ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน – ตอนที่ 38 เค้นคำตอบ

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

ตอนที่ 38 เค้นคำตอบ

ภายในโกดังมีห้องครัว เถาฮวากำลังเตรียมอาหารเย็นอยู่

เพราะว่ากวนเสี่ยวไป๋ต้องใช้ชีวิตกินอยู่ในโกดังเป็นเวลานาน ถ้าจะส่งอาหารขึ้นๆ ลงๆ นั้นไม่สะดวก หากไม่ใช่โอกาสพิเศษอะไร ปกติทั้งครอบครัวก็จะมานั่งกินข้าวกันที่นี่

ก่อนหน้านี้จนถึงตอนนี้ ร้านรับซื้อของเก่าคือแหล่งรายได้หลักของครอบครัว ไม่มีใครรังเกียจที่นี่

อีกทั้งต้องดูแลคนงานอีกสองคนด้วย

รถของกวนเสี่ยวชิงเองก็เป็นรถที่กวนเสี่ยวไป๋เอาจากในกองของเก่ามาซ่อมให้ใหม่ อันที่จริงเธออยากได้รถคันใหม่ แต่จนปัญญาที่รายได้ของเธอยังซื้อไม่ไหว อีกทั้งเธอหมดค่าใช้จ่ายไปกับเรื่องแต่งตัวค่อนข้างเยอะ ทำให้ในมือไม่มีเงินเก็บอะไร จึงทำได้เพียงต้องทนใช้ไป อย่างน้อยก็สะดวกกว่าเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ ที่ขี่มอเตอร์ไซค์

ถึงแม้เถาฮวาจะค่อนข้างประหยัด แต่เธอกลับสนับสนุนในเรื่องการแต่งตัวของลูกสาว เพราะเธออยากให้ลูกสาวดูดีเป็นหน้าเป็นตาของตระกูลหน่อย เป้าหมายเพื่ออะไรทุกคนต่างทราบดี กวนเสี่ยวไป๋นั้นไม่เห็นด้วย แต่เหตุผลบางอย่างก็ไม่สามารถอธิบายให้ผู้หญิงเข้าใจได้ ยิ่งไปกว่านั้นยังมีเถาฮวาคอยให้ท้ายอีก

กวนเสี่ยวชิงที่ลงจากรถโบกมือให้คนงานสองคนที่อยู่ในร้าน คนงานสองคนส่งยิ้มตอบรับ จากนั้นเหลียวหน้ามองตามรูปร่างอ้อนแอ้นอรชรที่กำลังเยื้องย่างของกวนเสี่ยวชิง

มีคำพูดประโยคหนึ่งที่เถาฮวาว่าเอาไว้ไม่ผิด กวนเสี่ยวชิงถือเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดในเขตเนินนี้จริงๆ การที่สามารถเข้าไปทำงานในตระกูลฉินได้ ใบหน้าที่ดูไม่เลวของเธอนั้นมีส่วนช่วยอยู่

และในสายตาของคนงานสองคนนี้ กวนเสี่ยวชิงย่อมต้องเป็นเสมือนดั่งนางฟ้า ความคิดที่อยากได้มาครอบครองย่อมต้องมีอยู่ในหัวอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ จนปัญหาที่ขอเพียงแสดงความคิดเช่นนั้นออกไปเพียงเล็กน้อย คำพูดด่าทอเหยียดหยันก็จะหลุดออกมาจากปากของเถาฮวาเหมือนดั่งคมมีดอย่างไม่เกรงใจ ไม่อนุญาตให้เกิดเรื่องทำนองคางคกริอาจกินเนื้อห่านฟ้าขึ้นอย่างเด็ดขาด

ยิ่งไปกว่านั้นกวนเสี่ยวชิงเองก็มองไม่เห็นพวกเขาอยู่ในสายตา เธอที่ได้รับการสั่งสอนจากแม่มาแต่เล็ก แล้วจะไม่รับอิทธิพลมาจากแม่ได้อย่างไร คนงานระดับนี้ไม่ได้อยู่ในสายตาของเธอเลย

กวนเสี่ยวชิงเดินเข้าไปในครัว ช่วยทำอาหารไปพลางพูดคุยหัวเราะกับแม่ไปพลาง อารมณ์คล้ายไม่เลวเลยทีเดียว ตอนนี้ภายในใจยังคงอยู่ในช่วงที่รู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก

“เสี่ยวชิง มานี่หน่อย” กวนเสี่ยวไป๋ที่ชะเง้อหน้ามาส่งเสียงเรียก

กวนเสี่ยวชิงวางงานในมือลง เดินตามออกไป ก่อนจะกล่าวถามว่า “มีอะไรพี่?”

กวนเสี่ยวไป๋หยิบเอาโทรศัพท์มือถือออกมาเปิดภาพให้ดู กล่าวถามว่า “คนนี้ใครเหรอ ได้ยินว่าเป็นคนในหอการค้าของพวกแก?”

“ซินกว่างเฉิง!” กวนเสี่ยวชิงงุนงงไปทันที “นี่มันผู้จัดการซินที่แผนกธุรการในหอการค้านี่ พี่ไปเอาภาพตอนเขาทำงานมาจากไหน?”

ตระกูลฉินมีคนเยอะแยะมากมาย เธอไม่ใช่ว่าจะรู้จักหมดทุกคน อย่างเช่นหลัวคังอันกับหลินยวน จนกระทั่งตอนนี้เธอก็ยังไม่รู้เลยว่าสองคนนี้ทำงานอะไร อาศัยข้อมูลจากการทำงานของเธอในก่อนหน้านี้ก็ไม่รู้อะไรเช่นกัน เธอไม่รู้แม้กระทั่งว่าห้องทำงานของหลินยวนอยู่ที่ไหน

สิ่งสำคัญคือคนที่ไป๋หลิงหลงใช้งานเป็นคนที่อยู่ในระดับสูงเป็นอย่างมาก นั่นก็เพื่อรักษาความลับ แต่สุดท้ายกลับถูกกวนเสี่ยวชิงจำได้ทันทีที่มองเห็น

กวนเสี่ยวไป๋ร้องอ้อ “ไม่มีอะไร วันนี้มีคนเอาของมาส่งแล้วก็หยิบเอารูปนี้มาอวดให้ดู บอกว่ารู้จักกับคนระดับสูงในหอการค้าของแก ฉันก็เลยมาถามแกให้แน่ใจ แผนกธุรการเหรอ ดูแล้วคงจะมีของเก่าเยอะแน่ แกพอจะไปทำความรู้จักให้หน่อยได้หรือเปล่า?”

กวนเสี่ยวชิงถลึงตาใส่เขา “พี่ ฉันเพิ่งจะไปทำงานกับผู้ช่วยไป๋ พี่ก็จะให้ฉันทำเรื่องแบบนี้แล้ว พี่คิดว่าฉันมีปัญญาขนาดนั้นเหรอ?”

กวนเสี่ยวไป๋กล่าว “เออๆๆ ไม่รบกวนแกก็ได้ ฉันเองก็ไม่ได้บอกไปว่าพวกเราเป็นอะไรกัน อย่างนั้นฉันเป็นฝ่ายไปเยี่ยมเขาได้ไหม? แกรู้ไหมว่าบ้านเขาอยู่ที่ไหน?”

กวนเสี่ยวชิงกล่าวอย่างเหนื่อยใจ “ฉันไม่เคยคุยกับเขามาก่อน จะไปรู้เรื่องพวกนี้ได้ยังไง…”

……..

ไม่ได้ข้อมูลอะไรมามากนัก กวนเสี่ยวไป๋จึงได้แต่ต้องบอกหลินยวนไปตามความจริง ระหว่างที่คุยกันก็ค่อนข้างเป็นกังวล “แกไม่เป็นไรใช่ไหม?”

หลินยวนกล่าว “ไม่เป็นไร แค่ให้แน่ใจว่าเป็นคนในหอการค้าก็พอ แล้วก็ไม่ต้องจับตาดูต่อไปแล้ว ขอบใจแกมากนะ”

กวนเสี่ยวไป๋กล่าว “ไหน พูดอีกทีซิ”

“เหอๆ” หลินยวนวางโทรศัพท์ หุบยิ้มแล้วคำนวณเวลาเล็กน้อย จากนั้นสายตากวาดมองไปรอบด้าน หลังจากแยกแยะทิศทางได้แล้ว จู่ๆ ตัวเขาก็พุ่งออกไปเหมือนควันสายหนึ่ง ทะยานออกมาอย่างรวดเร็วจากในพุ่มหญ้า

เขาอาศัยสภาพแวดล้อมอำพรางร่างกาย วิ่งกลับไปทางหอการค้าตระกูลฉินอย่างรวดเร็ว

แต่เขาไม่ได้กลับเข้าไปในหอการค้าตระกูลฉิน หากแต่ซ่อนตัวอยู่ในพุ่มหญ้าอีกด้านหนึ่ง นั่งยองๆ เฝ้าอยู่ละแวกใกล้ๆ ทางแยกที่อยู่ด้านนอกหอการค้าตระกูลฉิน เพราะเขาไม่รู้ว่าเป้าหมายจะมุ่งหน้าไปทางไหน

รถคันแล้วคันเล่าแล่นออกมา คนที่อยู่ภายในรถแต่ละคันล้วนแต่อยู่ภายใต้การจับตามองด้วยเนตรทิพย์ของเขาอย่างเงียบๆ

ผ่านไปไม่นาน ภายในรถคันหนึ่งที่แล่นออกมา คนที่อยู่ภายในรถก็คือซินกว่างเฉิง เขาขับรถมุ่งหน้าไปอีกด้านหนึ่ง

หลินยวนพุ่งตัวออกไป อาศัยสภาพแวดล้ออำพรางร่างกาย วิ่งขนานอยู่ด้านข้างถนน

ผ่านไปครู่หนึ่ง ขณะที่ด้านหน้าและด้านหลังไม่มีรถ จู่ๆ หลินยวนก็พุ่งออกมา

จู่ๆ ประตูรถด้านคนขับพลันเปิดออก ซินกว่างเฉิงเหลียวหน้ามามอง เห็นคนผู้หนึ่งมุดตัวเข้า จึงตกใจเป็นอย่างมาก

ยังไม่ทันที่จะตั้งตัวว่าเกิดอะไรขึ้น เขาก็ถูกหลินยวนบีบด้านหลังคอของเขา ถูกพลังสะกดเอาไว้จนไม่สามารถขยับเขยื้อนได้ ไม่สามารถส่งเสียงได้ รถถูกขับไปในทิศทางที่ตัวเองไม่ได้อยากจะไป ร่างกายไม่ได้อยู่ในการควบคุมของตัวเอง เหมือนตุ๊กตาไม้ที่ถูกควบคุม

ไม่ใช่ผู้บำเพ็ญเพียร! หลินยวนมั่นใจ มองดูเบื้องหน้าด้วยสายตาสงบนิ่ง ท่าทางที่ยกมือพาดไว้บนร่างกายของอีกฝ่ายดูเหมือนเพื่อนเก่าอย่างไรอย่างน้้น

ท่าทางที่สงบเยือกเย็นจนคล้ายวังเวงของเขาทำให้ซินกว่างเฉิงยิ่งรู้สึกหวาดกลัวขึ้นทุกขณะ

เมื่อมาถึงสถานที่ที่เหมาะสม รถก็ขับออกจากทางหลัก วิ่งไปบนทางรกร้าง สุดท้ายก็มาหยุดอยู่ในพื้นที่ยุบตัวลงไปเป็นหลุมแห่งหนึ่ง

หลินยวนลงจากรถ มือลากคนออกมาคนหนึ่ง จากนั้นผลักออกไป

ซินกว่างเฉิงที่เดินโซซัดโซเซไปด้านหลังยืนไม่มั่นคง ท้องฟ้ามืดจนมองเห็นใบหน้าของอีกฝ่ายไม่ชัดเจน เขาพยายามรักษาความเยือกเย็นเอาไว้ กล่าวว่า “แกเป็นใคร กล้าดียังไงมาทำตัวอวดดีกับคนของหอการค้าตระกูลฉิน!”

หลินยวนสังเกตดูปฏิกิริยาของเขา ค่อยๆ เดินเข้าไป ต้อนเขาไปจนถึงไฟหน้ารถ “มาติดกล้องในห้องของฉัน แกไม่รู้เหรอว่าฉันเป็นใคร? ล้อเล่นกันแบบนี้ฉันไม่ชอบ!

เมื่อมีแสงไฟส่องสว่าง ซินกว่างเฉิงก็มองเห็นใบหน้าของอีกฝ่ายชัดเจน อีกทั้งเมื่อได้ยินคำพูดของอีกฝ่าย สีหน้าเขาพลันตกตะลึงไปทันที กล่าวอ้ำๆ อึ้งๆ ไม่ชัดเจนว่า “ฉันไม่รู้ว่าแกกำลังพูดเรื่องอะไร แต่ฉันขอแนะนำให้แกรีบหยุดมือซะ ไม่อย่างนั้นแกน่าจะรู้นะว่าผลของการมาหาเรื่องกับหอการค้าตระกูลฉินเป็นอย่างไร”

หลินยวนพลันยื่นมือออกมา คว้าแขนของเขาเอาไว้แล้วฉีกกางออก บิดเป็นมุมแปลกๆ

“อ๊าก…” ซินกว่างเฉิงส่งเสียงร้องโหยหวน พออีกฝ่ายปล่อยมือ แขนของเขาข้างนั้นก็ห้อยตกลง แกว่งไกวไปมาอย่างไร้เรี่ยวแรง ยิ่งแกว่งยิ่งเจ็บปวด เจ็บปวดจนมีเหงื่อเย็นเฉียบไหลออกมา

เขายกมืออีกข้างขึ้นมาด้วยคิดจะจับแขนที่แกว่งไปมาเอาไว้ แต่มือที่ยกขึ้นมาอีกข้างกลับถูกหลินยวนคว้าจับข้อมือเอาไว้ สีหน้าพลันตกใจกลัวขึ้นมาทันที “แกคิดจะทำอะไร?”

หลินยวนกล่าว “ฉันอยากรู้ว่าใครเป็นคนใช้แกมาทำ อย่าได้คิดปิดบัง ไม่อย่างนั้นแกจะต้องเสียใจ”

ซินกว่างเฉิงไหนเลยจะกล้าพูดเหลวไหล เขายังคงปากแข็ง กล่าวด้วยน้ำเสียงเจ็บปวดและสั่นเครือว่า “ฉันไม่รู้จริงๆ ว่าแกกำลังพูดเรื่องอะไร”

เสียงครึกดังขึ้น หลินยวนยกแขนของเขาขึ้นมาอีกครั้ง บิดให้เป็นมุมแปลกๆ อีกครั้งหนึ่ง

“อ๊าก!” ซินกว่างเฉิงร้องโหยหวนออกมาอีกครั้งหนึ่ง

หลินยวนปล่อยมือ ก่อนจะใช้นิ้วมือกระทุ้งไปที่หน้าอกของอีกฝ่ายที่กำลังยืนส่ายโงนงายเบาๆ ทีหนึ่ง ซินกว่างเฉิงล้มตึงลงไปบนพื้น อยากจะลุกขึ้นมา แต่แขนทั้งสองข้างกลับไม่ฟังคำสั่ง

หลินยวนเหยียบหน้าอกของเขาเอาไว้ ก้มลงมองพลางกล่าวด้วยน้ำเสียงไม่แยแสว่า “มีครอบครัวไหม? ถ้าแกไม่พูด ฉันจะไปถามจากครอบครัวของแกเอง”

ใบหน้าของซินกว่างเฉิงเต็มไปด้วยความรู้สึกเศร้าใจและโกรธเกรี้ยว แสงไฟที่แยงตาทำให้เขามองเห็นใบหน้าของอีกฝ่ายไม่ชัดเจน เพียงมองเห็นโครงร่างที่มีผมยาวมัดรวบเป็นหางม้าเอาไว้เท่านั้น โครงร่างนี้ฝังลึกลงไปในความทรงจำของเขาแล้ว ถึงแม้เวลานี้จะเจ็บปวดจนร่างกายสั่นเทา แต่เขายังคงออกแรงส่ายหน้า “ฉันไม่รู้ว่าแกกำลังพูดเรื่องอะไร แล้วแกจะให้ฉันตอบยังไง?”

หลินยวนยกเท้าออก เดินไปด้านข้างประตูรถฝั่งคนขับ หันหลังพลางกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ถ้ายังไม่พูด แกเชื่อหรือเปล่าว่าฉันจะฆ่าแก จากนั้นค่อยไปฆ่าคนในบ้านแกทั้งหมด”

ซินกว่างเฉิงกล่าว “ฉันตายแล้ว หอการค้าจะต้องสงสัยแกอย่างแน่นอน หอการค้าไม่มีทางปล่อยแกไปแน่”

เขาไม่รู้ว่าเหตุใดไป๋หลิงหลงถึงให้เขาไปติดกล้องวงจรปิดเอาไว้ แล้วก็ไม่รู้ว่านี่มันพัวพันถึงเรื่องราวที่ใหญ่โตขนาดไหน แต่การคาดเดาของเขานั้นถูกต้อง หากตัวเขาที่เป็นคนติดกล้องวงจรปิดหายตัวไป หอการค้าก็ย่อมต้องสงสัยตัวคนที่ถูกจับตามองอยู่อย่างแน่นอน

หลินยวนร้องอ้อขึ้นมา “หอการค้าเป็นคนให้แกมาทำอย่างนั้นเหรอ?”

“…..” ซินกว่างเฉิงพูดอะไรไม่ออก รู้ตัวว่าตนเองหลุดปากออกไปแล้ว

หลินยวนหันกลับมาเหลือบมองดูด้วยสายตาเยือกเย็น ยื่นมือไปเปิดประตูรถ ก่อนจะมุดเข้าไปนั่งในที่นั่งคนขับ

ประตูรถปิดลง มือเท้าขยับ รถถอยหลังขึ้นไปบนปากหลุมอย่างรวดเร็ว

ทันใดนั้น แสงไฟหน้ารถที่เคลื่อนขึ้นไปอยู่ด้านบนก็พุ่งลงมาอีกครั้ง หลินยวนขับรถพุ่งลงมาอย่างรวดเร็วด้วยใบหน้าเรียบเฉย

ซินกว่างเฉิงที่หันหน้าไปมองไม่สนใจแสงไฟที่ส่องแสงจ้าจนแสบตา สองตาของเขาเบิกกว้าง ทำได้เพียงดิ้นรนมองดูรถที่พุ่งลงมา แล้วก็ทำให้เขาลืมความเจ็บปวด

แขนทั้งสองข้างไร้เรี่ยวแรง ไม่สามารถลุกหนีออกไปได้ ทำได้เพียงมองดูตาปริบๆ พยายามดิ้นรนสุดชีวิต

ความรู้สึกและความกดดันเช่นนี้เป็นสิ่งที่คนนอกยากจะจินตนาการได้ น่ากลัวเสียยิ่งกว่าความตาย ในเสี้ยววินาทีที่รถกำลังจะพุ่งเข้ามาชน จู่ๆ เขาพลันตะโกนออกไปว่า “ฉันบอกแล้ว! ฉันบอกแล้ว!”

รถพลันหยุดลงในทันที อันที่จริงรถที่พุ่งลงเนินมานั้นไม่มีทางหยุดได้อย่างฉับพลันเช่นนี้ เป็นหลินยวนที่ใช้พลังหยุดรถเอาไว้

เศษหินเศษดินกระเด็นกระดอนไปถูกตัวคนที่นอนอยู่บนพื้น

ภายใต้ความเจ็บปวด ซินกว่างเฉิงหลับตาแล้วตะโกนขึ้นมาอีกว่า “ผู้ช่วยไป๋ ผู้ช่วยไป๋…”

คำแรกที่ตะโกนออกไปนั้นเป็นการตอบสนองออกไปโดยไม่รู้ตัว แต่คำที่สองเขาเริ่มรู้ตัวแล้วว่าตนทำพลาด เสียงของเขาเบาลง ทันทีที่คำพูดหลุดปากออกไป เขาก็ลืมตาขึ้นมา จ้องมองอากาศที่ตลบอบอวลไปด้วยฝุ่นควัน ใบหน้าซีดเผือด

เขารู้ว่าตัวเองไม่อยากพูด แล้วก็ไม่มีทางพูด ถึงขนาดเตรียมใจเอาไว้แล้วว่าต่อให้ต้องตายก็ไม่มีทางปริปากออกมา เขาสามารถกลายเป็นผู้จัดการแผนกธุรการของหอการค้าตระกูลฉินได้ ภายในใจย่อมต้องมีความภักดีอยู่ เขาย่อมต้องรู้ความหมายของคำว่า ‘รักษาความลับ’

แต่เขาเองก็ไม่รู้ว่านี่มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมตนเองถึงพูดออกไป ภายในหัวกลายเป็นความว่างเปล่า

แสงไฟหน้ารถดับลงแล้ว ในที่แห่งนี้ตกอยู่ในความมืด ท้องฟ้าเต็มไปด้วยแสงดาวระยิบระดับ คล้ายดวงตาจำนวนมากกำลังจ้องมองมาที่นี่

ปึง! หลินยวนที่ลงมาจากรถเดินเข้ามา ยกมือคว้าไปในอากาศ ซินกว่างเฉิงลุกยืนขึ้นมา พิงอยู่ตรงหน้ารถ เนื่องเพราะถูกคว้าจับสาบเสื้อเอาไว้ เขาถึงได้ไม่ล้มลงไป

“อยู่ดีๆ ผู้ช่วยไป๋จะให้แกมาติดกล้องวงจรปิดในห้องของฉันทำไม?” หลินยวนต้องการจะตรวจสอบหน่อยว่าสิ่งที่เขาพูดมาเป็นความจริงหรือไม่

ซินกว่างเฉิงกำลังเหม่อลอย ฟังไม่รู้เรื่องแล้วว่าหลินยวนพูดอะไร

หลินยวนแสดงออกว่าเข้าใจ เอามือปิดปากและจมูกของเขาเอาไว้ ไม่ให้เขาหายใจ

เมื่ออยู่ในสภาวะที่หายใจไม่ออก ซินกว่างเฉิงจึงดิ้นรนขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว แล้วก็ได้สติกลับคืนมา

เมื่อเห็นเขาได้สติกลับคืนมาแล้ว หลินยวนจึงปล่อยมือ กระทั่งเขาหอบหายใจได้สม่ำเสมอแล้วจึงพูดขึ้นมาว่า “ทำไมผู้ช่วยไป๋ถึงต้องให้แกมาติดกล้องวงจรปิดในห้องของฉัน? ถึงขั้นนี้แล้ว ยังไม่พูดอีกเหรอ? หรือว่าจะต้องให้ฉันลากแกไปพูดต่อหน้าผู้ช่วยไป๋ ให้เธอรู้ว่าแกแฉเธอแล้ว?”

ซินกว่างเฉิงกล่าวว่า “ฉันเองก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร จู่ๆ เธอก็เรียกฉันเข้าไป…” ซินกว่างเฉิงยิ้มอย่างเจ็บปวดพลางเล่าเรื่องทั้งหมดออกมา ทั้งเรื่องที่เขารับคำสั่งมาอย่างไร แล้วเกิดปัญหาอะไรขึ้นถึงได้ให้เขาเข้าไปตรวจสอบและเปลี่ยนกล้องวงจรปิด เล่าทุกเรื่องออกมาอย่างชัดเจน

คำพูดของอีกฝ่ายและวิธีการที่กล้าทำอะไรในเวลากลางวันแสกๆ ทำให้หลินยวนคิดว่าอีกฝ่ายน่าจะพูดความจริง

และเนื่องเพราะทำการตรวจสอบความจริงแล้ว หลินยวนจึงค่อนข้างกลุ้มใจ เขาลงทุนทำขนาดนี้แล้ว คิดไม่ถึงว่าคนที่สืบออกมาได้จะเป็นไป๋หลิงหลง ผู้หญิงคนนี้คิดจะทำอะไรกันแน่?

……………………………………………………

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

Status: Ongoing
อดีตแมงดาหวนคืนสู่มาตุภูมิในรอบ 300 ปี หวังจะใช้ชีวิตอย่างสงบเพื่อหลบเลี่ยงเรื่องบางอย่าง แต่กลับต้องเข้าไปพัวพันกับการประมูลเทพมหาวิญญาณและการชิงอำนาจจนเสี่ยงจะถูกเปิดเผยตัวตน?!อีก 1 ผลงานใหม่จากนักเขียนระดับแพลตตินัมของ Qidian ‘เยวี่ยเชียนโฉว’ผู้เขียนเรื่อง < พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า > และ < ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า >ณ แดนเซียนในยุคปัจจุบัน‘หลินยวน’ อดีตแมงดา เดินทางกลับมายังมาตุภูมิพร้อมกับตัวตนใหม่ด้วยหวังจะใช้ชีวิตอย่างสงบเพื่อหลบเลี่ยงเรื่องบางอย่างแต่ด้วยความจำเป็น เขาจึงต้องเข้าไปทำงานในบริษัทของคนรักเก่าที่เขาเคยหลอกใช้ในฐานะผู้ช่วยของ ‘หลัวคังอัน’ จอมลวงโลกที่โกหกว่าตัวเองคือผู้ทำให้ ‘ป้าหวัง’ 1 ใน 13 มารสวรรค์บาดเจ็บสาหัสและนั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้หลินยวนต้องเข้าไปพัวพันกับการประมูล ‘เทพมหาวิญญาณ’ซึ่งเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์จำนวนมหาศาลและการชิงอำนาจระหว่างตระกูลจนเสี่ยงต่อการถูกเปิดเผยตัวตนที่แท้จริง?!

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน