ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน – ตอนที่ 133 สัญญาแล้วไม่คืนคำ

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

ตอนที่ 133 สัญญาแล้วไม่คืนคำ

ฉินอี๋กล่าว “ฉินอี๋ไม่ขอปิดบังคุณชาย ความสามารถที่หลัวคังอันแสดงออกมาในการประมูลครั้งนี้นั้นเหนือไปจากที่ฉันคิดเอาไว้ ก่อนหน้านี้เนื่องจากมีคู่ต่อสู้จ้องจะเล่นงาน หลัวคังอันจึงเป็นเพียงตัวล่อที่ฉันแสดงให้คนอื่นเห็นเท่านั้น ความจริงแล้วคนที่จะลงประมูลจริงๆ คือเจียงอวี้ เพื่อการประมูลครั้งนี้ ฉันได้รับปากเจียงอวี้เอาไว้ว่าจะพยายามช่วยเขาคิดหาวิธีสลายความแค้นของเขากับตระกูลหนานชีให้”

หนานชีหรูอันคล้ายกล่าวอย่างเฉยเมยว่า “อย่างนี้นี่เอง แต่ในความเป็นจริงคือหลัวคังอันเป็นคนประมูล เจียงอวี้ไม่ได้ออกแรงทำอะไรเลย แล้วไยประธานฉินต้องมาทำให้ผมลำบากด้วยครับ ไม่สู้ถอยกันคนละก้าว เรื่องสัดส่วนที่จะแบ่งผมยอมลดให้หนึ่งส่วน คุณเองก็อย่าบีบบังคับผมอีก ผมรับรองว่าตระกูลหนานชีจะไม่ไปสร้างความลำบากให้เจียงอวี้อีก”

ไม่ว่าเขาจะชอบหรือไม่ชอบ จะสนใจหรือไม่สนใจเฉินซาน แต่เฉินซานก็นับเป็นคนในตระกูลหนานชี แล้วเขาจะเอาชีวิตของคนในตระกูลมาเป็นเครื่องแลกเปลี่ยนได้อย่างไร

ฉินอี๋กล่าว “คุณชายกล่าวผิดไปแล้วค่ะ มันก็หมือนกับสัญญาที่ทางฉินอี๋รับปากคุณชายเอาไว้ในครั้งนี้นั่นแหละค่ะ คุณชายบอกว่าตระกูลหนานชีออกแรงเพียงนิดเดียว ยินดีจะยอมลดสัดส่วนลงเล็กน้อย ที่ฉินอี๋ไม่ยอมและยังคงยืนยันที่จะรักษาสัญญาก็เป็นเพราะคำพูดประโยคนั้น หอการค้าตระกูลฉินยึดมั่นเรื่อง ‘รักษาคำพูด’ เป็นสำคัญ เรื่องที่รับปากคุณชายไปแล้ว หอการค้าตระกูลฉินไม่มีวันผิดคำพูด ในทางเดียวกัน เรื่องที่รับปากเจียงอวี้ไปแล้ว หอการค้าตระกูลฉินก็ไม่มีทางกลับคำเช่นเดียวกัน! หอการค้าตระกูลฉินไม่รับปากสัญญากับใครง่ายๆ แต่ถ้าสัญญาแล้วจะไม่มีวันผิดสัญญาค่ะ!”

ไป๋หลิงหลงลอบถอนใจ นี่มันเหมือนกับนิสัยคนบางคนเลย ในอดีตเคยรับปากคนคนหนึ่งไว้ว่าจะไม่แต่งงานกับใครนอกจากเขา ตอนนี้เรียกได้ว่าตะครุบเอาไว้ไม่ยอมปล่อยเลย

หนานชีหรูอันกล่าว “แล้วถ้าผมไม่รับปากล่ะครับ?”

สายตาฉินอี๋มองไปบนสัญญาที่ยังไม่ได้เซ็นชื่อ “หอการค้าตระกูลฉินคงจะไม่มีทางเลือกอื่น เกรงว่าคงไม่มีวาสนาได้ร่วมงานกับตระกูลหนานชีค่ะ”

ความหมายในคำพูดนั้นชัดเจน หากไม่ตกลง หอการค้าตระกูลฉินก็จะไม่เซ็นสัญญา

คิ้วของหนานชีหรูอันค่อยๆ เลิกขึ้นมา “ประธานฉิน หากผมฟังไม่ผิดล่ะก็ นี่คุณกำลังขู่ผมใช่ไหมครับ?”

แม้แต่ผู้ติดตามข้างกายที่ยืนอยู่ด้านหลังเขาก็ยังจ้องมองฉินอี๋ด้วยสายตาเย็นชา

ฉินอี๋กล่าว “ไม่ใช่ข่มขู่ค่ะ แล้วก็ไม่กล้าข่มขู่ด้วย เพียงแต่ถ้าหอการค้าตระกูลฉินไม่รักษาสัญญา ภายหน้าหากร่วมมือกัน ตระกูลหนานชีจะไว้วางใจหอการค้าตระกูลฉินได้หรือคะ? หากกับพวกตัวเองยังไม่รักษาสัญญา แล้วถ้าหอการค้าตระกูลฉินไปกล่าวกับตระกูลหนานชีว่าจะรักษาสัญญา แบบนั้นมันจะไม่ดูเสแสร้งน่าขันหรือคะ?”

ใบหน้าของหนานชีหรูอันดูเย็นชาขึ้นมา “ใช้การฆ่าคนตระกูลหนานชีมาเป็นเงื่อนไข แล้วยังบอกว่าเป็นเงื่อนไขเล็กๆ น้อยๆ ประธานฉิน ตอนนี้คุณเสนอเงื่อนไขแบบนี้ออกมา คุณไม่คิดว่ามันไร้เหตุผลเกินไปหน่อยหรือครับ? เพื่อเจียงอวี้เพียงคนเดียว ถึงกับยอมฉีกสัญญา คุณคิดว่ามันคุ้มแล้วหรือครับ? คุณเคยคิดถึงผลที่ตามมาของการปั่นหัวตระกูลหนานชีไหมครับ?”

ฉินอี๋ “ที่ฉันทำแบบนี้ นั่นก็เพื่อคุณชายด้วยค่ะ”

หนานชีหรูอันแค่นหัวเราะขึ้นมา “เพื่อผม? ดูเหมือนผมทึมทื่อเสียแล้ว ไม่เข้าใจครับ!”

ตอนนี้เขากำลังโมโหอย่างมากจริงๆ รู้สึกว่าตัวเองกำลังถูกอีกฝ่ายปั่นหัว ก่อนหน้านี้เขาคิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะกล้าปั่นหัวตัวเอง ในเวลานี้น้ำเสียงจึงไม่ค่อยมีความเกรงใจแล้ว

ฉินอี๋นั่งตัวตรง ใบหน้าที่งดงามยังคงดูเยือกเย็น หาได้มีความประหม่าลนลานแต่อย่างใดไม่ ไม่ได้ถูกน้ำเสียงของอีกฝ่ายส่งผลกระทบแม้แต่น้อย กล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า “ทั่วทั้งโลกต่างรู้ว่าคุณชายเป็นลูกบุญธรรมของตระกูลหนานชี ไม่ได้มีอำนาจที่แท้จริงอะไรในตระกูลหนานชีนัก สิ่งที่คุณชายพึ่งพาอยู่ในเวลานี้ก็คืออิทธิพลของหัวหน้าตระกูลหนานชี คำพูดนี้อาจจะไม่น่าฟังไปเสียหน่อย ทว่ามันคือความจริง คนมีความสามารถในตระกูลหนานชีมีอยู่มากมาย แล้วก็ยังมีตระกูลใหญ่ร้อยตระกูลในดินแดนเซียน หรือว่าฉินอี๋จะไม่มีตัวเลือกอื่นคะ? คุณชายรู้ไหมคะว่าทำไมฉินอี๋ถึงไม่ไปหาคนอื่น แต่กลับมาร่วมมือกับคุณชาย?”

หนานชีหรูอันจ้องมองเธอด้วยสายตาเย็นชา นิ่งเงียบไม่พูดอะไร ความจริงก่อนหน้านี้เขาเองก็สงสัยในเรื่องนี้เช่นเดียวกัน ผ่านไปครู่หนึ่งจึงถามขึ้นมาอย่างเย็นชาว่า “ทำไม?”

ฉินอี๋กล่าว “ฉินอี๋ตั้งใจมาร่วมมือกับคุณชายด้วยความจริงใจ เรื่องราวดำเนินมาถึงตอนนี้ ฉินอี๋ก็ขอบอกคุณชายตามตรงแล้วกันค่ะ ที่ฉินอี๋เลือกคุณชาย เป็นเพราะว่าสถานะที่มีความพิเศษกว่าคนอื่นในตระกูลหนานชีของคุณชาย เป็นเพราะเรื่องที่คุณชายถูกคนอื่นวิพากษณ์วิจารณ์ แล้วก็เรื่องที่คุณชายไม่มีอำนาจที่แท้จริงอะไร แต่กลับได้รับความชื่นชมจากท่านหัวหน้าตระกูลจนมีอิทธิพลเล็กน้อยอยู่ในตระกูลหนานชี”

“หอการค้าตระกูลฉินไม่อยากกลายเป็นเหมือนหอการค้าทั่วๆ ไปที่ต้องคอยพึ่งพาตระกูลใหญ่ พูดอีกอย่างคือไม่อยากถูกคนบางส่วนในตระกูลใหญ่ๆ คอยขัดแข้งขัดขาแล้วควบคุม เช่นนี้แล้ว สถานะที่มีความพิเศษในตระกูลหนานชีของคุณชายจึงกลายเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุดที่หอการค้าตระกูลฉินจะร่วมมือด้วย แน่นอนว่าการเลือกคุณชายนั้นยังไม่อาจทำให้หอการค้าตระกูลฉินหลุดพ้นจากผลกระทบด้านลบจากภายในตระกูลใหญ่อย่างสมบูรณ์ได้ แต่อย่างน้อยก็ยังรักษาอำนาจในการตัดสินใจบางส่วนได้อยู่”

“เรื่องบางเรื่องมันสามารถคาดเดาได้ รายได้ของคุณชายนั้นต้องคอยพึ่งพาทางตระกูลหนานซีมาโดยตลอด เสียงวิพากษ์วิจารณ์จากภายนอกนั้นสร้างความลำบากใจให้แก่หัวหน้าตระกูลหนานชีในระดับหนึ่ง การร่วมมือกับหอการค้าตระกูลฉินในครั้งนี้ไม่ธรรมดา เพราะคุณชายเป็นคนจัดการเองทั้งหมด ดูแล้วทางหัวหน้าตระกูลหนานชีคงจะเล่นตามน้ำ ปล่อยให้คุณชายเป็นคนจัดการเองโดยไม่มีความเกี่ยวข้องกับทางตระกูล ให้คุณชายได้มีแหล่งรายได้เป็นของตัวเอง คุณชายเพียงแต่ต้องแบ่งผลประโยชน์ส่วนหนึ่งให้กับทางตระกูลก็พอ”

“คนที่มีสถานะพิเศษที่อยู่ในตระกูลหนานชี แล้วยังสามารถหยิบยืมอิทธิพลของตระกูลหนานชีมาใช้ได้…อีกทั้งคุณชายเองก็ต้องพยายามขัดขวางไม่ให้คนอื่นๆ ในตระกูลสอดมือเข้ามายุ่งกับหอการค้าตระกูลฉิน เพื่อที่คุณชายจะได้รักษาสิทธิ์ในการตัดสินใจของตนเองเอาไว้ ซึ่งนี่จะเป็นประโยชน์ต่อคุณชาย แล้วก็เป็นประโยชน์ต่อหอการค้าตระกูลฉิน และนี่จึงทำให้คุณชายกลายเป็นตัวเลือกในการร่วมมือที่เหมาะสมที่สุดของหอการค้าตระกูลฉินค่ะ!”

“ไม่มีการแทรกแซงจากทางตระกูลมากนัก แต่คุณชายก็ไม่อาจควบคุมหอการค้าตระกูลฉินได้สะดวก หรือว่าคุณชายไม่อยากให้หอการค้าตระกูลฉินรักษาคำพูดและทำให้คุณชายวางใจคะ?”

หลังเผยความจริงออกมาทั้งหมดในคราเดียวแล้ว ฉินอี๋ก็กล่าวสรุปอย่างจริงใจว่า “หอการค้าตระกูลฉินไม่มีทางตัดสินใจโดยไม่คิดใคร่ครวญ และการที่ทางเราเลือกร่วมมือกับคุณชายก็ไม่ใช่ความคิดที่เกิดขึ้นมาอย่างกะทันหันเช่นกัน ในเมื่อเราทำการตัดสินใจแล้ว เราก็ต้องเชื่อมั่นในคุณชาย หวังว่าจะได้ร่วมมืออย่างจริงใจ ไม่มีความคิดอื่นแอบแฝง สัญญาแล้วไม่กลับคำ!”

คำพูดทั้งหมดเรียกได้ว่ามีความจริงใจ จริงใจจนกระทั่งแทงลึกเข้าไปในใจ จริงใจจนยากจะยอมรับได้ ทำให้หนานชีหรูอันใบหน้าคร่ำเคร่งขึ้นมาอย่างที่ยากจะเห็นได้ในเวลาปกติ สายตาจ้องมองฉินอี๋ ตอนนี้เขาถึงได้รู้ว่าอีกฝ่ายทำการศึกษาเขามาอย่างลึกซึ้งกว่าที่เขาคิดเอาไว้เสียอีก

แล้วก็รู้แล้วว่าการพบกันในครั้งนั้นมิใช่เรื่องบังเอิญ เพื่อข้อตกลงในวันนี้ ผู้หญิงคนนี้วางแผนมานานแล้ว!

ไป๋หลิงหลงที่ยืนอยู่ข้างๆ พลันกระจ่างขึ้นมาทันที ก่อนหน้านี้เธอเองก็นึกแปลกใจว่าทำไมฉินอี๋ถึงต้องร่วมมือกับคุณชายคนนี้ด้วย ทำไมถึงต้องเป็นคนนี้? ในเวลานี้ถึงได้เข้าใจเหตุผลที่เธอเลือกคนผู้นี้แล้ว

หลังนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง หนานชีหรูอันก็กล่าวขึ้นมาเบาๆ ว่า “นี่เกี่ยวกับการฆ่าเฉินซานด้วยเหรอครับ?”

แต่สิ่งที่คิดอยู่ในใจกลับเป็นอีกประโยคหนึ่ง นี่มันทำเพื่อฉันยังไง?

ฉินอี๋เตรียมคำพูดรับมือเอาไว้แต่แรกแล้ว จึงกล่าวทันทีว่า “เฉินซานและลูกชายกระทำเรื่องชั่วร้าย คนที่ย่ำยีหญิงสาวแล้วฆ่าตายนี่เป็นคนแบบไหนกันคะ? ถึงแม้สถานะในสภาเซียนของเจียงอวี้จะไม่ได้สูงส่งอะไรนัก แต่เขาก็เป็นถึงผู้บัญชาการของค่ายผู้พิทักษ์เทพ! คนของตระกูลหนานชีกล้าย่ำยีและสังหารภรรยาของผู้บัญชาการค่ายผู้พิทักษ์เทพ นี่เป็นเรื่องที่รุนแรงขนาดไหนกันคะ? เรียกได้ว่ามันส่งผลกระทบที่เลวร้ายอย่างมากภายในกองทัพ ทำให้ภายในกองทัพโกรธเกรี้ยว ต่อให้ตระกูลหนานชีจะมีอิทธิพลอำนาจ สุดท้ายก็จำต้องก้มหัว เรียกได้ว่าเสียหน้าเป็นอย่างมาก!”

“ในเมื่อมีบทเรียนเช่นนี้แล้ว เราก็ต้องป้องกันไม่ให้มันเกิดขึ้นอีก!”

“เรื่องที่เมืองชิงชิว จริงอยู่ที่ผ่านมานานแล้ว ทุกคนแทบจะลืมไปหมดแล้ว คุณชายจะไม่แยแสมันก็ได้ เพราะตอนที่ไม่มีเรื่องอะไรมันก็ไม่มีอะไรสำคัญจริงๆ”

“แต่ตอนนี้ไม่ใช่ช่วงเวลาปกติ นี่เป็นช่วงเวลาที่คุณชายจะได้รับผลประโยชน์จากการประมูล และจะทำให้คนจำนวนไม่น้อยเสียผลประโยชน์ คุณชายย่อมรู้ดีกว่าฉินอี๋”

“ถึงแม้เจียงอวี้จะถูกลบชื่อออกจากบัญชีรายชื่อเซียนและถูกไล่ออกจากค่ายผู้พิทักษ์เทพแล้ว แต่จนถึงตอนนี้เรื่องนั้นยังคงทำให้คนในกองทัพจำนวนไม่น้อยรู้สึกไม่พอใจอยู่ เพราะเรื่องนี้มันเลวร้ายและรุนแรงมากจริงๆ ทำให้คนจำนวนมากโกรธเกรี้ยว คนที่มีนิสัยตรงไปตรงมาในกองทัพมีอยู่ไม่น้อย แต่เป็นเพราะตระกูลหนานชีก้มหัวให้ ประกอบกับตระกูลหนานชีมีอิทธิพลอย่างมาก ถึงได้ยุติเรื่องราวเอาไว้ได้”

“หากเจียงอวี้กลับมาแล้วถูกทำร้ายอีกครั้ง ต่อให้ไม่ใช่ฝีมือของเฉินซาน แต่คุณชายจะรับประกันได้หรือคะว่าจะไม่มีใครใช้ประโยชน์จากเรื่องนี้ไปก่อเรื่อง?”

“ทันทีที่มีคนไปขุดคุ้ยเรื่องเก่าขึ้นมาอีกครั้ง ไปเปิดแผลเก่าภายในกองทัพขึ้นมาอีกครั้ง นั่นจะทำให้ไฟแห่งความโกรธภายในใจคนบางคนในกองทัพลุกโชนขึ้นมาอีกหรือไม่?”

“คุณชายลืมไปแล้วหรือคะว่าเทพมหาวิญญาณมีไว้ให้ใครใช้ คุณชายมั่นใจจริงๆ หรือคะว่าจะไม่มีใครเอาเรื่องของเฉินซานมาเล่นสกปรก ทำการสั่นคลอนการควบคุมผลการประมูลของตระกูลหนานชี หรือพูดอีกอย่างคือของคุณชาย? ต่อให้สุดท้ายจะสั่นคลอนไม่สำเร็จ แต่คุณชายในฐานะที่เป็นผู้ได้ผลประโยชน์ก็จะกลายเป็นเป้าหมายสำคัญที่พวกเขาจะหยิบยืมเรื่องนี้มาเล่นงาน เมื่อถึงตอนนั้นคุณชายจะกลืนเนื้อชิ้นนี้ก็กลืนได้ไม่สะดวก จะคายออกมาก็คายไม่ได้ คุณชายจะยอมรับมันได้จริงๆ หรือคะ?”

กล้ามเนื้อบนใบหน้าของหนานชีหรูอันเคลื่อนไหวขึ้นมา เห็นได้ว่าเขาแอบลอบกัดฟัน สายตาวูบไหวไปมาไม่หยุด เผยให้เห็นว่าเขากำลังครุ่นคิดอะไรอยู่ในใจ

ฉินอี๋ลอบสังเกตดูสีหน้าท่าทางของอีกฝ่ายเล็กน้อย ก่อนกล่าวต่อว่า “เฉินซานกระทำเรื่องชั่วร้าย พลอยทำให้ตระกูลหนานชีลำบากไปด้วย ที่ตระกูลหนานชีเก็บเขาไว้ เป็นเพราะว่าตอนนั้นต้องการรักษาหน้าตาของตระกูลหนานชีเอาไว้ ตอนนี้เรื่องราวผ่านมานานแล้ว เรื่องหน้าตาบางอย่างมันก็ไม่มีความจำเป็นต้องไปคิดเล็กคิดน้อยแล้วค่ะ”

“ก็เหมือนอย่างที่คุณชายว่ามา เฉินซานใช้ชีวิตอยู่ในตระกูลหนานชีโดยไม่มีอำนาจอะไรแล้ว แล้วทำไมถึงไม่ยอมทิ้งเขาไป จะเก็บไว้ทำไมล่ะคะ? ฉันมองว่าทางตระกูลก็คงไม่สะดวกที่จะทิ้งเขาไปเหมือนกัน ทั้งความเจ็บปวดจากการสูญเสียลูกชาย อีกทั้งตระกูลหนานชีไม่เพียงแต่จะไม่แก้แค้นให้ แต่กลับยังมาลงโทษเขาอีก ทำให้เขาท้อแท้สิ้นหวัง ภายในใจจะต้องรู้สึกคับแค้นแน่นอน ถ้าหากทิ้งเขาไป เขาจะต้องเกิดความคิดที่จะแก้แค้นแน่นอนค่ะ”

“ภายในใจเต็มไปด้วยความแค้น เก็บคนแบบนี้ไว้ข้างตัวมันก็ไม่ต่างอะไรกับการเลี้ยงงูพิษเอาไว้ คิดว่าให้เขาอยู่ในการควบคุมแล้วเขาจะไม่คิดแก้แค้นหรือคะ? ทันทีที่เขายากจะสะกดความแค้นนั้นเอาไว้ได้ เกรงว่าถึงตอนนั้นคงจะไม่สามารถป้องกันอะไรได้ ดังนั้นเราควรจะชิงกำจัดเขาทิ้งเสียก่อนจะดีกว่าค่ะ!”

“เฉินซานตายอยู่ในตระกูลหนานชี เจียงอวี้ปรากฎตัวขึ้นมาใหม่ในหอการค้าตระกูลฉิน คนมีปัญญาต่างมองออกว่าการตายของเฉินซานคือคำอธิบายที่ตระกูลหนานชีมอบให้เจียงอวี้ แล้วมีหรือที่ทางกองทัพจะมองไม่ออก? การกระทำของตระกูลหนานชีในครั้งนี้มันไม่ได้ต่างอะไรกับการมอบคำอธิบายที่น่าพึงพอใจให้กับเรื่องในอดีตแก่ทางกองทัพเลย คนที่ภายในใจรู้สึกไม่พอใจเหล่านั้นย่อมต้องรู้สึกสบายใจ หากมีคนคิดจะใช้เรื่องนี้มาสั่นคลอนคุณชายที่กำลังจะได้ควบคุมผลของการประมูลอีกมันก็ไม่มีประโยชน์ ทางกองทัพเองก็ไม่มีทางสนใจอีก เราก็จะตัดปัญหาที่ตามมาไปได้ค่ะ!”

“ไม่เพียงแต่จะไม่สนใจ แต่ในทางกลับกัน เมื่อรู้ว่าผลการประมูลของตระกูลหนานชีในครั้งนี้อยู่ในการดูแลของคุณชาย เกรงว่าคนบางส่วนในกองทัพคงจะรู้สึกชื่นชมคุณชายขึ้นมาเพราะเรื่องของเฉินซานเสียด้วยซ้ำ พวกเขาจะต้องคิดว่าคุณชายกล้าหาญเด็ดขาด กำจัดจุดด่างพร้อยอย่างเฉินซานทิ้งไปด้วยตัวคนเดียว!”

“ความคิดนี้ของฉินอี๋ย่อมต้องทำเพื่อตัวเอง ทำเพื่อให้คำสัญญาที่ให้ไว้กับเจียงอวี้กลายเป็นจริง แต่ฉินอี๋ก็ทำเพื่อคุณชายจริงๆ ด้วยเหมือนกันค่ะ”

“แล้วก็เป็นความจริงที่ว่าฉินอี๋ไม่อยากให้ผลการประมูลครั้งนี้เกิดปัญหาวุ่นวายที่ไม่จำเป็นจากเฉินซานอีก หรือว่าคุณชายชอบปัญหาวุ่นวายคะ? ความวุ่นวายนี้ตอนที่ยังไม่เกิดมันก็ไม่มีอะไรหรอกค่ะ แต่พอเกิดขึ้นมามันน่าปวดหัวมากนะคะ!”

สิ่งที่ฉินอี๋จะพูดมีเพียงเท่านี้ หวังว่าคุณชายจะพิจารณาดูด้วยค่ะ!”

กล่าวจบเธอก็ยกกาน้ำชาขึ้นมา เทน้ำชาให้หนานชีหรูอัน ท่าทีเคารพนอบน้อมเป็นอย่างมาก

หนานชีหรูอันที่ปกติสุขุมเยือกเย็นมาโดยตลอด ในเวลานี้มีสีหน้าเคร่งเครียด มองดูทุกความเคลื่อนไหวของผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ สีหน้าดูซับซ้อนสับสน

ไป๋หลิงหลงยืนอยู่เงียบๆ ลอบสังเกตดูสีหน้าท่าทางของแต่ละคน เธอไม่รู้สึกประหลาดใจในคำพูดของฉินอี๋แม้แต่นิดเดียว ที่ฉินอี๋ทำให้เธอนับถือและยอมติดตามได้ย่อมต้องมีเหตุผล

เธอเองก็นับว่ามองออกแล้ว สรุปแล้วคือเสี่ยวอี๋ต้องการชีวิตของเฉินซาน ต้องการเด็ดหัวของเฉินซาน!

บรรยากาศในตอนนี้ค่อนข้างตึงเครียด

หลังจากนั้นครู่ใหญ่ สีหน้าของหนานชีหรูอันก็กลับมาเป็นปกติ เขาหันหน้าไปมองแสงอาทิตย์ที่ค่อยๆ ส่องเข้ามาในหอ ก่อนจะเหลียวหน้ากลับมาพร้อมยื่นมือไปหยิบถ้วยน้ำชา ค่อยๆ ยกถ้วยขึ้นแล้วจิบเข้าไปช้าๆ “เจียงอวี้คนนั้น เอาไว้หาโอกาสให้ผมเจอเขาหน่อยสิครับ ผมอยากจะดูหน่อยว่าเขาเป็นคนอย่างไร ถึงได้มีค่าพอให้ประธานฉินยอมเสียผลประโยชน์หนึ่งส่วนนั้น และทำให้ประธานฉินยอมทำทุกอย่างเช่นนี้!”

…………………………………………………………….

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

Status: Ongoing
อดีตแมงดาหวนคืนสู่มาตุภูมิในรอบ 300 ปี หวังจะใช้ชีวิตอย่างสงบเพื่อหลบเลี่ยงเรื่องบางอย่าง แต่กลับต้องเข้าไปพัวพันกับการประมูลเทพมหาวิญญาณและการชิงอำนาจจนเสี่ยงจะถูกเปิดเผยตัวตน?!อีก 1 ผลงานใหม่จากนักเขียนระดับแพลตตินัมของ Qidian ‘เยวี่ยเชียนโฉว’ผู้เขียนเรื่อง < พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า > และ < ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า >ณ แดนเซียนในยุคปัจจุบัน‘หลินยวน’ อดีตแมงดา เดินทางกลับมายังมาตุภูมิพร้อมกับตัวตนใหม่ด้วยหวังจะใช้ชีวิตอย่างสงบเพื่อหลบเลี่ยงเรื่องบางอย่างแต่ด้วยความจำเป็น เขาจึงต้องเข้าไปทำงานในบริษัทของคนรักเก่าที่เขาเคยหลอกใช้ในฐานะผู้ช่วยของ ‘หลัวคังอัน’ จอมลวงโลกที่โกหกว่าตัวเองคือผู้ทำให้ ‘ป้าหวัง’ 1 ใน 13 มารสวรรค์บาดเจ็บสาหัสและนั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้หลินยวนต้องเข้าไปพัวพันกับการประมูล ‘เทพมหาวิญญาณ’ซึ่งเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์จำนวนมหาศาลและการชิงอำนาจระหว่างตระกูลจนเสี่ยงต่อการถูกเปิดเผยตัวตนที่แท้จริง?!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน