ตอนที่ 79 กล้าพันธุ์จากการทาบกิ่งรอดชีวิต
ตอนที่ 79 กล้าพันธุ์จากการทาบกิ่งรอดชีวิต
ว่ากันว่าแม้จะไม่เคยกินเนื้อหมู แต่ก็เคยเห็นหมูวิ่ง* ท่านอ๋องช่วยเป็นช่างคุมไฟให้เฉียวเยี่ยนมานาน จึงพอเข้าใจพื้นฐานการทำอาหารอยู่บ้าง
(*没吃过猪肉,但也见过猪跑 แม้จะไม่เคยกินเนื้อหมู แต่ก็เคยเห็นหมูวิ่ง หมายถึง เราอาจจะไม่เคยประสบสิ่งนั้นมาด้วยตนเอง แต่เคยได้ยินหรือเห็นมาก่อน อย่างไรก็ต้องรู้มาบ้าง)
เมื่อวานฮุ่ยเซียงได้ซื้อเนื้อในตลาดมาแล้ว หมูสามชั้นกับหมูติดมันสดใหม่ถูกแขวนไว้ในบ่อน้ำ บ่อน้ำค่อนข้างเย็น มีประโยชน์ในการช่วยรักษาความสดใหม่ พอนำออกมาในวันที่สอง เนื้อก็ยังคงสดใหม่มาก
บางทีอาจเป็นเพราะฟันดาบค่อนข้างชำนาญ ท่านอ๋องจึงดูเหมือนจะหั่นผักเป็น ทว่าเนื้อหมูสามชั้นกลับถูกหั่นเป็นแผ่นหนา เขาหวนนึกถึงวิธีทำที่เฉียวเยี่ยนทำเมื่อก่อน โดยการเพิ่มเครื่องปรุงหมักไว้
พวกชาวบ้านให้ผักมาไม่น้อย ทั้งผักกวางตุ้ง ต้นหอม หน่อกระเทียม แล้วก็มันฝรั่งเล็กน้อย เขาหยิบหน่อกระเทียมมากำหนึ่ง หลังจากล้างทำความสะอาดแล้วก็ฝานเป็นแผ่นเตรียมไว้ใช้
เขาก่อไฟอย่างชำนาญ นำหม้อไปล้างให้สะอาดเช็ดให้แห้ง จากนั้นก็เทน้ำมันลงไปเล็กน้อย
แต่ผัดผักมันต้องใช้น้ำมันมากแค่ไหนกันนั้นท่านอ๋องก็ไม่รู้แล้ว เขาเทน้ำมันใส่ลงไปเล็กน้อยอย่างระมัดระวัง หลังจากรอน้ำมันร้อนแล้ว ก็ใส่หมูสามชั้นที่หมักแล้วลงไป
ตอนที่หั่นเนื้อสามชั้นทางที่ดีควรหั่นตรงส่วนหนังออก ไม่เช่นนั้นหนังหมูที่ถูกความร้อนจะระเบิด และน้ำมันจะกระเซ็นไปทุกที่
ในขณะที่มู่ฉินเจินพลิกตะหลิว เขาได้กลิ่นเนื้อไหม้เกรียมโชยออกมาจากในหม้อเป็นระลอก ๆ จึงคิดเองเออเองว่ามันดี แต่ตอนที่หนังหมูถูกความร้อนในระดับหนึ่ง มันก็เริ่มระเบิดออกมา
เสียงฉู่ฉ่าดังออกมาจากในหม้ออยู่ตลอด น้ำมันส่วนหนึ่งกระเด็นมาโดนมือเขา รู้สึกร้อนจนถือตะหลิวถอยหลังออกไปหลายก้าว
เขาทำตรงไหนผิดรึ? แค่ผัดอาหารเหตุใดจึงเหมือนกับสู้รบเช่นนี้?
ท่านอ๋องยื่นมือที่ถือตะหลิวไปคนผักที่อยู่ในหม้ออย่างระมัดระวัง ดวงหน้าเย็นชาบิดเบี้ยว เผยท่าทางรังเกียจออกมา
เฉียวเยี่ยนอุ้มลูกทั้งสองมาดูเขาทำอาหารในห้องครัว เมื่อเข้ามาถึงเห็นท่าทางเหมือนต่อสู้ในสนามรบของเขาแล้วก็หัวเราะงอหงาย
นางเดินเข้าไปรับตะหลิสมาจากมือเขา พลิกเนื้อที่ส่งเสียงฉู่ฉ่าในหม้ออย่างเรียบเฉย ราวกับน้ำมันที่สาดกระเด็นนั้นทำอะไรนางไม่ได้เลย
จวบจนผัดเนื้อได้ที่แล้ว เฉี่ยวเยี่ยนก็นำหน่อกระเทียมที่มู่ฉินเจินเตรียมไว้ใส่ลงไปในหม้อ แล้วส่งตะหลิวกลับคืนให้เขา “เอ้า ท่านพ่อครัวใหญ่ ครั้งหน้าจงจำไว้ว่าให้หั่นหนังหมูสามชั้นออก แบบนั้นจะได้ไม่ระเบิด”
มู่ฉินเจินจับตะหลิวไว้ พยักหน้ารับความรู้ และรีบจดจำสิ่งที่ไม่รู้เอาไว้ จากนั้นก็ผัดกับข้าวต่ออย่างจริงจัง
เฉียวเยี่ยนเฝ้าดูอีกครู่หนึ่ง รู้สึกว่าครานี้เขาดูน่ารักมาก เสมือนเด็กน้อยที่ตั้งใจทำงานตามที่ได้รับมอบหมายจากครู
เด็กทั้งสองแหงนหน้ามองพ่อตัวเอง พลางคิดว่าตัวเขาในวันนี้ดูเหมือนจะเก่งกาจขึ้นหลายส่วน มู่ฉินเจินรู้สึกอายเล็กน้อยที่ถูกสามแม่ลูกจ้องมอง ทว่ามั่นใจในตัวเองมาก และตัดสินใจว่าต่อไปเขาต้องเข้าครัวให้มากกว่านี้
ท่านอ๋องทำหมูผัดหน่อกระเทียม แล้วก็ต้มแกงจืดผักกวางตุ้ง การต้มแกงจืดผักกวางตุ้งไม่ต้องใช้ฝีมืออะไรมาก ตั้งน้ำให้เดือดเสร็จ ก็นำผักกวางตุ้งที่ล้างสะอาดแล้วลงไป แล้วเติมเครื่องปรุงลงไปเพื่อเพิ่มรสชาติก็เป็นอันเสร็จ
เขานำอาหารไปจัดวางไว้บนโต๊ะ เฉียวเยี่ยนก็พาลูกทั้งสองมานั่งหลังจากล้างมือเสร็จแล้ว นางมองอาหารที่นับว่าหน้าตาไม่เลว พลางยกนิ้วโป้งให้ท่านอ๋อง “ไม่เลวเลย ท่านนับว่ามีพรสวรรค์ในการทำอาหารมาก รักษามันไว้ต่อไปนะ”
บนใบหน้ามู่ฉินเจินเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อย ทว่าในใจกลับชอบเป็นอย่างยิ่ง เด็กทั้งสองก็ยกนิ้วให้ผู้เป็นพ่อเช่นกัน “ท่านพ่อยอดเยี่ยมมาก!”
ท่านแม่สอนพวกเขาไว้ก่อนหน้าแล้ว ไม่ว่าท่านพ่อจะทำอาหารออกมาอย่างไร ต้องชมให้ยิ่งใหญ่ ให้ท่านพ่อรักษาคะแนนในการทำอาหารไว้
หางของท่านอ๋องผู้นี้ใกล้จะยกขึ้นสวรรค์แล้ว เขาตักข้าวให้เฉียวเยี่ยนกับพวกเด็ก ๆ และกระตุ้นให้พวกเขารับประทานข้าว
เฉียวเยี่ยนชิมผัดหมูไปคำหนึ่ง รสชาติพอใช้ได้ ฝีมือพัฒนามากกว่าบะหมี่น้ำใสครั้งก่อน แต่ก็ยังค่อนไปทางเค็ม โชคดีที่แกงจืดผักกวางตุ้งค่อนข้างจืด ใช้น้ำแกงจืดราดลงไปก็มีรสชาติกลมกล่อมพอดี
นี่เป็นครั้งแรกที่เด็กทั้งสองรับประทานกับข้าวฝีมือผู้เป็นพ่อ แม้มันจะไม่ได้อร่อยเหมือนอย่างมารดาทำ ทว่าพวกเขาก็ยังกินเอา ๆ จนหมด
…..
ผ่านมาแล้วอีกห้าวัน การทาบกิ่งใกล้จะมาถึงตอนจบแล้ว บ้านพักชุดแรกในป่าท้อก็สร้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว และคนงานบางส่วนก็เข้าไปพักแล้วเช่นกัน
ทหารฝ่ายทาบกิ่งทั้งสองห้องถูกเฉียวเยี่ยนแบ่งออกเป็นกลุ่มย่อยสิบกลุ่ม ทุกกลุ่มจะมีหกคน และแบ่งให้ดูแลต้นท้อในแต่ละเขตพื้นที่
ต้นท้อมีจำนวนค่อนข้างมาก และปริมาณธาตุอาหารในดินของภูเขาลูกนี้มีจำกัด จำต้องมีคนงานพรวนดินและใส่ปุ๋ย
กิ่งท้อที่ทาบชุดแรกสุดถึงเวลาแกะพลาสติกออกได้แล้ว หลังจากแกะพลาสติกออกเสร็จก็ต้องเฝ้าตรวจตราอัตราการอยู่รอด หากอัตราการตายค่อนข้างสูง ก็ต้องทาบเสริมให้ทันเวลา
ช่วงที่ต้นท้อออกดอกจะเป็นช่วงเดือนสามถึงเดือนหกของทุกปี กิ่งที่ทาบปีนี้ต้องการความแข็งแรง จึงใช้งานไม่ทันการแน่นอน ทว่าหากดูแลเป็นอย่างดี ปีหน้าก็น่าจะเริ่มออกผลได้
ราวกั้นบนเนินเขาส่วนใหญ่ล้อมเสร็จแล้ว เฉียวเยี่ยนจึงส่งคนไปกวาดซื้อลูกเจี๊ยบในแต่ละหมู่บ้านมา แม้แต่แม่ไก่ที่ ‘ฟักไข่’ ก็ซื้อมาไม่น้อย และเลี้ยงไว้ในเล้าไก่เพื่อให้มันฟักไข่ออกมา
ลูกเจี๊ยบตัวน้อยที่เพิ่งซื้อมาต้องเอาไปอนุบาลอยู่ในเล้าสักระยะหนึ่งก่อน รอให้การปรับตัวและความต้านทานของมันแข็งแกร่งขึ้นก่อนถึงจะปล่อยพวกมันออกมาจากเล้า ให้พวกมันออกไปหาอาหารทุกที่ในภูเขานี้ได้
ตอนนี้ในเล้าไก่ป่าท้อมีลูกเจี๊ยบที่เพิ่งฟักออกมาจำนวนมาก ขนปุกปุย น่ารักยิ่งนัก เด็กน้อยทั้งสองไปที่เล้าไก่ทุกวัน เพราะอยากจะไปดูไก่น้อย
ไก่ที่โตขึ้นมาหน่อยได้รับการเลี้ยงแบบปล่อยแล้ว เฉียวเยี่ยนให้พวกคนงานโปรยอาหารเช่นเมล็ดข้าวโพด ข้าวสาลีและอื่น ๆ ไว้ในภูเขา ให้พวกไก่น้อยไปคุ้ยเขี่ยกินอาหารได้ทุกที่
นอกจากปล่อยให้พวกมันไปหากินกันเองแล้ว ก็ต้องกำหนดเวลาให้อาหารปริมาณพอเหมาะ ไม่เช่นนั้นไก่จะเติบโตช้า
พวกทหารที่รับผิดชอบเลี้ยงไก่ชอบงานนี้เป็นพิเศษ ทุกวันพอถึงเวลากินข้าวก็ร้องเรียกสองสามครั้งอยู่ในภูเขา ซึ่งพวกไก่ที่เลี้ยงแบบปล่อยเหมือนจะเคยชิน พอได้ยินเสียงเรียกก็วิ่งกลับมากินอาหาร
หากจะให้พวกเขาพูด ตอนเป็นทหารได้เป็นหัวหน้าทหาร จำต้องฟังคำสั่งผู้อื่นไปทำงาน ในที่สุดตอนนี้ถึงคราวพวกเขาได้สั่งการกองกำลังเป็นหมื่นๆ พันๆ แล้ว
นี่ไม่ใช่กองกำลังเป็นหมื่นๆ พันๆหรอกหรือ? ฝูงไก่เป็นกลุ่มก้อนพุ่งออกมาจากป่าท้อทั่วสารทิศ มาจิกกินเมล็ดข้าวโพดที่โปรยไว้บนพื้นไว้แล้ว จากนั้นก็ดื่มน้ำเล็กน้อย แล้วก็ไปเดินเล่นบนภูเขาต่ออย่างพอใจ
เด็กทั้งสองชอบดูพวกลุงๆ ให้อาหารไก่มาก ทุกครั้งที่ถึงเวลากินข้าวก็จะร้องเรียกไปพร้อมกับพวกเขา เสียงเด็กเล็กน่ารักนั้นน่าขบขันจนทำให้คนกลุ่มหนึ่งหัวเราะออกมา
เดือนห้าสิ้นสุดลง งานทั้งหมดในป่าท้อเริ่มเข้าที่เข้าทางแล้ว กิ่งที่ทาบชุดแรกได้เริ่มแกะพลาสติกออกแล้ว อัตราการรอดถือว่าใช้ได้
เมื่อแกะพลาสติกทาบกิ่งออก ก็จะเห็นได้ว่าหน่อที่เอาไปทาบยังเขียวชอุ่ม แล้วยังงอกหน่อใหม่ออกมา และส่วนที่ทาบกิ่งนั้น ตรงปากแผลได้สร้างเนื้อเยื่อออกมาประสานรวมเข้าด้วยกันแล้ว บนกิ่งไม้ใหม่ก็ได้งอกหน่อใหม่ออกมา
จวบจนบัดนี้ ในที่สุดทุกคนก็เชื่อในสิ่งที่เฉียวเยี่ยนพูดว่าวิธีทาบกิ่งนั้นเชื่อถือได้จริง ๆ พวกทหารอุทานอย่างเหลือเชื่อไปด้วย พลางแกะพลาสติกออกไปด้วยอย่างระมัดระวัง ด้วยกลัวว่าจะทำให้ชีวิตน้อยใหม่เหล่านี้ตายเอา
สองสามวันมานี้เฉียวเยี่ยนอารมณ์ดีมาก พาสามพ่อลูกติดสอยห้อยท้ายตามไปลาดตะเวนบนภูเขาทุกวัน พอเห็นกล้าที่นางทาบงอกออกมาได้ดี ก็ยกมุมปากยิ้มไม่หุบ
แม้มู่ฉินเจินจะเตรียมใจไว้แล้ว และรู้ว่าเรื่องที่เฉียวเยี่ยนตั้งมั่นส่วนใหญ่จะประสบความสำเร็จ แต่ตอนนี้ความจริงมากองอยู่ตรงหน้าตัวเอง ก็ยังรู้สึกว่ามันน่าเหลือเชื่อ
ครั้นเห็นท่าทางทึ่งของมู่ฉินเจิน เฉียวเยี่ยนก็เชิดหน้าขึ้นด้วยความเย่อหยิ่ง เห็นแล้วสินะ ใครใช้ให้ท่านสงสัยข้ากัน! ถูกตบหน้าเข้าแล้วละสิ!
ท่าทางเย่อหยิ่งนั้นเหมือนเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ทุกอย่าง ซึ่งทำให้มู่ฉินเจินใจอ่อน สตรีของเขาแม้จะเก่งกาจ แต่ก็ยังเป็นสาวน้อยที่เพิ่งมีอายุยี่สิบปีเต็มเองนะ
ท่านอ๋องผู้มีฐานะเป็นหัวหน้ากลุ่มยกยอก็ยกยอเจ้าท่อนไม้อย่างจริงจัง เด็กทั้งสองที่อยู่ข้างหลังก็ไม่น้อยหน้า ชมมารดาตัวเองด้วยน้ำเสียงเด็กเล็ก เฉียวเยี่ยนเขินอายที่ถูกชม พลางปิดหน้ายิ้ม ทว่ามุมปากนั้นใกล้จะฉีกยิ้มไปถึงบนสวรรค์แล้ว
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ฝีมือพัฒนาแล้วท่านอ๋อง อีกหน่อยถ้าเฉียวเยี่ยนไม่ว่างก็ทำอาหารให้ลูกเมียกินได้แล้ว
จะมีวันไหนไหมนะที่ท่านอ๋องจะรู้ว่าข้างในหวางเฟยตัวเองเป็นวิญญาณของหญิงสาวอายุย่างสามสิบ?
ไหหม่า(海馬)