ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน – ตอนที่ 90 ออกเดินทาง

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

ตอนที่ 90 ออกเดินทาง

ภายในห้องอาบน้ำมีเสียงน้ำไหลดังซ่าๆ จูเก่อม่านยืนรออยู่ด้านนอกประตู คล้ายได้ยินเสียงหลัวคังอันกำลังคุยโทรศัพท์กับใครบางคนอยู่ แต่เสียงน้ำไหลดังเกินไป จึงได้ยินไม่ชัดว่ากำลังพูดอะไร

กระทั่งหลัวคังอันเดินออกมาจากห้องอาบน้ำ จูเก่อม่านจึงกล่าวถามด้วยความสงสัยว่า “คุยกับหลินยวนอีกแล้วเหรอ?”

หลัวคังอันกล่าวอย่างเหนื่อยใจว่า “เธอก็เห็นไม่ใช่เหรอว่าปกติเขาเหมือนท่อนไม้จะตาย คนมันโง่จะให้ทำยังไงได้ ท่านประธานฝากให้ฉันช่วยดูแลเขาแล้ว อะไรที่ควรสอนก็ต้องสอน ขนาดนี้แล้วเธอยังมองไม่ออกอีกเหรอ? เห็นๆ อยู่ว่าท่านประธานอยากให้ฉันสอนอะไรให้เขาหน่อย เขาจะได้เรียนจบจากหลิงซานได้สักที”

จูเก่อม่านคล้องแขนเขาพลางเดินตาม “ทำไมท่านประธานถึงให้ความสำคัญกับเขาขนาดนี้นะ?”

หลัวคังอันกล่าว “เธอไม่รู้อะไร ท่านประธานสนิทกับลุงที่อยู่ที่โรงอีหลิวของเขาคนนั้นไง…”

……

วันถัดมา เมื่อถึงเวลาทำงานก็มาทำงานตามปกติ

เมื่อถึงช่วงสาย หลินยวนกับหลัวคังอันก็เดินทางมาที่ค่ายผู้พิทักษ์เทพอีกครั้ง

หลังมาถึงค่ายผู้พิทักษ์เทพ พวกเขาก็พบว่ามีคนคุ้นหน้ากำลังรอพวกเขาอยู่ จูลี่ได้มาถึงแล้ว กำลังยืนยิ้มอยู่ข้างทางพลางกวักมือมาทางพวกเขา

ผู้ติดตามของจูลี่ หรือก็คือผู้ช่วยของจูลี่เป็นเด็กสาววัยรุ่นคนหนึ่งที่ชื่อฉูเสี่ยวเสี่ยว ฉูเสี่ยวเสี่ยวคอยเดินตามอยู่ข้างกาย

ถ้าพาคนมาเยอะ ทางค่ายผู้พิทักษ์เทพก็จะเป็นกังวล หอการค้าตระกูลฉินเองก็มีความกังวล ด้วยเหตุนี้จึงอนุญาตให้มีคนติดตามจูลี่มาทำการสัมภาษณ์ได้เพียงสองคน อีกคนหนึ่งเนื่องจากมีงานเยอะ คนของทางปู๋เชวี่ยวีดีโอมีคนไม่พอ วันนี้จึงไม่ได้มา

ทั้งสองฝ่ายเจอหน้ากันก็ทักทายกันตามปกติ

หลังทานอาหารกันในค่ายผู้พิทักษ์เทพเสร็จแล้ว เทพมหาวิญญาณของหอการค้าตระกูลฉินก็เริ่มทำการทดสอบ

เมื่อเข้าไปด้านในตัวเทพมหาวิญญาณ จูลี่ก็มีคำขออย่างหนึ่ง เธอต้องการถ่ายวีดีโอจำนวนหนึ่งเพื่อไปออกอากาศคู่กับการตระเวนแสดงในช่วงนี้

แล้วก็เป็นเหมือนที่จูลี่คาดเอาไว้ หลินยวนยังคงไม่ชอบถูกกล้องจับภาพ เมื่อเห็นว่าจูลี่ไม่ได้ต้องการภาพด้านการควบคุมบังคับอะไร เขาจึงหาข้ออ้างเดินออกไป

แต่หลัวคังอันพอเจอกล้องกลับตื่นตัวขึ้นมา รีบจัดแจงเสื้อผ้าของตัวเองเล็กน้อย เริ่มพูดคุยฉะฉานต่อหน้ากล้อง

จากนั้นจูลี่บอกว่าต้องการภาพที่ขึ้นๆ ลงๆ ในทางเดินจำนวนหนึ่ง หลัวคังอันจึงพาฉูเสี่ยวเสี่ยวลงไปอีกครั้ง

หลังจูลี่ที่ยืนอยู่บนปากทางออกด้านล่างตะโกนสั่งการผ่านทางวิทยุสื่อสารอยู่ครู่หนึ่ง เธอก็รีบถอยกลับเข้ามาอย่างรวดเร็ว หยิบเอาอะไรบางอย่างออกมาจากกระเป๋าสะพายข้าง กวาดตามองไปรอบๆ เลือกตำแหน่งแล้วรีบเดินเข้าไป

…..

ไม่นานการถ่ายทำก็เสร็จสิ้นลง หลัวคังอันพาพวกจูลี่ออกมาส่ง ขณะที่เดินผ่านสะพานเชื่อมยังถามขึ้นมาว่า “นี่ถ่ายเสร็จแล้วเหรอครับ?”

จูลี่ยิ้มพลางตอบ “เทปการตระเวนแสดงยังมีอะไรต้องทำอีกเยอะน่ะค่ะ แค่รีบมาเก็บข้อมูลอะไรนิดหน่อยก็พอแล้ว เอาไว้อีกสองสามวันพอจัดการงานทางด้านนั้นเสร็จแล้วจะมาใหม่ค่ะ”

คำพูดนี้จริงครึ่งเท็จครึ่ง แต่เรื่องที่เธอยุ่งมากนั้นเป็นเรื่องจริง

“อ้อ อย่างนี้นี่เอง คุณจูลี่ว่ายังไงก็ยังงั้นเลยครับ ส่งเท่านี้นะครับ” หลัวคังอันหัวเราะฮ่าๆ พลางโบกมือ

หลินยวนที่ยืนอยู่ตรงปลายอีกด้านหนึ่งของสะพานเชื่อมถอยกลับไปบนระเบียงทางเดินทรงโค้งเพื่อเปิดทางให้ เขาเองก็รู้สึกประหลาดใจ ทำไมวันนี้ถึงเสร็จเร็ว?

ตอนที่จูลี่เดินผ่านตัวเขาก็ไม่ได้พูดอะไรมาก เพียงแค่ยิ้มเล็กน้อยพลางพยักหน้า รีบเดินจากไปอย่างรวดเร็ว

กระทั่งพวกจูลี่เดินหายลับออกไปแล้ว หลัวคังอันจึงโบกมือไปทางหลินยวน “การแสดงจบแล้ว ถึงเวลาเริ่มงานจริงๆ แล้ว”

เรื่องการติดตามสัมภาษณ์ ทางหอการค้าตระกูลฉินได้สั่งกำชับเอาไว้แต่แรกแล้วว่ามีบางอย่างไม่สามารถให้ถ่ายได้ สิ่งที่จูลี่มาถ่ายไปทุกครั้ง ความจริงล้วนแต่เป็นสิ่งที่พวกเขาแสร้งทำออกไป

ทั้งสองคนเข้าไปในตัวเทพมหาวิญญาณ เดินเครื่องเทพมหาวิญญาณขึ้นมาอีกครั้ง มือขนาดใหญ่สองข้างเปิดประตูบานยักษ์ที่ปิดสนิทออก ร่างกายอันใหญ่โตมโหฬารกระโจนออกไป กระโดดลงไปในหุบเหวลึก

…..

ขณะที่ทำการพักผ่อนระหว่างการทดสอบ หลัวคังอันวิ่งออกไปคุยเล่นกับพนักงานซ่อมบำรุงอีกครั้ง หลินยวนที่ภายในใจยังคงคิดถึงเรื่องเสวี่ยหลานเริ่มทำการตรวจสอบภายในห้องควบคุมอย่างละเอียดอีกครั้ง

ขณะที่ทำการสำรวจไปถึงมุมหนึ่งในห้องควบคุม สายตาของหลินยวนพลันจับจ้องไปยังปุ่มที่ปูดนูนปุ่มหนึ่งที่มีลักษณ์เหมือนปุ่มที่อยู่รอบๆ

เขามีความระแวดระวังต่อสภาพแวดล้อมรอบกายตัวเองที่สูงมาก อีกทั้งเรื่องของเสวี่ยหลานได้ทำให้เขาเคยตรวจสอบที่นี่ไปแล้ว ครั้งที่แล้วน่าจะยังไม่มีปุ่มที่ปูดนุนปุ่มนี้นี่นา

เขายื่นมือไปสัมผัสแล้วถ่ายพลังเข้าไป ทันใดนั้นเขาก็รีบเดินออกมาอย่างรวดเร็วเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทำเป็นเดินๆ ดูๆ อยู่ในห้องควบคุมเหมือนอย่างก่อนหน้านี้

กล้องวงจรปิด! ทันทีที่เขาถ่ายพลังเข้าไปในปุ่มที่ปูดนูนเพื่อตรวจสอบดู เขาก็พบทันทีว่ามันคือกล้องวงจรปิดที่ทำการติดตั้งเอาไว้อย่างดี!

ครั้งที่แล้วเขายังไม่พบเจ้าสิ่งนี้ อีกทั้งการถ่ายทำที่ใช้เวลาเพียงไม่นานของจูลี่ก่อนหน้านี้ก็ทำให้เขาคาดเดาได้ไม่ยากว่านี่เป็นฝีมือของจูลี่

ผู้หญิงคนนั้นคิดจะทำอะไรกันแน่?

ติดตอนไหนไม่ติด ดันมาติดในเวลานี้ เขาพอจะคาดเดาได้แล้วว่าเรื่องเหลวไหลที่หลัวคังอันทำน่าจะไปทำให้ผู้หญิงคนนี้เกิดความสงสัยแล้ว

เขาพบว่าผู้หญิงคนนี้ใช้ชีวิตได้น่ารำคาญมาก มีความสอดรู้สอดเห็นเป็นอย่างมาก ทันทีที่ถูกคนที่อยู่เบื้องหลังเหล่านั้นพบว่ากล้องวงจรปิดนี้เป็นฝีมือของเธอ นั่นเท่ากับว่าเธอรนหาที่ตาย!

แต่จะว่าไปแล้ว กล้องวงจรปิดอันนี้ทำออกมาได้ประณีตเป็นอย่างมาก หากไม่สังเกตดูให้ดีก็ยากจะมองออกได้จริงๆ

กระทั่งหลัวคังอันกลับเข้ามาในห้องควบคุม หลินยวนก็ทำตัวเหมือนปกติ ไม่ได้เอ่ยเตือนอะไร

ไม่ว่ากล้องวงจรนี้จะติดขึ้นมาเพื่อจับตาหลัวคังอัน หรือว่าจูลี่กำลังรนหาที่ตาย นั่นก็ล้วนแต่เป็นเพราะตัวพวกเขาเอง ช่วงนี้เขาหยุดลงมือแล้ว ไม่อยากก่อปัญหาอะไรที่ไม่จำเป็นอีก

ตัวเขาพอจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร ช่วงนี้แค่ระวังตัวอย่าให้ใครสังเกตเห็นถึงความผิดปกติได้ก็พอ

…..

เข้างานตามปกติ เลิกงานตามปกติ วันเวลาผ่านไปเรื่อยๆ

ระหว่างที่มาเข้างาน หลินยวนจอดรถตรงถนนที่มีผู้คนพลุกพล่าน มองดูเทปออกอากาศการตระเวนแสดงที่ฉายอยู่บนฉากแสงขนาดใหญ่

มีคนได้ไปดูการแสดงสด แล้วก็มีคนไม่ได้ไป ใต้ฉากแสงมีคนจำนวนไม่น้อยกำลังยืนดูอยู่

หลินยวนที่จ้องมองฉากแสงเหลือบมองดูกระจกหลังเป็นระยะ ก่อนจะมองเห็นใบหน้าของคนแปลกหน้าสองคนอีกครั้ง นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขามองเห็น คล้ายว่าสองคนนี้จะตามเขามาหลายวันแล้ว แล้วก็ไม่รู้ว่าจะใช่ผู้พิทักษ์เมืองนอกเครื่องแบบหรือเปล่า

ไม่ว่าจะใช่หรือไม่ นับตั้งแต่ที่เขาแจ้งความขอให้ผู้พิทักษ์เมืองมาคุ้มครอง มันก็เท่ากับเป็นการพันธนาการมือเท้าของเขาเอาไว้ในระดับหนึ่ง เขาไม่สะดวกจะทำอะไรอีก

มอเตอร์ไซค์เคลื่อนตัวออกไปอีกครั้ง มุ่งหน้าไปยังหอการค้าตระกูลฉิน

เมื่อมาถึงหอการค้าตระกูลฉิน เขาก็ได้พบหลัวคังอันและจูเก่อม่านที่มาทำงานด้วยกันที่ลานจอดรถ

ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่า แต่หลินยวนมักจะรู้สึกว่าช่วงนี้สายตาที่จูเก่อม่านมองดูตัวเองคล้ายจะแปลกไปจากปกติ อย่างน้อยก็ไม่ได้เกรงอกเกรงใจเหมือนอย่างก่อนหน้านี้

ถึงแม้จะรู้ว่าหลินยวนไม่ใช่คนปากมาก แต่หลัวคังอันก็ยังรีบทำการป้องกันไม่ใช่หลินยวนได้พูดคุยกับจูเก่อม่านในทันที เขาเป็นฝ่ายดึงแขนหลินยวนเดินไป

หลินยวนไม่ชอบให้ใครมาดึงแขนแบบนี้ จึงสะบัดทิ้ง

หลัวคังอันที่เดินตามเข้ามาในห้องทำงานของหลินยวนยังคงพร่ำบ่นไม่หยุดเหมือนอย่างปกติ “เจอแสงไม่ได้เหรอไง? ทำไมชอบปิดม่านอยู่บ่อยๆ”

ปากบ่นพึมพำพลางเปิดผ้าม่านภายในห้องพักผ่อนออก

จากนั้นหลัวคังอันก็เปิดฉากแสง นอนดูเทปออกอากาศการตระเวนแสดงอยู่บนโซฟา ช่วงนี้เขาค่อนข้างสนใจรายการนี้

เทปการตระเวนแสดงถูกนำมาออกอากาศอีกครั้ง ผ่านไปครู่หนึ่งก็จบลง ภาพบนฉากแสงกลายเป็นเทปการสัมภาษณ์

“อาเหิง!” หลัวคังอันตาเป็นประกาย ลุกขึ้นมานั่ง

สายตาของหลินยวนเองก็เหลือบมองไปทางฉากแสง

หลังชื่นชมอยู่ครู่หนึ่ง หลัวคังอันพลันจุ๊ปากขึ้นมาแล้วกล่าวว่า “ในบรรดาเทพธิดา รูปร่างหน้าตาของอาเหิงนี่สุดยอดที่สุดแล้ว ไม่รู้ว่าเคยผ่านมือสารเลวคนไหนหรือเปล่า”

มุมปากของหลินยวนกระตุกขึ้นมาเล็กน้อย กล่าวอย่างเฉยชาว่า “พี่ไม่กลัวคนที่พี่ด่ามันจะมาฆ่าพี่เหรอ?”

หลัวคังอันเอนหลังพิงไปบนโซฟาอย่างสบาย “คิดมากไปแล้ว ผู้ชายที่อยู่เบื้องหลังผู้หญิงแบบนี้จะต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่ ที่นี่คือเมืองปู๋เชวี่ยนะ”

ความหมายของคำพูดนี้ก็คือตนอยู่ห่างไกลจากคนแบบนั้น แอบด่าลับหลังไม่มีใครรู้หรอก จะมีอะไรได้

จู่ๆ โทรศัพท์ที่อยู่บนโต๊ะพลันดังขึ้นมา ทั้งสองคนเหลียวหน้าไปมอง ต่างรู้สึกประหลาดใจ น้อยครั้งนักที่โทรศัพท์ในห้องนี้จะดังขึ้น

หลินยวนเดินไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา วางแนบหูพลางกล่าวว่า “ฮัลโหล..”

หลังจากวางโทรศัพท์ เขาก็พูดกับหลัวคังอันว่า “ผู้ช่วยไป๋เรียกพวกเราขึ้นไป”

“เรื่องอะไร?” หลัวคังอันยืนขึ้นมา

“ไม่รู้” หลินยวนเดินนำออกไป

ทั้งสองคนขึ้นมายังห้องผู้ช่วย แต่ยังไม่ทันที่จะได้เอ่ยถามอะไรกับไป๋หลิงหลง ไป๋หลิงหลงก็ยื่นมือออกมาแล้วกล่าวว่า “ตามฉันมา”

ทั้งสองคนสบตากัน เดินตามไป๋หลิงหลงเข้าไปในห้องทำงานของฉินอี๋

ฉินอี๋ยืนกอดอกอยู่ริมหน้าต่าง ท่วงท่างดงาม

“ท่านประธาน พวกเขามาแล้วค่ะ” ไป๋หลิงหลงเดินเข้าไปรายงาน

ฉินอี๋หมุนตัวมา สายตากวาดมองใบหน้าของทั้งสองคน “นับแต่วันนี้เป็นคนไป พวกคุณไม่ต้องกลับบ้านแล้ว ทางหอการค้าจะจัดที่พักเอาไว้ให้พวกคุณต่างหาก”

หลัวคังอันงุนงงขึ้นมา “ทำไมล่ะครับ?”

ฉินอี๋กล่าว “อีกสามวันไปศูนย์กลางแคว้นเซียน”

หลัวคังอันกับหลินยวนเข้าใจขึ้นมาทันที การประมูลเทพมหาวิญญาณกำลังจะเริ่มแล้ว

หลัวคังอันงุนงง “การประมูลไม่ใช่เริ่มขึ้นในอีกเจ็ดวันหลังจากนี้เหรอครับ?”

ไป๋หลิงหลงเป็นคนตอบ “ต้องไปเตรียมตัวล่วงหน้าก่อนน่ะค่ะ เรื่องที่บ้านของทั้งสองคนไม่ต้องเป็นห่วง เดี๋ยวจะมีคนไปช่วยพวกคุณจัดการ” เธอตบมือขึ้นมา ด้านนอกพลันมีผู้บำเพ็ญเพียรจำนวนหนึ่งเดินเข้ามา ล้อมหลัวคังอันกับหลินยวนเอาไว้

ทั้งสองคนหวาดระแวงขึ้นมาทันที หลินยวนจ้องมองไปทางฉินอี๋ “นี่มันหมายความว่ายังไง?”

ไม่ได้หมายความว่ายังไง ก็แค่จะพาทั้งสองคนไปเท่านั้น

เมื่อมาถึงด้านล่างก็มีรถรอพวกเขาอยู่ พาพวกเขาออกไปอย่างรวดเร็ว หน้าหลังมีรถคอยคุ้มกัน

ในตอนที่ใกล้จะถึงจุดหมายปลายทาง ทั้งสองคนถึงได้เข้าใจว่าพวกเขาจะพาตนเองไปที่ไหน ค่ายผู้พิทักษ์เทพ!

นับแต่วันนี้เป็นต้นไป ทั้งสองคนจะถูกขังอยู่ในค่ายผู้พิทักษ์เทพ

……

ภายในคฤหาสน์ตระกูลฉินในอีกสามวันหลังจากนั้น ฉินเต้าเปียนสวมชุดค่อนข้างเป็นทางการ หลิ่วจวินจวินกับฉินอี๋เดินมาเจอกัน

ฉินเต้าเปียนมองดูลูกสาวที่สุขุมเยือกเย็น กล่าวออกไปอย่างไปห่วงว่า “ให้พ่อไปดีกว่า”

จะไม่ให้เป็นห่วงก็คงยาก นี่เป็นเรื่องที่คุกคามถึงอนาคตของหอการค้าตระกูลพานกับหอการค้าตระกูลโจว ทางนั้นจะยอมรามือได้อย่างไร?

ฉินอี๋กล่าว “หนูมีแผนของหนูอยู่”

เมื่อเห็นว่าไม่สามารถเกลี้ยกล่อมได้ ฉินเต้าเปียนจึงถอนใจ ไม่กล่าวอะไรอีก หมุนตัวมุดเข้าไปในรถที่จอดอยู่ด้านข้าง

หลิ่วจวินจวินเดินเข้าไปกุมมือฉินอี๋ “พาคนไปให้มากหน่อย ระวังตัวด้วย ถ้ามีอะไรก็ติดต่อมาได้ทุกเมื่อนะ”

ฉินอี๋พยักหน้า ก่อนจะหมุนตัวขึ้นไปนั่งในรถเช่นกัน

หลังจากรถสองสามคันแล่นออกไปจากคฤหาสน์ตระกูลฉิน รถจำนวนหลายสิบคันที่จอดรออยู่ด้านนอกก็เข้ามาร่วมขบวน กลายเป็นขบวนรถที่ทำให้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาต่างเหลือบมองตลอดทาง

กระทั่งขับผ่านทางแยกไปแล้ว ขบวนรถถึงจะแยกทางกัน มีรถเพียงสามสี่คันที่ตามรถฉินเต้าเปียนไป รถส่วนใหญ่ตามฉินอี๋ไป

ณ สำนักงานใหญ่หอการค้าตระกูลฉิน ประธานใหญ่ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง เข้าไปนั่งบัญชาการด้วยตัวเองอยู่ในห้องทำงานของลูกสาว

ส่วนกลุ่มของฉินอี๋จำนวนนับร้อยคนเดินทางไปยังอุโมงค์เคลื่อนย้ายที่อยู่ด้านหลังสำนักงานเจ้าเมือง เข้าไปยืนรวมกันอยู่ในอุโมงค์เคลื่อนย้าย

รถหลายสิบคันจอดอยู่ใต้เท้าเทพมหาวิญญาณที่ใหญ่โตมหึมาตนหนึ่ง

เพื่อความสะดวกและความปลอดภัยแล้ว หอการค้าตระกูลฉินได้ทำการแจ้งมาทางผู้พิทักษ์เมืองแล้วว่าจะขอยืมอุโมงค์เคลื่อนย้าย แต่ค่าใช้จ่ายในการใช้อุโมงค์เคลื่อนย้ายที่สูงลิ่วย่อมเป็นทางหอการค้าตระกูลฉินเป็นคนรับผิดชอบ

ลั่วเทียนเหอที่ยืนอยู่บนยอดเขาก้มมองดูคนที่อยู่ในอุโมงค์เคลื่อนย้ายเหล่านั้น “นังหนูคนนี้ถ้าไม่ชนกำแพงจนเลือดออกนี่คงไม่หยุดสินะ ทำไมต้องดึงดันด้วยนะ”

เหิงเทาที่ยืนอยู่ข้างๆ กล่าวว่า “ไม่มีทางที่เธอจะไม่รู้ว่าลมพายุด้านนอกนั้นรุนแรงแค่ไหน เรียกได้ว่าน่ายกย่อง…” สายตาเขาขยับเล็กน้อย จ้องมองไปยังรถสามคันที่เข้าไปอุโมงค์เคลื่อนย้ายด้วย “พวกจูลี่ก็มาแล้วครับ”

เมื่อทุกอย่างพร้อมแล้ว ภาพหยินหยางขนาดใหญ่ที่อยู่บนพื้นพลันสาดแสงขึ้นไปบนท้องฟ้า ยามที่แสงสว่างร่วงตกลงมา ทุกสิ่งทุกอย่างภายในอุโมงค์เคลื่อนย้ายก็หายลับไปจนหมด

……………………………………………………..

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

Status: Ongoing
อดีตแมงดาหวนคืนสู่มาตุภูมิในรอบ 300 ปี หวังจะใช้ชีวิตอย่างสงบเพื่อหลบเลี่ยงเรื่องบางอย่าง แต่กลับต้องเข้าไปพัวพันกับการประมูลเทพมหาวิญญาณและการชิงอำนาจจนเสี่ยงจะถูกเปิดเผยตัวตน?!อีก 1 ผลงานใหม่จากนักเขียนระดับแพลตตินัมของ Qidian ‘เยวี่ยเชียนโฉว’ผู้เขียนเรื่อง < พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า > และ < ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า >ณ แดนเซียนในยุคปัจจุบัน‘หลินยวน’ อดีตแมงดา เดินทางกลับมายังมาตุภูมิพร้อมกับตัวตนใหม่ด้วยหวังจะใช้ชีวิตอย่างสงบเพื่อหลบเลี่ยงเรื่องบางอย่างแต่ด้วยความจำเป็น เขาจึงต้องเข้าไปทำงานในบริษัทของคนรักเก่าที่เขาเคยหลอกใช้ในฐานะผู้ช่วยของ ‘หลัวคังอัน’ จอมลวงโลกที่โกหกว่าตัวเองคือผู้ทำให้ ‘ป้าหวัง’ 1 ใน 13 มารสวรรค์บาดเจ็บสาหัสและนั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้หลินยวนต้องเข้าไปพัวพันกับการประมูล ‘เทพมหาวิญญาณ’ซึ่งเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์จำนวนมหาศาลและการชิงอำนาจระหว่างตระกูลจนเสี่ยงต่อการถูกเปิดเผยตัวตนที่แท้จริง?!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน