ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน – ตอนที่ 77 งานแสดงปลอบขวัญ

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

ตอนที่ 77 งานแสดงปลอบขวัญ

ขณะที่เพิ่งจะก้าวอาดๆ เข้าไปในด้านในไม่กี่ก้าว หลัวคังอันพลันตกตะลึงยืนนิ่งไปกับพี่ มองดูจูลี่ที่ยืนยิ้มเล็กน้อยอยู่ตรงหน้า

เข้ามาแล้วยังมัวยืนงงทำอะไรอีก? หลินยวนเดินไปด้านหลังเขา ยื่นมือออกไปผลักหลังเขาอย่างไม่เกรงใจ

ไม่ใช่ว่าไม่ได้เตือนอีกฝ่าย แต่อีกฝ่ายจะเข้ามาให้ได้ อย่างนั้นก็โทษเขาไม่ได้ เขาไม่อยากจะพูดคุยกับจูลี่พอดีเลย อย่างนั้นก็ให้เจ้านี่เป็นคนคุยแทนก็แล้วกัน

หลัวคังอันถูกผลักจนเดินถลาไปข้างหน้าอยู่หลายก้าว

จูลี่ยิ้มเล็กน้อยพลางยื่นมือออกมา “คุณหลัว เจอกันอีกแล้วนะคะ”

“โอ้ อื้อ” หลัวคังอันฉีกยิ้มออกมา แต่สีหน้ากลับดูไม่เป็นธรรมชาติอย่างมาก สองมือยื่นออกไปจับมือเธอ ก้มศีรษะโค้งเอวเล็กน้อยคล้ายหวาดกลัว “คุณจูลี่”

หลินยวนที่อยู่ข้างๆ กล่าวขึ้นมา “ผมเป็นแค่ผู้ช่วยของเขา เรื่องติดตามสัมภาษณ์ผมตัดสินใจไม่ได้ คุณจูลี่มีคำถามอะไรก็ถามเขาได้เลยครับ”

“ติดตามสัมภาษณ์?” หลัวคังอันมองเลิ่กลั่กไปทางนั้นทีทางนี้ที ใบหน้าเหรอหรา

จูลี่มองหลินยวน คล้ายอยากจะพูดอะไร แต่ยังไม่ทันที่เธอจะพูดอะไรออกมา หลินยวนก็กล่าวกับหลัวคังอันว่า “ท่านประธานจะให้คุณจูลี่มาทำการติดตามสัมภาษณ์เรื่องการประมูลเทพมหาวิญญาณ ที่ห้องทำงานผมไม่สะดวกจะให้พวกพี่คุยกัน พี่พาคุณจูลี่ไปที่ห้องทำงานของพี่สิ”

“ห้องทำงานฉัน…” หลัวคังอันจ้องมองหลินยวน ใบหน้าคล้ายกำลังต่อว่า แกก็รู้ว่าฉันไม่อยากจะเจอหน้าผู้หญิงคนนี้ นี่แกทำอะไรของแก?

แต่หลินยวนกลับยังใจเย็น

หลัวคังอันเองก็พูดอะไรไม่ออก คนเขาเอ่ยเตือนแล้ว เป็นตัวเองที่ไม่เชื่อ ดึงดันจะเข้ามาให้ได้

จูลี่ทั้งโมโหทั้งขบขัน เธอพบว่าหลินยวนคนนี้ไม่อยากเจอตัวเองขนาดนี้เลย คล้ายอยากจะรีบๆ ไล่ตัวเองออกไป จึงอดกล่าวขึ้นมาไม่ได้ว่า “เหมาะค่ะ ฉันว่าที่นี่เหมาะจะพูดคุยกันมากเลยค่ะ”

เธอรู้สึกว่าบนตัวหลินยวนมีความแปลกประหลาดอยู่ จึงอยากจะใกล้ชิดกับหลินยวน

หลินยวนกล่าว “ที่ห้องทำงานผมเคยถูกคนติดกล้องวงจรปิดเอาไว้ ท่านประธานกับผู้ช่วยไป๋ก็รู้ เธอไม่ควรพาคุณจูลี่มาที่นี่เลย” ประโยคสุดท้ายเขากล่าวกับกวนเสี่ยวชิง

กล้องวงจรปิด? หลัวคังอัน จูลี่ กวนเสี่ยวชิงพากันตกใจอย่างมาก ต่างคนต่างเหลียวมองไปรอบๆ

“สถานการณ์ไม่แน่ชัด อย่าไปมอง” หลินยวนหยุดความคิดที่จะไปเที่ยวสืบค้นของคนเหล่านี้

ช่วยไม่ได้ ในเมื่อเขาพูดแบบนี้ พวกจูลี่ก็จำต้องออกไปจากห้องทำงานของเขา…

…..

ตอนที่หลินยวนพบหน้าจูลี่อีกครั้งคือที่ลานจอดรถของหอการค้าตระกูลฉิน ครั้งนี้หลัวคังอันพูดคุยยิ้มแย้มกับจูลี่แล้ว คล้ายไม่มีความหวาดกลัวเหมือนอย่างก่อนหน้านี้อยู่อีก

หลัวคังอันที่เผชิญหน้ากับกล้องรับการสัมภาษณ์จากจูลี่อย่างเยือกเย็น ท่าทางดูเป็นธรรมชาติ เรื่องการแสดงฝีปากเขาไม่มีทางตื่นสนามเลยจริงๆ

สาเหตุที่เขาผ่อนคลายได้เช่นนี้นั้นง่ายมาก เป็นเพราะว่าจูลี่ทำให้หลัวคังอันวางใจ

หลังได้พูดคุยกัน หลัวคังอันก็เข้าใจแล้วว่าเรื่องบนเรือคุนมันผ่านไปแล้ว จูลี่ไม่ถึงกับเก็บมานั่งคิดย้ำไปย้ำมา เป็นตัวเขาที่หวาดระแวงคิดมากไปเอง

ไม่ได้มีแค่เพียงจูลี่เท่านั้น แต่ยังมีพนักงานคนอื่นๆ ในปู๋เชวี่ยวีดีโอที่ติดตามหลัวคังอันกับหลินยวนไปที่ค่ายผู้พิทักษ์เทพด้วยกัน

ภายในรถคันหนึ่ง เหยียนฝูและเซี่ยงเต๋อเฉิงทำได้เพียงมองดูประตูหน้าของค่ายผู้พิทักษ์เทพอยู่ไกลๆ ไม่กล้าเข้าไปใกล้ พวกเขารู้ว่าที่นี่มีการคุ้มกันแน่นหนา ตนเองไม่มีปัญญาเข้าไปได้…

…..

ถึงแม้เมืองหลวงจะถูกสร้างขึ้นมาใหม่หลังถูกโจมตี แต่มันยังคงยิ่งใหญ่และงดงามเป็นอย่างมากอยู่

อาคารที่ดูงดงามอลังการแห่งหนึ่งตั้งลึกอยู่ใต้ทะเลสาบ นั่นคือโรงแรมระดับสูงแห่งหนึ่งของเมืองหลวง ใต้ทะเลสาบรอบด้านอาคารใต้น้ำมีวัตถุที่คอยส่องแสงสว่างจนทำให้อาคารใต้น้ำดูเหมือนวังคริสตัล

บนผิวน้ำที่มีระลอกคลื่นซัดสาดมีหอสูงที่เปล่งประกายระยิบระยับตั้งตระหง่านอยู่เพียงหอเดียว แขกส่วนใหญ่จะโดยสารเรือมาถึงที่นี่ จากนั้นค่อยเดินทางผ่านอุโมงค์ลงไปด้านล่าง

ใต้น้ำมีปลาสีขาวที่พองตัวเหมือนบอลลูนตัวหนึ่งกำลังพาแขกจำนวนหนึ่งไปส่งที่โรงแรม

ปลาสีขาวตัวหนึ่งว่ายมาถึงหน้าคลื่นแสงที่ใช้ป้องกันกระแสน้ำ ปากของปลาทิ่มเข้าไปในคลื่นแสง จากนั้นอ้าปาก คนจำนวนหนึ่งเดินออกมาจากปากของปลา เดินขึ้นบันไดตรงปากทางเข้าออกใต้น้ำ

ผู้ชายสามสี่คนห้อมล้อมอยู่ข้างกายหญิงสาวที่โดดเด่นเปล่งประกาย มองไปแล้วคล้ายหมู่ดาวล้อมเดือน หญิงสาวมีใบหน้างดงาม รูปร่างเย้ายวน ผิวพรรณขาวผ่อง เห็นแล้วให้ความรู้สึกเลือดลมสูบฉีด

พนักงานต้อนรับภายในโรงแรมทราบทันทีที่เห็น ผู้ที่มาเยือนคือเทพธิดาเสวี่ยหลาน

เสวี่ยหลานมิได้เป็นเทพธิดาระดับต้นๆ ของดินแดนเซียน แต่ด้วยร่างกายที่สะโอดสะองงดงามมาแต่กำเนิดก็ทำให้เธอพอจะมีที่ยืนอยู่ในอาชีพนี้ในดินแดนเซียนได้

วันนี้ประธานของหอการค้าแห่งหนึ่งเชิญเธอมาร่วมงานเลี้ยงโดยให้ค่าตอบแทนเป็นจำนวนเงินที่สูงมาก เสวี่ยหลานยากที่จะปฏิเสธได้ จึงแต่งตัวงดงามมาร่วมงานเลี้ยงนี้

พนักงานต้อนรับพาแขกไปยังห้องจัดเลี้ยงส่วนตัวที่ทำการจองเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว

หลังเข้าไปนั่งประจำที่ สุราอาหารก็ทยอยขึ้นโต๊ะ

ขณะที่กำลังพูดคุยชนแก้วกันอย่างรื่นเริง ชายที่นั่งอยู่ในตำแหน่งประธานก็ส่งสายตาให้คนอื่นๆ คนอื่นๆ ต่างทยอยหาข้ออ้างเดินออกไป

เสวี่ยหลานเหลียวมองซ้ายขวา พบว่าในห้องจัดเลี้ยงเหลืออยู่เพียงแค่สองคน จึงรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา

ชายที่นั่งอยู่ในตำแหน่งประธานลากเก้าอี้เข้ามานั่งใกล้ๆ เสวี่ยหลาย เมื่อเห็นท่าทีหวาดระแวงของเสวี่ยหลานก็ยิ้มขึ้นมาเล็กน้อยพลางกล่าว “เทพธิดาไม่ต้องกลัว ผมได้อะไรบางอย่างมาโดยบังเอิญ เลยอยากจะให้เทพธิดาได้ลองชมบ้าง”

เสวี่ยหลานสงสัย “ของอะไรคะ?”

ผู้ชายยื่นมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกง หยิบเอารูปภาพปึกหนึ่งออกมาวางตรงหน้าเธอ ก่อนจะผายมือเพื่อเชิญเธอดู

เสวี่ยหลานไม่รู้ว่าอีกฝ่ายหมายความว่าอะไร จึงยื่นมือไปหยิบเอารูปภาพมา ทันทีที่เหลือบมองดู สีหน้าเธอพลันเปลี่ยนไปทันที ก่อนจะรีบพลิกดูรูปอื่นๆ ยิ่งดูสีหน้าก็ยิ่งดูแย่

ในรูปภาพเหล่านั้นล้วนแต่เป็นภาพที่ไม่น่าดูตอนที่เธอ ‘รับรองแขก’ เมื่อในอดีต แขกที่เธอรับรองมีทุกประเภท เธอเป็นนักแสดงหญิงเพียงคนเดียวในนั้น บางภาพกระทั่งตัวเธอในตอนนี้ก็ยังไม่สามารถทนดูได้

เสวี่ยหลานลุกขึ้นยืนด้วยใบหน้าตื่นตระหนก มือเองก็รีบฉีกทึ้งรูปภาพเหล่านั้นอย่างลนลาน

“ฉีกไปแล้วจะมีประโยชน์อะไร? ผมยังมีอีกตั้งเยอะตั้งแยะ ดูแล้วอีกไม่นานก็คงจะกระจายไปทั่วทั้งดินแดนเซียน…” ชายที่นั่งอยู่ก็ค่อยๆ ลุกขึ้นมาเช่นเดียวกัน

ริมหน้าต่างของห้องที่อยู่ถัดขึ้นไปด้านบน คุณหนูรองพานหลิงเยวี่ยแห่งหอการค้าตระกูลพานเมืองเทียนกู่กำลังมองดูท่าทีของชายหญิงคู่หนึ่งที่อยู่ในห้องส่วนตัวทางด้านล่าง

อารมณ์ของเสวี่ยหลานดูปั่นป่วนอย่างเห็นได้ชัด คล้ายกำลังตะโกนอะไรบางอย่างออกไปอย่างโกรธเกรี้ยว ภายหลังถูกผู้ชายบีบคอกดให้เธอนั่งกลับลงไปบนเก้าอี้ ไม่รู้ว่าชายผู้นั้นก้มลงกระซิบอะไรข้างหูเธอ เสวี่ยหลานจึงค่อยๆ ล้มเลิกความคิดที่จะดิ้นรนขัดขืน

ผู้ชายเองก็ค่อยๆ ปล่อยมือจากคอของเธอ เสวี่ยหลานนั่งอยู่ตรงนั้นด้วยใบหน้าท้อแท้ผิดหวัง

พานหลิงเยวี่ยหันหน้ามากล่าวว่า “พวกเราเหลือเวลาไม่มากแล้ว รีบพาเธอไปฝึกฝนซะ ให้เธอรีบเรียนรู้โครงสร้างบางอย่างภายในเทพมหาวิญญาณ”

กูเป่ยที่เป็นผู้ติดตามคนสนิทของเธอกล่าวว่า “คุณหนูรองโปรดวางใจ ผมได้ให้ทางหอการค้าเทียนอู่จัดตารางงานของเธอแล้ว สามารถพาตัวเธอไปได้ทุกเมื่อครับ”

หอการค้าเทียนอู่มีชื่อเสียงในดินแดนเซียนในด้านการแสดงร้องรำทำเพลง เสวี่ยหลานคือเทพธิดาที่อยู่ใต้สังกัดของหอการค้าเทียนอู่

พานหลิงเยวี่ยกล่าว “เรื่องการแสดงปลอบขวัญ ต้องจับตาดูไว้ให้ดี จะปล่อยให้ผิดพลาดอีกไม่ได้ แล้วก็ไม่มีเวลาเหลือให้ทำผิดพลาดด้วย”

กูเป่ยกล่าวว่า “จัดการเรียบร้อยแล้วครับ พรุ่งนี้การแสดงปลอบขวัญเวทีแรกในเมืองหลวงจะเริ่มขึ้นแล้ว เราได้ทำการตกลงกับทุกฝ่ายเอาไว้เรียบร้อยแล้ว โอกาสที่จะถูกยกเลิกมีน้อยมากครับ”

พานหลิงเยวี่ยกล่าว “ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร จะให้เรื่องนี้พัวพันมาถึงหอการค้าตระกูลพานไม่ได้เด็ดขาด”

กูเป่ยกล่าวว่า “พวกเราเพียงแค่แอบจัดการอะไรบางอย่างอยู่เบื้องหลัง ไม่ได้เป็นคนจัดการเรื่องการแสดงปลอบขวัญ ถ้าเกิดอะไรขึ้นก็สืบมาถึงพวกเราไม่ได้ครับ”

……

งานแสดงปลอบขวัญขนาดใหญ่ที่สั่นสะเทือนไปทั่วทั้งเมืองหลวง หรือเรียกได้ว่าสั่นสะเทือนไปทั้งดินแดนเซียนได้เริ่มขึ้นแล้ว

นี่เป็นการแสดงที่ไม่เก็บค่าใช้จ่ายที่หอการค้าทางการแสดงที่ดำเนินธุรกิจทำนองเดียวกับหอการค้าเทียนอู่แห่งหนึ่งเป็นผู้จัดขึ้นมา มีจุดประสงค์เพื่อปลอบขวัญผู้คนหลังเกิดศึกสงคราม แล้วก็เพื่อเป็นรางวัลปลอบขวัญเหล่าทหารกล้าที่เสียสละเลือดเนื้อเพื่อยุติความวุ่นวาย งานดีๆ แบบนี้ย่อมได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากทางสภาเซียน

เทพธิดาจำนวนมากที่เป็นที่ชื่นชอบของผู้คนพากันมาร่วมงาน ทั่วทั้งเมืองหลวงครึกครื้นขึ้นมาทันที ทำให้เมืองหลวงที่ได้รับบาดเจ็บหลังศึกสงครามกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง….

…..

จูลี่ที่อาบน้ำเสร็จนั่งอยู่ตรงหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง ด้านหนึ่งก็หวีผมไป อีกด้านหนึ่งก็เอียงคอหนีบโทรศัพท์มือถือไว้บนไหล่ พูดคุยกับฉู่ผิงที่เป็นอดีตเพื่อนร่วมงานที่อยู่ทางเมืองหลวง

หลังฉู่ผิงสอบถามถึงสถานการณ์ของจูลี่อยู่ครู่หนึ่ง จู่ๆ เธอพลันกล่าวขึ้นมาว่า “จูลี่ ตอนนี้มีโอกาสดีที่จะทำให้ปู๋เชวี่ยวีดีโอของเธอเป็นที่จับตามองไปทั่วทั้งดินแดนเซียนเลยนะ อย่าหาว่าฉันไม่เตือนเธอล่ะ”

จูลี่งุนงงไปทันที รีบหยุดมือที่กำลังหวีผม หยิบเอาโทรศัพท์มือถือมาคุยอย่างตั้งใจ กล่าวถามว่า “โอกาสอะไร รีบพูดมาเร็ว”

ฉู่ผิงกล่าวว่า “เธอไม่รู้เรื่องงานแสดงปลอบขวัญที่เมืองหลวงเหรอ?”

จูลี่กล่าว “รู้สิ เธอคงไม่ได้บอกให้พวกฉันไปซื่อสิทธิ์การออกอากาศจากทางเมืองหลวงหรอกนะ?”

ฉู่ผิงกล่าว “ฉันว่าเธออยู่ในเมืองเล็กๆ นั่นจนโง่ไปแล้วมั้งเนี่ย ใครๆ ก็ดูช่องของเมืองหลวงได้ แล้วใครมันจะไปดูช่องของปู๋เชวี่ยวีดีโอของพวกเธอกันล่ะ? อีกอย่าง คนจำนวนมากในดินแดนเซียนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเมืองปู๋เชวี่ยอยู่ที่ไหน”

จูลี่บ่นขึ้นมา “ฉู่ผิง อย่ามัวลีลา โอกาสอะไรก็รีบๆ พูดมาเร็ว!”

ฉู่ผิงกล่าว “เธอยังนึกไม่ออกอีกเหรอ? การแสดงครั้งนี้ไม่ได้จัดขึ้นแค่ในเมืองหลวง แต่จะไปจัดแสดงตามที่ต่างๆ ด้วย เธอก็พยายามทำให้การแสดงครั้งต่อไปไปจัดขึ้นที่เมืองปู๋เชวี่ยของเธอก็ได้แล้วไม่ใช่เหรอ”

จูลี่ยิ้มเจื่อนขึ้นมาทันที “เธอล้อเล่นหรือเปล่าเนี่ย งานแสดงที่ใหญ่ขนาดนี้ ฉันจะมีสิทธิ์อะไรไปบอกให้พวกเขามาจัดแสดงที่เมืองปู๋เชวี่ย?”

ฉู่ผิงกล่าว “เธอไม่มี แต่ลั่วเทียนเหอที่เป็นเจ้าเมืองของเธอมีนี่! อย่าบอกนะว่าเธอไม่รู้ว่าลั่วเทียนเหอเคยเป็นอะไรมาก่อน?”

จูลี่งุนงงไปเล็กน้อย “เป็นอะไร?”

ฉู่ผิงกล่าวเสียงเบา “ฉันได้ยินมาว่าเดิมทีลั่วเทียนเหอเป็นขุนนางอยู่ภายในวังเซียน ได้ยินว่าเขาเคยเป็นอดีตคนสนิทขององค์จักรพรรดินี เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องให้ลั่วเทียนเหอออกหน้า แค่ให้ลั่วเทียนเหอบอกให้คนในวังเซียนไปคุยกับทางคนที่รับผิดชอบเรื่องการแสดงก็พอ ใครกล้าไม่ไว้หน้าวังเซียนล่ะ?”

ดวงตาของจูลี่เปล่งประกายทันที เข้าใจในความหมายของอีกฝ่าย เธอไม่มีอารมณ์จะคุยกับฉู่ผิงต่อไปอีก รีบวางโทรศัพท์ ก่อนจะรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วออกไปข้างนอก….

……

ฉู่ผิงที่ค่อยๆ วางโทรศัพท์ลงพลันนิ่งเงียบไปทันที

ภายในห้องนั้น ชายที่อยู่ด้านหลังของเธอ หรือก็คือแฟนหนุ่มคนใหม่ของเธอมาโอบกอดเธอจากทางด้านหลัง กล่าวพึมพำข้างหูเธอว่า “ขอบคุณนะ”

ฉู่ผิงกล่าวอย่างกังวลใจเล็กน้อย “เธอให้ฉันเตือนจูลี่เรื่องนี้ คิดจะทำอะไรกันแน่?”

แฟนหนุ่มกระซิบกระซาบข้างหูของเธอ “วางใจได้ ไม่มีอะไรหรอก เธอก็แค่เตือนไปเท่านั้นเอง จะมีเรื่องอะไรได้?”

……

ลั่วเทียนเหอยืนสองมือไพล่หลังอย่างเงียบๆ จ้องมองจูลี่ที่จู่ๆ รีบมาขอพบและกำลังพูดอย่างเป็นจริงเป็นจังอยู่ในขณะนี้

เขามองออกว่าจูลี่รีบร้อนแค่ไหน กระทั่งผมก็ยังเปียกอยู่เลย บนร่างยังมีกลิ่นหอมหลังอาบน้ำอย่างเด่นชัด

หลังฟังคำขอร้องของจูลี่จบ ลั่วเทียนเหอก็กล่าวอย่างลังเลว่า “งานแสดงปลอบขวัญแค่งานเดียวจะได้ผลขนาดนั้นเลยเหรอ?”

จูลี่พบว่าท่านเจ้าเมืองผู้นี้ตามยุคสมัยไม่ทันแล้วจริงๆ จึงกล่าวอธิบายว่า “ท่านเจ้าเมืองคะ ท่านดูแคลนอิทธิพลที่เทพธิดาเหล่านั้นมีต่อผู้คนไปนะคะ ยิ่งไปกว่านั้นการแสดงครั้งนี้ยังเป็นการรวมตัวของกลุ่มคนดัง หอการค้าทางด้านการแสดงต่างๆ ร่วมมือกันจัดขึ้นมา เทพธิดาที่มีชื่อเสียงภายใต้สังกัดหอการค้าเหล่านั้นต่างมาร่วมงานกันเต็มไปหมด เทพธิดาแต่ละคนต่างก็มีกลุ่มคนที่ชื่นชอบของตัวเองอยู่ เมื่อรวมกลุ่มคนที่ชื่นชอบแต่ละกลุ่มเข้าด้วยกัน นั่นก็จะเท่ากับว่าสายตาจากทั่วทั้งดินแดนเซียนก็จะจับจ้องมาที่นี่ยังไงล่ะคะ!”

………………………………………………………………….

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

Status: Ongoing
อดีตแมงดาหวนคืนสู่มาตุภูมิในรอบ 300 ปี หวังจะใช้ชีวิตอย่างสงบเพื่อหลบเลี่ยงเรื่องบางอย่าง แต่กลับต้องเข้าไปพัวพันกับการประมูลเทพมหาวิญญาณและการชิงอำนาจจนเสี่ยงจะถูกเปิดเผยตัวตน?!อีก 1 ผลงานใหม่จากนักเขียนระดับแพลตตินัมของ Qidian ‘เยวี่ยเชียนโฉว’ผู้เขียนเรื่อง < พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า > และ < ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า >ณ แดนเซียนในยุคปัจจุบัน‘หลินยวน’ อดีตแมงดา เดินทางกลับมายังมาตุภูมิพร้อมกับตัวตนใหม่ด้วยหวังจะใช้ชีวิตอย่างสงบเพื่อหลบเลี่ยงเรื่องบางอย่างแต่ด้วยความจำเป็น เขาจึงต้องเข้าไปทำงานในบริษัทของคนรักเก่าที่เขาเคยหลอกใช้ในฐานะผู้ช่วยของ ‘หลัวคังอัน’ จอมลวงโลกที่โกหกว่าตัวเองคือผู้ทำให้ ‘ป้าหวัง’ 1 ใน 13 มารสวรรค์บาดเจ็บสาหัสและนั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้หลินยวนต้องเข้าไปพัวพันกับการประมูล ‘เทพมหาวิญญาณ’ซึ่งเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์จำนวนมหาศาลและการชิงอำนาจระหว่างตระกูลจนเสี่ยงต่อการถูกเปิดเผยตัวตนที่แท้จริง?!

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน