ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน – ตอนที่ 156 สายลมและหยาดน้ำค้างยามรุ่งเช้า

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

ตอนที่ 156 สายลมและหยาดน้ำค้างยามรุ่งเช้า

หลังจากที่สองพี่น้องแยกจากกัน ทันทีที่พานหลิงเวยกลับถึงบ้าน สวีเฉียนที่กำลังรอคอยอย่างกระวนกระวายใจก็รีบไปต้อนรับพร้อมถามว่า “เจ้าสองกินข้าวหรือยัง อย่าบอกนะว่ากระทั่งเธอไปแล้วก็ยังไม่ยอมกินอะไรอยู่?”

พานหลิงเวยถอนหายใจพลางเอ่ยว่า “ก็หิวจริงๆ นั่นแหละ ฉันเกลี้ยกล่อมเธอไปแล้ว พอได้กินก็รีบยัดจนสภาพดูไม่ได้เลย แต่คุณสบายใจได้ ฉันอธิบายให้เธอฟังแล้ว เธอไม่มาวุ่นวายอะไรกับคุณแล้วล่ะ”

สวีเฉียนลอบถอนใจด้วยความโล่งอก เดินกลับไปที่ห้องเป็นเพื่อนเธอ “อย่างนั้นก็ดี เดี๋ยวผมลองไปคุยกับท่านเสมียนใหญ่ดูว่าพอจะปล่อยเจ้าสองออกมาได้ไหม ”

พานหลิงเวยพยักหน้า “ถ้าปล่อยตัวออกมาได้ก็จะดีมาก เวลาที่ในครอบครัวร่วมใจเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน อื้อ…..” ภายในปากเธอส่งเสียงอู้อี้ออกมา

จู่ๆ สวีเฉียนที่ปิดประตูห้องก็หยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาจากในแขนเสื้อ จากนั้นลงมือกับพานหลิงเวยจากทางด้านหลังโดยที่เธอไม่ทันตั้งตัว ใช้ผ้าเช็ดหน้าอุดจมูกและปากของพานหลิงเวยเอาไว้

พานหลิงเวยพยายามดิ้นรนขัดขืน แต่กลิ่นแปลกประหลาดที่ลอยออกมาจากบนผ้าเช็ดหน้าได้พุ่งเข้าไปในปอดและสมอง ทำให้ร่างกายเธออ่อนปวกเปียกไปทันที ดวงตาที่พร่ามัวพลิกเหลือกขึ้น ก่อนจะทรุดตัวล้มลงไป

สวีเฉียนที่ปล่อยมือออกจากผ้าเช็ดหน้าประคองเธอเอาไว้ ถอยหลังลากเธอไปที่เตียง พยุงเธอขึ้นไปบนเตียง จัดแจงให้เธอนอนราบ

หลังจัดท่านอนให้เธอเสร็จแล้ว เขาก็นั่งอยู่ที่ริมเตียง ช่วยเธอจัดเสื้อผ้าหน้าผมให้เรียบร้อย จ้องมองไปยังภรรยาที่คล้ายกำลังนอนหลับอย่างสงบด้วยสีหน้าขมขื่น “ฉันไม่อยากลงมือกับเธอเลย แต่เธอก็ควรจะคิดถึงฉันบ้าง เธอแต่งให้ฉันนะ ทำไมเธอถึงคิดว่าชั่วชีวิตนี้ฉันควรจะทำตัวเหมือนแต่งให้เธอ แล้วก็ต้องคอยเชื่อฟังคำสั่งของตระกูลพานอย่างว่านอนสอนง่ายไปชั่วชีวิตล่ะ เธอรู้ไหม? มือของพ่อเธอต้องเปื้อนเลือดไปตั้งเท่าไหร่กว่าจะเดินมาถึงวันนี้ได้ ฉันเห็นมานักต่อนักแล้ว เขาไม่มีทางยอมรับการทรยศแบบนี้แน่นอน ฉันไม่มีทางให้ถอยแล้ว” กล่าวจบก็หลั่งน้ำตานองหน้า

เริ่มแรกเขาไม่ได้คิดที่จะฆ่าพานหลิงเวยจริงๆ เขาเคยหยั่งเชิงดูท่าทีของพานหลิงเวย แต่ท่าทีของพานหลิงเวยกลับเด็ดเดี่ยวเป็นอย่างมาก คิดถึงตระกูลพานเป็นอันดับแรก มันเลยทำให้เขาสิ้นหวัง

มืออันสั่นเทาหยิบยาออกมาเม็ดหนึ่ง จากนั้นบีบปากของพานหลิงเวย หย่อนยาเข้าไปในปากของพานหลิงเวย

หลังจากนั้นเดินไปที่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง เช็ดน้ำตาอยู่หน้ากระจก ปรับสีหน้าให้เป็นปกติ พยายามไม่ให้ตัวเองเผยพิรุธใดๆ ออกมา

หลังจากทำสิ่งเหล่านี้เสร็จ เขาก็เปิดประตูแล้วเดินออกไป พูดกับคนใช้ที่อยู่ด้านนอกว่า “คุณหนูใหญ่เหนื่อยแล้ว พักผ่อนไปแล้ว อย่าเข้าไปรบกวน”

“ค่ะ!” คนข้างนอกตอบกลับ

ส่วนเขาก็รีบสาวเท้าเดินออกไป

…..

ใบหน้าของพานหลิงเยวี่ยเต็มไปด้วยความเจ็บปวด ค่อยๆ ทรุดตัวนั่งลงบนพื้นพร้อมทั้งกอดท้องของตัวเองเอาไว้ ปวดจนเหมือนท้องกำลังบิดเป็นเกลียว เจ็บปวดจนกระทั่งหายใจก็ยังยากลำบาก ภายในรูจมูกและหางตามีเลือดไหลซึมออกมา

เธอพยายามร้องขอความช่วยเหลือ แต่กลับไม่อาจเปล่งเสียงใดๆ ออกไปได้ สายตามองไปยังจานบนโต๊ะที่เธอเพิ่งจะใช้ไปได้ไม่นาน คล้ายเข้าใจอะไรบางอย่าง ปากเอ่ยพึมพำว่า “พี่ใหญ่ พี่ช่างใจร้ายจริงๆ…”

เธอไม่ยอมตัดใจ พยายามออกแรงคลาน พอคลานไปถึงหน้าโต๊ะก็พยายามจะยืดแขนไปบนโต๊ะอย่างสุดชีวิต ในที่สุดมือก็เอื้อมถึงบนโต๊ะ นิ้วมือพยายามคว้าเกี่ยวไปมา

จานใบหนึ่งตกลงพื้น แตกเป็นเสี่ยงๆ

เธอเองก็เหมือนใช้พละกำลังไปจนหมดอย่างไรอย่างนั้น นอนกองอยู่บนพื้น กระอักเลือดออกมาไม่หยุด

“คุณหนูรองครับ!” ผู้คุ้มกันด้านนอกที่ได้ยินเสียงเอะอะภายในห้องส่งเสียงตะโกนอยู่ตรงหน้าประตู เนื่องจากด้านในเป็นผู้หญิง จึงไม่สะดวกที่จะบุกเข้าไป

เมื่อเห็นว่าไม่มีเสียงตอบกลับ เขาจึงลองเปิดประตูแล้วเหลือบมองเข้าไป พอเห็นสภาพภายในห้องก็ตกใจ รีบผลักประตูแล้วพุ่งตัวเข้าไปทันที ประคองพานหลิงเยวี่ยขึ้นมา ใช้พลังตรวจสอบดูเล็กน้อยแล้วส่งเสียงตะโกนเรียกทันที “ใครก็ได้ เข้ามาหน่อย!”

เซียงหลัวเซ่อรีบเดินทางมา แต่มันก็สายไปเสียแล้ว พานหลิงเยวี่ยหมดลมหายใจไปแล้ว สีหน้าของเธอที่ตายไปแล้วดูดุร้าย น่ากลัวเป็นอย่างมาก

ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรมาก เธอโดนวางยาพิษ แล้วก็มีเพียงคนเดียวที่เข้ามาเยี่ยมพานหลิงเยวี่ย

กล้าดียังไงถึงมาวางยาฆ่าคนใต้จมูกเขา เซียงหลัวเซ่อโมโหขึ้นมา เขาเชื่อใจพานหลิงเวย แต่กลับคิดไม่ถึงเลยว่าพานหลิงเวยจะวางยาพิษน้องสาวแท้ๆ ของตัวเองได้ จึงรีบออกไปหาพานหลิงเวยด้วยความโกรธเกรี้ยว

“คุณหนูใหญ่กำลังพักผ่อนค่ะ”

สาวใช้ในที่พักของพานหลิงเวยขวางเขาเอาไว้ ก่อนจะถูกผลักออกไป ผู้คุ้มกันที่เปิดทางใช้เท้าถีบประตูจนเปิดออก

เซียงหลัวเซ่อที่บุกเข้าไปด้านในเดินไปที่เตียง เมื่อเห็นว่าพานหลิงเวยยังคงนอนหลับอย่างสบายจึงยิ่งทำให้เขารู้สึกโกรธ ตะโกนออกไปว่า “นังสารเลว ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้!”

แต่พานหลิงเวยยังคงไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ เขาตะโกนเสียงดังขนาดนี้ เป็นไปไม่ได้ที่เธอจะไม่ได้ยิน เซียงหลัวเซ่อรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างแปลกๆ เมื่อมองดูใบหน้าของพานหลิงเวยก็พบว่าขาวซีดเกินไป ขาวซีดจนไม่มีสีเลือด จึงยื่นมือไปตบหน้าพานหลิงเวยเบาๆ ทันที

ใครจะไปรู้ว่าศีรษะของพานหลิงเวยจะหันเอียงไป มุมปากมีโลหิตสีดำไหลซึมออกมา

เซียงหลัวเซ่อตกใจเป็นอย่างมาก รีบยื่นมือไปแตะที่คอของพานหลิงเวยเบาๆ ถ่ายพลังเข้าไปตรวจสอบดู ตายแล้ว!

เพิ่งจะตายได้ไม่นาน ร่างกายยังอุ่นอยู่

เซียงหลัวเซ่อค่อยๆ ลุกขึ้นยืน สีหน้าคร่ำเคร่งเป็นอย่างมาก

…..

หลังจากนั้นไม่นาน สวีเฉียนถูกคุมตัวเข้ามา เขาเองก็ไม่ได้คิดที่จะหนี เมื่อถูกอีกฝ่ายซักถาม สวีเฉียนตอบอย่างเยือกเย็นว่า “ผมไม่ได้ทำ!”

พูดแต่ประโยคนี้ซ้ำไปซ้ำมา เป็นตายอย่างไรก็ไม่ยอมรับว่าตัวเองเป็นคนทำเรื่องนี้

ถึงแม้เซียงหลัวเซ่อจะรู้ว่าเขาเป็นคนทำ เขาก็ไม่มีทางยอมรับมันด้วยตัวเองเด็ดขาด

สีหน้าของเขาเรียบเฉย เรียบเฉยเป็นอย่างมากจริงๆ นี่มิใช่การเสแสร้ง แววตาของเขายิ่งสงบนิ่ง สงบนิ่งจนไม่เห็นแววตาใดๆ นับตั้งแต่วินาทีที่เขาลงมือวางยาพิษภรรยา สวีเฉียนคนเดิมนั้นได้ตายไปแล้ว

“ยังจะกล้าเล่นลิ้นอีกเรอะ!” เซียงหลัวเซ่อคว้าคอเสื้อของเขา ยกขึ้นมาด้วยมือเดียว อยากจะฟันเขาให้ตายไปเสียตรงนี้ ถ้าเจ้านี่ยังคงยืนกรานไม่ยอมรับล่ะก็ คนนอกจะนึกว่าตัวเขาเป็นคนทำเอาได้ เพราะทุกคนต่างรู้เขาจับตัวพานหลิงเยวี่ยเอาไว้

แต่ว่าการร่วมมือกับหอการค้าตระกูลฉินก็ใกล้เข้ามาแล้ว หอการค้าตระกูลฉินเลือกสวีเฉียน คนผู้นี้เกี่ยวพันถึงผลประโยชน์ของตระกูลเซียงหลัว

หากเขาฆ่าสวีเฉียน เขาก็ไม่รู้ว่าจะไปอธิบายกับพานชิ่งอย่างไร แล้วถ้าทําให้เสียเรื่อง เขาก็ยิ่งไม่สามารถอธิบายกับทางตระกูลได้

ถ้าหากการร่วมมือกับหอการค้าตระกูลฉินในครั้งนี้ไม่สำเร็จ เขาก็ไม่อาจปัดความรับผิดชอบได้ ทางตระกูลจะต้องโทษว่าเขาละเลยต่อหน้าที่อย่างแน่นอน

เขาจำต้องยอมรับเลยว่าตัวเองประมาทเกินไป!

ผัวะ! เซียงหลัวเซ่อที่โกรธเกรี้ยวกัดฟันกรอด เตะสวีเฉียนจนลงไปกองอยู่ที่พื้น แต่สุดท้ายแล้วเขาก็ไม่กล้าลงมือสังหารอีกฝ่าย

สวีเฉียนที่กองอยู่บนพื้นค่อยๆ ลุกขึ้นมานั่งอย่างช้าๆ นี่เป็นสิ่งที่เขาคาดการณ์เอาไว้อยู่แล้ว แล้วก็เป็นสิ่งที่เผิงซีคาดการณ์เอาไว้แล้วเช่นกัน มิเช่นนั้นทั้งสองคนก็คงไม่กล้าทำเช่นนี้

สวีเฉียนและเผิงซีถูกบีบจนตกอยู่ในสภาพนี้ พวกเขาจำเป็นต้องโจมตีกลับอย่างเด็ดขาดเพื่อแย่งชิงสิทธิ์การควบคุมหอการค้าตระกูลพานและหอการค้าตระกูลโจวมาไว้ในมือ จึงจำเป็นต้องเผชิญหน้ากับตระกูลเซียงหลัวและตระกูลกงหู่อย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้

……

การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ภายในหอการค้าตระกูลพานและหอการค้าตระกูลโจวได้ถูกคนบางคนพยายามปกปิดเอาไว้ พยายามควบคุมไม่ให้ข่าวแพร่กระจายออกไป

ในเวลาเดียวกับที่ทั้งสองตระกูลกำลังเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ผลการประมูลครั้งที่สองของเมืองคุนกว่างก็ออกมาแล้วเช่นกัน

เทพมหาวิญญาณหอการค้าตระกูลสือพ่ายแพ้ไปอย่างน่าเสียดาย!

หอการค้าที่มีผลประโยชน์อยู่แต่เดิมอย่างหอการค้าตระกูลฉวี่ หอการค้าตระกูลอู และหอการค้าตระกูลเผยได้พยายามอย่างเต็มที่แล้ว แต่จนปัญญาที่เมื่ออยู่ในสถานที่ที่ตัดสินกันด้วยความแข็งแกร่งที่แท้จริง ศักยภาพที่แท้จริงของเทพมหาวิญญาณของหอการค้าทั้งสามแห่งก็ถูกแสดงออกมาให้เห็น ไม่มีใครทนรับการกระแทกในด่าน ‘หล่อหลอมกายา’ ได้เกินห้าพันครั้ง นี่เป็นเทพมหาวิญญาณที่มีสภาพดีที่สุดของหอการค้าทั้งสามแห่งแล้ว แต่ถ้ายังไม่สามารถแก้ไขปัญหาที่แท้จริงได้มันก็ไร้ประโยชน์ จำเป็นต้องยอมรับผลที่ไม่มีใครสามารถยอมรับได้

กลับเป็นเทพมหาวิญญาณของหอการค้าตระกูลจิ้นที่ทนรับการกระแทกได้เกินห้าพันครั้ง แต่สุดท้ายก็ไม่อาจผ่านด่านหกพันครั้งไปได้

มีเพียงเทพมหาวิญญาณของหอการค้าตระกูลสือเท่านั้นที่ทนได้นาน แต่สุดท้ายยังคงล้มลงหลังถูกกระแทกไปเจ็ดพันกว่าครั้ง

เมื่อเห็นสถานการณ์การประมูลในฉากแสง หนานชีหรูอันที่คอยจับตาดูอยู่ที่เมืองคุนกว่างก็ลุกขึ้นยืน ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก

ในช่วงนี้เขาคอยจับตาดูที่นี่อยู่ตลอดเวลา สั่งการทุกอย่างด้วยตัวเอง ระดมข้อมูลทุกอย่างที่น่าจะนำมาใช้ประโยชน์ได้ คอยจับตาดูการประมูลทุกฝีก้าว ไม่เปิดโอกาสให้ใครมาเล่นลูกไม้สกปรกใดๆ ได้

เมื่อเห็นประธานหอการค้าตระกูลสือเดินออกไปด้วยสีหน้าเคร่งเครียด หนานชีหรูอันก็ยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย ยื่นมือไปขอโทรศัพท์แล้วติดต่อหาฉินอี๋ “ผมเองครับ”

เสียงของฉินอี๋ตอบกลับมาว่า “คุณชายหรูอัน”

หนานชีหรูอันเอ่ย “ตอนนี้ทางคุณคงจะเลยเที่ยงคืนไปแล้วใช่ไหมครับ ผมไม่ได้รบกวนเวลาพักผ่อนของคุณใช่ไหมครับ?”

ฉินอี๋ตอบ “ไม่ค่ะ”

หนานชีหรูอันยิ้มพลางกล่าวว่า “ผมมีข่าวดีมาบอกคุณ ผลการประมูลออกมาแล้วครับ หอการค้าทั้งห้าตระกูลต่างรับการกระแทกได้ไม่ถึงแปดพันครั้งครับ”

ฉินอี๋หันกลับไปมองฉากแสง ความจริงเธอรู้ผลการประมูลจากการถ่ายทอดสดแล้ว “เป็นข่าวดีจริงๆ ด้วยค่ะ เรื่องหลังจากนี้ต้องฝากคุณชายหรูอันด้วยนะคะ”

หนานชีหรูอันหัวเราะพลางเอ่ยว่า “น่าจะไม่มีอะไรแล้วล่ะครับ ความจริงมันก็เห็นๆ กันอยู่ ถ้าจะปลุกปั่นอะไรขึ้นมาอีกคงเป็นไปได้ยาก น่าจะแสดงความยินดีล่วงหน้ากับหอการค้าตระกูลฉินได้แล้วล่ะครับ”

ฉินอี๋เอ่ย “ฉันเองก็ต้องแสดงความยินดีกับคุณชายหรูอันด้วยนะคะ”

หนานชีหรูอันยิ้มพลางเอ่ยว่า “ยินดีเช่นกันครับ จริงสิ ทางหอการค้าตระกูลพานกับหอการค้าตระกูลโจวเป็นยังไงบ้างครับ? ”

ฉินอี๋เอ่ย “คุณชายสบายใจได้ เดี๋ยวฉันจัดการเรื่องพวกนี้เองค่ะ”

เรื่องบางเรื่องเธอเองก็จำเป็นต้องหารือกับหนานชีหรูอันก่อน เพราะจำเป็นต้องขอความร่วมมือจากตระกูลหนานชี มิเช่นนั้นอาจจะเกิดการเข้าใจผิดกันได้

หนานชีหรูอันเอ่ย “เรื่องความสามารถของท่านประธานฉินไม่มีอะไรต้องสงสัยอยู่แล้ว เอาล่ะ ทางนั้นคงดึกแล้ว รีบพักผ่อนเถอะครับ เดี๋ยวผลการประมูลอย่างเป็นทางการออกมาแล้วผมจะแจ้งให้คุณทราบอีกที”

“ได้ค่ะ” ฉินอี๋พูดจบก็วางโทรศัพท์ลง บิดขี้เกียจด้วยใบหน้าเหนื่อยล้า หลายวันมานี้เธอไม่ได้พักผ่อนอย่างเต็มที่จริงๆ นั่นแหละ จากนั้นหันไปพูดกับไป๋หลิงหลงที่อยู่ข้างๆ ว่า “ทางหอการค้าตระกูลพานกับหอการค้าตระกูลโจวเป็นยังไงบ้าง?”

ไป๋หลิงหลงตอบ “เผิงซีกับสวีเฉียนเข้าไปควบคุมหอการค้าของตัวเองเอาไว้แล้ว กำลังเร่งจัดการคนของพานชิ่งและโจวหม่านเชาอยู่”

ฉินอี๋ที่สวมชุดนอนเดินไปที่ริมหน้าต่าง เปิดผ้าม่านออก มองดูแสงจันทร์ด้านนอกหน้าต่าง เอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า “ดูเหมือนสองคนนี้ก็ค่อนข้างมีความสามารถทีเดียว เริ่มกำจัดคนที่ขวางมือขวางเท้าแล้ว นี่เร็วกว่าที่ฉันได้คิดไว้เสียอีก ในที่สุดคืนนี้ฉันก็จะได้นอนหลับสักที รีบพักผ่อนเถอะ เกรงว่าเซียงหลัวเซ่อกับกงหู่จ้าวคงจะอยู่ไม่สุขแล้ว พรุ่งนี้คงจะต้องโวยวายแน่นอน”

เผิงซีกับสวีเฉียนนั้นกำลังรีบกำจัดคนของพานชิ่งและโจวหม่านเชาจริงๆ จะไม่ให้พวกเขารีบก็ไม่ได้

สำหรับทั้งสองคนแล้ว ฉินอี๋ไม่ได้มีความน่าเชื่อถือเลย จะหวังให้หอการค้าตระกูลฉินเซ็นสัญญาอย่างนั้นเหรอ? พวกเขารู้สึกหมดคำพูดต่อความเย่อหยิ่งอวดดีของตระกูลกงหู่และตระกูลเซียงหลัวจริงๆ แล้วก็ไม่อยากอธิบายอะไรแล้วด้วย แล้วก็ไม่จำเป็นต้องทำให้ตระกูลใหญ่สองตระกูลนั้นได้สติขึ้นมาด้วย เพราะนั่นไม่ได้เป็นประโยชน์ต่อพวกเขา สิ่งที่พวกเขาต้องทำในเวลานี้คือรีบกำจัดคนและพยายามยึดอำนาจในการควบคุมหอการค้ามาให้เร็วที่สุด

……

พระอาทิตย์ลอยขึ้น แสงแดดสาดส่อง อุโมงค์เคลื่อนย้ายในเมืองปู๋เชวี่ยมีแสงพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า คล้ายคิดจะเปล่งแสงแข่งกับดวงสุริยัน แต่สุดท้ายกลับร่วงตกลงมา

ท่ามกลางสายลมและหยาดน้ำค้างยามเช้า ลั่วเทียนเหอกำลังเดินกลับไปกลับมาอยู่ข้างพุ่มไม้ ชมหยาดน้ำค้างที่ใสกระจ่าง

เหิงเทาก้าวอาดๆ เข้ามาทำความเคารพ จากนั้นกล่าวรายงานว่า “ท่านเจ้าเมืองครับ กงหู่จ้าวกับเซียงหลัวเซ่อมาครับ มาด้วยกันครับ”

ลั่วเทียนเหอหันหน้าไปเล็กน้อย เอ่ยว่า “มาเพราะเรื่องพานชิ่งกับโจวหม่านเชา?”

เหิงเทาตอบ “เหมือนจะไม่ใช่ครับ ทั้งสองคนพอออกจากอุโมงค์เคลื่อนย้ายก็ตรงไปที่หอการค้าตระกูลฉินครับ”

ลั่วเทียนเหอแค่นเสียงเหอะออกมา เอ่ยว่า “จับตาดูให้ดี อย่าให้พวกเขาก่อเรื่อง”

…..

ฉินอี๋ที่เพิ่งประชุมช่วงเช้าเสร็จกลับมานั่งที่ห้องทำงานของตัวเองได้ไม่นาน ไป๋หลิงหลงก็รีบเข้ามารายงานว่า “ท่านประธานคะ กงหู่จ้าวกับเซียงหลัวเซ่อมาค่ะ กำลังมาที่หอการค้าตระกูลฉินค่ะ”

ฉินอี๋ควงปากกาอยู่ในมือ ปากกาหมุนควงไปมาอยู่บนนิ้ว “ถ่อมาเองแบบนี้ ดูเหมือนจะร้อนใจกว่าที่ฉันคิดเอาไว้เสียอีกนะเนี่ย น่าเสียดายที่มันยังไม่ถึงเวลา เผิงซีกับสวีเฉียนยังตั้งหลักไม่ได้เลย ถ้าจะสู้มันก็ต้องสูสีกันหน่อย รอให้พานชิ่งกับโจวหม่านเชากลับไปก่อนมันถึงจะสนุก เผิงซีกับสวีเฉียนยังต้องใช้เวลาอีก ฉันเองก็ไม่คิดจะเจอสองคนนั้นด้วย เธอหาข้ออ้างไล่พวกเขาไปก่อน แล้วก็ติดต่อไปหาเหิงเทา อ้างว่าเพื่อความปลอดภัย ขอให้ทางผู้พิทักษ์เมืองส่งคนมาที่หอการค้าตระกูลฉินกับคฤหาสน์ตระกูลฉินด้วย เผื่อสองคนนั้นคิดจะบุกเข้ามา”

…………………………………………………………

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

Status: Ongoing
อดีตแมงดาหวนคืนสู่มาตุภูมิในรอบ 300 ปี หวังจะใช้ชีวิตอย่างสงบเพื่อหลบเลี่ยงเรื่องบางอย่าง แต่กลับต้องเข้าไปพัวพันกับการประมูลเทพมหาวิญญาณและการชิงอำนาจจนเสี่ยงจะถูกเปิดเผยตัวตน?!อีก 1 ผลงานใหม่จากนักเขียนระดับแพลตตินัมของ Qidian ‘เยวี่ยเชียนโฉว’ผู้เขียนเรื่อง < พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า > และ < ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า >ณ แดนเซียนในยุคปัจจุบัน‘หลินยวน’ อดีตแมงดา เดินทางกลับมายังมาตุภูมิพร้อมกับตัวตนใหม่ด้วยหวังจะใช้ชีวิตอย่างสงบเพื่อหลบเลี่ยงเรื่องบางอย่างแต่ด้วยความจำเป็น เขาจึงต้องเข้าไปทำงานในบริษัทของคนรักเก่าที่เขาเคยหลอกใช้ในฐานะผู้ช่วยของ ‘หลัวคังอัน’ จอมลวงโลกที่โกหกว่าตัวเองคือผู้ทำให้ ‘ป้าหวัง’ 1 ใน 13 มารสวรรค์บาดเจ็บสาหัสและนั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้หลินยวนต้องเข้าไปพัวพันกับการประมูล ‘เทพมหาวิญญาณ’ซึ่งเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์จำนวนมหาศาลและการชิงอำนาจระหว่างตระกูลจนเสี่ยงต่อการถูกเปิดเผยตัวตนที่แท้จริง?!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน