมันต้องขังเขาไว้ในคุกมิติล่ะ.. แต่การที่มันฆ่าพวกผู้นำกองทัพใหญ่โดยไม่สนว่าจะเป็นปฏิปักษ์ต่อจอมมารนี่..

หรือว่ามันไม่ได้มาเพื่อผูกมิตร? ไม่สิ.. ต้องมาเพื่อผูกมิตรแน่นอน แต่ว่าถ้าแบบนั้นก็หมายความว่ามันคุยกับจอมมารแล้วน่ะสิ

ภายใต้ความกระวนกระวายของศัตรู ไอรีนก็ฉีกยิ้ม.. ทุกอย่างเป็นตามที่เลทิเซียบอกไว้จริงๆ .. ดูเหมือนว่าจอมมารจะไม่ได้ส่งมันมา

กลับกันมันคงถูกจอมมารห้ามไว้แล้วด้วยซ้ำ เธอแนะนำให้ไอรีนบลัฟอีกฝ่ายด้วยการที่ไม่พูดออกไปตรงๆ

เพราะพูดออกไปอ้อมๆ มันจะทำให้มันคิดว่าเป็นการบลัฟ แต่ก็คิดเหมือนกันว่าอาจจะไม่ได้บลัฟ.. และเมื่อเป็นเช่นนั้น

มันก็จะร้อนรนและรู้สึกกดดันนั่นเอง เป็นการกดดันทางจิตวิทยารูปแบบหนึ่งให้มันคิดมาก และดูการตอบสนองของมันเพื่อวิเคราะห์สถานการณ์ของมัน

และเมื่อเห็นว่ามันกระวนกระวาย ก็สามารถสรุปได้แล้วว่า… เหมือนมันจะกลัวว่าตัวเองจะถูกกำจัด และจากคำพูดของไอรีนที่แสดงให้เห็นถึงว่า ‘เธอเป็นมิตรกับจอมมาร’

แสดงว่ามันเองก็กลัวที่จอมมารจะจับได้เหมือนกัน สรุปคือตัวมันทำโดยอำเภอใจจริงๆ ด้วยเงื่อนไขทุกอย่างพอแล้ว

“อ้อๆ แล้วก็คำสั่งของจอมมารคือ.. กำจัดสายลับทั้งหมดได้และหากใครคิดจะร่วมมือกับสายลับก็ฆ่าได้เลย.. เวโรเน่จัดการ!”

ไอรีนพูดแบบนั้นเวโรเน่ก็เคลื่อนที่ไปทางอีกฝ่ายด้วยความเร็วสูง มันตกใจกลัวเพราะถูกกดดันจากคำพูดของไอรีน

และการแสดงของไอรีนทำให้มันเครียดอย่างมาก… เมื่อเวโรเน่เคลื่อนไหวมันหยิบอาร์ติแฟ็คขึ้นมาพร้อมกับใช้งานทันที

หากอยู่ไปต่อให้ต้านทานอีกฝ่ายได้ก็มีแต่ตายกับตายอยู่ดีนี่น่า… เหงื่อกาฬไหลเย็นเหยียบพร้อมกับหลบหนีนั้นเอง

“เอาล่ะตอนนี้แหละ… เนล”

เลทิเซียพูดขึ้นเบาๆ ในเงามืด ห่างออกไปไกลจากเมืองต้นปีศาจแดงก็มีร่างของชายคนนั้นปรากฏตัวขึ้นมันรีบติดต่อกลับไปยังจักรวรรดิมังกร

ด้วยความร้อนรนมันลืมแม้แต่ที่จะพูดรหัสลับในการสื่อสาร เพราะมันรู้ดีว่าจอมมารนั้นน่ากลัวเพียงใด

สำหรับมันหากฝันร้ายของโลกใบนี้คืออะไรบางอย่าง สำหรับมันคงเป็นจอมมาร มันที่อยู่ใกล้ชิดจอมมารมานาน มันรู้ซึ้งถึงความแข็งแกร่งของจอมมารดี

สาเหตุที่มันคิดทรยศเพราะมันต้องการจะสังหารจอมมารและกลายเป็นจอมมารแทน… มันจึงยืมมือของพวกจักรวรรดิมังกร

จักรวรรดิมังกรเองก็ยินดีช่วยเหลือ.. แต่ว่าตอนนี้ทุกอย่างต่างออกไปหากจอมมารมันร่วมมือกับมนุษย์.. อย่าว่าแต่ยึดตำแหน่งเลย

มันคงจะหมดประโยชน์ทันที.. เพราะผูกมิตรครั้งนี้คือการผูกมิตรเพื่อยุติสงคราม

“ต้องส่ง… ไปขอความช่วยเหลือ…”

มันใช้เทเลพาธีติดต่อไปยังจักรวรรดิมังกร

“จักรพรรดิมังกร ข้าถูกมันเปิดโปงแล้ว ช่วยข้าด้วย!”

“หือ.. เจ้าเป็นใคร แล้วมันเกิดอะไรขึ้น!”

“.. อ่า ข้ารหัสเสียง A-T-P รายงาน.. เจ้าจอมมารบัดซบฟาร์เนียมันร่วมมือกับพวกมนุษย์ไปแล้ว ข้าควรทำอย่างไรดี!”

“หืม… ใจเย็นๆ ก่อน ข้าฟังเจ้าอยู่”

พอเห็นน้ำเสียงที่เหมือนบอกปัดๆ ของอีกฝ่าย ดวงตาของเขาเผยแววหงุดหงิด จากความกดดันและความหวาดกลัวหลอมผสานกัน

เขาตะโกนด้วยความโกรธ

“จะใจเย็นได้ยังไงกัน ข้าจะถูกมันฆ่าแล้วนะ ท่านต้องช่วยข้านะ ข้าช่วยเหลือท่านไปตั้งเยอะ!ข้อมูลเจ้าจอมมารบัดซบคิดว่าใครเป็นคนบอก จุดอ่อนของมันคิดว่าใครเป็นคนบอก ห๊า?”

……..

เสียงด่าทอมากมายที่อัดแน่นไปทั้งความกระวนกระวายและสับสนของมันแทบพล่ามทุกอย่างออกมาจนหมดนั้น..

เกิดจากคำพูดกดดันของไอรีนและความหงุดหงิดที่เหมือนอีกฝ่ายจะไม่สนใจ ส่งผลให้เขาเริ่มที่จะทวงบุญคุณทุกอย่าง.. ราวกับอยากจะย้ำเตือนปลายสายว่า

เขามีความสำคัญขนาดไหน หากช่วยเขาละก็ เขาอาจจะบอกข้อมูลที่ดีกว่าก็ได้นะเว้ย… ความเครียดเป็นบ่อให้เขาลืมคิดหน้าคิดหลัง

พล่ามทุกสิ่งทุกอย่างออกมาจนหมด เลทิเซียที่นั่งอยู่ในเงามืดก็ตบมือหนึ่งครั้ง ‘แป๊ะ’

“เห็นไหม สารภาพออกมาหมดเลย?”

ภาพลวงตาที่เกิดขึ้นสลายหายไปจนหมด ร่างกายของอีกฝ่ายที่ควรจะปรากฏในที่ที่ห่างไกลออกไปก็กลับมาอยู่รอบห้องเหมือนเดิม

ทุกคนที่ตายไปตอนแรกก็แค่หมดสติ.. เป็นเพียวภาพลวงตาที่สร้างขึ้นมาโดยเวทมนตร์ไอรีนและกดดันอีกฝ่ายด้วยคำพูดที่ให้อีกฝ่ายคิดมาก..

จนพล่ามทุกอย่างออกมาจนหมด

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

Status: Ongoing
เรน ชายหนุ่มผู้มองโลกในแง่ร้ายสุดแสน ดันเป็นบัคจึงไปเกิดใหม่ในต่างโลกพร้อมพรสามข้อได้ แต่ด้วยพรสามข้อบางอย่างในคำขอทำให้เขาเกิดใหม่เป็นผู้หญิงทั้งยังกลายเป็นจอมมารไม่พอยังถูกแม่ตัวเองทิ้งไว้กลางป่าไปเฉยเลย!

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท