ตอนที่ 76 ประกบมือกับเจ้าเส้นเลือดน้อย / ตอนที่ 77 ไฟอิจฉาของเซ่อเจิ้งหวาง
ตอนที่ 76 ประกบมือกับเจ้าเส้นเลือดน้อย
“เฟิงอู๋โยว นี่เจ้าพูดจาน่าไม่อายอะไรกัน”
จวินมั่วหรันอึ้งและอายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน
ก่อนหน้านี้เขาคิดว่าแสงไฟที่ห้องน้ำค่อนข้างมืดสลัว ผนวกกับความเมาสุราของนาง คงไม่น่าจะเห็นอะไร
แต่คิดไม่ถึงว่านางจะมองเห็น อีกทั้งยังจำรายละเอียดได้อีก!
เฟิงอู๋โยวยิ้มร่าเอ่ย “ที่พูดเป็นความจริงทั้งนั้นขอรับ”
ในความเป็นจริง นางไม่เคยเห็นเรือนร่างของไป๋หลี่เหอเจ๋อ
แต่เคยเห็นของจวินมั่วหรันมาหมดแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น…ยังใช้เรือนร่างนั้นถอนฤทธิ์ยาปลุกกำหนัด
จะว่าไป เหตุการณ์อันไม่คาดฝันที่เกิดขึ้นวันนั้น หากไม่เป็นเพราะอันตรายจากฤทธิ์ยาปลุกกำหนัดที่กำลังฆ่าชีวิตนาง ต่อให้นางจะลุ่มหลงแค่ไหนก็ไม่กล้าไปมีเรื่องกับคนอย่างจวินมั่วหรันแน่นอน
เป็นเพราะฤทธิ์ปลุกยากำหนัดทำให้นางสูญเสียการควบคุมจนอยากจะร่วมเตียงกับบุรุษรูปงามที่พบเห็นในทันที
ถึงแม้ว่าจวินมั่วหรันจะมีรูปร่างที่เย้ายวนชวนน้ำลายสอ แต่ตรงนั้นของเขากลับใหญ่โตเกินไป แค่เห็นก็ใจหวั่นขึ้นมาแล้ว
ทุกครั้งที่หวนนึกถึงช่วงเวลานั้น ร่างกายนางก็ยังคงรู้สึกซาบซ่านไม่รู้คลาย
จวินมั่วหรันเห็นรอยยิ้มหื่นกามของเฟิงอู๋โยว ประเดี๋ยวก็น้ำลายสอ ประเดี๋ยวก็บุ้ยปากขมวดคิ้ว อยู่ๆ ก็นึกอยากจะทุบนางให้รู้แล้วรู้รอด
หากเป็นคนอื่นอยู่ต่อหน้าเขา ต่อให้จะเก่งกาจเพียงใดก็คงจะเอาชีวิตไม่รอด
นางกลับต่างออกไป แม้ใบหน้าจะดูเชื่อฟัง แต่ในใจกลับตรงกันข้าม
ยิ่งไปกว่านั้น เฟิงอู๋โยวไม่กลัวที่จะนึกภาพเรือนร่างเขาอย่างเคลิบเคลิ้มต่อหน้าเขาอยู่แบบนี้!
จวินมั่วหรันครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง การที่เฟิงอู๋โยวเหม่อลอยอยู่แบบนี้ มีความเป็นไปได้อย่างยิ่งว่านางกำลังนึกถึงความทรงจำกับไป๋หลี่เหอเจ๋ออยู่
เมื่อคิดได้เช่นนั้น จวินมั่วหรันก็โมโหขึ้นมาทันที!
ตัวเขาเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเหตุใดตัวเองถึงโมโหแบบนี้ แต่คงเป็นเพราะนิสัยขี้โมโกรธง่ายที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิด
“เฟิงอู๋โยว เจ้าบังอาจนัก!” ดวงตาดำสนิทของจวินมั่วหรันฉายประกายไฟลุกโชน เขาง้างมือทำท่าจะตบเฟิงอู๋โยว
“เอ๊ะ”
เฟิงอู๋โยวตั้งสติกลับมาได้ก็คิดว่าจวินมั่วหรันต้องการจะตีมือกับนาง จึงยกมือของตัวเองขึ้นไปประกบกับมือของเขา
“…”
จวินมั่วหรันจนปัญญา ความโกรธบนใบหน้ายังไม่จางหาย ไฟโทสะในดวงตาถูกแทนที่ด้วยความเอือมระอา
เฟิงอู๋โยวสัมผัสได้ถึงการเคลื่อนไหวที่ฝ่ามือของเขา ในใจนึกกลัวว่าจะถูกทำร้าย จึงรีบกระชับจับมือเขาให้แน่นขึ้น
จะให้พูดให้ถูกก็คือนางสอดนิ้วเล็กๆ ของตัวเองเข้าไปในซอกนิ้วของเขา!
“สนุกพอหรือยัง”
จวินมั่วหรันคว้าข้อมือของนางทันควัน พร้อมกับออกแรงบีบด้วยความโมโห ก่อนกัดฟันพูดออกมา
“ท่านใต้เท้าขอรับ! กระหม่อมรับประกันเลยว่าคำพูดที่กระหม่อมพูดออกไปเป็นความจริง ตรงนั้นของท่านราชครูสู้ท่านไม่ได้สักนิด! เมื่อเทียบกับความใหญ่โตของท่านแล้ว ของเขายังห่างชั้นอยู่อีกไกลโข” เฟิงอู๋โยวรีบพูดขึ้น ทั้งยังชูนิ้วทำท่าสาบานทั้งที่ถูกจับข้อมืออยู่ แลดูดื้อรั้นยิ่งนัก
เป็นอีกครั้งที่จวินมั่วหรันถูกเฟิงอู๋โยวบิดเบือนความหมายที่เขาต้องการจะสื่อ น่าหงุดหงิดเป็นที่สุด
แต่ลึกๆ ในใจของเขากลับรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูกหลังได้ยินความชื่นชมกับเรื่องพรรค์นี้ออกจากปากเฟิงอู๋โยว
นางพูดถูกอยู่จุดหนึ่ง บางครั้งบุรุษก็เป็นพวกอยากเอาชนะและชอบแข่งขันกันในเรื่องที่ไม่เป็นเรื่อง
บรรยากาศเงียบขรึมลงสักพัก เมื่อเห็นเฟิงอู๋โยวไม่คิดจะพูดอะไรขึ้นอีก เขาจึงชิงถามขึ้นอีกครั้ง “ข้าจะถามเจ้าอีกครั้ง เจ้าได้แตะต้องเขาหรือไม่”
“จับไม้จับมือ จูบเรียวปากบางๆ จากนั้นก็ขึ้นเตียงขอรับ” นางไม่อยากพูดอย่างตรงไปตรงมา ไม่เช่นนั้นจะฟังดูไม่ดี
แต่กระนั้นนางก็ยังรู้สึกว่าคำพูดของตัวเองยังหนักแน่นไม่พอ ครั้นแล้วจึงพูดเสริมขึ้นอีกประโยค “เห็นท่าทางเงียบขรึมพูดน้อยของท่านราชครูแบบนั้น พอเขาเอ่ยปากร้องขึ้นมา น้ำเสียงทุ้มต่ำหนาแน่น อู้อี้คล้ายเสียงนกกาทำเอากระหม่อมระคายหูไปเลยขอรับ”
ตอนที่ 77 ไฟอิจฉาของเซ่อเจิ้งหวาง
ก่อนหน้านี้เฟิงอู๋โยวคิดว่าหากพูดจา ‘ด้อยค่า’ ไป๋หลี่เหอเจ๋อ คงน่าจะทำให้จวินมั่วหรันอารมณ์ดีขึ้นมาได้
แต่ที่เหนือความคาดหมายก็คือ เมื่อจวินมั่วหรันได้ยินคำบรรยายของนางในลักษณะนั้น ใบหน้าหล่อเหลาของเขาก็อึมครึมขึ้นมา
มือทั้งสองข้างของเขากำหมัดแน่น เส้นเลือดบนหลังผ่ามือปูดขึ้นราวกับอยากจะจับนางระบายอารมณ์ดูสักตั้ง
“ท่านใต้เท้าขอรับ ขอท่านอย่าได้ถือสากระหม่อมอีกเลยนะขอรับ”
เฟิงอู๋โยวร้องบ่นโอดโอยอย่างไม่สบายใจ นางนึกในใจ จวินมั่วหรันหงุดหงิดมาทั้งวัน เป็นไปได้ว่านางจะถูกนำมาใช้เป็นเครื่องระบายอารมณ์
“จุยเฟิง นำตัวเขาเอาไปทำให้สร่างเมา”
จวินมั่วหรันยกมือขึ้นก่ายหน้าผาก เขาถูกเฟิงอู๋โยวทำให้ปวดหัวอีกแล้ว
โดยเฉพาะยามที่นึกถึงภาพฉากตอนที่ปากอันเปี่ยมไปด้วยวาทศิลป์ของนางประกบจูบกับไป๋หลี่เหอเจ๋ออย่างดูดดื่ม เขาก็แทบอยากจะจับนางสับเป็นชิ้นๆ
จุยเฟิงที่ได้รับคำสั่งเช่นนั้นจึงรีบเข้ามาในเรือนมั่วหรัน และเดินเข้าไปหาเฟิงอู๋โยวที่กำลังงุนงงอยู่
เฟิงอู๋โยวมองจุยเฟิงอย่างสงสัย ในใจเริ่มหวาดระแวงขึ้นมา
ไม่ใช่ ‘การทำให้สร่างเมา’ ธรรมดาๆ แน่นอน ไม่เช่นนั้นไฉนจุยเฟิงถึงต้องน้ำตาคลอ
จนกระทั้งจุยเฟิงข่มกลั้นน้ำตาลง และเริ่มมองนางเสมือนคนตาย นางจึงตระหนักได้ว่าคนชั่วช้าอย่างจวินมั่วหรันอาจต้องการฆ่าปิดปากนางก็เป็นได้!
“กระหม่อมไม่เมา ไม่จำเป็นต้องทำให้สร่างหรอกขอรับ”
เฟิงอู๋โยวหดคอห่อไหล่ ก่อนกระโดดหลบไปที่มุมกำแพง ดวงตาทรงกลีบดอกท้อเต็มไปด้วยแววหวาดระแวง
จุยเฟิงที่ได้ยินเช่นนั้นจึงหยุดชะงักฝีเท้าลงราวกับกำลังรอให้จวินมั่วหรันเปลี่ยนแปลงคำสั่ง
ทว่าจวินมั่วหรันยังคงโมโหอยู่ ในหัวของเขาตอนนี้คิดแต่เรื่องรังแกเฟิงอู๋โยวให้หนำใจ แล้วจะปล่อยโดยไปโดยง่ายได้เยี่ยงไร
เมื่อเห็นจุยเฟิงหยุดแน่นิ่งประหนึ่งก้อนหินอยู่ที่เดิม เขาก็ลุกพรวดและก้าวดุ่มๆ มาด้านหน้าเฟิงอู๋โยวทันที ริมฝีปากเรียวบางพูดขึ้น “ให้ข้าทำเจ้าสร่างเมาด้วยตัวเองเป็นเยี่ยงไร”
เฟิงอู๋โยวส่ายหน้าปฏิเสธ “ใบหน้าของท่านใต้เท้างดงามกว่าผู้ใดในใต้หล้า เปรียบเหมือนสุราชั้น เลิศ หากท่านใต้เท้าทำให้กระหม่อมสร่างเมาด้วยตัวเอง กระหม่อมเกรงว่าชาตินี้จะยิ่งลุ่มหลงมอมเมายิ่งกว่าเดิมขอรับ”
“วาทศิลป์เยี่ยมยอด! หลังจากนี้ไป หากข้าไม่อนุญาต ห้ามเอ่ยปากพูด”
จวินมั่วหรันมองนางด้วยสายตาสูงส่งทรงอำนาจ จากนั้นก็ลากคอเสื้อนางจากด้านหลังประหนึ่งลูกเจี๊ยบในกำมือไปที่ห้องเก็บสุราในเรือน
เฟิงอู๋โยวรู้สึกเหนื่อยใจเป็นยิ่งนัก จวินมั่วหรันมักจะจ้องเล่นงานนางไม่ปล่อยอยู่ตลอด
ถ้ารู้ว่าเขาเป็นคนประเภทนี้ตั้งแต่แรก นางควรจะฆ่าปิดปากเขาไปตั้งแต่วันที่เขาอาการกำเริบในวันนั้น
“มัวคิดอะไรอยู่” จวินมั่วหรันหันกลับมามองเฟิงอู๋โยวที่เอาแต่เงียบ
“ท่านใต้เท้าสั่งไม่ให้กระหม่อมพูดไม่ใช่หรือ”
ภายในใจของเฟิงอู๋โยวบ่นอุบ ถ้านางไม่กลัวจวินมั่วหรันจับนางควักลูกตา ปานนี้นางคงกรอกตาใส่เขาซึ่งๆ หน้าไปตั้งนานแล้ว
ปึ่ง!
จวินมั่วหรันรู้ว่านางเป็นพวกไม่ยอมใคร จึงไม่อยากต่อความยาวสาวความยืดกับนางเท่าไหร่นัก เขาตัดสินใจจับเฟิงอู๋โยวโยนลงไปในถังบ่มสุราสูงราวสิบห้าฟุต
เฟิงอู๋โยวกลัวน้ำเป็นทุนเดิม นางพยายามตะเกียกตะกายอยู่ในถังบ่มสุรา “ท่านใต้เท้า ช่วยกระหม่อมด้วย!”
ทว่าจวินมั่วหรันกลับนั่งลงไปที่เก้าอี้ที่พนักพิงแกะสลักลายดอกไม้และมองดูเฟิงอู๋โยวที่ดิ้นรนอยู่ในถังบ่มสุราด้วยสายตาเย็นชา
“ท่านใต้เท้า แบบนี้คือสิ่งที่ท่านเรียกว่าทำให้สร่างเมาหรือขอรับ” เฟิงอู๋โยวสำลักสุราเข้าไปหลายอึกจนไอไม่หยุด
“เฟิงอู๋โยว เจ้ากลัวน้ำจริงๆ หรือ”
จวินมั่วหรันหรี่ตามองสังเกตุอากัปกริยาของเฟิงอู๋โยวอย่างละเอียดท่ามกลางแสงไฟสลัวในโรงเก็บสุรา
สภาพของนางในตอนนี้เหมือนคนกำลังจมน้ำก็ไม่ปาน ดวงตาทรงกลีบดอกท้ออันสวยงามของนางเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
เพียงแต่จากข้อมูลที่ได้มาทำให้รู้ว่า ผู้คนทั่วทั้งแคว้นเป่ยหลีต่างรู้ดีว่าแม่ทัพเฟิงแห่งแคว้นเป่ยหลีผู้นี้ชำชองการต่อสู้ทางน้ำ
“จวินมั่วหรัน หากข้าตายไปกลายเป็นผีพรายขึ้นมา ข้าไม่มีวันปล่อยเจ้าไปแน่”
เฟิงอู๋โยวสำลักสุราเข้าไปอีกอึกใหญ่ เนื่องจากกลัวน้ำอย่างสุดขีด มือไม้จึงเริ่มอ่อนแรงและตัวนางก็เริ่มจมลงไปใต้ก้นถังที่เต็มไปด้วยท่อนกระดูก
“ข้าเป็นถึงราชาปีศาจแห่งขุมนรกที่จุติให้มาบนโลกนี้ แล้วไฉนข้าต้องกลัวผี”
น้ำเสียงเจือแววชั่วร้ายของจวินมั่วหรันดังขึ้น เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้เก็บคำพูดเมื่อครู่ของเฟิงอู๋โยวมาใส่ใจเลยสักนิด
คำถามที่ว่าคนที่อยู่ด้านหน้าเขาเป็นแม่ทัพเฟิงผู้กล้าหาญชาญสงครามแห่งแคว้นเป่ยหลีหรือไม่ ตอนนี้ไม่สำคัญสำหรับเขาแล้ว
การที่เขาจับนางโยนลงไปในถังบ่มสุราเพื่อ ‘ทำให้สร่างเมา’ เช่นนี้ก็คือการชำระล้างปากของนางที่ไปประจบจูบกับไป๋หลี่เหอเจ๋อ และฆ่าเชื้อเรือนร่างอัน ‘สกปรก’ ของนาง
ในเมื่อเป็นของเล่นของเขาก็ต้องรักษาความสะอาด
จุยเฟิงที่ยืนอยู่ข้างๆ เริ่มรู้สึกเป็นห่วงเฟิงอู๋โยวผู้คออ่อนที่กำลังจะจมถังบ่มสุรา ครั้นแล้วจึงชี้ไปที่ฟองอากาศที่ผุดขึ้นมาเหนือผิวน้ำ พลางพูดขึ้นอย่างกระวนกระวาย “ท่านใต้เท้าขอรับ ดูเหมือนแม่ทัพเฟิงจะเริ่มทนไม่ไหวแล้วขอรับ”
จวินมั่วหรันลุกขึ้นพรวดและพุ่งไปที่ด้านหน้าถังบ่มสุราทันที จากนั้นก็ดึงตัวเฟิงอู๋โยวที่โชกไปด้วยน้ำสุราขึ้นมา
เขาจ้องมองเฟิงอู๋โยวที่ตัวสั่นไปทั้งตัว ภายในใจราวกับถูกบีบรัดด้วยบางอย่าง อึดอัดและทรมานใจยิ่งนัก
“เฟิงอู๋โยว พูดสิ” จวินมั่วหรันทนเห็นสภาพอ่อนแอของนางไม่ไหว จึงยื่นมือไปหยิกแก้มเรียกสตินาง
จุยเฟิงเหงื่อตก เขามีลางสังหรณ์ว่าขืนจวินมั่วหรันยังกลั่นแกล้งเฟิงอู๋โยวอยู่แบบนี้ต่อไป สักวันจะต้องรู้สึกเสียใจภายหลังขึ้นมาอย่างแน่นอน