ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน – ตอนที่ 167 ยุ่งจนหัวหมุน

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

ตอนที่ 167 ยุ่งจนหัวหมุน

“ท่านประธาน” มีคนส่งเสียงอุทานตกใจ คนสองสามคนรีบวิ่งเข้าไป มีผู้บำเพ็ญเพียรรีบใช้พลังเพื่อช่วยเหลือ

มีคนจำนวนมากก็ใช่ว่าทุกคนจะเข้าไปช่วยเหลือได้ คนที่อยู่ข้างๆ มองดูพานชิ่งที่เป็นลมไปด้วยความเป็นห่วง จากนั้นหันไปมองดูศพของสองพี่น้องอีกครั้ง ภายในใจลอบรู้สึกเวทนาท แล้วก็เข้าใจในความรู้สึกของพานชิ่ง

ออกมาจากคุก ทุกอย่างพลันเปลี่ยนไป จู่ๆ ลูกสาวสองคนที่เหลืออยู่จากลูกสาวทั้งหมดสามคนต้องมาตายไปพร้อมกัน พูดอีกอย่างคือตอนนี้พานชิ่งไร้ซึ่งผู้สืบทอดแล้ว

คุณหนูแห่งตระกูลพานที่เมื่อครั้งยังมีชีวิตอยู่เพียบพร้อมไปด้วยทรัพย์สมบัติและเกียรติยศ หลังเสียชีวิตไปแล้วกลับไม่มีแม้กระทั่งโลงศพสักใบ ถูกเอามาโยนฝังไว้ในที่รกร้างเช่นนี้ ถูกหนอนแมลงกัดกิน ภาพเหตุการณ์นี้อย่าว่าแต่พานชิ่งเลย ไม่ว่าเป็นพ่อคนไหนหากได้มาเห็นภาพนี้ก็ต้องรับไม่ได้กันทั้งนั้น

สวีเฉียนสังหารภรรยาไม่พอ แต่ยังจัดการกับศพภรรยาแบบนี้อีก ต่อให้เป็นคนที่ไม่เกี่ยวข้องก็ยังทนดูต่อไปไม่ได้ ภายในใจทั้งรู้สึกโกรธเกรี้ยวและทอดถอนใจ

….

“หัวหน้าสวิน มีคนแจ้งความว่าคุณเอาแอบยักยอกสินค้าของหอการค้าตระกูลโจวไปขาย ขอความร่วมมือในการสอบสวน โปรดตามพวกเราไปด้วยครับ”

ภายในห้องทำงานของหัวหน้าคนหนึ่งของหอการค้าตระกูลโจว ผู้พิทักษ์เมืองกลุ่มหนึ่งบุกเข้าไปด้านใน คนที่เป็นหัวหน้าหน่วยผู้พิทักษ์เมืองเดินเข้าไปตรงหน้าคนที่ยืนมึนงงอยู่ด้านหลังโต๊ะทำงาน แจ้งสาเหตุที่ตนมาด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย

หัวหน้าสวินเอ่ยด้วยความตกใจและสงสัย “นี่มันอะไรกัน? นี่มันใส่ความกันชัดๆ!”

หัวหน้าผู้พิทักษ์เมืองเอ่ย “ใส่ความหรือไม่ เดี๋ยวสอบสวนดูก็รู้ครับ” โบกมือพร้อมเอ่ย “พาตัวไป!”

ไม่อนุญาตให้แก้ตัวใดๆ ผู้พิทักษ์เมืองสองคนเข้าไปคุมตัวเขาออกไป

ในตอนที่ภาพผู้พิทักษ์เมืองคุมตัวคนผ่านพื้นที่ทำงานที่เปิดโล่ง พนักงานของหอการค้าตระกูลโจวจำนวนไม่น้อยพากันลุกขึ้นยืน คิดไม่ถึงว่าผู้พิทักษ์เมืองจะบุกเข้ามาจับคนในสำนักงานใหญ่ของหอการค้าตระกูลโจว ด้วยเส้นสายภายในพื้นที่ของหอการค้าตระกูลโจวแล้ว นี่นับเป็นเรื่องที่พบเห็นได้น้อยนัก ทุกคนต่างรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น

พนักงานพากับแอบซุบซิบพูดคุยถึงเรื่องที่เกิดขึ้น

คนที่ถูกจับไปไม่ได้มีแค่หัวหน้าสวินคนนี้เท่านั้น แต่ในบรรดาพนักงานระดับบริหารที่ถูกเลื่อนตำแหน่งขึ้นมาใหม่ในช่วงนี้ของหอการค้าตระกูลโจว ในวันนี้วันเดียวได้มีคนถูกจับตัวไปถึงหกเจ็ดคน ทำให้คนจำนวนไม่น้อยพากันตื่นตระหนก

เรื่องราวที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันโดยไม่มีลางบอกเหตุนี้ทำให้เผิงซีที่เพิ่งขึ้นมาเป็นประธานคนใหม่มือไม้ปั่นป่วนทำอะไรไม่ถูก เขาเดินทางไปสอบถามผู้พิทักษ์เมืองด้วยตัวเองว่ามันเกิดอะไรขึ้น

ทางผู้พิทักษ์เมืองเพียงแค่บอกสาเหตุที่จับคนมา ส่วนเรื่องอื่นๆ กำลังทำการสอบสวนอยู่ ให้ข้ออ้างว่าไม่สะดวกแจ้งรายละเอียดอะไรในการไล่เขาออกมา

เจ้าเมืองซางเจ๋ออ้างว่ามีธุระ ปฏิเสธพบหน้าเผิงซี

นี่มันเกิดอะไรขึ้น? เผิงซีรับรู้ได้ถึงความผิดปกติ จึงรีบไปหากงหู่จ้าวทันที ขอให้กงหู่จ้าวใช้อิทธิพลของตระกูลกงหู่ในการแทรกแซงเพื่อทำให้สถานการณ์สงบลง

จู่ๆ ก็เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นในเวลานี้ ทำให้รบกวนการทำงานตามปกติของหอการค้าตระกูลโจว เมื่อส่งผลกระทบต่อการทำงานตามปกติก็ย่อมต้องทำให้ผลประโยชน์ของหอการค้าตระกูลโจวเกิดความเสียหายด้วย แล้วก็จะส่งผลกระทบต่อผลประโยชน์ของตระกูลกงหู่ด้วย กงหู่จ้าวเองก็รับรู้ได้ถึงความผิดปกติ จึงไม่อาจนิ่งเฉยได้ ไม่เพียงแต่จะใช้อิทธิพลของตระกูลกงหู่เท่านั้น แต่เขายังเดินทางไปในสำนักงานเจ้าเมืองด้วยตัวเองด้วย

เนื่องเพราะเห็นแก่หน้ากงหู่จ้าว เจ้าเมืองซางเจ๋อจึงยอมปรากฏตัวพบกงหู่จ้าว

เมื่อต้องเผชิญกับเสียงคัดค้านอย่างแข็งกร้าวของกงหู่จ้าว ซางเจ๋อจึงโยนเอกสารการสืบสวนฉบับหนึ่งให้เขา “ตามหลักแล้ว ข้อมูลเหล่านี้มันไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับท่านเสมียนใหญ่ จึงไม่สมควรเปิดเผยให้ท่านเสมียนใหญ่ดู แต่ท่านเสมียนใหญ่มาเยือนที่นี่ด้วยตัวเอง ผมจึงจะแหกกฎให้เล็กน้อย นี่คือข้อมูลที่ได้รับแจ้งความมา รายละเอียดของผู้ถูกจับกุมทุกคน ทั้งช่วงเวลาที่เกี่ยวข้องกับคดี สถานที่ เรื่องที่พวกเขาทำ สิ่งของและเงินที่เกี่ยวข้องกับคดี ทุกอย่างล้วนระบุเอาไว้อย่างชัดเจน กระทั่งพยานวัตถุและพยานบุคคลก็มี ไม่สามารถปฏิเสธได้เลย พอเอาข้อมูลให้ดู คนที่เกี่ยวข้องกับคดีก็ไม่อาจแก้ตัวได้ รับสารภาพออกมากันหมด”

“ท่านเสมียนใหญ่ ไม่ใช่ว่าแซ่ซางไม่เห็นแก่หน้าตระกูลกงหู่ แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าพยานหลักฐานที่แน่นหนาแบบนี้ ผมเองก็ไม่สามารถไว้หน้าได้ หากผมไม่ปฏิบัติตามหน้าที่ เกิดคนที่แจ้งความหอบเอาหลักฐานไปร้องเรียน ถึงตอนนั้นผมจะทำอย่างไรล่ะครับ? ทุกอย่างมันปรากฏอยู่ตรงหน้า ถ้าผมยังไปปกป้องคุ้มครอง ถึงตอนนั้นคนแรกที่ตอบรับผิดชอบก็คือตัวผม หากเปลี่ยนเป็นท่านเสมียนใหญ่ ท่านจะทำอย่างไรล่ะครับ?”

กงหู่จ้าวหยิบเอาเอกสารการสืบสวนขึ้นมาพลิกอ่านอยู่ครู่หนึ่ง สีหน้าค่อยๆ คร่ำเคร่ง ของที่อยู่ในมือหนังอึ้งเป็นอย่างมาก เขาค่อยๆ วางลง จากนั้นเงยหน้าขึ้นมาถามว่า “เจ้าเมืองซาง ไม่ทราบว่าคนที่แจ้งความคือใครเหรอ?”

“เอ่อ เรื่องนี้….” ซางเจ๋อคล้ายลังเล “เรื่องนี้ท่านจะให้ผมพูดอย่างไรล่ะครับ? เหตุผลแรกคือผมเองก็ไม่สะดวกพูด การเปิดเผยข้อมูลผู้ที่มาแจ้งความมันผิดกฎ ถ้าเกิดผู้ที่มาแจ้งความถูกทำร้ายเพื่อแก้แค้น แบบนั้นผมก็จะไม่สามารถอธิบายได้…” จากนั้นกะพริบตาเล็กน้อย “อีกเหตุผลหนึ่งคือผมเองก็ไม่รู้เช่นกัน เพราะนี่เป็นการแจ้งความแบบไม่เปิดเผยตัวตน แต่ว่าการที่สามารถแจ้งรายละเอียดต่างๆ ได้อย่างชัดเจนเช่นนี้ คนที่สามารถมอบทั้งพยานบุคคลและพยานวัตถุได้เช่นนี้ ดูแล้วคงจะเป็นคนที่ทราบเรื่องราวภายในหอการค้าตระกูลโจวเป็นอย่างดีครับ”

สุดท้ายกงหู่จ้าวก็เดินหน้าดำคร่ำเคร่งออกมาจากที่ทำการเจ้าเมือง การมาครั้งนี้นับว่าได้ข้อมูลมานิดหน่อย แต่ก็ไม่ถือว่ามีความคืบหน้าอะไรมากนัก

ในตอนที่กลับมาถึงคฤหาสน์ตระกูลโจว เผิงซีที่รอคอยอยู่รีบเดินเข้ามาต้อนรับ เอ่ยถามอย่างร้อนใจว่า “ท่านเสมียนใหญ่ เป็นอย่างไรบ้างครับ?”

จะเป็นอะไรได้ล่ะ? กงหู่จ้าวย่อมต้องเล่าเรื่องที่ได้ฟังมาจากทางซางเจ๋อให้เผิงซีฟัง สุดท้ายเอ่ยเสียงขรึมว่า “ก่อนหน้านี้ฉันเคยเตือนเธอแล้วว่าอย่าทำอะไรรุนแรงเกินไป ต้องพยายามเปลี่ยนถ่ายให้นุ่มนวลที่สุด นี่เธอไปทำอะไรรุนแรงจนคนที่ถูกเธอปลดออกจากตำแหน่งแค้นใจจนไปแจ้งความหรือเปล่า?”

จะเป็นเพราะเรื่องนี้หรือเปล่า เผิงซีเองก็ไม่มั่นใจเช่นเดียวกัน แต่นี่มันก็เป็นไปได้เช่นเดียวกัน

กงหู่จ้าวให้เขาตามสืบคนที่ถูกปลดออกไปจากตำแหน่งก่อนหน้านี้ดูดีๆ เผิงซีเดินออกไปจากเรือนอย่างเงียบๆ ยังไม่ทันจะเดินออกไปได้ไกลเขาก็ได้รับโทรศัพท์สายหนึ่ง เป็นพันธมิตรทางธุรกิจที่ร่วมมือกับหอการค้าตระกูลโจวมาเป็นเวลานานแห่งหนึ่ง

“ประธานจงครับ มีอะไรจะชี้แนะหรือครับ?” เผิงซีที่รับโทรศัพท์เอ่ยพร้อมรอยยิ้ม น้ำเสียงฟังดูเกรงใจเป็นอย่างมาก

แต่ประธานจงกลับแค่นเสียงเหอะออกมา คำพูดที่เอ่ยออกมาเองก็ไม่ได้มีความเกรงใจเช่นเดียวกัน “ประธานเผิง หอการค้าตระกูลโจวของพวกคุณกำลังทำอะไร? เรื่องที่หอการค้าตระกูลโจวของพวกคุณก่อทำไมถึงไม่รีบหาทางแก้ไข ทำไมถึงทำให้ทางการสืบมาถึงหอการค้าตระกูลจงของผมได้ แล้วนี่ยังเรียกให้ผมไปให้การอีก นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”

เผิงซีรีบกล่าว “ประธานจงครับ เข้าใจผิดกันนิดหน่อยน่ะครับ เดี๋ยวหอการค้าตระกูลโจวจะรีบแก้ไขครับ”

ประธานจงเอ่ย “ประธานเผิง ผมไม่สนหรอกนะว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิดอะไรหรือเปล่า แต่ตอนที่โจวหม่านเชายังอยู่ ทุกคนร่วมมือกันอย่างมีความสุขหรือเปล่าไม่รู้ แต่อย่างน้อยทุกคนก็จัดการเรื่องของตนให้เรียบร้อยได้เป็นอย่างดี ไม่มีเรื่องวุ่นวายอะไรแบบนี้ ทางที่ดีคุณรีบจัดการแก้ไขให้เร็วที่สุดจะดีกว่า อย่าหาข้ออ้างเหลวไหลมาบอกผม ถ้าขืนยังทำอะไรชักช้ายืดยาดแบบนี้ต่อไปล่ะก็ อย่างนั้นพวกเราคงร่วมมือกันต่อไปไม่ได้แล้ว”

การติดต่อกันทางด้านธรุกิจบางอย่าง โดยเฉพาะเมื่อเกี่ยวพันถึงผลประโยชน์จำนวนมหาศาล การจะทำให้สะอาดหมดจดอย่างสมบูรณ์นั้นไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ แต่เรื่องที่ไม่สะอาดบางอย่างก็หลีกเลี่ยงไม่ได้เช่นกัน

“ได้ครับ เข้าใจแล้วครับ ประธานจงวางใจได้ครับ…” เผิงซีเกลี้ยกล่อมและสร้างความมั่นใจให้กับอีกฝ่ายอยู่ครู่ใหญ่ถึงจะวางสายไป ภายในใจยิ่งรู้สึกหนักอึ้ง เรื่องราวเหมือนจะมีแนวโน้มรุมแรงกว่าที่เขาคิดเอาไว้ ทำให้เขาตระหนักได้ว่านี่มันไม่ใช่แค่การแจ้งความธรรมดาๆ แล้ว หากแต่มีคนกำลังสร้างความกดดันให้กับทั้งนอกและในหอการค้า

ไม่รู้ว่าเขาคิดถึงเรื่องอะไร เขาจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาติดต่อสวีเฉียนอีกครั้ง สอบถามสวีเฉียนว่าทางด้านนั้นเป็นอย่างไรบ้าง

ผลปรากฏว่าไม่ใช่แค่เฉพาะเขาเท่านั้น แต่ทางหอการค้าตระกูลพานของสวีเฉียนเองก็เกิดเรื่องขึ้นเช่นกัน สวีเยียนกำลังยุ่งจนหัวหมุน

หลังฟังจบ เผิงซีใบหน้าอึมครึมลงทันที เอ่ยด้วยน้ำเสียงคร่ำเคร่งว่า “สวีซยง พานชิ่งอาจจะกลับมาแล้ว!”

สวีเฉียนตกใจเป็นอย่างมาก “อะไรนะ? เป็นไปไม่ได้!”

“คุณระวังเอาไว้หน่อย!” เผิงซีกล่าวจบก็วางสายไป

ชิงจั๋วและเชอมั่วที่อยู่ด้านข้างจ้องมองดูท่าทีของเขา เผิงซีกำโทรศัพท์แน่น แหงนหน้าสูดหายใจลึกๆ เอ่ยออกมาว่า “โจวหม่านเชากลับมาแล้ว!”

ชิงจั๋วเอ่ยด้วยความตกใจว่า “มันจะเป็นไปยังไงครับ ถ้าเขาออกมาจากคุกจริงๆ ทำไมสายที่อยู่ทางนั้นถึงไม่รายงานกลับมาเลยล่ะครับ?”

เผิงซีกล่าว “ให้คนที่อยู่ทางเมืองปู๋เชวี่ยไปสืบดู ต้องสืบให้รู้ให้ได้ว่าคนยังอยู่ในคุกหรือเปล่า อีกอย่าง ทางนี้ก็ต้องลงมือพร้อมกันด้วย ใช้กำลังคนทั้งหมดที่นี่ จะต้องตามหาโจวหม่านเชาออกมาให้ได้!”

ในน้ำเสียงแฝงไว้ด้วยเจตนาสังหาร ทันทีที่หาพบ เขาไม่มีทางปล่อยให้โจวหม่านเชารอดชีวิตไปได้ ไม่อย่างนั้นเขาจะไม่มีวันได้อยู่อย่างเป็นสุข

ก่อนหน้านี้ทางการของเมืองฝูปอไม่ได้แสดงท่าทีอะไรต่อการขึ้นรับตำแหน่งของเขา นั่นสามารถมองว่าเพราะเป็นเรื่องภายในของหอการค้าตระกูลโจวได้ แต่ท่าทีของทางการที่จู่ๆ ก็เปลี่ยนไปอย่างกะทันหันนี้ สำหรับคนที่อยู่ในเรื่องราวนี้อย่างเขาแล้ว เรียกได้ว่าสามารถรับรู้ได้อย่างชัดเจน

เขาสามารถรับรู้ได้ แล้วก็สามารถเข้าใจได้ โดยเฉพาะเมื่อดูจากเรื่องที่เกิดขึ้นตรงหน้านี้ เขายิ่งตระหนักได้อย่างลึกซึ้งว่าโจวหม่านเชานั้นมี ‘ความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้ง’ กับเจ้าหน้าที่ของเมืองฝูปออยู่ไม่น้อย หากโจวหม่านเชายังอยู่ในคุกก็คงไม่มีอะไร แต่ทันทีที่โจวหม่านเชากลับมา ถ้าเกิดเขาอยากจะรื้อฟื้น ‘ความสัมพันธ์เก่าแก่’ กับคนเหล่านั้นล่ะก็ เกรงว่าคนเหล่านั้นคงไม่สามารถปฏิเสธได้ง่ายๆ ถ้าเกิดโจวหม่านเชาแตกหักกับพวกเขาขึ้นมา เกรงว่าคนเหล่านั้นคงได้เกิดปัญหาแน่

ในบางครั้ง นี่ก็คือสิ่งที่เรียกว่า ‘เส้นสาย’ เป็นเส้นสายที่โจวหม่านเชาค่อยๆ สร้างขึ้นมาเป็นเวลานานหลายปี ไม่ใช่สิ่งที่ตัวเขาจะเทียบได้

“ได้ครับ เดี๋ยวผมจะไปจัดการเดี๋ยวนี้ครับ” ชิงจั๋วเองก็ตระหนักได้ถึงความร้ายแรงของเรื่องนี้ รีบเดินออกไปอย่างรวดเร็ว

“จะต้องเป็นฝีมือหอการค้าตระกูลฉินแน่!” จู่ๆ เผิงซีที่นิ่งเงียบไปครู่ใหญ่ก็กัดฟันกรอดพลางเอ่ย “เป็นไปได้สูงว่าจะเป็นฝีมือของนังแพศยาฉินอี๋คนนั้น!”

เรื่องบางเรื่องมันก็เปิดเผยให้เห็นอยู่ตรงหน้า สถานการณ์ดำเนินมาถึงตอนนี้แล้ว หากเปลี่ยนเป็นเขา เขาก็คงจะทำเหมือนอย่างฉินอี๋เช่นกัน

แต่ตอนนี้เขาไม่สามารถทำอะไรฉินอี๋กับหอการค้าตระกูลฉินได้ พูดให้ถูกคือไม่มีเวลาและกำลังจะไปโจมตีกลับได้ เขาเองก็ไม่มีทางวิ่งไปบอกกับทางกงหู่จ้าวว่านี่เป็นฝีมือของฉินอี๋ เพราะการทำให้กงหู่จ้าวรู้ตัวขึ้นมาในเวลานี้ไม่ได้เป็นผลดีใดๆ กับเขา โดยเฉพาะเมื่ออยู่ในสถานการณ์แบบนี้ด้วยแล้ว

จะปล่อยให้ตระกูลกงหู่เขี่ยเขาทิ้งแล้วสนับสนุนโจวหม่านเชาขึ้นมาใหม่อีกครั้งหรือ? ถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ ล่ะก็ เขาไหนเลยจะยังมีทางรอดได้? เมื่อต้องเผชิญหน้ากับกลุ่มอิทธิพลบางกลุ่ม อาศัยเพียงเซียนกระบี่เชอมั่วเพียงคนเดียวไม่สามารถปกป้องคุ้มครองเขาได้

เขาไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว รู้ทั้งรู้ว่าฉินอี๋ส่งยาพิษมาให้เขาดื่ม เขาก็ทำได้เพียงต้องดื่มลงไป เรื่องเดียวที่เขาสามารถทำได้ในตอนนี้คือรับมือโจวหม่านเชา!

ระหว่างเขากับโจวหม่านเชาในตอนนี้ต่างหากถึงจะเป็นการต่อสู้ที่ตัดสินความเป็นความตาย อีกทั้งไม่สามารถชักช้ารีรอได้ด้วย ต่อให้โกรธแค้นหอกาค้าตระกูลฉินเพียงใดก็ทำได้เพียงปล่อยไปก่อน หากจัดการเรื่องที่อยู่ตรงหน้าไม่ได้ก็ไม่มีเรื่องภายหลังให้จัดการ

….

หลังประชุมและจัดการงานในช่วงเช้าตามปกติเสร็จเรียบร้อย ฉินอี๋ก็กลับมาที่ห้องทำงานของตัวเอง ไป๋หลิงหลงเองก็เอาข้อมูลทุกอย่างที่ทำการรวบรวมและจัดระเบียบเรียบร้อยแล้วมารายงานให้ฉินอี๋ฟัง

เมื่อได้ยินว่าภายในหอการค้าตระกูลโจวกับหอการค้าตระกูลพานเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหัน ฉินอี๋ก็เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า “โจวหม่านเชากับพานชิ่งไม่ทำให้ฉันต้องผิดหวังจริงๆ ไม่เสียทีที่เป็นไม้ใหญ่หยั่งรากลึก โจมตีกลับได้เร็วกว่าที่ฉันคิดเอาไว้เสียอีก วันนี้เป็นวันที่นัดเอาไว้ เซียงหลัวเซ่อกับกงหู่จ้าวยังไม่มาอีกเหรอ?”

ไป๋หลิงหลงกล่าว “จากที่สายรายงานมา พวกเขายังไม่มีความเคลื่อนไหวค่ะ”

ฉินอี๋เอ่ย” ติดต่อเซียงหลัวเซ่อ”

“ค่ะ” ไป๋หลิงหลงรีบหยิบโทรศัพท์ออกมา ติดต่อไปยังเซียงหลัวเซ่อ จากนั้นส่งโทรศัพท์ให้เธอ

ฉินอี๋เอาโทรศัพท์มาแนบหูไว้ “ท่านเสมียนใหญ่คะ ทางฉันเตรียมพร้อมหมดแล้วนะคะ พวกท่านจะมาเมื่อไรหรือคะ?”

ภายในโทรศัพท์มีเสียงหัวเราะแห้งๆ ของเซียงหลัวเซ่อดังออกมา “ประธานฉิน คือเรื่องนั้น ผมต้องขอโทษจริงๆ วันนี้ผมมีธุระด่วนเล็กน้อย เปลี่ยนเป็นวันหลังได้ไหมครับ?”

ฉินอี๋ดูคล้ายประหลาดใจ “ท่านเสมียนใหญ่ นี่ท่านกำลังล้อเล่นหรือคะ? ทางนี้เตรียมทุกอย่างเอาไว้พร้อมหมดแล้ว ยังมีเรื่องอะไรที่สำคัญกว่าเรื่องที่อยู่ตรงหน้าตอนนี้อีกคะ?”

…………………………………………………………………….

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

Status: Ongoing
อดีตแมงดาหวนคืนสู่มาตุภูมิในรอบ 300 ปี หวังจะใช้ชีวิตอย่างสงบเพื่อหลบเลี่ยงเรื่องบางอย่าง แต่กลับต้องเข้าไปพัวพันกับการประมูลเทพมหาวิญญาณและการชิงอำนาจจนเสี่ยงจะถูกเปิดเผยตัวตน?!อีก 1 ผลงานใหม่จากนักเขียนระดับแพลตตินัมของ Qidian ‘เยวี่ยเชียนโฉว’ผู้เขียนเรื่อง < พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า > และ < ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า >ณ แดนเซียนในยุคปัจจุบัน‘หลินยวน’ อดีตแมงดา เดินทางกลับมายังมาตุภูมิพร้อมกับตัวตนใหม่ด้วยหวังจะใช้ชีวิตอย่างสงบเพื่อหลบเลี่ยงเรื่องบางอย่างแต่ด้วยความจำเป็น เขาจึงต้องเข้าไปทำงานในบริษัทของคนรักเก่าที่เขาเคยหลอกใช้ในฐานะผู้ช่วยของ ‘หลัวคังอัน’ จอมลวงโลกที่โกหกว่าตัวเองคือผู้ทำให้ ‘ป้าหวัง’ 1 ใน 13 มารสวรรค์บาดเจ็บสาหัสและนั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้หลินยวนต้องเข้าไปพัวพันกับการประมูล ‘เทพมหาวิญญาณ’ซึ่งเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์จำนวนมหาศาลและการชิงอำนาจระหว่างตระกูลจนเสี่ยงต่อการถูกเปิดเผยตัวตนที่แท้จริง?!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน