ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน – ตอนที่ 245 ผูกเชือกจำทาง

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

ตอนที่ 245 ผูกเชือกจำทาง

“อ๋อ!” หลัวคังอันเข้าใจแล้ว เขาพยักหน้า เห็นด้วยกับวิธีนี้ เหมาะกว่าการที่ตนเองจะโปรยกลิ่นหอมไปทั่วทุกที่จริงๆ

หลังจากก้มหน้าอยู่กับโต๊ะมาพักหนึ่ง หลินยวนก็ยืดตัวตรงขึ้นมา จ้องมองสำรวจแผนที่ คิดว่าน่าจะพอใช้ได้แล้ว เขาพลิกฝ่ามือหยิบขวดน้ำหอมขวดหนึ่งออกมาวางไว้บนแผนที่ เอ่ยถามหลัวคังอันที่ยืนกอดอกมองอยู่ข้างๆ ว่า “แกจะไปหรือให้ฉันไป?”

หลัวคังอันงุนงง ก่อนจะเข้าใจความหมายของเขาทันที พลางตอบกลับไปว่า “เถ้าแก่ว่ามาเลย” แต่ภายในใจแอบบ่นพึมพำ เหลวไหล ฉันตัดสินใจแล้วมีประโยชน์อะไรไหมล่ะ?

หลินยวนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายเก็บน้ำหอมพลางกล่าว “ฉันไปเองแล้วกัน ให้แกไปฉันไม่วางใจ”

หลัวคังอันได้ยินเขาพูดแบบนี้ก็ไม่ค่อยสบอารมณ์ บ่นพึมพำออกมา “มีครั้งไหนบ้างที่ผมทำงานที่เถ้าแก่สั่งผิดพลาด ผมไม่เคยทำให้เสียเรื่องใช่ไหมล่ะ?”

เรื่องนี้เขานับว่าพูดถูก แม้ว่าตัวเขาจะไม่ค่อยน่าเชื่อถือสักเท่าไร แต่เรื่องที่หลินยวนสั่งให้เขาทำ เขายังไม่เคยทำพลาดเลยจริงๆ อีกทั้งความสามารถในการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าของเขาก็ยอดเยี่ยมอย่างมากด้วย

ดังนั้นหลินยวนจึงเอาน้ำหอมออกมาวางบนโต๊ะอีกครั้ง แล้วชี้ไปบนแผนที่ “ได้ อย่างนั้นแกก็จำเครื่องหมายร้อยกว่าจุดที่ฉันทำไว้บนแผนที่ให้ได้โดยเร็วที่สุด จำให้ได้ก่อนฟ้ามืด หลังฟ้ามืดให้ออกไปจัดการ จุดต่างๆ บนแผนที่นี้ ห้ามตกหล่นแม้แต่จุดเดียว”

หลัวคังอันมองเครื่องหมายบนแผนที่ แสยะยิ้มพลางกล่าวว่า “เถ้าแก่ นี่เถ้าแก่ไม่ได้ล้อเล่นใช่ไหม เดิมทีผมก็ไม่คุ้นเคยกับภูมิประเทศในเมืองหมอกอยู่แล้ว นี่เท่ากับว่าผมต้องจำภูมิประเทศของทั้งเมืองหมอกเลยนะ เวลาเท่านี้จะจำสถานที่ทั้งร้อยจุดโดยไม่มีผิดพลาดได้ยังไงล่ะครับ?”

หลินยวน “อย่างนั้นฉันให้แกถือแผนที่เดินไปทั่วเมืองหมอกเลย ให้แกดูแผนที่แล้วเอาน้ำหอมไปหยดตามที่ต่างๆ เอาไหม?”

“แบบนี้ได้ เอ่อ…” หลัวคังอันเพิ่งจะพยักหน้า ทันใดนั้นพลันรู้ตัวขึ้นมาทันทีว่ามันไม่ถูก ให้ถือแผนที่เดินไปทั่วเมืองหมอก นี่กลัวคนอื่นจะไม่เห็นหรือว่ายังไง จึงคิดดูเล็กน้อย ก่อนจะกลับคำพูดอย่างกระอักกระอ่วน “อันนี้มัน ไม่ค่อยดีหรือเปล่าครับ? อืม เถ้าแก่ออกโรงเองเลยน่าจะดีกว่า”

หลินยวนกลับยืนกรานกล่าวว่า “ในเมื่อแกเอ่ยปากแล้ว ฉันก็เอาตามความสมัครใจของแก จำคำพูดของตัวเองไว้ ทำงานให้ดี”

หลัวคังอันรีบโบกมือยอมแพ้ หัวเราะแหะๆ พลางกล่าว “ผมล้อเล่น ไม่ไหว ผมยอมรับว่าตัวเองทำไม่ไหวก็ยังไม่ได้อีกเหรอครับเถ้าแก่? นี่ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ นะ ถ้าทำพลาดขึ้นมาจะแย่เอาได้ ผมว่าเถ้าแก่ไปทำเองจะดีกว่า ผมอยู่เฝ้าอยู่ที่ร้านนี่แหละดีแล้ว”

หลินยวนหยิบเชือกเส้นเล็กๆ ออกมาโยนลงบนโต๊ะม้วนหนึ่ง “ฉันจะสอนวิธีจำเส้นทางแบบเร็วๆ ให้แกวิธีหนึ่ง พอเป็นแล้ว ก็ให้แกจำเส้นทางตามเครื่องหมายที่ทำไว้บนแผนที่ พอฟ้ามืดจะต้องออกไปจัดการ”

หลัวคังอันจ้องที่เชือกม้วนนั้นด้วยสายตามึนงง มีความกังวลอยู่ในแววตา “เอ่อ…วิธีอะไร? เรียนยากหรือเปล่าครับ?”

หลินยวนกล่าว “ผูกเชือกจำทาง!”

“…” หลัวคังอันเงียบไปสักพัก กล่าวอย่างกระอักกระอ่วนว่า “อันนี้ เหมือนผมจะเคยได้ยินนะ เหมือนจะเป็นวิธีที่คนป่าที่ยังไม่รู้จักตัวอักษรใช้กัน เถ้าแก่ทำเป็นด้วยเหรอ?”

“บางอย่างมันไม่ได้ซับซ้อนอย่างที่แกคิด ง่ายมาก” หลินยวนว่า

“ง่าย?” หลัวคังอันยิ้มแหย “ในเวลาสั้นๆ แค่นี้จะเรียนได้เหรอ? ผมยอมรับตรงๆ เลยนะ ตอนเรียนอยู่ที่หลิงซานผมก็ไม่ได้เรียนดีเท่าไหร่หรอก”

หลินยวนกล่าว “ฉันจะเริ่มจากการจำเส้นทางง่ายๆ ก่อน จากนั้นค่อยสอนอะไรที่มันซับซ้อนขึ้น ถ้าแกเป็นแล้ว มันจะเป็นประโยชน์กับการทำงานในอนาคตของแก ตอนที่เจอสถานการณ์ซับซ้อนจะมีโอกาสได้ใช้อย่างแน่นอน” บอกจะสอนก็สอนเลย เขาดึงปลายเชือกออกมาจากในม้วนเชือก แล้วผูกเป็นปมหนึ่งปม จากนั้นจับปลายเชือกไว้พลางกล่าว “กำหนดทิศทางที่จะเดินทางออกจากร้านก่อน ถ้าไปทางซ้ายก็ผูกเชือกทางซ้าย ถ้าไปทางขวาก็ผูกเชือกทางขวา…”

น่าสนุก…ดวงตาของหลัวคังอันค่อยๆ เปล่งประกาย ถูกหลินยวนดึงเข้าสู่การเรียนรู้ ไม่เรียนก็ไม่รู้ พอได้เรียนถึงได้รู้ว่ามันไม่ได้ยากอย่างที่ตนเองคิดไว้เลย ตนเองไม่ควรจะกลัวไปก่อนเลย เพราะมันไม่ได้ยากอย่างที่หลินยวนว่าไว้จริงๆ

ผูกเชือกไปทางไหนก็เดินไปตามทิศทางนั้น หนึ่งปมเป็นสัญลักษณ์ให้เดินไปตามทาง สองปมคือเลี้ยว ส่วนสามปมก็คือจุดที่ต้องหยดน้ำหอม ถ้าทำตามนี้ ก็ไม่ต้องถือแผนที่ไปหยดน้ำหอมในจุดต่างๆ มีเชือกเส้นหนึ่งอยู่ในแขนเสื้อก็เพียงพอแล้ว

สิ่งเดียวที่ต้องระวังคือต้องดึงเชือกตรงๆ เวลาที่คลำปมเชือก อย่าบิดทิศทางของเชือกผิด แบบนี้ก็แค่เอาเชือกใส่ไว้ในแขนเสื้อแล้วคลำโดยไม่ต้องดูก็ได้แล้ว ไม่ต้องเอาออกมาดูข้างนอก เพื่อจะได้ไม่ทำให้คนสงสัยด้วย

หลินยวนสอนวิธีควบคุมเชือกด้วยมือเดียวอย่างง่ายๆ ให้เขา ถ้าทำแบบนี้ได้ บางครั้งซ่อนมือไว้ในแขนเสื้อเพียงข้างเดียวก็สามารถคลำเชือกได้ ไม่ต้องใช้สองมือคอยดึงเชือกไปมา

ในด้านนี้ เดิมทีเขาเป็นยอดฝีมือในการควบคุมเชือกอยู่แล้ว อย่างเช่นกำไลข้อมือบนข้อมือเขา นั่นก็เรียกได้ว่าสามารถควบคุมจนเข้าขั้นเชี่ยวชาญ ถ้าเปลี่ยนเป็นคนทั่วไป เผลอๆ คงจะพันตัวเองจนตายหรือไม่ก็เล่นกันจนมึนงง

เรื่องง่ายๆ แบบนี้ หลัวคังอันเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็ว แล้วก็เป็นเพราะได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ ที่น่าสนุกแบบนี้ เขาก็เลยเกิดความรู้สึกสนใจขึ้นมา อยากจะลองทำดูจริงๆ ว่าผลลัพธ์มันจะเป็นอย่างไร เขาจึงขยับไปตรงหน้าแผนที่แล้วเริ่มวางเส้นทางที่จะออกเดินทางในคืนนี้

หลังจากวางเส้นทางเสร็จเรียบร้อยแล้ว หลัวคังอันก็มองดูแผนที่พลางผูกปมตามเส้นทางที่วางไว้อย่างที่หลินยวนสอนทันที

หลินยวนสังเกตดูอยู่สักพัก หลังแน่ใจแล้วว่าไม่น่ามีปัญหาอะไร จึงค่อยอธิบายพวกเรื่องที่ควรระวังอีกเล็กน้อยแล้วหันหลังเดินออกไป ปล่อยให้หลัวคังอันจัดการด้วยตัวเอง

อันที่จริงแล้วเขาก็คอยสอนอะไรบางอย่างให้หลัวคังอันมาโดยตลอด เพียงแต่หลัวคังอันไม่รู้ตัวเท่านั้นเอง ไม่ได้รู้เลยว่าตนเองค่อยๆ สะสมความสามารถขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว อยู่กับคนแบบหลินยวนมาเป็นเวลานาน เกรงว่าคงเป็นไปได้ยากที่จะไม่ได้เรียนรู้อะไรมาเลย

……

ฟ้ายังไม่ทันมืด หลัวคังอันก็วิ่งตึงๆ ลงมาชั้นล่าง

พอลงมาข้างล่าง เขาถึงได้พบว่าหลินยวนเปิดร้านอีกครั้งแล้ว เขามัวแต่เล่นจนลืมไปเลย แม้แต่ที่หลินยวนคุยกับลูกค้าก่อนหน้านี้เขาก็ไม่ได้ยิน

เขาขยับเข้าไปใกล้หลินยวนพลางหัวเราะแหะๆ สีหน้าท่าทางดูทะเล้น เผยนิสัยตามธรรมชาติออกมาโดยไม่ปิดบัง

เมื่ออยู่ต่อหน้าหลินยวน เขาก็ไม่มีอะไรต้องปิดบังแล้วจริงๆ หลินยวนเรียกได้ว่าเคยเห็นเรื่องน่าอายของเขามาจนหมดแล้ว ไม่มีเกียรติและศักดิ์ศรีอะไรเหลืออยู่ตั้งนานแล้ว

หลินยวนถามเรียบๆ “ได้แล้ว?”

หลัวคังอันพยักหน้า “ได้แล้ว ให้ผมไปลองเลยไหม?”

หลินยวน “ไม่ใช่ลอง แต่ต้องทำให้ดี ถ้ายังไม่มั่นใจก็ไปฝึกอีก แน่ใจแล้วค่อยลงมือ!”

“ง่ายมาก ผมคล่องแล้ว เถ้าแก่วางใจได้ ผมจัดการได้แน่ ไม่มีทางมีปัญหาอะไร ผมพูดไว้ตรงนี้เลย ถ้ามีอะไรผิดพลาด ผมยอมให้เถ้าแก่แทงสองทีเลย” หลัวคังอันมีท่าทางมั่นใจ ทั้งยังเห็นได้ชัดว่าตื่นเต้นอยากจะลองทำแล้ว

หลินยวนพยักหน้า “ไปเถอะ”

หลัวคังอันก้าวเร็วๆ ไปถึงประตูร้านแล้วเหลียวซ้ายแลขวา หลินยวนที่อยู่ข้างหลังเอ่ยขึ้นว่า “อย่าทำตัวลับๆ ล่อๆ เหมือนโจร กลัวคนอื่นเขามองไม่ออกหรือยังไง ทำตัวให้เป็นธรรมชาติหน่อย”

จริงด้วย หลัวคังอันระวังขึ้นมา เขาคิดว่าตนเองก็เป็นคนที่แสดงอยู่หน้ากล้องบ่อยๆ จึงยืดตัวตรงขึ้นมาทันที แล้วก้าวอาดๆ ออกไปอย่างมั่นใจ

……

กระทั่งเขากลับมาถึงร้านอีกครั้ง มันก็เป็นเวลากลางดึกแล้ว

พื้นที่เมืองหมอกไม่ได้เล็ก การจะเดินไปในแต่ละเขตของเมืองหมอกจนครบนั้นต้องใช้เวลาไม่น้อยเลยจริงๆ

เมื่อเห็นในร้านไม่มีคนอื่น หลัวคังอันก็มีสีหน้ายิ้มแย้ม เอาขวดน้ำหอมที่ใช้เกือบหมดวางบนโต๊ะเก็บเงินและดันไปหาหลินยวน “เถ้าแก่ เรียบร้อยแล้ว เดินวนรอบกลับมาถึงที่นี่ ใช้หมดตอนถึงปมสุดท้ายพอดี ไม่มีตกหล่นแม้แต่นิดเดียว!”

เห็นท่าทางมีความสุขของเขา หลินยวนกลับไม่สงสัยอะไร เขาเองก็มองออกตั้งนานแล้วว่าอันที่จริงแล้วเจ้านี่เรียนรู้อะไรได้เร็วมาก มีพรสวรรค์ในการเรียนรู้อย่างมาก ถ้าเป็นคนโง่ หลงซืออวี่จะรับเขามาเป็นศิษย์ได้ยังไงกัน เพียงแต่หมอนี่ไม่ได้ใช้พรสวรรค์ให้มันถูกที่ถูกทางเท่านั้น

หลินยวนหยิบขวดน้ำหอมขึ้นมา เปิดฝาออก เอานิ้วปิดที่ปากขวดแล้วคว่ำลง จากนั้นก็เอาน้ำหอมที่นิ้วไปป้ายบนเสื้อของหลัวคังอัน จากนั้นดันน้ำหอมที่เหลือกลับไป พลางสั่งว่า “เก็บไว้ให้ดี ทุกๆ หนึ่งชั่วยามให้เอาไปป้ายเสื้อตัวเองหนึ่งที”

หลัวคังอันสงสัย “ทำแบบนี้ไปเพื่ออะไรเหรอ?”

หลินยวนขยับเข้าไปกระซิบ หลัวคังอันเองก็เอียงหัวหูผึ่งตั้งใจฟังอยู่ตรงโต๊ะเก็บเงิน หลังจากฟังที่หลินยวนกระซิบแล้ว เขาก็พยักหน้าเหมือนคิดอะไรอยู่ สื่อว่าเข้าใจแล้ว จากนั้นก็เก็บน้ำหอมที่เหลือขวดนั้นไว้ใช้

หลินยวนเอ่ยเบาๆ อีกครั้ง “นี่คือน้ำหอมสั่งทำชนิดพิเศษที่ฉันเลือกมา ถ้ากลิ่นหอมนี้มันถูกใจเธอ มันก็ย่อมต้องดึงดูดให้เธอมาได้ แต่ถ้าเธอไม่มา อย่างนั้นเราก็ลองเปลี่ยนกลิ่นหอมทุกๆ สองวันจนครบหนึ่งเดือน เราจะอยู่ที่นี่หนึ่งเดือน ถ้าเธอยังไม่มา เราก็จะไปทันที”

หอการค้าตระกูลฉินมีโอกาสให้หายใจอย่างมากที่สุดสามเดือน การตามหาเทพแห่งความฝันนั้นเพียงแค่เพราะต้องการเดินทางลัด แต่ในสถานการณ์ที่ยังไม่อาจมั่นใจได้ว่าเธออยู่ในเมืองหมอกหรือไม่นั้น เขาไม่สามารถฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่เทพแห่งความฝันเพียงผู้เดียวได้

“ได้ เข้าใจแล้ว” หลัวคังอันพยักหน้ารับคำ จากนั้นหันหลังกลับคืนสู่บทบาทพนักงาน เพียงแต่ในแขนเสื้อเขายังคงเล่นกับเชือกอยู่ไม่หยุด

พอเล่นไปจนรู้สึกว่าชำนาญแล้ว รู้สึกว่าไม่สนุกแล้ว เขาก็ไปหาหลินยวนอีกครั้ง ถามอีกฝ่ายว่ามีวิธีเล่นแบบใหม่อีกไหม

หลินยวนถือเชือกไว้ในมือ เริ่มสอนเนื้อหาขั้นต่อไปที่ยากยิ่งขึ้นให้เขา ค่อยๆ เรียนรู้ไปตามลำดับ

……

ณ โรงงานสร้างข่ายพลังของหอการค้าตระกูลฉิน ฉินอี๋มาที่นี่อีกครั้ง

เหตุผลแรกคือมาปลอบขวัญทุกคน เธอจำเป็นต้องมาที่นี่ให้สม่ำเสมอ เพื่อให้คนที่ได้รับพิษเหล่านั้นรู้ว่าหอการค้าตระกูลฉินไม่ได้ทอดทิ้งพวกเขา

โชคดีที่มียาที่อาจารย์หลางจัดไว้ให้ อย่างน้อยคนที่ได้รับพิษก็ไม่ต้องรู้สึกทรมานมากจนเกินไป ตอนนี้ยังพอทนรับได้อยู่

ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่ยอมทิ้งหอการค้าตระกูลฉิน เธอก็ทำได้เพียงรอคอยโอกาสรอดหลังจากประกาศเรื่องเงินรางวัลไปแล้ว

ดีที่มีการสนับสนุนจากตระกูลหนานชี ทำให้ได้รับการยืดระยะเวลาส่งมอบสินค้าจากสภาเซียนแล้ว

ครั้งนี้เธอมาให้คำอธิบายกับเว่ยผิงกง อารมณ์ของผบ.เว่ยผู้นี้รับมือได้ยากจริงๆ ทั้งๆ ที่สถานการณ์ของโรงงานสร้างข่ายพลังในตอนนี้เป็นเช่นนี้ แต่เขาก็ยังยืนกรานจะให้หอการค้าตระกูลฉินส่งคนที่มีตำแหน่งสูงๆ มาคอยประสานงานอยู่กับเขา ระบุมาว่าต้องเป็นหลัวคังอัน

จะส่งหลัวคังอันมาได้ยังไง? หลัวคังอันออกไปจากเมืองปู๋เชวี่ยตั้งนานแล้ว ส่งเขามาไม่ได้ แล้วก็ไม่สะดวกที่จะอธิบายด้วยว่าเขาออกไปจากเมืองปู๋เชวี่ยทำไม

เจียงอวี้เป็นตัวแทนของฉินอี๋มาพบเว่ยผิงกงสองครั้งแล้ว แต่ก็ไม่มีประโยชน์อะไร เมื่อไม่ได้คนที่ต้องการ เว่ยผิงกงก็โมโหขึ้นมา จะเอาหลัวคังอันให้ได้

ในเมื่อไม่ได้จริงๆ ฉินอี๋จึงได้แต่ต้องมาที่นี่ด้วยตัวเอง

หลังจากสร้างขวัญกำลังใจให้พนักงานหอการค้าตระกูลฉินแล้ว ฉินอี๋ก็ไปที่ถ้ำบนหน้าผา เมื่อได้พบเว่ยผิงกงก็ทำความเคารพ

ท่าทีที่เว่ยผิงกงมีต่อเธอไม่ได้ดีเท่าไหร่นัก แค่นหัวเราะหึๆ อย่างเย็นชาพลางกล่าว “หลัวคังอันล่ะ? เธอเป็นคนบอกให้เขามาช่วยฉันจัดการงานทางนี้ไม่ใช่เหรอ? ตอนนี้ยังเก็บกวาดไม่เรียบร้อยเลย เขาก็หนีไปซะแล้ว นี่ล้อฉันเล่นหรือไง?”

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับคนที่กล้าลงมือกับคนสำคัญของสภาเซียนผู้นี้ ฉินอี๋เองก็ไม่กล้าทำให้อีกฝ่ายโมโหขึ้นมาจริงๆ ที่มาในครั้งนี้ก็เพราะถูกบีบจนไม่รู้จะทำอย่างไร จนต้องมาให้คำอธิบายกับเขาด้วยตัวเอง เธอจึงทำได้เพียงบอกไปตามความจริง “ผบ.เว่ยคะ ต้องขอโทษจริงๆ ค่ะ ตอนนี้รองประธานหลัวไม่ได้อยู่ในเมืองปู๋เชวี่ย เขาไปหายาแก้ให้ผู้ที่ได้รับพิษที่ดินแดนแห่งความฝันแล้วค่ะ”

………………………………………………………………….

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

Status: Ongoing
อดีตแมงดาหวนคืนสู่มาตุภูมิในรอบ 300 ปี หวังจะใช้ชีวิตอย่างสงบเพื่อหลบเลี่ยงเรื่องบางอย่าง แต่กลับต้องเข้าไปพัวพันกับการประมูลเทพมหาวิญญาณและการชิงอำนาจจนเสี่ยงจะถูกเปิดเผยตัวตน?!อีก 1 ผลงานใหม่จากนักเขียนระดับแพลตตินัมของ Qidian ‘เยวี่ยเชียนโฉว’ผู้เขียนเรื่อง < พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า > และ < ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า >ณ แดนเซียนในยุคปัจจุบัน‘หลินยวน’ อดีตแมงดา เดินทางกลับมายังมาตุภูมิพร้อมกับตัวตนใหม่ด้วยหวังจะใช้ชีวิตอย่างสงบเพื่อหลบเลี่ยงเรื่องบางอย่างแต่ด้วยความจำเป็น เขาจึงต้องเข้าไปทำงานในบริษัทของคนรักเก่าที่เขาเคยหลอกใช้ในฐานะผู้ช่วยของ ‘หลัวคังอัน’ จอมลวงโลกที่โกหกว่าตัวเองคือผู้ทำให้ ‘ป้าหวัง’ 1 ใน 13 มารสวรรค์บาดเจ็บสาหัสและนั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้หลินยวนต้องเข้าไปพัวพันกับการประมูล ‘เทพมหาวิญญาณ’ซึ่งเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์จำนวนมหาศาลและการชิงอำนาจระหว่างตระกูลจนเสี่ยงต่อการถูกเปิดเผยตัวตนที่แท้จริง?!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน