ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน – ตอนที่ 132 แค่หัวก็พอ

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

ตอนที่ 132 แค่หัวก็พอ

ถึงแม้จะพูดเช่นนี้ แต่ฉินอี๋ไม่มีทางที่จะไม่เตรียมตัว แล้วก็ไม่ได้พูดอะไรมากอีก เธอเหลียวหน้ากลับไปเอาสัญญาที่ร่างไว้เรียบร้อยแล้วจากไป๋หลิงหลง วางลงบนโต๊ะแล้วดันไปให้หนานชีหรูอัน “นี่คือสัญญาที่ตกลงเอาไว้ก่อนหน้านี้ คุณชายลองดูก่อนค่ะว่ามีอะไรต้องเพิ่มเติมหรือไม่”

นี่คือเรื่องใหญ่และประเด็นสำคัญที่อยู่นอกเหนือเรื่องคุยเล่น หนานชีหรูอันยิ้มพลางเอาสัญญามาพลิกอ่าน ไม่เอ่ยอะไร อ่านอย่างละเอียดถี่ถ้วน

ฉินอี๋ที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามค่อยๆ จิบชา ไม่ได้รบกวนเช่นกัน

หลังผ่านไปครู่ใหญ่ หนานชีหรูอันอ่านสัญญาจบ เขาวางสัญญาลงพร้อมพยักหน้ากล่าวชื่นชม “ไม่มีปัญหา ประธานฉินทำงานรวดเร็วตรงไปตรงมา เป็นคนที่รักษาสัญญาทีเดียวครับ”

ฉินอี๋กล่าว “ครั้งนี้ต้องขอบคุณคุณชายมากที่ช่วยเหลือ หากไม่เป็นเพราะตระกูลหนานชีช่วยดึงดูดความสนใจจากตระกูลอื่นเอาไว้ หากต้องเผชิญหน้ากับแรงกดดันจากตระกูลใหญ่ต่างๆ เกรงว่าหอการค้าตระกูลฉินคงไม่สามารถเดินมาถึงจุดนี้ได้ ทางหอการค้าตระกูลฉินย่อมต้องรักษาสัญญาที่ตกลงกันเอาไว้ค่ะ”

หนานชีหรูอันยกชาขึ้นมาจิบ “เรื่องนี้ ทางเราแค่ช่วยไปนิดหน่อยเองครับ จะว่ายังไงดีล่ะครับ จะเรียกว่าหอการค้าตระกูลฉินโชคดีก็ว่าได้ ช่วงเวลาพอเหมาะพอเจาะพอดี ไม่อย่างนั้นเกรงว่าตระกูลหนานชีก็คงจะไม่สามารถทำให้คนอื่นละความสนใจจากหอการค้าตระกูลฉินอย่างแนบเนียนได้”

ฉินอี๋ไม่เข้าใจ “โชคดีหรือคะ?”

หนานชีหรูอันวางถ้วยชาลง “เรื่องบางเรื่องเป็นความลับ แต่เกรงว่าคงจะปิดเอาไว้ไม่ได้นานเท่าไร”

ฉินอี๋เผยสายตาที่คล้ายกำลังสอบถาม เธออยากถามว่าความลับอะไรหรือคะ พอจะบอกได้ไหมคะ?

หนานชีหรูอันกล่าว “อีกไม่นานก็คงจะรู้กันหมดแล้วล่ะครับ ถ้าให้ประธานฉินรู้ก็ไม่มีอะไรเสียหาย เรื่องที่สิบสามมารสวรรค์โจมตีเมืองหลวง คิดว่าประธานฉินคงจะรู้ใช่ไหมครับ”

ฉินอี๋กล่าว “ทั่วทั้งดินแดนเซียนต่างรู้เรื่องนี้ เรื่องราวใหญ่โตขนาดนั้น ฉันย่อมต้องเคยได้ยินค่ะ”

หนานชีหรูอันกล่าว “คนส่วนใหญ่ต่างรู้เพียงว่าสิบสามมารสวรรค์โจมตีเมืองหลวง แต่กลับไม่รู้ว่าทำไมสิบสามมารสวรรค์ถึงต้องเสี่ยงบุกโจมตีเมืองหลวงด้วย นี่คือประเด็นสำคัญของความลับนี้ครับ”

ฉินอี๋กล่าว “พอจะอธิบายได้ไหมคะ”

หนานชีหรูอันยิ้มเล็กน้อย “ไม่มีใครยอมเสี่ยงขนาดนี้โดยไม่มีสาเหตุครับ ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นการโจมตีเมืองหลวงด้วย การที่ทำให้สิบสามมารสวรรค์ยอมเสี่ยงอันตรายเช่นนี้ แสดงว่ามันจะต้องมีเหตุผลที่สำคัญอย่างมาก เทพมหาวิญญาณรุ่นที่แปดครับ เพราะเทพมหาวิญญาณรุ่นที่แปดที่สภากลาโหมของสภาเซียนสร้างขึ้นมากำลังจะเสร็จสมบูรณ์แล้ว!”

“รุ่นที่แปด?” ฉินอี๋มึนงง หลังสบตากับไป๋หลิงหลงเล็กน้อยก็กล่าวถามอีกว่า “เทพมหาวิญญาณรุ่นที่แปดนี้มีอะไรพิเศษหรือคะ สิบสามมารสวรรค์ถึงได้ยอมเสี่ยงขนาดนี้?”

หนานชีหรูอันกล่าวว่า “มันมีความพิเศษตรงไหนบ้าง ผมเองก็ไม่ทราบแน่ชัดเหมือนกัน แต่ได้ยินมาว่าเทพมหาวิญญาณรุ่นที่แปดนี้เป็นรุ่นพลิกโฉมประวัติศาสตร์ แตกต่างไปจากเทพมหาวิญญาณรุ่นก่อนๆ ทุกรุ่น ในด้านวัสดุที่ใช้สร้าง ทางสภากลาโหมได้ทำการปรับเปลี่ยนใหม่ทั้งหมด”

“มันไม่เหมือนกับเทพมหาวิญญาณเจ็ดรุ่นก่อนที่ไม่ว่าคุณจะมีพลังแข็งแกร่งขนาดไหน แต่เวลาควบคุมเทพมหาวิญญาณก็จะถูกจำกัดเอาไว้ ได้แต่ต้องควบคุมเทพมหาวิญญาณให้ฆ่าฟันกันไปเหมือนหุ่นเชิด ต้องมาวัดกันว่าใครมีฝีมือในการฆ่าฟันที่ร้ายกาจมากกว่า”

“แต่เทพมหาวิญญาณรุ่นที่แปดนั้นไม่ใช่ เพราะมันสามารถประสานกับผู้ควบคุมได้อย่างสมบูรณ์ วัสดุทั่วทั้งร่างของเทพมหาวิญญาณรุ่นที่แปดสามารถแสดงพลังทั้งหมดของผู้ควบคุมออกมาได้ ประธานฉินรู้ไหมครับว่านี่มันหมายความว่าอย่างไร?”

ฉินอี๋ไม่ใช่ผู้บำเพ็ญเพียร ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไร ยังคงแสดงสายตาสอบถาม

แต่ไป๋หลิงหลงนั้นไม่เหมือนกัน สีหน้าเธอเต็มไปด้วยความรู้สึกตกตะลึง

หนานชีหรูอันมองดูปฏิกิริยาของทั้งสองคน มองออกว่าฉินอี๋ไม่เข้าใจ จึงยิ้มแล้วอธิบายต่อว่า “เทพมหาวิญญาณรุ่นที่แปดสามารถแสดงวิชาและสภาวะของผู้ควบคุมออกมาได้ทั้งหมด ไม่ว่าผู้ควบคุมมีวิชาอะไร เทพมหาวิญญาณรุ่นที่แปดก็จะสามารถใช้วิชานั้นออกมาได้ มันไม่ใช่สิ่งที่เทพมหาวิญญาณในปัจจุบันที่ทำได้เพียงใช้ร่างกายปะทะกันจะเทียบได้”

“คุณต้องเข้าใจก่อนนะครับว่าเทพมหาวิญญาณนั้นเต็มไปด้วยพลังงานจำนวนมหาศาล มันสามารถขยายอานุภาพของวิชาของผู้ควบคุมให้รุนแรงขึ้นได้หลายเท่า”

“หากใช้พลังงานของเทพมหาวิญญาณในการปลดปล่อยวิชาที่รุนแรงออกมา ประธานฉินลองคิดดูสิครับ ทันทีที่เทพมหาวิญญาณรุ่นที่แปดปรากฏตัวขึ้นบนโลก นั่นจะส่งผลอย่างไรบ้าง? มันจะเปลี่ยนแปลงรูปแบบการสังหารกันของเทพมหาวิญญาณในปัจจุบันไปอย่างสิ้นเชิง เปลี่ยนแปลงแบบชนิดที่ว่าจากหน้ามือกลายเป็นหลังมือ!”

“ซี๊ด!” กระทั่งฉินอี๋ที่มักจะคอยระวังกิริยาท่าทางก็ยังอดสูดปากด้วยความตกใจไม่ได้ รู้สึกตกตะลึงเป็นอย่างมาก

หนานชีหรูอันกล่าวว่า “เดิมทีนี่เป็นความลับสุดยอดของทางสภาเซียน ตระกูลใหญ่ต่างๆ ก็แทบจะไม่มีใครรู้เรื่องนี้เลย มารชั่วเหล่านั้นมีหูตาอยู่ทั่วทุกที่จริงๆ ไม่รู้ว่าล่วงรู้ความลับนี้ได้อย่างไร ถ้าหากผู้สนับสนุนราชวงศ์ก่อนต้องเผชิญหน้ากับเทพมหาวิญญาณรุ่นที่แปดจะมีผลลัพธ์เป็นอย่างไรล่ะครับ? หลังรู้เรื่องนี้แล้ว พวกผู้สนับสนุนราชวงศ์ก่อนเหล่านั้นย่อมต้องคิดขโมยความลับของเทพมหาวิญญาณรุ่นที่แปด ถึงได้เกิดการต่อสู้ที่บ้าคลั่งครั้งนั้นขึ้นมา แต่วังพิฆาตมารก็ร้ายกาจจริงๆ สามารถหยุดพวกมารเหล่านั้นในช่วงเวลาสำคัญ ทำให้รักษาความลับของเทพมหาวิญญาณรุ่นที่แปดเอาไว้ได้”

“แล้วก็เป็นเพราะการต่อสู้ การคุ้มครองและการช่วงชิงในครั้งนี้ ถึงได้ทำให้ความลับเรื่องเทพมหาวิญญาณรุ่นที่แปดเล็ดลอดออกมา”

“ทันทีที่ความลับนี้ถูกเปิดเผยออกมา มันก็จะเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมเทพมหาวิญญาณไปอย่างสิ้นเชิง ลองคิดดูสิครับว่ามันเป็นผลประโยชน์ที่มหาศาลขนาดไหน? ไม่ว่าจะเป็นตระกูลที่เกี่ยวข้องหรือไม่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมเทพมหาวิญญาณก็ล้วนแต่หมายตาเนื้อชิ้นนี้เอาไว้ ต่างใช้ความสามารถของตัวเอง เพราะอยากจะครอบครองผลประโยชน์สักส่วนหนึ่ง ผลประโยชน์ที่หอการค้าตระกูลฉินกำลังช่วงชิงอยู่ในตอนนี้ไม่อาจเทียบได้เลยครับ”

“เมื่ออยู่ต่อหน้าผลประโยชน์ที่มีขนาดต่างกัน ตระกูลต่างๆ ย่อมต้องทำการเลือก ความสนใจส่วนใหญ่จึงไม่ได้อยู่ที่การประมูลครั้งนี้ ตระกูลหนานชีถึงได้ช่วยให้หอการค้าตระกูลฉินหลอกหอการค้าอื่นๆ มาได้ ไม่อย่างนั้นตระกูลใหญ่ๆ เหล่านั้นคงไม่ปล่อยให้หอการค้าตระกูลฉินได้เข้าร่วมการประมูลอย่างง่ายดายและราบรื่นเช่นนี้แน่ครับ”

“ดังนั้นนี่จึงเรียกได้ว่าเป็นโชคของหอการค้าตระกูลฉินที่เกิดเรื่องนี้ขึ้นตอนก่อนที่จะลงชื่อเข้าร่วมการประมูล ทำให้ตระกูลต่างๆ ไม่ได้พุ่งความสนใจมาที่หอการค้าตระกูลฉิน ไม่อย่างนั้นหอการค้าที่มาก่อความวุ่นวายในเมืองปู๋เชวี่ยคงไม่ได้มีแค่หอการค้าตระกูลพานกับหอการค้าตระกูลโจวเท่านั้นแน่”

ริมฝีปากสีแดงที่ดูเร่าร้อนของฉินอี๋เผยอขึ้นเล็กน้อย ถอนใจออกมาเบาๆ เธอเข้าใจแล้ว อย่างนี้นี่เอง!

หนานชีหรูอันยื่นมือมาเคาะสัญญาที่ยังไม่ได้ลงชื่อที่อยู่บนโต๊ะ “พูดอีกอย่างก็คือตระกูลหนานชีเองก็ไม่ได้ช่วยอะไรมากมายเหมือนอย่างที่คุณคิดเอาไว้ ในเมื่อไม่ได้ออกแรงอะไรมากแล้วได้รับสิ่งตอบแทนเยอะขนาดนี้ มันก็ออกจะน่าละอายไปหน่อย สัดส่วนในสัญญานี้ หากประธานฉินคิดว่าเสียเปรียบก็สามารถเปลี่ยนได้ครับ เรื่องนี้ทางตระกูลหนานชีให้อำนาจผมเต็มที่ ผมสามารถตัดสินใจได้เลย ผมขอแจ้งในฐานะตัวแทนของตระกูลหนานชีว่าถ้าหากต้องการแก้ไขสัญญาเล็กน้อยก็ไม่เป็นไรครับ”

เขาจ้องมองฉินอี๋ด้วยสายตาที่แฝงไว้ด้วยรอยยิ้ม มีความรู้สึกเหมือนกำลังลอบสังเกตดูอีกฝ่าย

ฉินอี๋นิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง สุดท้ายส่ายศีรษะ “ข้อตกลงคือข้อตกลง หอการค้าตระกูลฉินยึดมั่นเรื่อง ‘รักษาคำพูด’ เป็นสำคัญ ไม่เปลี่ยนค่ะ!”

“ได้ครับ อย่างนั้นก็เอาตามที่ประธานฉินว่ามา” หนานชีหรูอันดึงมือกลับไปจากสัญญาที่ยังไม่ได้เซ็น ยิ้มพลางกล่าวถามว่า “เงื่อนไขเล็กๆ ข้อนั้น ผมนึกสงสัยมาโดยตลอด ประธานฉินบอกว่าผมทำได้แน่ แต่กลับไม่ยอมบอกก่อนว่าเป็นเรื่องอะไร ต้องรอจนถึงตอนนี้ถึงจะบอก นี่ทำให้ผมรู้สึกสงสัยอย่างมาก เรื่องราวดำเนินมาถึงตอนนี้แล้ว ประธานฉินคงจะบอกผมได้แล้วใช่ไหมครับว่าเงื่อนไขเล็กๆ ที่ว่านั้นมันคืออะไร?”

ฉินอี๋กล่าวด้วยน้ำเสียงคร่ำเคร่ง “เรื่องที่เกิดขึ้นในเมืองชิงชิว คุณชายพอจะทราบไหมคะ?”

“เมืองชิงชิว?” หนานชีหรูอันงุนงง เขารู้จักเมืองชิงชิว ที่นั่นเป็นเขตอิทธิพลของตระกูลหนานซี ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นพื้นที่ที่อยู่ในการดูแลโดยตรงของหนานชีเหวินที่เป็นพ่อบุญธรรมของเขาด้วย แต่ไม่รู้ว่าฉินอี๋หมายถึงเรื่องอะไร จึงกล่าวด้วยความสงสัยว่า “เมืองชิงชิวน่าจะเคยเกิดเรื่องขึ้นไม่น้อย ไม่ทราบว่าประธานฉินหมายถึงเรื่องไหนหรือครับ?”

ฉินอี๋จ้องมองเขาพลางกล่าวว่า “ผู้บังคับบัญชาคนก่อนของค่ายผู้พิทักษ์เทพในเมืองชิงชิวคือเจียงอวี้ เขามีภรรยาที่หน้าตางดงามอยู่คนหนึ่ง แต่ภายหลังถูกลูกชายของผู้ดูแลคนหนึ่งของตระกูลหนานชีที่ชื่อเฉินซานย่ำยีจนเสียชีวิต เนื่องเพราะมีอิทธิพลของตระกูลหนานชีคอยแทรกแซง ทำให้เจียงอวี้ไม่ได้รับความเป็นธรรม ด้วยความโกรธแค้นถึงนำลูกน้องของตนเองบุกเข้าไปในตระกูลหนานชี สังหารคนร้ายจนตาย เรื่องนี้ทำให้ตระกูลหนานชีโกรธเกรี้ยวอย่างมาก แต่เป็นเพราะเรื่องนี้ส่งผลกระทบรุนแรงเกินไป ฉากหน้าตระกูลหนานชีจึงจำต้องรามือ แต่ลับหลังกลับส่งคนไล่ฆ่า!”

สีหน้าของหนานชีหรูอันแข็งทื่อไปทันที เขาฟังออกแล้ว ที่แท้เรื่องในเมืองชิงชิวที่ว่าก็คือเรื่องนั้นนั่นเอง

คนของค่ายผู้พิทักษ์เทพบุกเข้าไปในตระกูลหนานชี ในดินแดนเซียนนี้มีสักกี่ตระกูลที่พบเจอเรื่องแบบนี้บ้าง? เรื่องที่ใหญ่โตเช่นนี้เขาย่อมต้องรู้ ในตอนนั้นตระกูลหนานชีเรียกได้ว่าโกรธเกรี้ยวเป็นอย่างยิ่ง แต่เนื่องเพราะไม่มีเหตุผลมากพอที่จะทำอะไรได้ เรียกได้ว่าเสียหน้าเป็นอย่างยิ่ง ฉากหน้าจึงจำต้องยอมปล่อยเจียงอวี้ไป ไม่อย่างนั้นหากเจียงอวี้เป็นอะไรไป จะให้ทางกองทัพของดินแดนเซียนเอาหน้าไปไว้ไหน?

ถึงแม้ตระกูลหนานชีจะทรงอิทธิพล แต่ก็ยังไม่ทรงอิทธิพลถึงขนาดที่จะรับความโกรธเกรี้ยวจากทางกองทัพได้ จึงจำต้องยอมอ่อนข้อเพื่อไว้หน้าทางกองทัพ แล้วก็จำเป็นต้องมีทางลงให้แก่ทางกองทัพ ไม่อย่างนั้นตระกูลหนานชีไม่มีทางทนรับความกดดันจากทางกองทัพได้

ในเวลานี้จึงทำได้เพียงแอบหาตัวเจียงอวี้เพื่อคิดบัญชีอย่างลับๆ ตระกูลหนานชีไม่มีทางยอมเสียหน้าไปเฉยๆ โดยไม่ทำอะไร

ตอนนี้จู่ๆ ฉินอี๋พลันเอ่ยถึงเรื่องนี้ขึ้นมา ต่อให้เป็นหนานชีหรูอันที่ปกติสุขุมเยือกเย็น ในเวลานี้ก็ยังอดตกตะลึงเป็นอย่างมากไม่ได้ “เจียงอวี้? หรือว่าประธานฉินจะรู้ว่าเจียงอวี้อยู่ที่ไหนครับ นี่ประธานฉินคิดจะมาพูดให้เจียงอวี้ จะบอกให้ตระกูลหนานชีปล่อยเขาไปหรือครับ?”

เขามองเห็นถึงประเด็นสำคัญของปัญหานี้ทันที คาดเดาได้ว่าปมปัญหานั้นอยู่ที่ตัวเจียงอวี้ เรื่องอื่นๆ คล้ายไม่ใช่ประเด็นสำคัญอะไรเลย

ฉินอี๋กล่าว “ปล่อยเขาไปเป็นแค่เพียงส่วนหนึ่ง ฉินอี๋อยากให้เจียงอวี้และตระกูลหนานชีสามารถสลายความแค้นระหว่างกันค่ะ”

หนานชีหรูอันเงียบไปเล็กน้อย “เรื่องมันก็ผ่านมานานแล้ว ความโกรธเกรี้ยวของทุกคนก็สลายหายไปหมดแล้ว ตอนนี้ทุกคนต้องเผชิญหน้ากับความจริง จะเที่ยวไปสร้างเรื่องไม่รู้จักหยุดจักหย่อนนั้นไม่มีประโยชน์ ได้ครับ เรื่องนี้ผมตัดสินใจแล้ว ต่อไปจะไม่ถามหาความรับผิดชอบใดๆ จากเจียงอวี้อีกครับ”

ฉินอี๋ส่ายศีรษะ “เจียงอวี้สังหารลูกชายเฉินซาน ลูกชายเฉินซานสังหารภรรยาของเจียงอวี้ ความแค้นของทั้งสองฝ่ายยังคงอยู่ นี่คือความแค้นที่เกี่ยวพันถึงความเป็นความตาย แล้วจะทำให้มันสลายไปได้อย่างไรคะ? เจียงอวี้สังหารลูกชายของเฉินซาน เท่ากับว่าได้ระบายความแค้นแล้ว แต่เฉินซานล่ะคะ? หากคุณชายเอ่ยปากไป ฉากหน้าเฉินซานอาจจะรับปากไป แต่ตระกูลหนานชีมีอิทธิพลอย่างมาก เฉินซานเพียงแค่ส่งสัญญาณออกมาเล็กน้อย ก็จะมีคนตามไล่ฆ่าเจียงอวี้อย่างแน่นอน! ผลสุดท้ายเกรงว่าคงไม่สามารถสลายความแค้นได้”

หนานชีหรูอันกล่าวถามอย่างสงสัย “แล้วประธานฉินคิดจะทำอย่างไรครับ?”

ฉินอี๋กล่าว “เรื่องในเมืองชิงชิว ใครผิดใครถูก ขอเพียงเป็นคนมีจิตสำนักย่อมต้องทราบดี ซึ่งนี่ก็เป็นเหตุผลที่ในตอนนั้นตระกูลหนานชีจำต้องยอมถอย ลูกชายเฉินซานฆ่าคน แต่สุดท้ายก็ยังคอยคุ้มครองให้ท้ายเขา นับเป็นเรื่องที่น่ารังเกียจเป็นอย่างยิ่ง อีกทั้งยังทำให้ตระกูลหนานชีเสียเกียรติด้วย ต้องฆ่าค่ะ! เงื่อนไขเล็กๆ ของฉันไม่มีอะไร แค่หัวของเฉินซานก็พอค่ะ!”

หนานชีหรูอันขมวดคิ้ว ไม่ว่าเฉินซานจะผิดหรือถูก เขาก็ถือเป็นคนของตระกูลหนานชี จะฆ่าคนของตระกูลหนานชี ล้อกันเล่นหรือเปล่า?

เขาจ้องมองฉินอี๋อย่างระมัดระวัง ค่อยๆ กล่าวขึ้นมาว่า “ประธานฉินครับ นี่คือเงื่อนไขเล็กๆ หรือครับ? เงื่อนไขของคุณข้อนี้มันจะไม่มากไปหน่อยคือครับ อีกอย่าง หลังเกิดเรื่องราวในครั้งนั้น เนื่องจากสิ่งที่สองพ่อลูกเฉินซานกระทำได้ก่อให้เกิดความเสียหายอย่างมาก ตระกูลหนานชีจึงได้ลงโทษเฉินซานไปแล้ว เฉินซานในตอนนี้ใช้ชีวิตอย่างไม่มีอำนาจอะไรแล้ว การจะไปถามหาความรับผิดชอบจากเขาอีกนั้นไม่จำเป็นเลยครับ”

ฉินอี๋กล่าว “ก็เป็นเพราะเจียงอวี้ เฉินซานถึงได้เสียอำนาจไปนั่นแหละค่ะ ทันทีที่เขารู้ว่าเจียงอวี้อยู่ที่ไหน คุณชายคิดว่าเขาจะยอมอยู่เฉยๆ หรือคะ? คำสั่งของคุณชายเขาคงฟังไม่เข้าหู เฉินซานจะต้องแอบตามหาเจียงอวี้เพื่อล้างแค้นแน่นอนค่ะ! หอการค้าตระกูลฉินมาเข้ากับตระกูลหนานชีด้วยความจริงใจ ยินดีให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ หรือว่าคุณชายจะยอมเป็นคนเสียสัจจะเพราะเฉินซานเพียงคนเดียวคะ?”

หนานชีหรูอันวางถ้วยชาที่อยู่ในมือลง ร่างกายเอนพิงพนักเก้าอี้ด้านหลัง กล่าวทีเล่นทีจริงว่า “ตอนนั้นประธานฉินบอกว่ามีเงื่อนไขเล็กๆ ที่ผมสามารถทำได้แน่นอน การที่เอาเงื่อนไขนั้นมาพูดในเวลานี้ ผมจะรับปากหรือไม่นั้น มันไม่ได้มีอะไรต่างกันเลยนะครับ”

…………………………………………………….

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

Status: Ongoing
อดีตแมงดาหวนคืนสู่มาตุภูมิในรอบ 300 ปี หวังจะใช้ชีวิตอย่างสงบเพื่อหลบเลี่ยงเรื่องบางอย่าง แต่กลับต้องเข้าไปพัวพันกับการประมูลเทพมหาวิญญาณและการชิงอำนาจจนเสี่ยงจะถูกเปิดเผยตัวตน?!อีก 1 ผลงานใหม่จากนักเขียนระดับแพลตตินัมของ Qidian ‘เยวี่ยเชียนโฉว’ผู้เขียนเรื่อง < พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า > และ < ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า >ณ แดนเซียนในยุคปัจจุบัน‘หลินยวน’ อดีตแมงดา เดินทางกลับมายังมาตุภูมิพร้อมกับตัวตนใหม่ด้วยหวังจะใช้ชีวิตอย่างสงบเพื่อหลบเลี่ยงเรื่องบางอย่างแต่ด้วยความจำเป็น เขาจึงต้องเข้าไปทำงานในบริษัทของคนรักเก่าที่เขาเคยหลอกใช้ในฐานะผู้ช่วยของ ‘หลัวคังอัน’ จอมลวงโลกที่โกหกว่าตัวเองคือผู้ทำให้ ‘ป้าหวัง’ 1 ใน 13 มารสวรรค์บาดเจ็บสาหัสและนั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้หลินยวนต้องเข้าไปพัวพันกับการประมูล ‘เทพมหาวิญญาณ’ซึ่งเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์จำนวนมหาศาลและการชิงอำนาจระหว่างตระกูลจนเสี่ยงต่อการถูกเปิดเผยตัวตนที่แท้จริง?!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน