โครงกระดูกตัวนั้นก็ได้กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเศร้าหมอง
” ทางพวกข้าวามพี่น้องนั้นได้ร่วมมือกับเหล่าผู้อาวุโสระดับสูงในการไล่ต้อนปีศาจตนนั้นไปเรื่อยๆ ”
” จนกระทั่งผนึกมันไว้ได้ในท้ายที่สุดนั้นกลับเเลกด้วยราคาอันมหาศาลที่ขนาดเพราะก่อนที่ปีศาจนั้นจะถูกผนึกนั้นมันก็ได้ปล่อยการโจมตีสุดท้ายออกมา ”
” เเล้วทำให้เหล่าผู้อาวุโสที่เหลือรอดอยู่นั้นได้ตกตายลงมากกว่าเดิมจนวังเมฆาของพวกข้านั้นเหลือจำนวนเพียงเเค่สี่ในสิบจากเดิม ”
” ของวิเศษมากมายไม่เว้นเเม้เเต่กระทั่งสิ่งของต่างๆที่ใช้เป็นพลังผนึกนั้นได้รวบเอาไว้ให้ได้มากที่สุดเพื่อผนึกเผ่าปีศาจตนนั้นให้ได้นานมากที่สุดเพื่อหวังว่ากาลเวลาพกรัดกร่อนชีวิตมันจนหมด ”
” หลังจากจบศึกครั้งนั้นพวกเราได้เดินทางกลับนิกายเเต่สิ่งที่รอพวกเราอยู่นั้นกลับเป็นศิษย์เเละผู้อาวุโสระดับไม่สูงนักเพื่อสู้กับปีศาจที่เหลืออยู่เเต่ใครจะคิดว่าพวกมันจะเลือกระเบิดตัวเองลากคนที่ต่อสู้กับพวกมันไปด้วยในท้ายที่สุด ”
” สภาพด้านในนิกายผืนเเผ่นดินจำนวนมากกว่าเจ็ดในสิบพังทลายลงส่วนที่เหลืออยู่สามส่วนนั้นก็ได้โดนกรัดกร้อนด้วยพลังปราณที่แปดเปื้อนเหล่านั้น ”
” ทางด้านเราสามพี่น้องนั้นเเม้ว่าจะไม่มีใครจบชีวิตในการต่อสู้กับเผ่าปีศาจขอบเขตปฐพีขั้นสูงสุดตนนั้นเเต่ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสกันทุกคน ”
” พลังปราณที่เเปดเปื้อนเกล่านั้นได้เเผ่ขยายออกไปอย่างรวดเร็วเพราะว่ามีปีศาจจำนวนมากตกตายลงทำให้ปราณแปดเปื้อนเหล่านั้นเกินกว่าที่พวกข้าจะควบคุมได้ ”
ร่างเงาทั้งสองที่ฟังโครงกระดูกเล่าเรื่องราวเหล่านั้นออกมาจึงนึกย้อนกลับไปที่เหตุการณ์นั้นราวกับมันพึ่งเกิดขึ้นเมื่อวานเท่านั้น
โครงกรดูกตัวนั้นได้หยุดกล่าวก่อนที่จะเงยหน้ามองบนท้องฟ้า
” ด้วยระยะเวลานั้นพวกเราหมดสิ้นเเล้วตอนนั้นเองที่พวกเราสามพี่น้องได้ตัดสินใจทำบางอย่างเพราะถ้าปล่อยไปแบบนี้อีกไม่นานเขตเเดนที่เกิดขึ้นนั้นจะจะเริ่มเเผ่ขยายออกไปจนนะดับพลังเพียงเเค่ขอบเขตปฐพีนั้นไม่สามารถหยุดไว้ได้ ”
” บนเกาะชังไห่ของเรานั้นก็ไม่มีผู้บ่มเพาะระดับสูงมากมายเลยทำให้ในตอนนั้นพวกเราสามพี่น้องเลยติดสินใจใช้พลังชีวิตที่มีทั้งหมดเเละพลังบ่มเพาะสังเวยเพื่อเปิดใข้งานบัลลังก์สีทองหม่นนี้ ”
” ใช้มันกลายเป็นเสาหลักที่รวบรวมพลังจากพวกเราสามพี่น้องเพื่อใช้ในการคงสภาพผนึกพวกนี้ไว้เเละโชคดีที่พน้องเล็กนั้นมีความเข้าใจค่ายกลในระดับหนึ่งบวกกับผู้อาวุโสที่เหลืออยู่จึงทำสำเร็จในท้ายที่สุด ”
” ก่อนที่พวกเราจะเริ่มลงมือพวกเราได้บอกกว่าเเผนนั้นพวกลูกศิษย์ที่เหลือรอดรับรู้เเล้วพวกเราได้บอกกับพวกเขาว่า ”
‘ พวกเจ้าทั้งหลายให้ออกไปจากวังเมฆาเสียเถอะที่เเห่งนี้นั้นไม่เหลืออะไรให้พวกเจ้าอีกเเล้ว……….. ที่สำคัญพวกข้ากับเหล่าผู้อาวุโสทั้งหลายมีหน้าที่สำคัญเหลืออยู่ ‘
” มีศิษย์ส่วนหนึ่งเลือกที่ช่วยพวกเราโดยการทำเหมือนกับพวกข้าเปลี่ยนพลังทั้งหมดเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของผนึกนี้ ”
” ศิษย์บางคนได้เลือกจากไปอย่างไม่ลังเลส่วนบางคนต้องจำใจไปจากที่เเห่งนี้เพราะว่าพวกเขาเหล่านั้นเป็นผู้สืบทอดมรดกที่เหลืออยู่ของผู้อาวุโสระดับสูงของวังเมฆา ”
” โดยที่หวังว่าสักวันหนึ่งพวกเขาจะส่งทอดมรดกของพวกไม่ให้หายไปโดยสูญเปล่า ”
เมื่อกล่าวถึงตรงนี้โครงกระดูกตัวนั้นก็ได้เเต่ยืนมองท้องฟ้าราวกับคงกำลังครุ่นคิดว่าลูกศิษย์ที่เหลือของวังเมฆานั้นตอนนี้เป็นอย่างไรบ้างเเล้ว
เฟยหลงที่ได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดก็ไม่ได้กลิ่นาวถามอะไรออกมาอีกเพราะเพียงเเค่เรื่องที่พวกเขาทำเพื่อปกป้องทวีปเเห่งนี้ก็เพียงพอเเล้ว
เเม้ตัวเฟยหลงจะไม่ใช่คนดีอะไรเเต่การที่ได้รับรู้เรื่องราวนี้มันก็พอเเล้วที่จะให้เฟยหลงยื่นมือเข้าช่วยเล็กน้อยเพราะพวกเขาเหมือนกัน………