ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน – ตอนที่ 60 ลุงเฉินคนนี้นี่จริงๆ เลย

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

ตอนที่ 60 ลุงเฉินคนนี้นี่จริงๆ เลย

สำหรับเผิงซีชื่อนี้ หลินยวนไม่ใช่ว่าเพิ่งจะเคยได้ยินเป็นครั้งแรก ก่อนหน้านี้ไม่นานเคยมีคนพูดชื่อนี้กับเขาแล้ว เพียงแต่ไม่รู้ว่าใช้เผิงซีคนเดียวกันหรือไม่ แต่เมื่อคิดๆ ดูแล้ว คนที่สามารถโทรมาหาคนอย่างฉินอี๋โดยตรงได้ เช่นนั้นก็น่าจะมิใช่ใครอื่น

ทำไมถึงได้มีคำว่า ‘คนอย่างฉินอี๋’ ผุดขึ้นมาในหัวได้? หลินยวนมองดูใบหน้าด้านข้างของฉินอี๋ คล้ายเหม่อลอยไปเล็กน้อย คิดไม่ถึงว่าฉินอี๋ที่อ่อนโยนและขี้อายในอดีตคนนั้นจะกลายมาเป็นฉินอี๋อย่างในตอนนี้ได้

ไป๋หลิงหลงกล่าวถามว่า “เผิงซีจากหอการค้าตระกูลโจวเหรอ?”

ฉินอี๋พยักหน้าเล็กน้อย จ้องมองโทรศัพท์มือถือ กล่าวว่า “ถ้ายังไม่ยอมแพ้ อีกเดี๋ยวก็คงจะโทรกลับมาอีก” เห็นได้ชัดว่าเธออยากจะลองดูท่าทีของอีกฝ่าย

ไป๋หลิงหลงประหลาดใจ เผิงซีมีเบอร์ส่วนตัวของฉินอี๋ได้อย่างไร?

เพราะว่าโทรศัพท์ที่โทรมาหาฉินอี๋ล้วนแต่ต้องผ่านเธอก่อน จากนั้นเธอจะดูว่าควรจะต่อสายไปให้ฉินอี๋หรือไม่

เบอร์โทรศัพท์ส่วนตัวของฉินอี๋ไม่เคยนำมาใช้กับเรื่องงาน มีบันทึกอยู่แค่ในโทรศัพท์ของคนในครอบครัวที่มีความสัมพันธ์ค่อนข้างใกล้ชิดเท่านั้น คนข้างนอกแทบจะไม่มีใครรู้

ที่เธอทำเช่นนี้เพราะมีเหตุจำเป็น อย่านึกว่าคนอย่างฉินอี๋จะไม่มีคนมาตามจีบ เมื่อก่อนมีอยู่ช่วงหนึ่งที่มีคนไปเที่ยวควานหาเบอร์โทรศัพท์ของฉินอี๋มาได้ หลังทนรำคาญไม่ไหวก็เลยทำการจำกัดขอบเขตคนที่จะรู้เบอร์ส่วนตัวของฉินอี๋เอาไว้

กระทั่งเจ้าหยวนเฉินที่ก่อนหน้านี้อยากจะติดต่อฉินอี๋ก็ยังไม่สามารถติดต่อเธอโดยตรงได้ จากตรงนี้จะเห็นได้เลยว่าเบอร์ส่วนตัวของฉินอี๋นั้นไม่ใช่ว่าจะหามาได้ง่ายๆ

แต่เผิงซีผู้นี้เพิ่งจะมายังเมืองปู๋เชวี่ยได้ไม่นาน แต่กลับหาเบอร์ส่วนตัวของฉินอี๋มาได้ ไป๋หลิงหลงหวาดกลัวขึ้นมาทันที พบว่าคนผู้นี้ไม่ธรรมดาอย่างที่คิดเอาไว้

เธอเหลียวหน้ากลับไปมองหลินยวน กล่าวว่า “นายไม่ได้เอาเบอร์ส่วนตัวของท่านประธานไปบอกใครใช่ไหม?”

หลินยวนกล่าว “ฉันไม่ได้ว่างขนาดนั้น” กระทั่งตัวเขาเองก็ไม่เคยโทรหาฉินอี๋มาก่อน

ฉินอี๋เหลือบมองเขา เชื่อในคำพูดของเขา จึงกล่าวออกมาว่า “ยังอยู่ที่นี่ทำอะไรอีก ไม่กลับไปทำงาน?”

หลินยวนคล้ายอยากจะพูดอะไรแต่ก็หยุดไป สุดท้ายก็หมุนตัวเดินออกไป

หลังออกไปจากห้องผู้ช่วยแล้ว เขาก็หยุดฝีเท้า เหลียวหน้ากลับมามอง ดูค่อนข้างกลุ้มใจอย่างเห็นได้ชัด

เรื่องที่เขาติดเงินหนึ่งล้านมุกได้ทิ้งไว้เป็นหลักฐานอยู่ที่ผู้พิทักษ์เมืองแล้ว หากอีกฝ่ายคิดจะขู่เขาอีกย่อมไม่ใช่เรื่องง่าย เขาเตรียมจะใช้เรื่องนี้มาพูด ถ้าไม่ได้จริงๆ ก็ยังพอต่อรองขอเปลี่ยนไปทำงานในตำแหน่งอื่นได้

แต่ตอนนี้เมื่อมาคิดๆ ดูแล้วก็พบว่าคำพูดที่ตนเองอยากพูดนั้นเป็นเหมือนเปลวเพลิงเล็กๆ ที่อ่อนแรงที่ถูกคำพูดที่เป็นเหมือนดั่งลมพายุของฉินอี๋ดับลงไปแล้ว

ถ้ากลับเข้าไปอีก? ตอนนี้ยังจะพูดออกมาได้หรือเปล่า?

หลินยวนยิ้มออกมา ไม่รู้ว่าควรจะร้องไห้ดีหรือหัวเราะดี ตอนนี้เขายิ่งพบว่าฉินอี๋เปลี่ยนไปแล้ว ไม่ใช่ผู้หญิงในอดีตคนนั้นแล้วจริงๆ

ขอโทษต่อหน้าคนอื่นเพื่อชดใช้อย่างนั้นหรือ? เท้าที่อยากจะเดินกลับเข้าไปหาฉินอี๋อีกครั้งของหลินยวนก้าวไม่ค่อยออก ฉินอี๋ทำตัวไร้เหตุผล มีอยู่ชั่วขณะหนึ่งที่เขาถึงขนาดเกิดความคิดอยากจะสังหารฉินอี๋!

แต่ไม่ว่าจะยอมรับหรือไม่ เขากับฉินอี๋ก็เคยมีความรู้สึกดีๆ ให้กันจริงๆ แล้วก็รู้สึกผิดอยู่ในใจจริงๆ ยากจะหักใจลงมือได้

สุดท้ายก็ได้แต่ส่ายหน้า ช่างมันไป เดินกลับไปยังห้องพักผ่อนของตน

จะประมูลหรือไม่ประมูลเทพมหาวิญญาณอะไรนั่นไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเขา เป็นผู้ช่วยของหลัวคังอันก็เป็นไป พอมาลองคิดๆ ดูแล้ว เขาเองก็ไม่มีทางถูกคนเล่นงานง่ายๆ ขนาดนั้นเช่นกัน

สรุปแล้วก็คืออยู่ไปแบบนี้ดีกว่าต้องไปขอโทษต่อหน้าทุกคนเพื่อชดใช้

คนเราอยู่บนโลกนี้ มีใครบ้างไม่มีคนรู้จัก ถ้าให้เขาไปเอ่ยปากขอโทษต่อหน้าทุกคนเพื่อใช้หนี้จริงๆ ช้าเร็วคงต้องถูกคนรู้จักของเขาเหล่านั้นรู้เข้า เช่นนั้นคงทำให้ ‘ท่านอ๋อง’อย่างเขาต้องเสียหน้าเป็นแน่…..

…….

ฉินอี๋ที่มองดูหลินยวนเดินหายลับไปอยู่ในห้องทำงานคล้ายละทิ้งความแข็งกร้าวไป ท่าทีดูค่อนข้างเศร้าสร้อย ค่อยๆ ทิ้งตัวพิงไปกับโต๊ะทำงาน นั่งลงไปกับพื้น แขนทั้งสองข้างกอดเข่าก้มหน้า

ไป๋หลิงหลงมองดูเธอ จู่ๆ พลันได้ยินเสียงแปลกๆ มองเห็นหัวไหล่ของฉินอี๋สั่นขึ้นมาเบาๆ คล้ายกำลังร้องไห้สะอึกสะอื้น

เธอรีบย่อตัวลงไปประคองศีรษะฉินอี๋ ก่อนจะเห็นฉินอี๋ร่ำไห้น้ำตานองหน้า ไป๋หลิงหลงตกใจอย่างมาก เธอจำไม่ได้แล้วว่าไม่ได้เห็นฉินอี๋ร้องไห้มานานเท่าไร ฉินอี๋ที่เผชิญปัญหาต่างๆ มาแล้วมากมายกลับร้องไห้ออกมา จึงรีบประคองใบหน้าของเธอ กล่าวว่า “เสี่ยวอี๋ เป็นอะไรเหรอ?”

ฉินอี๋ดึงมือเธอออก ยกแขนเสื้อขึ้นมาเช็ดน้ำตา ส่ายศีรษะพลางกล่าวว่า “ไม่มีอะไร จู่ๆ แค่รู้สึกเหนื่อยขึ้นมา”

ไป๋หลิงหลงรู้สึกสงสารเธอ คนอื่นต่างพากันพูดว่าตระกูลฉินมีผู้สืบทอดแล้ว ต่างพูดกันว่าประธานหอการค้าตระกูลฉินคนต่อไปเป็นหญิงแกร่งที่เฉลียวฉลาดมากความสามารถ แต่คนที่อยู่ข้างกายเธอตลอดเวลากลับรู้ดีว่าไม่ใช่เรื่องง่ายเลยกว่าที่เธอจะฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ มาได้ในช่วงหลายปีมานี้ มีกี่ครั้งที่เธอไม่ได้กินไม่ได้นอน มีกี่ครั้งที่นอนกระสับกระส่าย มีกี่ครั้งที่กระวนกระวายจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ ค่อยๆ เดินไปทีละก้าว กัดฟันฟันฝ่าอุปสรรคไปในแต่ละวัน จากผู้หญิงที่บอบบางคนหนึ่งกลายเป็นประธานแห่งหอการค้าตระกูลฉินอย่างเช่นทุกวันนี้

ไป๋หลิงหลงนั่งลงข้างกายเธอ ยื่นมือไปกอดเธอเอาไว้ “เหนื่อยก็พักนะ”

ฉินอี๋เผยด้านที่อ่อนแอของตนออกมา ซบลงไปในอ้อมอกของอีกฝ่ายเหมือนอย่างเด็กคนหนึ่ง ส่ายศีรษะไปมา

ไป๋หลิงหลงกล่าวว่า “ฉันมองไม่ออกจริงๆ ว่าเขาจะยังมีใจให้เธออยู่…ถ้าไปด้วยกันไม่ได้จริงๆ ก็ช่างมันเถอะ อะไรก็ตามที่ต้องฝืนทำมันไม่ดีหรอกนะ”

ฉินอี๋ส่ายศีรษะอีกครั้ง ท่าทางที่กัดมุมปากของเธอแสดงให้เห็นถึงความดื้อรั้น

ไป๋หลิงหลงถอนใจ “เสี่ยวอี๋ เธอยังมีฉันอยู่เป็นเพื่อนนะ”

ฉินอี๋กางแขนกอดเธอเอาไว้ ซบลงในอ้อมอกเธอพลางกล่าวต่อว่า “ช้าเร็วเธอก็ต้องแต่งงานไป”

ไป๋หลิงหลงลูบศีรษะของเธอ “พ่อของเธอพยายามอย่างมากกว่าจะหาวิชาบำเพ็ญเพียรมาให้ฉันได้ ถ้าฝึกไม่สำเร็จก็ไม่อาจมีอะไรกับผู้ชายได้ อย่างน้อยฉันก็ยังอยู่เป็นเพื่อนเธอไปได้อีกหลายร้อยปี อีกอย่าง หรือว่าถ้าฉันแต่งงานไปแล้วเธอจะไล่ฉันออกจากหอการค้าตระกูลฉิน?”

ทั้งสองต่างไม่ได้พูดอะไร หากแต่นั่งกอดกันอยู่บนพื้นด้านล่างโต๊ะทำงานเหมือนไม่อาจแยกจากกันได้

……

ภายในโรงอีหลิว เผิงซีมองดูโทรศัพท์มือถือที่อยู่ในมือ หลังครุ่นคิดอยู่ครู่ก็ยิ้มพลางส่ายศีรษะขึ้นมา

จางเลี่ยเฉินที่อยู่ด้านหลังเคาน์เตอร์มองดูเขา กล่าวถามว่า “เห็นไหมล่ะ ผมไม่ได้หลอกคุณใช่ไหมล่ะ เป็นเบอร์ของประธานฉินจริงๆ ใช่ไหม?”

เผิงซีเก็บโทรศัพท์ เหลียวหน้ากล่าวว่า “ชิงจั๋ว ให้เขา”

ผู้ติดตามคนสนิทที่ชื่อชิงจั๋วเดินเข้าไปทันที หยิบเอาตั๋วเงินมูลค่าหนึ่งแสนมุกออกมาวางบนเคาน์เตอร์ เลื่อนไปตรงหน้าจางเลี่ยเฉิน

จางเลี่ยเฉินรีบหยิบขึ้นมา พลิกดูพลางกล่าวถามว่า “คงจะไม่ใช่ของปลอมใช่ไหม?”

เผิงซีกล่าวว่า “ถ้าเป็นของปลอม คุณไปแลกคืนกับผมที่หออวิ้นเสียได้ทุกเมื่อ” กล่าวจบก็หมุนตัวเดินออกไป ผู้ติดตามเองก็เดินตามออกไปด้วย

พวกเขาออกมาแล้วขึ้นรถไป หลังรถแล่นออกไป เผิงซีก็มองออกไปด้านนอกหน้าต่างพลางยิ้มเล็กน้อย “โชคดีจริงๆ คิดไม่ถึงว่าในมือเจ้าของโรงแพทย์เล็กๆ จะมีเบอร์ส่วนตัวของฉินอี๋ที่พี่หยวนเฉินหามาไม่ได้อยู่ด้วย ดูเหมือนความสัมพันธ์ของหลินยวนคนนั้นกับฉินอี๋จะไม่ธรรมดาซะแล้ว”

ที่เขาสามารถมาที่นี่ได้ เป็นทั้งความบังเอิญและเป็นเรื่องที่แน่นอน

ข้อมูลเกี่ยวกับหอการค้าตระกูลฉินบางอย่างที่เขามีอยู่ในมือ นอกจากข้อมูลที่เดิมทีหอการค้าตระกูลโจวก็มีอยู่ในมืออยู่แล้ว ข้อมูลส่วนอื่นๆ ที่เหลือล้วนแต่เป็นข้อมูลที่เจ้าหยวนเฉินรวบรวมมาได้หลังจากมาถึงเมืองปู๋เชวี่ย

เวลามีจำกัด เวลาที่คนคนหนึ่งจะมาจัดการเรื่องราวที่นี่ก็มีจำกัดเช่นเดียวกัน เขาไม่สามารถไปนั่งทำความเข้าใจสถานการณ์ทั้งหมดในชั่วระยะเวลาสั้นๆ ได้ ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะทำการตรวจสอบข้อมูลบางอย่างก่อน

สำหรับข้อมูลสำคัญต่างๆ ที่เป็นหัวใจสำคัญของเรื่องนี้ เขาเชื่อว่าเจ้าหยวนเฉินคงจะทำการตรวจสอบมาจนทะลุปรุโปร่งแล้ว เพื่อที่จะได้หาโอกาสและจุดอ่อนที่จะเล่นงานหอการค้าตระกูลฉินได้

เขาเองก็ไม่คิดว่าเจ้าหยวนเฉินจะโง่ถึงขนาดที่มองไม่เห็นแม้กระทั่งช่องโหว่ที่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน

ดังนั้นเขาจึงลองมองในมุมที่แตกต่างออกไป ไม่ไปสนใจข้อมูลที่เป็นหัวใจสำคัญเหล่านั้น แต่กลับมองดูข้อมูลที่ไม่เกี่ยวข้องกับหอการค้าตระกูลฉินก่อน ข้อมูลบางอย่างที่ไม่มีใครสังเกตเห็น

และข้อมูลที่ไม่มีอะไรน่าสนใจอย่างหนึ่งก็ได้ดึงดูดความสนใจของเขาเอาไว้ นั่นก็คือพนักงานภายในเมืองปู๋เชวี่ยของหอการค้าตระกูลฉินล้วนมาหาหมอและเอายาที่โรงอีหลิวมาเป็นเวลานานแล้ว

เรื่องที่ถูกกำหนดเอาไว้ตั้งแต่เมื่อนานมาแล้วนั้นไม่มีอะไรน่าสะดุดตาจริงๆ ยิ่งไปกว่านั้นคนธรรมดาในดินแดนเซียนเองก็ไม่ป่วยกันง่ายๆ ด้วย ถ้าไม่สบายเล็กน้อยก็หาผู้บำเพ็ญพรตข้างกายที่รู้จักซักคนให้ช่วยก็รักษาได้แล้ว ข้อมูลนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับหอการค้าตระกูลฉินเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

แต่คำว่า ‘โรงอีหลิว’ ที่อยู่ภายในข้อมูลนี้กลับดึงดูดความสนใจของเขาเอาไว้ ถ้าจำไม่ผิดล่ะก็ ในรายชื่อที่เขาดูก่อนหน้านี้คล้ายจะมีคนที่มีความเกี่ยวข้องกับโรงอีหลิวอยู่

แม้นเขาจะไม่ไปดูข้อมูลส่วนอื่นๆ ที่เป็นหัวใจสำคัญของคดีอีก แต่ข้อมูลในส่วนที่ว่ามีใครเกี่ยวข้องกับเทพมหาวิญญาณของหอการค้าตระกูลฉินบ้าง เขายังคงดูข้อมูลในส่วนนี้อยู่ ไม่ใช่ว่าจะปล่อยผ่านไม่สนใจไปเสียทั้งหมด

และข้อมูลคร่าวๆ เกี่ยวกับหลัวคังอันกับหลินยวนก็ย่อมต้องอยู่ในนั้นเช่นเดียวกัน

ในตอนที่เขากลับไปพลิกดูข้อมูลรายชื่ออีกครั้ง เขาก็พบว่าที่อยู่ของหลินยวนก็คือโรงอีหลิว

โรงอีหลิวดึงดูดความสนใจของเขาเอาไว้ ดังนั้นเขาจึงมา

เขาอาศัยเพียงแค่การคาดการณ์บางอย่าง สงสัยว่าจางเลี่ยเฉินกับฉินอี๋จะมีการติดต่อกัน จึงได้ลองหลอกถามจางเลี่ยเฉิน แล้วก็เป็นอย่างที่คาดเอาไว้!

คิดไม่ถึงว่าจางเลี่ยเฉินจะมีเบอร์โทรของฉินอี๋อยู่ในมือได้ เขาย่อมเอ่ยปากขอ จางเลี่ยเฉินย่อมไม่ให้

แต่เผิงซีมาที่นี่ได้ เขาก็ย่อมต้องสอบถามสถานการณ์ของโรงอีหลิวมาแล้ว รู้ว่าจางเลี่ยเฉินเป็นคนหน้าเงิน จึงจ่ายเงินซื้อเบอร์ของฉินอี๋โดยไม่ขี้เหนียวแม้แต่น้อย

หนึ่งพันไม่พอก็หนึ่งหมื่น หนึ่งหมื่นไม่พอก็สองหมื่น จนกระทั่งเพิ่มขึ้นไปถึงหนึ่งแสน เถ้าแก่โรงแพทย์ที่ไม่มีเล่ห์เหลี่ยมอะไรผู้นี้ทนไม่ไหว ยอมจำนนในที่สุด เอาเบอร์โทรของฉินอี๋ขายให้อีกฝ่ายไป

ชิงจั๋วกล่าวอย่างไม่เข้าใจ “ทำไมถึงมั่นใจว่าเขามีความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดากับฉินอี๋ล่ะครับ เป็นฉินเต้าเปียนไม่ได้เหรอครับ?”

เผิงซีกล่าวว่า “เหตุผลง่ายมาก ถ้าดูจากเวลาแล้ว โรงอีหลิวรับงานดูแลอาการเจ็บป่วยของพนักงานหอการค้าตระกูลฉินหลังจากที่ฉินอี๋ขึ้นมาดูแลหอการค้า เทพมหาวิญญาณของหอการค้าตระกูลฉินจะให้คนทั่วๆ ไปเข้าใกล้ได้เหรอ? แต่เจ้าของโรงแพทย์ธรรมดาๆ คนหนึ่งกลับมีเบอร์โทรส่วนตัวของฉินอี๋ นายไม่คิดว่ามันน่าสนใจเหรอ? นักเรียนของหลิงซาน กลับมีเบื้องหลังแบบนี้อยู่ ให้คนไปสืบเรื่องของหลินยวนที่หลิงซานมาหน่อย”

“แล้วก็ยังมีหลัวคังอันคนนั้นอีก พี่หยวนเฉินกำลังสืบเรื่องเขาอยู่ แต่ทำไมจนถึงตอนนี้ยังสืบเรื่องของเขาตอนเป็นผู้พิทักษ์เทพอยู่ที่เมืองหลวงมาไม่ได้อีก? คนที่สามารถประมือกับป้าหวังได้ ไม่แน่ฆาตกรที่ฆ่าพี่หยวนเฉินก็เป็นเขานั่นแหละ เร่งไปอีก บอกว่าด่วนมาก ให้ตระกูลทำทุกทาง!”

“ครับ!” ชิงจั๋วรับคำ โทรศัพท์มือถือที่พกติดตัวดังขึ้นมา หลังรับสายก็หันกลับมาถามอีกครั้งว่า “วิธีของคุณชายได้ผลแล้วครับ ของที่ว่า ทางตระกูลได้มาแล้วครับ ถามว่าจะให้ส่งให้ยังไงครับ”

เผิงซีกล่าว “กลับหออวิ้นเสีย”

จางเลี่ยเฉินที่อยู่ตรงประตูโรงอีหลิวชะโงกหน้าออกไปด้านนอกอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะหมุนตัวกลับเข้าไปในบ้านแล้วหยิบเอาตั๋วเงินใบนั้นออกมาจากในแขนเสื้อ นิ้วมือดีดไปบนตั๋วเงินทีหนึ่ง จุ๊ปากพลางกล่าวว่า “มือเติบจริงๆ แค่เบอร์เบอร์เดียวให้ตั้งแสนมุก ทำไมจะไม่ขายล่ะ?”

ตั๋วเงินเก็บเรียบร้อย เขาเองก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาเช่นกัน โทรไปยังเบอร์เบอร์หนึ่ง ไม่นานอีกฝั่งก็รับสาย น้ำเสียงของเขาเปลี่ยนเป็นฟังดูเอาอกเอาใจ “ประธานฉิน ครับ ผมเองครับ”

เสียงของฉินอี๋ดังออกมาจากในโทรศัพท์ “ลุงเฉิน มีอะไรเหรอ?”

จางเลี่ยเฉินหัวเราะฮี่ๆ กล่าวว่า “ประธานฉินครับ คือแบบนี้ครับ เมื่อกี้นี้มีคนมา ยอมจ่ายเงินแสนมุกเพื่อซื้อเบอร์โทรศัพท์ของคุณครับ ผมคิดๆ ดูแล้ว เงินนี้มันได้มาง่ายๆ ถ้าไม่เอาก็น่าเสียดาย ก็เลยขายเขาไป ประธานฉิน คุณว่า จะให้ผมเอาเงินนี้ไปให้คุณเมื่อไรดีครับ?”

ฉินอี๋นิ่งเงียบไปครู่ใหญ่ “เงินฉันไม่เอา ลุงเก็บเอาไว้เถอะ ฉันไม่สนใจเงินแค่นี้ เออใช่ แล้วคนที่มาซื้อเบอร์ฉันเขาหาลุงเจอได้ยังไง?”

จางเลี่ยเฉินกล่าว “ผมก็ไม่รู้ครับ จู่ๆ เขาก็มาหา”

ทั้งสองคนพูดคุยกันอีกเล็กน้อยก็วางสายไป จางเลี่ยเฉินหยิบเอาตั๋วเงินออกมาอีกครั้งพลางแสยะยิ้ม รู้ว่าฉินอี๋ไม่มีทางเอาเงินนี้

ภายในห้องทำงาน ไป๋หลิงหลงที่อยู่ข้างๆ ก็ฟังเข้าใจแล้ว เธอสบตากับฉินอี๋ที่วางสายไป

ก่อนหน้านี้ก็ยังนึกสงสัยอยู่ว่าเบอร์ส่วนตัวนี้มันหลุดออกไปได้อย่างไร คิดไปคิดมาก็คิดไม่ถึงว่าจะเป็นจางเลี่ยเฉิน

ทั้งสองคนเกือบลืมไปแล้วว่าจางเลี่ยเฉินมีเบอร์ส่วนตัวของฉินอี๋อยู่ ย่อมต้องเป็นเพราะว่าอยากจะจับตาดูหลินยวน ฉินอี๋ถึงได้เอาเบอร์ที่จางเลี่ยเฉินสามารถติดต่อเธอได้โดยตรงให้เขาไป คิดไม่ถึงว่าจางเลี่ยเฉินจะเอาไปขายได้

ไป๋หลิงหลงกล่าวถาม “ขายไปเท่าไร?”

ฉินอี๋ยิ้มเจื่อน “บอกว่าขายไปแสนมุก”

ไป๋หลิงหลงขมวดคิ้ว “ลุงเฉินคนนี้นี่จริงๆ เลย”

“ช่างเถอะ เขาไม่มีเล่ห์เหลี่ยมอะไร แล้วก็ไม่รู้สถานการณ์ของทางเราด้วย จะไปโทษเขาก็ไม่ได้” ฉินอี๋ถอนใจ สิ่งที่เธอเป็นห่วงไม่ใช่เรื่องนี้ แขนทั้งสองข้างยกขึ้นมากอดหน้าอกเอาไว้ สีหน้าคร่ำเคร่งขึ้นมาเล็กน้อย “เผิงซีคนนี้อันตรายมาก!”

…………………………………………………………………….

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

Status: Ongoing
อดีตแมงดาหวนคืนสู่มาตุภูมิในรอบ 300 ปี หวังจะใช้ชีวิตอย่างสงบเพื่อหลบเลี่ยงเรื่องบางอย่าง แต่กลับต้องเข้าไปพัวพันกับการประมูลเทพมหาวิญญาณและการชิงอำนาจจนเสี่ยงจะถูกเปิดเผยตัวตน?!อีก 1 ผลงานใหม่จากนักเขียนระดับแพลตตินัมของ Qidian ‘เยวี่ยเชียนโฉว’ผู้เขียนเรื่อง < พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า > และ < ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า >ณ แดนเซียนในยุคปัจจุบัน‘หลินยวน’ อดีตแมงดา เดินทางกลับมายังมาตุภูมิพร้อมกับตัวตนใหม่ด้วยหวังจะใช้ชีวิตอย่างสงบเพื่อหลบเลี่ยงเรื่องบางอย่างแต่ด้วยความจำเป็น เขาจึงต้องเข้าไปทำงานในบริษัทของคนรักเก่าที่เขาเคยหลอกใช้ในฐานะผู้ช่วยของ ‘หลัวคังอัน’ จอมลวงโลกที่โกหกว่าตัวเองคือผู้ทำให้ ‘ป้าหวัง’ 1 ใน 13 มารสวรรค์บาดเจ็บสาหัสและนั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้หลินยวนต้องเข้าไปพัวพันกับการประมูล ‘เทพมหาวิญญาณ’ซึ่งเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์จำนวนมหาศาลและการชิงอำนาจระหว่างตระกูลจนเสี่ยงต่อการถูกเปิดเผยตัวตนที่แท้จริง?!

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน