ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน – ตอนที่ 248 คุณยายเฉ่า อาเซียง

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

ตอนที่ 248 คุณยายเฉ่า อาเซียง

หลินยวนกลับไม่ได้สงสัยอะไรในเรื่องนี้ ลู่หงเยียนสามารถหาชื่อของเหยียนฝูและเซี่ยงเต๋อเฉิงมาจากในโรงจอมยุทธ์พเนจรได้ง่ายๆ ดังนั้นการเอาข้อมูลของคนสองคนจากในโรงจอมยุทธ์พเนจรน่าจะไม่มีปัญหาอะไร

หลังการสนทนาจบสิ้นลง เขาก็ลงมารอคอยข่าวจากลู่หงเยียนอยู่ด้านหลังโต๊ะเก็บเงิน

หลัวคังอันเดินเข้ามาถามอีก “เป็นยังไงบ้าง?”

หลินยวนกล่าว “จับตาดูต่อไป ถ้าเจอคนที่ทำท่าดมแบบนั้นให้จับตาดูทันที”

“หา?” หลัวคังอันเอ่ยอย่างสงสัย “นั่นไม่ใช่คนที่เราตามหาเหรอ?”

หลินยวนไม่ได้อธิบาย นี่เป็นแค่การป้องกันเผื่อเอาไว้เท่านั้น

เกิดอะไรขึ้นกันแน่? หลัวคังอันที่ไม่ได้รับคำตอบค่อนข้างสงสัย แต่ก็ชินแล้ว จึงทำได้เพียงนั่งฝึกมัดเชือกจำทางต่อไป

…..

ลู่หงเยียนบอกว่าภายในสามชั่วยามก็ไม่ได้เกินเวลาที่กำหนดเอาไว้ หลังสืบข้อมูลของทั้งสองคนมาได้คร่าวๆ เธอก็โทรกลับมาอีกครั้ง

หลินยวนให้หลัวคังอันปิดร้าน ส่วนตัวเองกลับขึ้นไปรับโทรศัพท์ในห้องของตัวเองที่อยู่ด้านบน

ลู่หงเยียนกล่าว “สืบข้อมูลมาได้คร่าวๆ แล้วเพคะ ในโรงจอมยุทธ์พเนจรมีหญิงชราที่ถือไม้เท้าอยู่จริงๆ เป็นคนที่รับผิดชอบเรื่องคัดลอกเอกสารอยู่ภายในโรงจอมยุทธ์พเนจร ออกไปข้างนอกไม่บ่อยนัก อาศัยอยู่ในโรงจอมยุทธ์พเนจรมาเกือบห้าร้อยปีแล้วเพคะ”

หลินยวนกล่าว “เพิ่งจะห้าร้อยปี? แสดงว่าก่อนหน้านี้เธอยังมีตัวตนอื่นอยู่ในเมืองหมอก”

ลู่หงเยียนกล่าว “เรื่องนั้นก็ไม่ทราบเหมือนกันเพคะ หากว่าเป็นเธอจริงๆ เมื่อดูจากเวลาแล้ว เธออาจจะเปลี่ยนตัวตนอยู่ในเมืองหมอกมาแล้วหลายตัวตนก็ได้เพคะ อยู่ในเมืองหมอกเป็นเวลานาน คุ้นเคยกับเมืองหมอกเป็นอย่างดี แต่ละช่วงเวลาก็เพียงพอจะให้เธอได้เลือกตัวตนต่อไปที่เหมาะสมได้ ตอนนี้ยังไม่อาจสืบชื่อจริงของเธอในโรงจอมยุทธ์พเนจรได้ แต่คนที่อยู่ข้างในเรียกเธอว่าคุณยายเฉ่าเพคะ”

“คุณยายเฉ่า?” หลินยวนเอ่ยพึมพำ ก่อนจะถามอีกว่า “แล้วเด็กผู้หญิงคนนั้นล่ะ?”

ลู่หงเยียนกล่าว “เด็กผู้หญิงคนนั้นกลับไม่มีอะไรซับซ้อนเพคะ ตัวตนที่แท้จริงเป็นใครมาจากไหนไม่ทราบ เมื่อสิบเจ็ดปีก่อนไม่รู้ว่าใครเอาเด็กทารกห่ออยู่ในผ้าคนหนึ่งมาวางไว้ที่หน้าประตูโรงจอมยุทธ์พเนจร เนื่องจากมีเรื่องของชื่อเสียงมาเกี่ยวพัน คนในโรงจอมยุทธ์พเนจรจึงไม่อาจปล่อยทิ้งไว้ไม่สนใจได้ แต่หลังจากเก็บเด็กคนนั้นมาก็ไม่รู้จะจัดการอย่างไรเช่นกัน ภายหลังเห็นคุณยายเฉ่าว่างๆ อยู่ ก็เลยเอาเด็กคนนั้นโยนให้คุณยายเฉ่าเลี้ยงดู พอเลี้ยงก็เลี้ยงมาได้สิบเจ็ดปีแล้ว เป็นคุณยายเฉ่าที่เลี้ยงเธอจนเติบโตขึ้นมา ชื่อแซ่ที่แท้จริงของเธอคืออะไรไม่รู้ คุณยายเฉ่าเรียกเธอว่าอาเซียง[1] คนในโรงจอมยุทธ์พเนจรต่างก็เรียกชื่อนี้กันจนชิน แล้วก็ไม่เคยมีชื่อแซ่ที่แท้จริง”

“เลี้ยงมาจนโต อาเซียง?” หลินยวนครุ่นคิด ก่อนจะแค่นหัวเราะออกมาพลางกล่าว “ดูเหมือนจะหาถูกคนแล้ว”

ลู่หงเยียนเข้าใจว่าทำไมเขาถึงกล่าวเช่นนี้ เหตุผลแรกคือชื่อเดิมของเทพแห่งความฝันคือเออกูจื่อ ถึงแม้ ‘เออ’ กับ ‘อา’ จะออกเสียงไม่เหมือนกัน แต่กลับเป็นตัวอักษรตัวเดียวกัน ให้ความรู้สึกว่าใช้แซ่เดียวกับเออกูจื่อ เหตุผลต่อมาคือเออกูจื่อชื่นชอบกลิ่นหอม ความหมายที่แฝงอยู่ในชื่อของสาวน้อยคนนั้นเรียกได้ว่าคู่ควรแก่การครุ่นคิด

เธอส่งเสียง ‘อื้อ’ เพื่อสื่อว่าเห็นด้วย ก่อนจะกล่าวว่า “ใช่เพคะ น่าจะใช่เป้าหมายที่พวกเราตามหาเพคะ”

หลินยวนกล่าว “อาเซียงคนนั้นใช่ผู้บำเพ็ญเพียรไหม?”

ลู่หงเยียนเพียงฟังก็เข้าใจ นี่คือการตรวจสอบอาเซียงเพื่อจะเอาเธอเป็นเป้าหมายในการลงมือ “ใช่เพคะ บำเพ็ญเพียรมาตั้งแต่เด็ก แต่เนื่องจากระยะเวลายังน้อยเกินไป สภาวะจึงยังไม่สูงเท่าไรเพคะ คุณยายเฉ่ากินแต่ผัก ไม่กินเนื้อ ช่วงเช้าของทุกวันอาเซียงจึงต้องไปที่ ‘ร้านใบหม่อน’ เพื่อซื้อผักสดๆ จากนั้นอาเซียงจะเป็นคนเข้าครัวทำอาหารให้คุณยายเฉ่า อาหารการกินของทั้งสองคนจะไม่ปะปนกับคนในโรงจอมยุทธ์พเนรจร หากแต่ทำแยกต่างหากเพคะ”

ร้านใบหม่อนเป็นสถานที่ที่ขายวัตถุดิบทำอาหารที่ใหญ่ที่สุดในตลาดมืด เรื่องนี้ หลินยวนเพียงฟังก็เข้าใจ ไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไรมาก จึงถามต่อว่า “เตรียมคนเอาไว้หรือยัง?”

ลู่หงเยียนที่ร่วมงานกันมานานจนรู้ใจรู้ว่าหลินยวนต้องการอะไร จึงตอบไปว่า “ยังเพคะ ขอเวลาหม่อมฉันจัดการหนึ่งวัน หลังจากหนึ่งวันไปแล้วหม่อมฉันจะให้คนที่น่าเชื่อถือไปรอพระองค์ตรงประตูทางเข้า ‘โรงเตี๊ยมทะเลหมอก’ บนแขนเสื้อของอีกฝ่ายจะปักคำว่า ‘หง’ เอาไว้ พระองค์เพียงแค่ไปปรากฎตัวพร้อมกับถือถุงเอาไว้ เขาก็จะมาปรากฏตัวอยู่ต่อหน้าพระองค์เพคะ พอพระองค์เจอเขาแล้วก็แค่เอาคนส่งให้เขาก็พอ เดี๋ยวจะมีคนพาเป้าหมายออกมาจากเมืองหมอกเพคะ”

หลินยวนกล่าว “ได้ ตกลงตามนี้”

ลู่กงเยียนกลัวว่าเขาจะวางสาย จึงชิงเอ่ยเตือนว่า “เกรงว่าเทพแห่งความฝันน่าจะค่อนข้างแข็งแกร่ง พระองค์ระวังตัวเอาไว้ด้วยนะเพคะ”

ถึงแม้จะรู้ว่าท่านอ๋องลงมือเอง ด้วยประสบการณ์อันโชกโชนของท่านอ๋องแล้ว เรื่องบางเรื่องน่าจะไม่มีอะไรต้องเป็นกังวล แต่เออกูจื่อคนนั้นไม่ธรรมดา เป็นผู้ที่ได้รับการยกย่องให้เป็นเทพแห่งราชวงศ์ก่อน บำเพ็ญเพียรจากราชวงศ์ก่อนจนมาถึงปัจจุบันนี้ ความสามารถจะต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน

นี่เป็นเพราะว่าเธอไม่รู้ว่าสภาวะของหลินยวนเสียหายไปอย่างมาก หากเธอรู้ล่ะก็ เกรงว่าเธอคงจะต้องขัดขวางแน่นอน

“ไม่ใช่ว่าทุกเรื่องจะต้องแก้ไขปัญหาด้วยการต่อสู้ฆ่าฟัน ฉันรู้ว่าควรทำยังไง” หลินยวนกล่าวจบก็กดวางสายไป

เขาไม่กังวลเรื่องความแข็งแกร่งของเทพแห่งความฝันคนนั้นแม้แต่นิดเดียว ผ่านร้อนผ่านหนาวมานานขนาดนี้ เคยเจอคนที่มีความสามารถแข็งแกร่งกว่าเขามานับไม่ถ้วน เรื่องแบบนี้ทำให้เขากลัวไม่ได้ หากกระทั่งเออกูจื่อคนเดียวยังจัดการไม่ได้ อย่างนั้นเขาก็ไม่ต้องออกมาใช้ชีวิตแบบนี้แล้ว เขาจะปรับเปลี่ยนวิธีการจัดการไปตามสถานการณ์ หากใช้ตัวประกันแล้วก็ยังข่มขู่ไม่ได้ อย่างนั้นเขาก็ได้แต่ต้องเผยตัวตนเศษเดนแห่งราชวงศ์ก่อนของตัวเอง โดยหวังว่าเทพแห่งความฝันจะไม่กล้าทำอะไรเหลวไหว นอกเสียจากเธอคิดจะทรยศราชวงศ์ก่อนจริงๆ

การทรยศต้องจ่ายค่าตอบแทน!

กระทั่งตัวเขาก็ยังไม่กล้าคิดทรยศ เขาก็อยากจะเห็นเหมือนกันว่าเออกูจื่อคนนั้นจะมีความกล้าเช่นนั้นหรือเปล่า!

เขากลับไปเอาแผนที่ของเมืองหมอก มองหาโรงจอมยุทธ์พเนจรและร้านใบหม่อน สำรวจดูเส้นทางระหว่างทั้งสองที่

…..

ร้านกลิ่นหอมปิดจนถึงเวลาฟ้าสาง หลังจากฟ้าสางแล้ว หลินยวนก็ปล่อยให้หลัวคังอันดูร้านไปคนเดียวต่อ ส่วนตัวเองออกไปเพียงลำพัง

หลัวคังอันยืนมองดูหลินยวนจากไปอยู่ตรงหน้าประตู จากนั้นกลับเข้ามาในร้าน สองมือไพล่หลังเดินกลับไปกลับมาอยู่ภายในร้าน เขาไม่ได้โง่ เขารู้สึกได้ว่าหลังจากที่คุณยายคนนั้นปรากฏตัวขึ้นมาเมื่อวานนี้ หลินยวนก็เริ่มทำอะไรแปลกๆ นี่คือสัญญาณว่ากำลังจะเกิดเรื่องชัดๆ!

หลังอยู่ว่างๆ ไม่มีอะไรทำ เขาก็เริ่มทำการครุ่นคิดเรื่องมัดเชือกจำเรื่องของเขาต่อ เขาอยากคลี่คลายความลับของการมัดเชือกที่หลินยวนทิ้งเอาไว้ให้เขาให้ได้ เขาอยากรู้ว่าในนั้นมันมีอะไรอยู่กันแน่

…….

หลังแปลงโฉมเสร็จเรียบร้อย หลินยวนที่อยู่ภายใต้ผ้าคลุมสีดำก็ปรากฏตัวอยู่ใกล้ๆ โรงจอมยุทธ์พเนจร รอคอยอย่างเงียบๆ อยู่ตรงหัวมุม

แล้วก็เป็นอย่างที่ลู่หงเยียนว่ามา ในช่วงเช้าเด็กหญิงที่ชื่ออาเซียงคนนั้นก็ปรากฏตัวขึ้น เนื่องจากเติบโตขึ้นมาในเมืองหมอก คล้ายว่าเธอเคยชินกับสภาพแวดล้อมในเมืองหมอกแล้ว ฝีเท้ารวดเร็ว เดินไพล่มือข้างหนึ่งไว้ข้างหลังเหมือนผู้ใหญ่อย่างไรอย่างนั้น

กระทั่งเธอเดินออกไปไกลแล้ว หลินยวนที่อยู่ในละแวกใกล้เคียงโรงจอมยุทธ์พเนจรถึงจะปรากฏตัวขึ้นมา เดินตามเธอไป

กระทั่งตามเธอไปจนถึงร้านใบหม่อนแล้ว เขาก็รออยู่ด้านนอกร้านใบหม่อม รอจนกระทั่งอาเซียงปรากฏตัว เขาก็ตามอาเซียงกลับไปยังโรงจอมยุทธ์พเนจรอีกครั้ง

หลังมั่นใจแล้วว่าอาเซียงกลับเข้าไปในโรงจอมยุทธ์พเนจรแล้ว หลินยวนถึงจะหมุนตัวเดินออกไป

ครั้งนี้เขามาไม่ใช่เพื่อลงมือ หากแต่มาเพื่อตรวจสอบเส้นทางไปกลับของอาเซียง

เมืองหมอกแห่งนี้ไม่มีถนน แต่กลับเต็มไปด้วยเส้นทาง เส้นทางระหว่างโรงจอมยุทธ์พเนจรกับร้านใบหม่อน เขาไม่รู้ว่าอาเซียนจะใช้เส้นทางที่ใกล้ที่สุดหรือเปล่า เขาจึงต้องมาตรวจสอบดูเสียหน่อย จากนั้นค่อยดูว่าจะลงมือตรงไหนถึงจะเหมาะสมที่สุด

ในตอนที่กลับมาถึงร้านกลิ่นหอม หลินยวนก็ได้กลับมาเป็นเถ้าแก่ของร้านอีกครั้ง ใช้ชีวิตไปตามปกติอีกหนึ่งวัน

…..

รุ่งเช้าอีกวันหนึ่ง หลังจากล้างหน้าล้างตาและจัดการอะไรเสร็จเรียบร้อยแล้ว อาเซียงก็เดินออกมาจากในห้อง กางแขนยืดเส้นยืดสาย ก่อนจะตะโกนไปยังห้องที่อยู่ตรงข้ามว่า “คุณยาย เดี๋ยวหนูไปซื้อผักก่อนนะ”

เสียงของคุณยายเฉ่าดังออกมาจากในห้องฝั่งตรงข้าม “ไปเถอะ”

อาเซียงจึงออกไปข้างนอกอย่างมีความสุขอีกครั้ง โบกมือทักทายคนรู้จักในโรงจอมยุทธ์พเนจร ตั้งแต่เล็กจนถึงตอนนี้ เธอนั้นไม่รู้จักจริงๆ ว่าความกลัดกลุ้มใจนั้นเป็นอย่างไร

หลังออกมาจากโรงจอมยุทธ์พเนจร เธอก็เดินไปตามเส้นทางที่ต่อให้ปิดตาก็ยังเดินไปได้เหมือนตามปกติ

ในตอนที่เพิ่งจะกระโดดลงมาจากเนินชันแห่งหนึ่ง จู่ๆ เธอพลันรับรู้ได้ถึงความผิดปกติ รอบด้านมีเสียงลมแผ่วๆ คืบใกล้เข้ามา ในขณะที่กำลังจะตอบโต้ออกไปด้วยความตกใจ เธอก็รู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดที่คล้ายว่าถูกบาดจากบนมือที่เหวี่ยงออกไป จากนั้นทั่วทั้งร่างคล้ายถูกวัตถุบางอย่างที่มองไม่เห็นรัดเอาไว้ ถ้าดิ้นรนก็จะมีเลือดไหลซึมออกมา จึงไม่กล้าบุ่มบ่ามทำอะไร

เธอไม่รู้ว่าตัวเองเจอกับอะไรเข้า ขณะที่กำลังจะร้องตะโกน ภายในหมอกอันหนาทึบพลันมีเงามืดสายหนึ่งพุ่งเข้ามา โจมตีเข้ามาที่ลำคอของเธอ ทำให้ตัวเธอที่ยากจะขยับเขยื้อนได้ไม่สามารถเปล่งเสียงออกมาได้ เงาดำคืบเข้ามาใกล้ เธอถึงได้มองเห็นอย่างชัดเจนว่าเป็นคนที่อยู่ภายใต้ผ้าคลุมสีดำคนหนึ่ง

ผู้มาเยือนยื่นนิ้วออกมาจิ้มที่หว่างคิ้วของเธออย่างรวดเร็ว อาเซียงพลันรู้สึกมึนงง ร่างกายอ่อนเปลี้ยไปทันที

คนที่อยู่ภายใต้ผ้าคลุมสีดำสะบัดแขนเสื้อ ภายในอากาศมีเสียงฟิ้วๆ กระจายออกไป เมื่อพลิกมืออีกครั้งก็มีถุงใบใหญ่ ครอบร่างอาเซียงที่กำลังจะล้มลงไปเอาไว้

ถุงสีดำที่บรรจุคนเอาไว้ถูกยกขึ้นบ้า คนที่อยู่ในผ้าคลุมสีดำแบกคนแล้วพุ่งตัวออกไปอย่างรวดเร็ว เคลื่อนตัวไปตามเส้นทางที่รกร้างผู้คน บางครั้งต่อให้มีคนพบเห็น แต่ในสถานที่อย่างเมืองหมอกเช่นนี้ หากไม่ใช่เรื่องของตัวเองก็ไม่มีใครที่จะสอดมือเข้ามายุ่งกันง่ายๆ

ในตอนที่เขาแบกคนมาถึงหน้าประตูของโรงเตี๊ยมทะเลหมอก ขณะที่หมุนตัวกวาดมองไปรอบๆ เขาก็เห็นคนผู้หนึ่งพุ่งออกมาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าเขา คนที่มายกแขนเสื้อขึ้นมา บนแขนเสื้อมีตัวอักษร ‘หง’ ปักเอาไว้

คนที่อยู่ในผ้าคลุมสีดำยกถุงสีดำขึ้นแล้วโยนออกไป คนที่มารับเอาคนขึ้นไปพาดไว้บนบ่า ก่อนจะหมุนตัวจากไปอย่างรวดเร็ว คนที่อยู่ในผ้าคลุมสีดำเองก็พุ่งออกไปแทบจะในเวลาเดียวกัน ทั้งสองเลือนหายไปในหมอกที่หนาทึบ ไม่มีการพูดคุยกันแม้แต่นิดเดียว

……

“ออกไปทำอะไรอีกแล้วเนี่ย?” เมื่อเห็นหลินยวนกลับมา หลัวคังอันที่เฝ้าอยู่ในร้านก็ลุกขึ้นถาม

ฝีเท้าของหลินยวนมิได้หยุดชะงัก เขาเดินเข้าไปในห้องด้านหลัง ขณะเดียวกันก็เอ่ยว่า “ปิดร้าน”

“เอ่อ…” หลัวคังอันมึนงง วันนี้เพิ่งจะเปิดร้านได้ไม่นานเอง นี่จะปิดแล้วเหรอ? แต่เขาก็ไม่มีโอกาสได้เอ่ยถามเช่นกัน เพราะหลินยวนหายไปแล้ว

เขาจึงได้แต่ต้องไปที่หน้าประตูร้านแล้วแขวนป้ายปิดร้านเอาไว้ ก่อนจะปิดประตูร้านแล้วรีบเดินไปที่ห้องด้านหลัง วิ่งขึ้นไปชั้นบน เห็นประตูห้องของหลินยวนเปิดอยู่ จึงรีบเดินเข้าไปแล้วเอ่ยถามอย่างอยากรู้อยากเห็นว่า “รีบร้อนแบบนี้ มีเรื่องเหรอ?”

หลินยวนโบกมือเพื่อบอกให้เขาเข้ามาใกล้ๆ จากนั้นเอ่ยกระซิบกระซาบกับเขาเล็กน้อย

“หา?” ท่าทางของหลัวคังอันดูตกใจเป็นอย่างมาก “นายจับเด็กผู้หญิงคนนั้นเอาไว้เหรอ์” เขาหันมองซ้ายมองขวา เอ่ยถามว่า “แล้วคนล่ะ? นายจับเธอไปไว้ที่ไหน?”

หลินยวนยื่นมือไปโน้มคอเขาลงมา เอ่ยกระซิบกระซาบกับเขาต่อ

“หา?” หลัวคังอันได้ฟังก็มีท่าทางตกใจอย่างมากอีกครั้ง ฝืนลำคอออกห่างจากหลินยวนเล็กน้อย รีบโบกสองมือไปมา “ไม่ดีๆๆ จะโยนไปให้อาจารย์ของฉันได้ยังไง อาจารย์ฉันตายไปตั้งนานแล้ว ถ้าจะให้เขาแบกความผิดเอาไว้อีก มันไม่ดีจริงๆ ทำแบบนั้นฉันไม่สบายใจ ฉันไม่ใช่คนแบบนั้น…”

หลินยวนออกแรงดึงคอเขาลงมาอีกครั้ง กล่าวว่า “มันต้องมีเหตุผลว่าพวกเราหาตัวเธอเจอได้ยังไง!”

หลัวคังอันกล่าว “คนคนนี้เป็นใครอันแน่เนี่ย? อาจารย์ของฉันจากไปตั้งนานแล้ว เอาชื่อของอาจารย์ฉันมาเป็นข้ออ้างมันจะดีเหรอ?”

หลินยวนกล่าว “คนที่ดูแลดินแดนแห่งความฝันของราชวงศ์ก่อน ราชวงศ์ก่อนแต่งตั้งให้เป็นเทพแห่งความฝัน อาจารย์นายก็เป็นคนในสมัยนั้น การที่อ้างว่าเขารู้ว่าเทพแห่งความฝันมาซ่อนตัวอยู่ที่นี่เนี่ยแหละเหมาะที่สุดแล้ว”

หลัวคังอันเบิกตาโต มีท่าทางหวาดกลัวขึ้นมาทันที “จะบ้าเหรอ? คนที่ราชวงศ์ก่อนแต่งตั้งให้เป็นเทพ แล้วเรายังจะไปหาเรื่องเขาอีกเนี่ยนะ? ฉันว่านะเถ้าแก่ เถ้าแก่อย่ามาทำให้ฉันกลัวเลย!”

………………………………………………..

[1]เซียง แปลว่า กลิ่นหอม

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

Status: Ongoing
อดีตแมงดาหวนคืนสู่มาตุภูมิในรอบ 300 ปี หวังจะใช้ชีวิตอย่างสงบเพื่อหลบเลี่ยงเรื่องบางอย่าง แต่กลับต้องเข้าไปพัวพันกับการประมูลเทพมหาวิญญาณและการชิงอำนาจจนเสี่ยงจะถูกเปิดเผยตัวตน?!อีก 1 ผลงานใหม่จากนักเขียนระดับแพลตตินัมของ Qidian ‘เยวี่ยเชียนโฉว’ผู้เขียนเรื่อง < พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า > และ < ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า >ณ แดนเซียนในยุคปัจจุบัน‘หลินยวน’ อดีตแมงดา เดินทางกลับมายังมาตุภูมิพร้อมกับตัวตนใหม่ด้วยหวังจะใช้ชีวิตอย่างสงบเพื่อหลบเลี่ยงเรื่องบางอย่างแต่ด้วยความจำเป็น เขาจึงต้องเข้าไปทำงานในบริษัทของคนรักเก่าที่เขาเคยหลอกใช้ในฐานะผู้ช่วยของ ‘หลัวคังอัน’ จอมลวงโลกที่โกหกว่าตัวเองคือผู้ทำให้ ‘ป้าหวัง’ 1 ใน 13 มารสวรรค์บาดเจ็บสาหัสและนั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้หลินยวนต้องเข้าไปพัวพันกับการประมูล ‘เทพมหาวิญญาณ’ซึ่งเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์จำนวนมหาศาลและการชิงอำนาจระหว่างตระกูลจนเสี่ยงต่อการถูกเปิดเผยตัวตนที่แท้จริง?!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน