พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ” – ตอนที่ 14

ตอนที่ 14

บทที่2ตอนที่5

สถานที่ๆมาร์พามาคือด้านนอกเมือง ดวงอาทิตย์ขึ้นสูงแล้วและความร้อนเองก็ค่อยๆเพิ่มขึ้นอากาศในฤดูใบไม้พลิกำลังเบ่งบานทั่วเมือง

อาร์คาซัมมีกำแพงเมืองที่คอยป้องกันการรุกรานของสัตว์อสูรที่อาศัยอยู่รอบๆเมือง

นอกจากนี้กำแพงที่สร้างยังถูกเว้นระยะห่างจากเมืองพอสมควร ทั้งนี้เนื่องจากให้สามารถจัดเตรียมกองทัพขนาดใหญ่ได้ในการรุกรานครั้งใหญ่และยังเป็นสถานที่เก็บเสบียง

เนื่องจากค่อนข้างไกลจากตัวเมืองเลยไม่ค่อยพบเห็นผู้คนสักเท่าไร แต่ถึงกระนั้นก็พบได้เยอะกว่าที่ป่า

โนโซมุกับมาร์ต่างเผชิญหน้ากัน

◇◆◇

มาร์ดึงดาบใหญ่ออกมาและเริ่มบุกเข้ามาทันที

「ย๊าาาาาาาาาาาก!」

โนโซมุกันดาบใหญ่ของออกไปทางด้านข้างขณะเดียวกันก็เข้าไปทางด้านข้างของคู่ต่อสู้เพื่อหลบการโจมตี

「มาร์ ทำบ้าอะไรของนายเนี่ย!」

ร่างกายของมาร์ที่พลังอัดแน่นอยู่เต็มทั่วร่างเห็นได้ชัดว่าเขาเอาจริง โนโซมุที่ไม่เข้าใจว่าทำไมจึงได้ถามออกไป นึกว่าจะถูกเรียกมาคุยเรื่องที่เข้าไปในป่า ไม่คิดว่าจะโดนโจมตีแบบนี้เลย

「คำถามก็ไว้ตอบที่หลัง 」

「ถ้างั้นทำไมถึงชี้ดาบมาทางข้าล่ะ!」

มาร์ไม่ตอบโนโซมุและยังคงฟันต่อไป โนโซมุจึงต้องป้องกันการโจมตีเหล่านั้น เสียงของดาบปะทะกันทั้งสองคนยังคงสู้กันต่อไป

มาร์ใช้เสริมพลังกายและโจมตีหลายครั้งติดต่อกันจนเหมือนไม่ใช่ผู้ใช้ดาบใหญ่

ดาบฟาดฟันกันไปกันมาส่งเสียงกระทบจนแสบแก้วหู การเคลื่อนไหวของทั้งสองไม่มีใครช้าลงเลยแม้แต่น้อย

การโจมตีด้วยดาบใหญ่อย่างต่อเนื่องจำเป็นต้องได้รับการฝึกอย่างชำนาญ ด้วยความแข็งแกร่งทางกายภาพที่ครึ่งๆกลางๆจะทำให้การโจมตีไม่ต่อเนื่อง

ยังไงก็ตามมาร์ยังฟันออกมาด้วยแรงมหาศาลและยังคงเร็ว

โนโซมุหลบการฟันแรกและก้มตัวลงต่ำ

จากนั้นก็ฟันสวนและยกดาบขึ้นเข้าปะทะกับดาบของมาร์จากนั้นพุ่งเข้าไปเป็นแนวตั้งและมุ่งหน้าเข้าไปเรื่อยๆ

โนโซมุใช้แรงเหวี่ยงเป็นตัวช่วยในการปัดป้องการโจมตี บางทีมาร์เองก็คงอ่านออกเช่นกันเลยใช้ดาบใหญ่ขัดการโจมตีเหล่านั้น เสียงของดาบปะทะกันจนเกิดเสียงก้อง

โนโซมุไม่สนใจและยังคงโจมตีต่อไปตรงๆ พื้นที่โจมตีของโนโซมุกับมาร์นั้นต่างกัน โนโซมุเป็นคนที่ต้องเข้าหา

โนโซมุนั้นใช้แรงมากกว่ามาร์หลายเท่าตัวและตัวเขาที่ขาดทั้งความเร็วและพลังนั้น แต่มาร์เองก็ไม่มีโอกาสเข้าด้านข้างของโนโซมุได้เช่นกัน

มาร์ไม่สามารถโจมตีได้ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากใช้ดาบใหญ่ของเขาเพื่อรับการโจมตีต่อเนื่องของโนโซมุ

เมื่อถือดาบใหญ่ด้วยมือทั้งสองเขาก็ป้องกันการโจมตี พลังงานจากร่างกายถูกปลดปล่อย เทคนิคนี้ไม่มีชื่อ แต่ว่ามันปล่อยพลังมหาศาลโนโซมุยังคงโจมตีมาอย่างต่อเนื่อง

ทันใดนั้นเองโนโซมุก็เน้นพลังไปที่มือข้างหนึ่งจากนั้นพุ่งเข้าหาโนโซมุ

หมัดของมาร์ที่มีความสามารถทางกายภาพอันทรงพลังและแข็งแกร่งที่สามารถบดขยี้สัตว์อสูรได้อย่างง่ายดาย โนโซมุไม่สามารถเมินเฉยต่อพลังนั่นได้เลยแม้แต่น้อย

โนโซมุใช้ฝักดาบกันหมัดของมาร์แต่ว่าตัวเขาเองก็ปลิวไปทางด้านหลังพอสมควร

ทันทีที่โนโซมุตั้งหลักได้ มาร์ก็เข้ามาใกล้ในระยะของโนโซมุและเปิดใช้งาน “ดาบวายุ”คมดาบวายุพัดผ่านใบหน้าของโนโซมุและก็พยายามโจมตีอย่างต่อเนื่อง โนโซมุใช้ “ก้าวพริบตา”เพื่อหลบการโจมตี แต่มาร์เองก็เล็งไปที่ขาของโนโซมุเพื่อจะตัดโอกาสหนี

「ย๊าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาก!!」

ไม่คิดเลยว่ามาร์จะพุ่งมาตรงๆแบบนี้

นั่นคงจะเป็นตามปกติ โนโซมุพยายามจะโจมตี แต่ก่อนจะได้โจมตีก็กันการโจมตีซะก่อน

สถานการณ์ในตอนนี้โนโซมุไม่สามารถโต้กลับอะไรได้มากนัก

เนื่องจากตอนนี้โดน “พันธนาการ” เอาไว้ทำให้ไม่สามารถเปิดใช้หลายๆกระบวนท่าได้

มาร์เหวี่ยงดาบใหญ่ลงมาด้วยพลังอันเหลือล้น

โนโซมุเคลื่อนไหวด้วยความเร็วมหาศาลก่อนที่ดาบใหญ่จะฟาดลงไปที่หัวของเขา มาร์ตกใจเล็กน้อยที่จู่ๆความเร็วของโนโซมุเพิ่มขึ้น

ก่อนที่ดาบของมาร์จะโดนตัวของโนโซมุ เขาบุกเข้าไปใช้ดาบฟันไปที่ปลอกแขนของมาร์

「อั่กกกกกกก!」

ใบหน้าของมาร์นั้นบิดเบี้ยวจากการรับการโจมตีนั่น การโจมตีนั่นไม่โดนปลอกแขนของมาร์ทำให้โดนเข้าไปเต็มๆ

มาร์ปล่อยมือข้างหนึ่งออกจากดาบใหญ่และตั้งสมาธิสร้างวายุภายในกำปั้นเขา

มาร์ปล่อยมวลลมที่ถูกอัดแน่นเข้าใส่โนโซมุในระยะใกล้

คิ“ฝ่ามือวายุ”

เทคนิค คิ ประเภทลม ปล่อยมวลลมอันรุนแรงใส่คู่ต่อสู้

เป็นเทคนิคที่ใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพเช่นการเพิ่มแรงปะทะด้วยมวลลมเข้าไป

ลมที่ปล่อยออกมาพัดพาโนโซมุจนปลิวไปดังนั้นระยะห่างระหว่างทั้งสองจึงเกิดขึ้นอีกครั้ง

ทั้งสองต่างจ้องมองกันและกัน ทั้งสองต่างไม่เคลื่อนไหวชั่วขณะ

◇◆◇

มาร์รู้สึกชื่นชมในตัวโนโซมุอีกครั้ง

(เข้าใจแล้ว………ดูเหมือนว่าจะถนัดวิชาดาบเพียวๆเลยสินะ……)

ข้าที่มีพลังเหนือกว่ามาก แต่ก็ไม่สามารถโจมตีหมอนั่นได้ตรงๆ ทั้งด้านความเร็วหรือความแรงต่างถูกป้องกันได้หมด ถ้าข้ากดดันจนสุดก็จะโดนเคาน์เตอร์กลับมา

ดาบของข้าไล่ตามเขาไปเรื่อยๆ แต่ก็ไม่สามารถโจมตีโดนหมอนั่นได้

ข้าอยากจะรู้ เหตุผลที่ทำให้หมอนั่นแข็งแกร่งขึ้นเพื่อที่ตัวข้าจะได้ก้าวเดินต่อไปได้

แข็งแกร่ง มากกว่านี้ มากกว่านี้ยิ่งขึ้นไป………………。

เพราะฉะนั้นต้องรู้เรื่องของหมอนี่ให้ได้ อะไรที่ทำให้หมอนี่แข็งแกร่งถึงขนาดนั้น…………。

◇◆◇

ทั้งสองคนยังจ้องตากันอยู่ สำหรับมาร์แล้วเขาผ่อนคลายร่างกายและรวบรวมพลังลงไปที่ดาบ

「ทำได้แสบนักน่ะ มันเจ็บนะเนี่ยรู้ไหม」

โนโซมุกำลังจ้องมองมาร์ที่กำลังรวบรวมพลังลงไปที่ดาบของเขาอย่างตั้งใจ โนโซมุเองก็เตรียมรับมือ

「……ข้ามีบางอย่างอยากจะถาม…………………เจ้าเริ่มเข้าป่าตั้งแต่ตอนไหนกัน?」

มาร์จ้องมองไปยังโนโซมุ แววตาของเขาบ่งบอกว่าไม่ยอมให้เขาหลีกเลี่ยงคำถาม

บอกตามตรงโนโซมุเองก็ไม่รู้จะทำตัวยังไง ถ้าเขาบอกไปว่าตัวเองฆ่าเทพมังกรลงได้ ก็คงจะไม่มีใครเชื่อ แน่นอนตอนนี้ข้าเองก็ไม่รู้จุดประสงค์อันแน่ชัดของเขาด้วย และข้าเองก็คิดไม่ออกว่าจะใช้พลังนี้ยังไงต่อไป

ตัวเองที่ยังคงหนีต่อไปเรื่อยๆแบบนี้ ตัวข้าที่สูญเสีย “ความฝันในการช่วยเหลือลิซ่า”และสูญเสียเหตุผลทุกอย่างไป

การสูญเสียเหตุผล “ในการแข็งแกร่งขึ้น”ครั้งนี้มันสร้างความกังวลให้กับชิโนะเองด้วยเช่นกัน ชิโนะบอกไว้ว่า”หากเจ้าเสียเหตุผลในการแข็งแกร่งขึ้น เจ้าก็จะหนีความจริงไปโดยไม่รู้ตัว” และตอนนี้เขาก็รู้ตัวดีว่าเขายังคงหนีความเป็นจริงเรื่อยมา ข้าไม่สามารถที่จะก้าวไปข้างหน้าได้

นั่นเป็นเหตุผลที่โนโซมุมักจะชื่นชมคนที่มีเป้าหมายในชีวิตอย่างไอริสที่บอกไว้ว่า “ฉันจะคอยช่วยเหลือทุกคนที่ต้องการความช่วยเหลือ”และโซเมียเองที่พูดไว้ว่า “ฉันเองก็อยากจะเป็นให้ได้เหมือนพี่สาวคะ” ข้ารู้สึกได้ถึงความรู้สึกเหล่านั้น

◇◆◇

「อืมมมมม…………นั่นสินะครับข้าเองก็เริ่มเข้ามาในป่าตั้งแต่ฤดูร้อนที่เลิกกับลิซ่าจนถึงช่วงฤดูใบไม้ร่วงของปีนี้……ตอนนั้นตั้งแต่เกิดเรื่องนั้น…………เหตุการณ์ที่ลิซ่าบอกเลิกกับข้า……เพราะเรื่องต่างๆมากมาย」

ข้าตัดสินใจเล่าเรื่องราวทุกอย่างให้มาร์ฟัง ถ้าคิดว่ามาร์เป็นคนที่ตามเขามาเมื่อวานแล้วก็ไม่จำเป็นต้องมีอะไรต้องปิดซ่อน แถมตัวเขาเองก็ไม่เห็นพลังของดราก้อนสเลเยอร์ด้วย

「…………อืมน่าตกใจจริงๆ ตั้งแต่นั้นมาเจ้าก็เข้าป่าคนเดียวมาโดยตลอดเลย?」

มาร์ตกใจมากที่โนโซมุพยักหน้าอย่างเงียบๆและเงยหน้ามองท้องฟ้า เนื่องจากมันเป็นเรื่องอันตรายอย่างมากที่จะเข้าป่าด้วยตัวคนเดียวจึงถูกสั่งห้ามเอาไว้ สำหรับโนโซมุเขาแหกกฏข้อนั้นของโรงเรียนและเข้าป่าไปด้วยตัวคนเดียวซึ่งมันเป็นอะไรที่ดูบ้าบิ่นมากๆ แต่ส่วนใหญ่ก็พอเข้าใจเหตุผลที่ได้แผลบ่อยๆได้แล้วเป็นเพราะคงได้สู้กับสัตว์อสูรในป่า ถ้าเกิดแย่ขึ้นมาละก็อาจจะโดนพวกสัตว์อสูรฆ่าก็ได้

ท้ายที่สุดคนที่ไม่มีประสบการณ์ในการเข้าป่า ไม่ว่าจะเก่งดีเลิศแค่ไหนก็ไม่สามารถเอาตัวรอดได้หรอก หากตัดสินใจพลาดเท่ากับตายเลย ซึ่งเรื่องนั้นเองก็เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นประจำด้วยในทุกๆปีที่พบศพของนักเรียนเข้าป่า

「อืมข้าเชื่อแล้วล่ะ เจ้าเองก็ฝึกร่างกายมาอย่างหนักและการตัดสินใจที่เฉียบแหลมนั่น。」

แน่นอนอยู่แล้ว หลังจากเลิกเรียนเขาก็ไปฝึกกับชิโนะเป็นประจำทั้งยังสู้กับอาจารย์รวมถึงพวกสัตว์อสูรภายในป่า

สัตว์อสูรที่เข้ามาโจมตีล้วนแต่เป็นระดับต่ำ แต่ถึงแม้ว่าโนโซมุในตอนนั้นก็ไม่ได้มีความสามารถทางกายภาพมากมายนัก แต่ความสามารถด้านวิชาดาบและการตัดสินใจนั่นที่ยังไม่ค่อยมั่นคงก็ไม่น่าจะมีโอกาสชนะสัตว์อสูรเหล่านั้นได้

นั่นคือเหตุผลที่ว่าการหนีเองก็เป็นเรื่องสำคัญ

เข้าไปที่แม่น้ำเพื่อกำจัดกลิ่นกายและเอาใบไม้ถูตัวเพื่อพรางตัวไปกับผืนป่า

การตัดสินใจของโนโซมุเป็นข้อพิสูจน์อันดีว่าเขามีประสบการณ์ในการเข้าป่าอย่างโชกโชนโดยธรรมชาติแล้วมนุษย์เองก็ต้องตัดสินใจในการทำสิ่งต่างๆเพื่อเอาชีวิตรอด

เช่นเดียวกับการเคลื่อนไหวในการต่อสู้จำลองเมื่อวานนี้ เขาเคลื่อนไหวไม่ซ้ำไปมาและเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเพื่อไม่ให้ตัวเองโดนล้อมรอบ

นั่นคือสิ่งที่ข้าได้เรียนรู้จากการต่อสู้กับสัตว์อสูรหมาป่า

และก็การต่อสู้จำลองกับชิโนะ

การต่อสู้กับชิโนะที่มีพละกำลังมหาศาล ถ้าตอบสนองช้านิดหน่อยก็หมดสติได้เลย แม้ว่าเขาจะทำพลาดแค่นิดเดียว ก็หมดสติแน่นอน

ตัวข้าที่อยู่ในสภาพแวดล้อมแบบนี้มาตลอด แม้ว่าจะไม่ชอบก็ตามแต่ก็ต้องฝึกต่อไป

◇◆◇

「แล้วจู่ๆทำไมมาร์ถึงมาเรียกข้าล่ะ? ได้ยินเรื่องแปลกๆอะไรมาอีกแล้วเหรอไง คิดจะมาจัดการข้าอีกเหรอ? หาา」

โนโซมุจ้องมองมาร์ไปด้วยความสงสัย โดยปกติไม่ว่าโนโซมุจะทำอะไรมา เขาก็มักจะเข้ามาหาเรื่องกับโนโซมุตลอดเวลา นั่นละคือท่าทีปกติ

「เอ่อ หืม เรื่องแบบนั้น……เห็นข้าเป็นคนแบบนั้นเหรอ?」

ราวกับว่าเขาไปกดสวิตซ์อะไรบางอย่าง น้ำเสียงของมาร์เลยดูโกรธหน่อยๆ

「???」

จู่ๆมาร์เองก็พูดติดๆขัดๆโนโซมุที่ยังคงงงกับท่าทางของมาร์ที่ดูไร้เหตุผลนั่น

อย่างไรก็ตามเมื่อมองไปที่มาร์แล้วดูเหมือนว่าเขาจะรู้สึกผิดอยู่หน่อยๆด้วย ดูเหมือนว่าความลับเรื่องที่เขาเป็นดราก้อนสเลเยอร์จะยังไม่แตก

◇◆◇

ตอนที่ข้าได้ยินว่าโนโซมุเข้าป่ามาเพื่อฝึกดาบข้าไม่อยากจะเชื่อเลยแม้แต่น้อย

โนโซมุเองก็รู้สึกโล่งอกเพราะความลับยังไม่แตก

「เอ่อ ที่ข้าจะหมายถึงก็คือ「อาาาาーーーーーーーーーーー! นี่แกทำบ้าอะไรของแกเนี่ย ไอบ้าเอ้ย!」

ทันใดนั้นเองก็มีเสียงดังขัดขึ้นมาอย่างกระทันหัน เมื่อมองไปก็พบกับหญิงสาวที่มีรูปร่างคล้ายคลึงกับมาร์ ใบหน้าของเธอแสดงให้เห็นถึงความโกรธอย่างเห็นได้ชัด เธอจ้องมองราวกับแค้นเคืองอย่างมาก เห็นได้ชัดว่าเป็นน้องสาวของมาร์แน่ๆ

「พี่ชายคะ!! คิดจะทำอะไรกันแน่เรียกใครบางคนมายังที่ลับตาคนแบบนี้!!!!」

「ฮะ เฮ้ย อย่านะเว้ย! แล้วเธอละมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงกันเนี่ย!!」

「ก็พี่ชายออกไปข้างนอกด้วยหน้าตาบูดเบี้ยวเลยนี่คะ~~ดังนั้นฉันก็เลยตามมา จากนั้นก็เป็นไปตามที่คิดไว้เลยพยายามทำอะไรบางอย่างเหมือนนักเลงเช่นนี้…………。」

เธอแย้งออกไปเช่นนั้น มาร์เองก็ไม่รู้จะเถียงออกไปยังไง

「อะไรกันเล่า! ทำไมข้าต้องมาทำอะไรเหมือนพวกกุ๊ยแบบนั้นด้วยละเห้ย!!」

「ดูสิ่งที่ตัวเองทำก่อนจะพูดบ้างไหมคะ มองจากภายนอกจะคิดแบบนี้ก็ไม่แปลกเลยสักนิด! พี่รู้ตัวไหมว่าพี่สร้างความลำบากมากมายให้ฉันมากขนาดไหน ฉันต้องไปก้มหัวให้ใครต่อใครเพราะเรื่องที่พี่ก่อไว้เนี่ย!!」

「หึ!」

มาร์เองที่มากความสามารถแต่มีพฤติกรรมแย่ๆเลยทำให้ต้องตกมาอยู่ในห้อง 10 แม้จะมีผลการประเมินอยู่ในระดับสูงก็ตามที

อย่างไรก็ตามมาร์นั้นโดนน้องสาวตำหนิอย่างหนัก ดูเหมือนว่าเขาจะแพ้น้องสาวตัวเอง

แม้ว่าเขาจะเถียงไปนิดหน่อย แต่หากเถียงมากเกินไปมีหวังโดนเฉือดแหงๆ มาร์เองก็คิดว่าคงเป็นเช่นนั้นเลยแสดงท่าทางนิ่งเงียบ เขาเองก็รู้ตัวว่าทำความเดือดร้อนให้ครอบครัวแต่ว่าเขาก็ไม่คิดจะตอบโต้อะไรมากมายนัก

「ร้านโปรดของฉันที่อยากจะเข้าก็โดนห้ามเข้าเพราะพี่ชายไปอาละวาด!」「เพราะพี่ไปทำตัวเหมือนพวกมาเฟียฉันเลยโดนคนรุ่นเดียวกันปฏิบัติราวกับเจ้านายพวกเขา!」「ต้องขอโทษเพื่อนบ้านแทบทั้งวันก็เพราะพี่!」และอีกหลายสิ่งหลายอย่างเหนือคนานับต่างหลุดออกมาจากปากน้องสาวของมาร์

ทุกครั้งที่เธอพูดออกมามาร์ก็จะขัดด้วยคำว่า「หึ!」ไม่ก็「แล้วไงละ!」ราวกับหอกที่ทิ่มแทงก็ไม่ปราณ

ในที่สุดเรื่องเก่าๆอันแสนน่าอับอายของมาร์ก็ผุดขึ้นมา

「โตกว่าฉันแล้วยังฉี่รดที่นอนอีก。」ไม่ก็「ตอนที่ฉันอยากจะขี่ม้าก็จะมาแย่งจนชาวบ้านเขามองกันไปทั่วเพราะม้าตื่น。」

บางทีเพราะเรื่องน่าอายผุดออกมาเรื่อยๆนั้นมาร์ก็เข่าทรุดจนมือกำอยู่กับพื้น ถึงแม้ว่าข้าจะเป็นคนทำงานอิสระแต่มาได้ยินแบบนี้ข้าก็ไม่โอเค

เธอคนนั้นยังคงล้อเลียนมาร์ต่อไปเรื่อยๆ และเมื่อเห็นว่ามาร์หมดอาลัยตายอยากเธอก็เข้ามาหาโนโซมุ

「ต้องขออภัยในความหยาบคายของพี่ชายแสนงี่เง่าด้วยนะคะ」

「ไม่เป็นไรหรอกครับ แต่ว่า………………เธอทำขนาดนั้นพี่ชายเธอไม่เป็นไรแน่เหรอ?」

「ค่ะ ถ้าฉันไม่ทำแบบนี้พี่ชายก็ไม่สำนึกผิดสักทีค่ะ และเพราะคนๆนี้ชอบสร้างปัญหาให้ฉันอยู่เรื่อย เพราะงี้แหละค่ะนี่คือบทลงโทษจากธรรมชาติ」

「อะ ฮะฮะ…………」

มาร์ที่ก้มลงด้วยความสมเพชตัวเองและโนโซมุที่พยายามหักห้ามเธอ แต่เธอก็ตัดความห่วงใยนั่นโดยไม่ใยดี

โนโซมุเองก็โกรธมาร์ที่จู่ๆก็เข้ามาโจมตีโดยไร้เหตุผลนิดหน่อย แต่ไม่ว่าเขาจะทำตัวแย่แค่ไหนยังไงเขาก็เป็นพี่ชายของเธอคนนี้ ดังนั้นช่างมันเถอะ

「อืม ขอโทษด้วยนะคะที่แนะนำตัวช้า ฉันชื่อว่าอิน่าเป็นน้องสาวของพี่ชายแสนงี่เง่านั่น」

「อืม ข้าชื่อ โนโซมุ ・เบลาตี้ เป็นเพื่อนร่วมชั้นของมาร์」

ต่างจากมาร์เธอเป็นคนที่สุภาพเรียบร้อย เป็นผู้หญิงท่าทางเข้มแข็งอาจเป็นเพราะพี่ชายจึงทำให้เธอต้องดิ้นรนอย่างหนัก

「พี่ชายที่โง่เขลาคนนี้ทำให้คุณต้องลำบาก ฉันอยากจะขอโทษอย่างเป็นทางการช่วยมาที่ร้านของฉันจะได้ไหมคะ? พวกเราเปิดโรงแรมขนาดเล็กพร้อมกับบาร์อย่างน้อยก็อยากจะขอโทษด้วยการเลี้ยงอาหารกลางวันค่ะ」

เธอคนนั้นต้องการขอโทษข้า โนโซมุบอกว่าไม่จำเป็นต้องขอโทษเลย แต่อินะก็พูดมาว่า”ถ้าหากฉันไม่ได้ขอโทษอย่างจริงจังมันไม่สบายใจค่ะ” ดังนั้นโนโซมุจึงไม่มีทางเลือกนอกจากตอบรับคำเชิญนั่น…………。

「แล้วมาร์ละครับจะปล่อยไว้แบบนี้เหรอ」

「อ่า นั่นสินะคะ พี่ชายงี่เง่ารีบๆเดินเข้าสิคะ!」

อิน่าวิ่งเข้าไปเตะมาร์ จนมาร์เผลอร้องออกมาว่า「ทำบ้าอะไรของเธอเนี่ย!」ด้วยท่าทางโกรธๆ ข้าเองที่เห็นภาพเช่นนั้นก็รู้สึกอดสงสารมาร์ไม่ได้

พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ”

พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ”

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ” ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยนำบางส่วนมาจากนิยาย เรื่อง พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ”

บทนำ

สถาบันโซลมินาติ เป็นสถานที่รวมตัวของเหล่าคนหนุ่มสาวที่มีควาฝันทะเยอทะยานมากมาย มีชายคนหนึ่งที่เข้ามาเรียนที่นี่เพื่อสนับสนุนความฝันของคนรัก อย่างไรก็ตาม ความสามารถของชายคนนั้นที่ไม่มีดีด้านไหนเลย ก็ถูกผู้คนต่างกลั่นแกล้ง คนรักก็ทอดทิ้ง ความหวังในชีวิตต่างสูญหาย ช่วงเวลาแห่งชีวิตมาถึงจุดเปลี่ยน ยังไงก็ตามเขาพบกับหญิงชราผู้หนึ่งที่จะคอยเปลี่ยนแปลงเขาไปตลอดการ นี่คือเรื่องราวของชายผู้ที่ถูกทอดทิ้งจะกลับมาลุกขึ้นสู้อีกครั้ง

เรื่องย่อ

สถาบันโซลมินาติ สถานที่ๆคนหนุ่มสาวจากทั่วทุกดินแดนจะมารวมตัวกันเพื่อต่อยอดความฝันและความหวังของตัวเอง ความทะเยอทะยาน สำหรับคนที่ไม่มีอะไรดีสักด้านนั้นจะถูกมองด้วยสายตาเหยียดหยามถูกปฏิบัติแบบไร้ซึ่งมนุษย์ธรรมโดยสมบูรณ์

เป็นเวลากว่าสองปีแล้วที่ชั้นอยู่ ณ ที่แห่งนี้ ข้า โนโซมุ เบลาตี้ ซึ่งอยู่บนดาดฟ้าของโรงเรียนในช่วงพักกลางวัน

ข้ามาที่นี่เมื่อสองปีก่อน ออกมาจากบ้านเกิดกับเพื่อนสมัยเด็กสองคนเพื่อมายังที่แห่งนี้

คนแรกคือ เคน โนทิส เป็นเพื่อนที่ข้าสนิทด้วยที่สุด

ส่วนอีกคนหนึ่ง คือ ลิซ่า เฮาวน์

สาวสวยผู้มีผมหางม้าสีแดง

เป็นคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตและเป็นคนรักของข้า

เธอเป็นคนที่เอาชนะคนอื่นได้เสมอ เธอเป็นเหมือนดั่งตัวร้ายที่คอยต่อต้านกับหัวหน้าหมู่บ้าน

ข้าพบกับเธอก็เมื่อตอนอายุ 8 ขวบ ตอนที่ข้ากำลังตกปลาในแม่น้ำใกล้หมู่บ้าน

「อะ เอ่อ อืม ว่างหรือเปล่า?」

เป็นตอนนั้นเองที่เธอเข้ามาพูดกับข้า

ผมสีแดงตัดสั้น ท่าทางที่ดูมั่นใจ ใบหน้าของข้าค่อยๆร้อนรุ่ม…ข้าตกหลุมรักเธอตั้งแต่แรกเห็น

พ่อแม่ของเธออาศัยอยู่ในดินแดนที่ห่างไกลออกไป แต่เมื่อพ่อของเธอเสียชีวิตระหว่างเดินทาง เธอจึงตัดสินใจที่จะตั้งถิ่นฐานที่บ้านเกิดของข้า

ตอนเธอยังเด็กมักจะเป็นเด็กที่ซุกซนและอารมณ์ฉุนเฉียว แต่ข้าก็ไม่ได้รังเกียจอะไร และเธอไม่ใช่คนยอมแพ้อะไรง่ายๆ

แล้วก็เด็กที่ทำให้เธอผิดหวังมากที่สุดก็คือนายพลกาคิกับผมด้วยเหตุผลบางอย่าง

เมื่อสามปีก่อนข้าสารภาพรักกับเธอเพราะว่าไม่สามารถควบคุมตัวเองได้อีกต่อไป

รักแรกที่ข้าชอบมาตลอด

เธอตกใจมากกับการสารภาพรักที่กระทันหันของข้า แต่เธอก็ยอมรับข้าและร้องไห้ทั้งน้ำตา

ตอนนั้นเองข้าจึงตัดสินใจที่จะไปสถาบันโซลมินาติกับเธอเพื่อสนับสนุนความฝันของเธอให้เป็นจริง

มันเป็นแรงบัลดาลใจให้ข้า ความฝันของเธอที่บอกข้าตอนยังเด็ก

「ฉันน่ะอยากจะเห็นโลกที่หลากหลายเหมือนกับคุณพ่อ」

ข้ารู้ว่าเธออยากออกไปท่องโลกกว้างเพราะเธอได้ยินเรื่องราวเหล่านั้นมาจากมารดาของเธอ

ตอนนั้นเองเป็นตอนที่ข้าตัดสินใจไปที่สถาบันโซลมินาติ

หากคนที่ตัวเองรักอยากทำความฝันให้เป็นจริง ข้าก็ควรจะสนับสนุน

ด้วยคำพูดเช่นนั้นข้าตัดสินใจว่าจะสนับสนุนเธอตลอดมา

เธอกอดข้าทั้งน้ำตาพร้อมกับบอกว่า「ขอบคุณนะ……ฉันดีใจจริงๆ」

ท่ามกลางการหลับกลางวันของข้าก็ได้ยินเสียงระฆังที่ส่งเสียงบอกเวลาว่าหมดเวลาพักกลางวันแล้ว

ข้าลุกขึ้นพร้อมกับบิดตัวด้วยความขี้เกียจพร้อมกับมุ่งหน้าไปยังห้องเรียน

ถูกบังคับให้ไสหัวไปก็ตั้งหลายครั้ง ตัวข้าที่ไม่สามารถทำคำปฏิญาณนั่นได้

ชั้นเรียนของข้าคือ ชั้นเรียนที่สอง ระดับ 10 เป็นห้องที่ต่ำที่สุดในบรรดาชั้นเรียนที่สอง

ในหมู่พวกนั้นข้าเป็นคนที่อยู่ต่ำสุดเรียกได้ว่าเป็นพวกที่ห่วยของโครตห่วย

เมื่อข้าเข้ามาในชั้นเรียนก็โดนต้อนรับด้วยการหัวเราะเยาะเย้ยเป็นเรื่องปกติ

「ยังจะโผล่หัวมาอีกนะ ไอชั้นต่ำ」

「เมื่อไรมันจะหายๆไปสักทีวะ」

「หวังว่าจะลาออกไปไวๆน้า~」

เสียงที่ดูไร้หัวใจเหล่านั้นเสียดแทงเข้ามาในจิตใจของข้า ข้าทำได้แต่เมินต่อไปและนั่งลงบนเก้าอี้

เมื่อข้านั่งลงก็มีนักเรียนสามคนเข้ามาทางข้า

「แกจะมาทำไม ในเมื่อแกมาที่นี่มันก็ไร้ความหมายอยู่ดีไม่ใช่เหรอไงวะ ไอ้เศษเดนเอ้ย」

มาร์ที่ตัวค่อนข้างใหญ่พูดข่มขู่ข้า

「ยอมแพ้ไปสักทีเหอะวะแกไม่คิดว่ามันเสียเวลาชีวิตบ้างเหรอวะ」

「แกโดนแกล้งขนาดนี้ก็เหมาะกับแกดีนี่ เหมาะสมกับเศษสวะอย่างแก」

พวกนั้นก็ยังคงกรนด่าข้าไม่หยุด

「ช่ายๆ โดนเด็กผู้หญิงหัวแดงที่ท่าทางเหมือนเจ้าหญิงนั่นทิ้งแล้ว ไม่มีอะไรให้แกได้ฝันอีกต่อไปแล้วล่ะ」

พวกนั้นทั้งสามคนยังยืนหัวเราะและพยายามยั่วโมโหข้า ไม่มีใครคิดจะห้ามพวกมัน ในท้ายที่สุดพวกมันก็ไม่ยอมหยุดจนกระทั่งอาจารย์ประจำชั้นเข้ามาในห้อง

ใช่แล้วล่ะ ข้าถูกลิซ่าทิ้ง เธอน่ะเป็นนักเรียนห้อง 1 เลยนะ

ทันทีที่เธอทิ้งข้าไปหลังจากกล่าวลาไม่กี่คำ เธอก็ไม่เคยกลับมาพบข้าอีกเลย

ข้าไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่ตั้งแต่นั้นมาเธอก็มองข้าเหมือนเศษสวะ

เป็นเพราะข้าเอาแต่สร้างปัญหายังงั้นเหรอ

ลิซ่าเป็นผู้หญิงที่ถูกขนานนามว่า “เจ้าหญิงผมแดง” เพราะหน้าตาและความสามารถ

ในทางกลับกันตัวข้าที่ไม่มีอะไรดีเด่นหน้าตาบ้านๆ

ตลอดช่วงที่ข้าคบกับเธอ เธอมักจะโดนรังควาญอยู่เสมอ บางทีการที่ข้าโดนทิ้งก็เพราะสร้างความยุ่งยากให้เธออยู่เสมอก็ได้

ข้านั้นไร้ซึ่งเพื่อนและกลายเป็นหมาหัวเน่า

ถึงกระนั้นข้าก็พยายามอยากหนักไม่ละเลยสิ่งต่างๆตามหน้าที่ของตน

สักวันหนึ่งถ้าข้าสามารถรักษาคำสาบานที่ให้ไว้ได้ละก็……….ข้าคิดเช่นนั้น

ในขณะเดียวกันนั้นเองเธอก็ไปคบกับเพื่อนสมัยเด็กที่ข้าสนิทด้วยที่สุด

เธอดูมีความสุขราวกับเธอรักเขาจริงๆ

ในการฝึกซ้อมเป็นคู่พวกเธอสองคนเข้าขากันได้ดีมาก ข้าไม่มีที่ยืนเคียงข้าเธอเลย

ชั่วโมงที่สอง ในช่วงบ่าย

「เฮ้ออ!」

ด้านข้างของดาบจำลองนั่นถูกขว้างมาจากเครื่องยิงดาบจำลอง

เมื่อดาบจำลองที่ถูกยิงมาถูกปากลับไปและแทงเข้าไปที่คอของตุ๊กตา กลไกนั่นก็จะหยุดทำงานลง

หลังจากคาบบรรยายนี่ก็เป็นภาคฝึกปฏิบัติ

นอกจากสนามฝึกซ้อมแล้วยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย เช่น สนามทดลองเวทมนตร์ในสถาบันแห่งนี้และนักเรียนที่สามารถศึกษาเรียนรู้ความสามารถของตนตามสถานที่ต่างๆ

สนามฝึกถูกแบ่งออกเป็นหลายพื้นที่เพื่อให้นักเรียกจากหลายๆชั้นมาเรียนที่เดียวกันได้

วันนี้เป็นการฝึกการต่อสู้ระหว่างบุคคลและแต่ละคนก็จะได้ต่อสู้กับหุ่นยนต์ที่มีดาบจำลองเป็นคู่ซ้อมทำการต่อสู้แบบอิสระ โดยใส่พลังเวทย์เข้าไปเพื่อให้หุ่นยนต์นั้นทำงาน

อย่างไรก็ตามหุ่นยนต์สำหรับพวกห้อง 10 นั้นมีคุณภาพแย่และเคลื่อนไหวได้แค่บางส่วน

「อืม ต่อไปจะเป็นการต่อสู้เป็นคู่ เลือกคู่หูได้ตามใจชอบ~」

เมื่ออาจารย์อันริ วาร์ อาจารย์ประจำชั้นของพวกห้อง 10 เรียกออกมา หุ่นยนต์ก็หยุดทำงาน ดังนั้นทุกๆคนก็หยุดและรอการจับคู่

อาจารย์อันริมีผมหยักสีน้ำตาล ดวงตาที่ดูสมวัยและใบหน้าที่ออกไปทางดูดีอย่างมาก

อย่างไรก็ตามอาจารย์คนนี้เป็นบุคคลที่ไม่เหมาะกับโรงเรียนแห่งคุณธรรมแห่งนี้เลยเพราะเขาชอบพูดและทำท่าทางแปลกๆราวกับคนบ้า

เรียกได้ว่าคนที่รับผิดชอบนักเรียนห้อง 10 ถูกโยนมาแบบทิ้งขว้างเลยก็ได้

อย่างไรก็ตามการที่เขาสามารถมาเป็นอาจารย์ได้ก็คงมีความสามารถพอตัว

ในที่สุดการจับคู่ก็ถูกตัดสินและแต่ละฝ่ายต่างเริ่มจำลองการต่อสู้กับคู่ต่อสู้ของตัวเอง แต่ว่าคู่ต่อสู้ของข้าดันเป็น……。

「เอ่อ สำหรับแกแล้ว น่าเสียดายหน่อยนะ」

เป็นมาร์นั่นเองที่กรนด่าข้าเมื่อตอนบ่าย

「มาเริ่มกันเลยดีกว่า เพราะว่าเศษสวะอย่างแกจะทำให้ชั้นเสียเวลา」

มาร์ดึงดาบใหญ่ออกมาจากด้านหลัง

มาร์เป็นผู้ชายที่ตรงไปตรงมา ความสามารถของเขานั่นของจริง ถึงอย่างนั้นก็ยังได้มาอยู่ในห้องห้อง 10 เช่นนี้เพราะชื่อเสียงแย่ๆนั่นละ

ผมเองก็ดึงดาบจำลองออกมาด้วยเช่นกัน

อาวุธของข้าเป็นดาบที่มาจากทางเกาะตะวันออก เรียกกันว่าคาตานะ เป็นดาบที่มีความคมเป็นอย่างมาก กล่าวได้ว่ามันสามารถตัดทุกอย่าไงได้หากใช้ได้อย่างชำนาญ

ยังไงก็ตาม มันใช้เทคนิตชั้นสูงและความหายากของมันเลยไม่ค่อยเป็นที่แพร่หลายนัก

มันเป็นอาวุธที่เหมาะกับข้าที่สุด สำหรับข้าที่ไร้ซึ่งพลัง

「ถ้าอย่างงั้นละก็ เริ่มได้~~~」

การต่อสู้นั่นเต็มไปด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ยจากท่าทางของอาจารย์อันริ

「โฮ่ย่าาาาาาาาาาาห์」

มาร์เหวี่ยงดาบใหญ่พร้อมตะโกนก้อง

ผมป้องกันการโจมตีด้วยคาตานะ

ดาบของมาร์ถูกเบี่ยงวิธีและมันก็ฟาดลงทีพื้น

「ฮ่าๆ!」

ก้าวเข้าไปหลังจากมาร์เปิดช่องว่างเล็งไปที่ต้นคอและพยายามจะเอาสันดาบทุบ

「สายไปละโว้ย!」

มาร์เอาถุงมือที่แขนปกป้องดาบของผมไว้ ดาบเลียนแบบที่ไม่มีความคมของดาบดั้งเดิมเหลืออยู่ก็ถูกป้องกันด้วยถุงมือนั่น

มาร์รุดหน้าเข้ามาพร้อมกับยกถุงมือขึ้นป้องกันการโจมตี แต่ข้าก็ก้มลงเพื่อหลบการโจมตี

ข้าพยายามจะโจมตีไปอีกรอบ แต่มาร์นั้นเหวี่ยงดาบใหญ่มาด้วยมือข้างเดียว

ข้าถูกบังคับให้ถอยและกลับไปตั้งหลักใหม่

มาร์ที่ฟาดดาบใหญ่จนพื้นแตกกระจายพยายามมองระหว่างข้าและดาบใหญ่ของมันเอง……。

「อยากโดนหั่นเป็นชิ้นๆเหรอไงวะ」

มาร์พูดเช่นนั้นพร้อมกับรังสีกดดันที่เพิ่มมากขึ้น

“คิ”

เป็นสกิลของทางฝั่งตะวันออกที่จะเพิ่มพลังให้แก่ผู้ใช้งานให้เหนือขีดจำกัดยิ่งขึ้นไป

มาร์พุ่งเข้ามาในคราวเดียว ความเร็วของเขาเพิ่มขึ้นอย่างมาก

นั่นละคือผลลัพธ์จากการใช้ คิ

ราวกับจะจับเหยื่อตรงหน้าฟาดดาบใหญ่นั่นลงมาในทีเดียว

ข้าเองก็ใช้ “คิ”เช่นกันเพื่อหลบการโจมตีของดาบใหญ่นั่น เสียงของเหล็กดังกระทบกันสนั่นหู

「เหอะ!ลังเลอยู่งั้นเหรอ」

มาร์ที่รู้สึกหงุดหงิดนั่นดูมีท่าทีลังเลจึงไม่สามารถจะตัดสินใจจบการโจมตีในทีเดียวได้

เขาดึงดาบใหญ่ที่จมลงไปบนพื้นและเริ่มที่จะฟันมันมาอีกครั้ง

เขาฟาดฟันดาบใหญ่ไปรอบๆด้วยเรี่ยวแรงอันมหาศาลจาก “คิ”

เสียงของเหล็กปะทะกันดังสนั่นไปทั่วบ่งบอกถึงการต่อสู้อันดุเดือด แต่ว่ามีฝ่ายเดียวที่ได้เปรียบ

การเสริมพลังกายของมาร์มีพละกำลังมากกว่าข้า แต่ผลของการเสริมพลังกายของข้าเองก็ได้ผลเพียงครึ่งเดียวด้วยความสามารถของข้า

มาร์มันเป็นคนเก่งแต่เพราะทำแต่เรื่องแย่ๆเลยได้มาอยู่ในห้อง 10

ในทางตรงกันข้ามแม้หมอนั่นจะมีความสามารถสูง แต่มาร์มันกลับพอใจที่จะกดขี่คนที่ต่ำกว่านั่นมันโครตจะแย่

เทคนิคดาบชั้นสูงของมาร์ไม่สามารถใช้จัดการกับโนโซมุตามปกติได้ แต่ว่าพลังกายของโนโซมุที่ได้รับการเสริมแบบครึ่งๆกลางๆมันก็พอเป็นไปได้

พลังที่ได้มานั่นทำให้พอฟัดพอเหวี่ยงกับดาบของโจรสลัดเท่านั้นเอง

「แหลกไปซะเหอะมึง!!」

บางทีอาจจะเป็นเพราะข้าโดนกดดันจนถูกบดขยี้ในพริบตา แต่ว่าข้าก็กันการโจมตีนั่นได้ยิ่งทำให้มาร์มันหงุดหงิดจนพละกำลังมันเพิ่มมากขึ้นไปอีก

「เหอะ คิดว่าจะบดขยี้ข้าได้ง่ายๆงั้นเหรอ!」

ข้ากัดฟันแน่นเพื่อที่จะไม่เดินไปตามเกมส์ของศัตรู

แม้ว่าพลังในการโจมตีจะเพิ่มขึ้น แต่การโจมตีของมันก็ซ้ำซากและจำเจ ทำให้รับมือได้ไม่ยากเย็น

อย่างไรก็ตามข้าไม่สามารถสวนกลับได้ทำได้เพียงแค่ยื้อเท่านั้น

และถ้าโต้กลับไม่ได้ผลมันก็รู้ๆกันอยู่

ในที่สุดก็มาถึงขีดจำกัด

ข้าไม่สามารถรับการโจมตีของมาร์ได้อีกต่อไป การป้องกันของข้าถูกทำลายลงและไม่มีเวลามาตั้งท่าใหม่ ตอนนั้นเองทีข้าถูกดาบใหญ่นั่นฟาดเข้ามากระแทกกับคาตานะของข้าจนกระเด็น

「จะเหนียวได้สักแค่ไหนกันเชียววะ!」

รูปร่างของข้าบิดเบี้ยวเพราะการโจมตีนั่น ข้าตัวกระเด็นจนตัวไปกระแทกกับกำแพงของสนามฝึกซ้อม

ผลกระทบนั่นทำให้ข้าหายใจติดขัดและการมองเห็นของข้าก็มืดดับลง

「เป็นแค่เศษสวะแท้ๆ แต่ยังกล้าขัดขืน โดนดีไปซะเหอะมึง」

ข้าหมดสติไปพรัอมกับคำพูดของมาร์

「โอ้ยยยย เจ็บแหะ!」

ข้าลืมตาตื่นขึ้นพร้อมกับสติที่พร่ามัวลุกขึ้นมาพร้อมกับอาการปวดไปทั้งตัว

ข้าก็พบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงในห้องพยาบาล

「เอ้าๆ รู้สึกตัวแล้วไม่ใช่เหรอไงเนี่ย?」

ผู้หญิงสวมชุดโค้ทสีขาวพร้อมกับใส่แว่นนั่นกำลังทำงานอยู่บนโต๊ะพยาบาล

ชื่อของเธอคือนอร์น อัลทิน่า เป็นหมอประจำโรงเรียนที่สวยเอามากๆ

เธอเดินมาทางนี้และขยับนิ้วมาตรงหน้าผมเพื่อตรวจสอบสภาพร่างกาย

「อืมม ดูจากสภาพแล้วสติยังคงดีอยู่ แล้วรู้สึกปวดตรงไหนบ้างรึเปล่า?」

「ข้าปวดหลังนิดหน่อยและหัวเองก็ยังคงมึนๆ แต่ว่าไม่มีตรงไหนผิดปกติแล้วล่ะ」

「อืมมเข้าใจแล้ว ฉันทายาไปที่หลังของนายแล้วล่ะ แต่ถ้ารู้สึกเจ็บหรือปวดตรงไหนก็มาได้ตลอดเวลานะ มันจะดีกว่านะที่มาหาฉันมากกว่าที่จะทนเจ็บกับบาดแผลนั่น」


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท