ตอนที่ 372 สายลมวสันต์ที่สุสานเมื่อคืนวาน
เพียงแค่ครึ่งวัน ขุนนางเกือบจะทั้งหมดต่างก็ละทิ้งอคติที่มีต่อเฟิงอู๋โยว
พวกเขาเห็นกับตาที่เฟิงอู๋โยวตกอยู่ในสถานการณ์สิ้นหวัง แต่ก็ยังตอบโต้ความสิ้นหวังกลับไปได้ ในใจพลันรู้สึกเลื่อมใสขึ้นมาทันที
“เฟิงอู๋โยว ข้า ข้าอยากรับเจ้าไว้เป็นบุตรธรรม”
“ฮ่องเต้แห่งแคว้นเป่ยหลี อย่าได้เอาความต้องการของท่านเพียงคนเดียวมาบังคับข้า”
เฟิงอู๋โยวไม่รอให้เป่ยถางหลงถิงพูดจบประโยค นางพูดแทรกขึ้นมากลางคันอย่างไม่เกรงใจ
นางไม่อยากที่จะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเป่ยถางหลงถิงไปมากกว่านี้ จึงรีบละสายตาไปยังชูชูที่ใบหน้าบิดเบี้ยวและแววตาเต็มไปด้วยพิษร้าย
แขนสองข้างของชูชูถูกเป่ยถางหลงถิงบิดจนชา ปวดร้าวจนน้ำตาเล็ด
แม้ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ที่น่าสังเวชเพียงใด แต่ฝีปากกล้าของชูชูนั้นหาได้ยอมไม่ “เฟิงอู๋โยว ต้องมีสักวัน ที่ข้าสามารถยืนหัวเราะตอนเห็นเจ้าร้องไห้เจ็บปวด ตั้งแต่โบราณมาบุรุษทุกคนมักมาก เจ้าคิดว่าเซ่อเจิ้งหวางจะมีใจให้เจ้าเพียงคนเดียวตลอดชีวิตหรือ”
“แน่นอน”
จวินมั่วหรันชิงตอบทันควัน
ตั้งแต่เขาหลงรักเฟิงอู๋โยวตั้งแต่แรกพบ เขาก็คิดจะอยู่กับนางจนแก่เฒ่า
ชูชูพูดไม่ออก พอนึกถึงเรื่องเมื่อคืน จิตใจยิ่งเหมือนโดนมีดกรีด
เมื่อได้ยินจวินมั่วหรันพูดออกมาเช่นนั้น เฟิงอู๋โยวก็ยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว
นางนึกถึงเรื่องที่นางเดิมพันไว้กับจวินมั่วหรัน
ไม่คิดเลยว่า แค่เพียงเวลาเดือนเดียว จวินมั่วหรันก็ตกลงไปอยู่ในตาข่ายของความรักเสียแล้ว
เมื่อนึกขึ้นมาเช่นนี้ เฟิงอู๋โยวก็ยิ้มบางพลางเหลือบมองตาไปยังจวินมั่วหรัน “คืนวันนี้ รอข้าไปเอาใจเจ้า”
“อืม”
แม้ว่าจวินมั่วหรันพอจะเดาได้ว่าคนใจเสาะอย่างเฟิงอู๋โยวอาจจะตื่นกลัวเหมือนเดิม แต่กระนั้นก็รู้สึก
ตื่นเต้นจนยิ้มไม่หุบ
“เฟิงอู๋โยว เจ้าอย่าเพิ่งมั่นใจไป”
ชูชูเกลียดสองคนที่หยอกเย้ากันไปมาอยู่ต่อหน้า จิตใจของนางแหลกสลาย
นางเกลียด!
นางเกลียดฐานะตัวตนของตัวเอง ตั้งแต่แรกก็ลากนางเข้าไปเป็นฝ่ายศัตรูกับจวินมั่วหรัน
นางเกลียด!
นางเกลียดที่เฟิงอู๋โยวไม่ต้องออกแรงอะไรเลยก็ได้หัวใจของจวินมั่วหรันไปครอง
นางพยายามทุกวิถีทาง พยายามจนสุดความสามารถ สุดท้ายก็คว้าน้ำเหลว
เฟิงอู๋โยวทำเป็นหูทวนลม จับชูชูเสมือนลูกไก่ในกำมือและลากมาไว้ด้านหน้า
นางมองที่ใบหน้าสะอาดหมดจดของชูชูตาไม่กะพริบ ออกแรงบีบใบหน้าที่บิดเบี้ยวของนางให้มองตรง พร้อมกับพยักหน้าอย่างพอใจ “หน้าตาเจ้าช่างงดงาม ไม่ดื้อ เจ้านี่แหละ”
ชูชูเหลือกตามองทีเฟิงอู๋โยว ในใจรู้สึกหวาดหวั่น “เฟิงอู๋โยว นี่เจ้าคิดจะทำอะไรกับข้า”
เฟิงอู๋โยวใช้มือหนึ่งบีบที่คอด้านหลังของชูชู ส่วนมืออีกข้างหนึ่งโอบที่เอวของนางไว้ ลากพานางเดินรอบห้องอย่างใจเย็น
จี้มั่วจื่อเฉินมองตามเฟิงอู๋โยว พร้อมเอ่ยปากถามด้วยความสงสัยว่า “อู๋โยว นี่เจ้าคิดจะใช้นางเป็นไม้ถูพื้นหรือ ถ้าลากแบบนี้อีกสองรอบ พื้นที่นี่จะถูกเจ้าถูจนสะอาด”
เฟิงอู๋โยวยกมือป้องปาก จากนั้นก็ทำการตลาดให้กับเรือนแพทย์พยากรณ์อีกครั้ง “ผ่านไปผ่านมาอย่าได้พลาดชม ใครที่ยังไม่แต่งงานฟังทางนี้ หากพวกเจ้าซุ่มซ่ามทำให้พรหมจรรย์ของตัวเองขาดโดยไม่รู้ตัว สามารถมาที่เรือนแพทย์พยากรณ์เพื่อแก้ไขได้ ราคายุติธรรม ไม่ได้หลอกลวง”
“…”
พวกเขาไม่คิดเลยว่าเฟิงอู๋โยวจะเอาเรื่องส่วนตัวของสตรีมาพูดเช่นนี้ ทุกคนพากันตื่นตระหนก
แต่พวกเขาก็ไม่เข้าใจอยู่ดี ตอนนี้นางถูกตั้งข้อกล่าวหาหลายกระทงว่าเป็นผู้ต้องสงสัย แค่เอาชีวิตรอดก็ว่ายากแล้ว ไฉนนางยังคิดจะหาเงินอีก
หรือว่านางจะขาดแคลนเงินจริง
แต่ปัญหาก็คือ นางไม่น่าจะขาดแคลนเงิน
อีกอย่าง ต่อให้กิจการของเรือนแพทย์พยากรณ์จะไม่ดีแค่ไหนก็ตาม แค่ทรัพย์สินเงินทองที่มีของจวินมั่วหรัน นางก็นอนอยู่บนกองเงินกองทองได้สบายอยู่แล้ว”
“พรหมจรรย์ของข้าเป็นของปลอมก็จริง แต่ดักแด้ไหมเป็นสิ่งที่ข้าทำขึ้นมาเอง รอยสักของวังข้าก็ทำขึ้นมาเองเช้านี้”
ชูชูพูดเสียงสุขุม แขนสองข้างของนางดุจก้านหลิ่ว พลิ้วไหวไปมาตามร่างกายของนาง
เฟิงอู๋โยวรู้สึกประหลาดใจ นางคิดว่าชูชูเป็นพวกถึงตายก็ไม่ยอมรับ
ไม่คิดเลยว่า ชูชูจะยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างง่ายดายขนาดนี้
สิ่งที่ไม่คาดคิดอีกอย่างก็คือ พอนางพูดจบ ก็มองจวินมั่วหรันด้วยสายตาที่แฝงไปด้วยความรู้สึก “เมื่อคืนข้าได้รับคำสั่งจากพระพันปีหลวง ให้เชิญตัวกู่หนานเฟิงเข้าวังหลวงเพื่อตรวจพระอาการประชวรของฮ่องเต้ ระหว่างทางพบท่านเซ่อเจิ้งหวางโดยบังเอิญ เซ่อเจิ้งหวางไม่ได้พูดอะไรมาก ใช้กำลังบังคับพาข้าไปที่ภูเขาด้านหลังสุสาน บังคับให้ข้าเป็นสตรีของเขา”
นางพูดออกมาเช่นนั้น ทุกคนต่างมีสีหน้าแปลกไป
เมื่อคืน จวินมั่วหรันอยู่ที่ภูเขาด้านหลังสุสานในช่วงเวลาจริงๆ ไม่แน่สิ่งที่ชูชูพูดอาจเป็นความจริงก็ได้
จวินมั่วหรันกลับคิดว่าสิ่งที่ชูชูพูดไร้สาระสิ้นดี
สติปัญญาของจวินไป๋หรันแค่สามขวบเท่านั้น แม้ว่าชูชูจะใช้มารยาเล่ห์เหลี่ยมอะไร เขาก็ไม่น่าจะเกิดความใคร่เช่นนั้นได้
แม้ว่าจะคิดเช่นนี้ แต่เขาก็อธิบายกับเฟิงอู๋โยวอย่างใจเย็นไป “แม้ว่าเมื่อคืนข้าจะจำไม่ค่อยได้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ข้ากล้าเอาชีวิตเป็นประกันได้ว่าข้าไม่เคยแตะเนื้อต้องตัวนาง”
เฟิงอู๋โยวเชื่อคำพูดนี้ได้อย่างสนิทใจ
เมื่อคืน ตอนที่นางเจอจวินมั่วหรัน เสื้อผ้าของเขาสะอาดสะอ้าน ไม่มีอะไรสกปรกแปดเปื้อนแม้แต่น้อย ร่างกายของเขาก็ไม่ได้มีกลิ่นแป้งของสตรีอื่นติดมาด้วย
ชูชูมองที่ท้องของตัวเองและค่อยๆ พูด “ท่านแพทย์หลวงซู ท่านจะลองตรวจข้าดูอีกสักครั้ง ไม่แน่ ข้าอาจจะท้องลูกของท่านเซ่อเจิ้งหวางแล้วก็ได้ ไม่มีสิ่งไหนในโลกที่แน่นอน ท่านบอกว่าข้าคลอดลูกไม่ได้ ข้าก็จะคลอดไม่ลูกไม่ได้จริงกระนั้นหรือ”
“คือ…”
แพทย์หลวงซูกลั้นใจพูด “แก่นรากของร่างกายได้รับความเสียหายอย่างแรง แม้ว่าจะรักษาเยี่ยงไรก็ไร้ผล”
มุมปากที่รั้งขึ้นของนางลดต่ำลง เมื่อวาน นางถูกคนของหยุนเฟยไป๋นำตัวไปยังสุสานจริง แล้วก็เจอจวินมั่วหรันจริง แล้วนางยังมีอะไรกับจวินมั่วหรันจริงๆ ด้วย
นางคิดไว้แล้วว่าจวินมั่วหรันจะไม่ยอมรับ แต่สิ่งที่นางไม่คาดคิดก็คือตัวเองจะมีลูกไม่ได้อีกต่อไป
แม้ว่าจะเป็นเช่นนี้ แต่นางก็ยังคงยึดมั่นและพูดต่อ “ข้าไม่สน ตอนนี้ข้ากลายเป็นสตรีของเซ่อเจิ้งหวางแล้ว”
พอถึงตอนนี้ แม้แต่พระพันปีหลวงเห่อเหลียนก็เริ่มโกรธขึ้นมาแล้ว
ชูชูคือนางกำนัลคนรับใช้ที่นางบรรจงเลือกให้กับจี้มั่วอิ้นเหรินกับมือ ไม่ใช่หญิงพรหมจรรย์ยังพอเข้าใจได้ แต่นี่กลับเคยผ่านมาทั้งขุนนางจิ้นและเซ่อเจิ้งหวางอีก
พระพักตร์ของพระพันปีหลวงเห่อเหลียนดำทมิฬ น้ำเสียงเย็นเยือกเปล่งเอ่ย “หุบปาก ผิดที่ข้ามีตาแต่หามีแววไม่ ไม่คิดว่าข้าจะเอาคนไร้ยางอายจิตใจเหี้ยมโหดเยี่ยงเจ้ามาไว้ข้างกายฮ่องเต้”
เฟิงอู๋โยวขมวดคิ้ว นางรู้สึกว่าชูชูไม่ได้แสดงละครเสียทั้งหมด
บางที เมื่อวานอาจเกิดเหตุการณ์อะไรที่ไม่คาดคิดจริงๆ ก็ได้
ลังเลอยู่นาน เฟิงอู๋โยวก็ถอดจี้แหวนหยกคล้องคอออก อาศัยจังหวะที่ชูชูไม่ทันตั้งตัว รีบสะกดจิตนาง
“พูดมา เป็นเจ้าใช่หรือไม่ที่วางยา”
“ใช่ข้าเอง”
“หยุนเฟยไป๋เป็นนายของเจ้าใช่หรือไม่”
“ใช่”
“ลองพูดมา ว่าเจ้าทำอะไรให้เขามาแล้วบ้าง”
ดวงตาสองข้างของชูชูเหม่อลอย นางเล่าเรื่องราวภารกิจทั้งหมดที่หยุนเฟยไป๋สั่งให้นางทำออกมาอย่างหมดเปลือก
“รัชทายาทแห่งแคว้นหยุนฉินให้เข้าแฝงตัวอยู่ข้างกายราชครูไป๋หลี่ สั่งให้ข้าสร้างความขัดแย้งระหว่างราชครูกับเซ่อเจิ้งหวาง เพื่อให้ราชครูไป๋หลี่ได้ผลประโยชน์ การพิจารณาคดีสามสำนักเมื่อครั้งที่แล้ว ดาบเดียวของขุนนางจิ้นแทงทะลุท้องของข้า ทำให้ข้าแท้งลูก รัชทายาทแห่งแคว้นหยุนชินหาคนมาช่วยชีวิตข้าไว้ แล้วให้ข้าแอบแฝงตัวเข้ามาในวังหลวงตงหลิน เพื่อให้ข้าหาโอกาสสร้างความขัดแย้งระหว่างเซ่อเจิ้งกับฮ่องเต้ โอสถลมบูรพาไร้ฤทธิ์ก็เป็นรัชทายาทแห่งแคว้นหยุนฉินสั่งให้ข้าทำ”