เฟยหลงได้เห็นจิตวิญญาณทั้งสองก็ได้เเต่ถอนหายใจยาว
” เฮ้อ………….. ลำบากพวกเจ้าเเล้วที่ต้องรอข้ามาตลอด ”
เฟยหลงได้เงียบไปชั่วครู่ก่อนที่จะกล่าวต่อไปด้วยความสงสัย
” เจ้าบอกว่า………….. ในที่สุดการรอคอยก็สิ้นสุดลงเเปลว่าพวกเจ้ารู้ว่าข้ายังไม่ตายเหรอ ”
เด็กผู้ชายที่ใส่ชุดสีดำได้กล่าวตอเฟยหลงด้วยน้ำเสียงที่ผ่อนคลาย
” ใช่…….. เเม้พวกเราจะได้ร่วมมือในเหตุการณ์ครั้งตัดผ่านมิติครั้งนั้นอย่างถึงท้ายที่สุด…………. เเละเห็นร่างกายของท่านที่บาดเจ็บสาหัสเเละวิญญาณที่เกือบจะถูกทำลายเเล้วได้ตกลงไปที่หน้าผาบรรพกาลอีก ”
เมื่อกล่าวถึงตรงนี้เด็กผู้หญิงในชุดขาวก็ได้กล่าวต่อไปอีกว่า
” พวกข้าเห็นเเสงสว่างจากอีกรอยเเยกของมิติที่ท่านสร้างขึ้นมาเเม้จะเพียงชั่วครู่เเค่ความรู้สึกครั้งนั้รพวกเราไม่มีทางลืมเลือน………….. เเสงนั้นเป็นพลังอันยิ่งใหญ่บางอย่าง ”
” ครั้งนั้นพวกเราได้ยินเสียงบางอย่างก่อนที่จิตวิญญาณของพวกเราจะหลับไหลเสียงนั้นเต็มไปด้วยความเก่าเเก่เเละความศักดิ์สิทธิ์ราวกับเพียงถ้อยคำก็สามารถเปลี่ยนแปลงโลกใบนี้ได้ ”
เด็กผู้ชายในชุดสีดำก็ได้กล่าวต่อจากเด็กผู้หญิงในชุดสีขาว
” ครั้งนั้นพวกเราได้ยินเสียงหนึ่งกล่าวว่า…………มันคงจะเป็นโชคชะตา…………….. ”
เมื่อกล่าวถึงตรงนี้เด็กผู้หญิงในชุดสีขาวก็ได้มองเฟยหลงด้วยความสงสัย
” หลังจากนั้นพวกเราก็จำอะไรไม่ได้อีกเลยว่าทำไมพวกเราถึงมาอยู่ที่นี้ ”
” อาจเป็นเพราะตัวดาบเสียหายหนักเกินไปจนจิตวิญญาณพวกเราสองคนอาจจะได้รับผลกระทบก็เป็นได้……… สุดท้ายเเล้วที่พวกเราตื่นขึ้นมาเพราะพวกเราสัมผัสได้ถึงท่าน ”
เฟยหลงที่ได้ยินดังนั้นก็เริ่มรู้สึกว่าบางทีเรื่องทั้งหใดนี้อาจจะเป็นฝีมือของใครหรืออะไรที่อยู่หลังเเสงสว่างในครั้งนั้น
” สุดท้ายเเล้วก็ได้ข้อมูลมาบางส่วนเท่านั้น….. เเต่ตอนนี้สิ่งที่ข้าต้องการคำตอบอีกคงต้องเริ่มสืบจากเรื่องราวในยุคโบราณน่าจะดีกว่า ”
” ข้ารู้สึกว่ามันอาจจะเป็นหนึ่งในชิ้นส่วนที่จำเป็นในการเปิดเผยความจริงในครั้งนั้น………… คงได้เวลาตามหาซากปรักหักพังจากยุคโบราณอีกครั้งเเล้ว ”
เมื่อเฟยหลงกบ่าวถึงตรงนี้ก็ได้มีประกายในดวงตาที่เจิดจ้าขึ้นมาหลายส่วยเพราะสิ่งที่เฟยหลงชอบอีกอย่างนั้นก็คือการสำรวจซากปรักหักพังจากยุคโบราณที่
เฟยหลงได้ครุ่นคิดอย่างเหม่อลอยจนกระทั่งเด็กผู้ชายที่ใส่ชุดสีดำเเละเด็กผู้หญิงที่ใส่ชุดสีขาวได้ได้กล่าวเรียกเฟยหลง
” นายท่าน……..”
” นายท่าน…….. ”
เฟยหลงที่ได้ยินเสียงก็รับหลุดออกจากอาการเหม่อลอยเเล้วกล่าวออกมาว่า
” เเล้วส่วนที่เหลือของพวกเจ้าพวกเจ้าพอจะสัมผัสถึงมันได้ไหม ”
เมื่อเฟยหลงถามเกี่ยวกับชิ้นส่วนของดาบหักทั้งสองที่กระจัดกระจายออกไปเพราะเฟยหลงลองมองสำรวจสิ่งของในคลังสมบัติราชวงศ์ของอาณาจักรสายลมดูเเล้วเเต่ก็ไม่ได้พบกับชิ้นส่วนดาบทั้งสองเล่มเเม้เเต่น้อย
ซึ่งจากที่คาดการณ์มันคงจะกระจัดกระจายไปทั่วโลกบรรพกาลอย่างเเน่นอนการจะรวบรวมมันขึ้นมาอีกครั้งอาจจะเรียกได้ว่ายากยิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทรถ้าดาบหักทั้งสองเล่มไม่สามารถตรวจจับถึงชิ้นส่วนที่เหลือได้
เเต่คำตอบที่เฟนหลงได้รับนั้นยังคงถือว่าดีอยู่
” พวกเราพอจะสัมผัสได้ว่ามันอยู่ทางทิศไหนถึงเเม้เศษเสี้ยวจิตวิญญาณที่อยู่ในตัวชิ้นส่วนดาบที่สัมผัสได้จะเลือนลางอยู่บางส่วนเรื่องระยะทางนั้นพวกเราไม่รูอย่างเเน่ขัดคงต้องไปทางทิศที่พวกเราทั้งสองรู้สึกได้เรื่อยๆเเล้วละ ”
เฟยหลงที่ได้ยินดังนั้นก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาเพราะว่าอย่างน้อยรู้ว่าอยู่ทิศไหน
” เอาเถอะ…………. ตอนนี้ในเมื่อพวกเจ้าจะเหลือพลังเเค่นี้ข้าจะลองฟื้นฟูพลังบางส่วนขึ้นมาก็เเล้วกัน