ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? – ตอนที่ 390 (ตอนพิเศษ) เสี่ยวฉวนเอ๋อร์ 2

ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม?

ตอนที่ 390 (ตอนพิเศษ) เสี่ยวฉวนเอ๋อร์ 2

ตอนที่ 390 (ตอนพิเศษ) เสี่ยวฉวนเอ๋อร์ 2

แม่นางน้อยเงยหน้าอวบกลมขึ้นมา ซีกหน้าด้านข้างที่ถูกแสงเทียนสาดส่องเปล่งแสงอ่อนๆ บางทีอาจเป็นเพราะกลางวันยุ่งเกินไปจนเหงื่อไหลไคลย้อย เส้นผมจึงแนบลู่ติดกับใบหน้า

ข้านึกอยากช่วยจัดผมให้นางเสียจริง เมื่อเห็นเช่นนี้แล้ว ข้าก็ทำเช่นนั้นเลยโดยไม่รู้ตัว

ข้าเอื้อมมือทัดเส้นผมกับใบหูนาง ปลายนิ้วจึงสัมผัสไปโดนแก้มนางอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เป็นอย่างที่ข้าคิดไว้ ช่างอ่อนนุ่ม เกลี้ยงเกลานัก

หลังกระทำสิ่งนี้เสร็จ ข้าถึงได้ตกใจกับความบุ่มบ่ามของตัวเอง แม่นางน้อยเองก็เหมือนจะตกใจกับข้าเช่นกัน ดวงตากลมโตนั้นกระพริบตามองข้าปริบๆ จากนั้นก็ลนลานเดินเข้าครัวด้านหลังไป

ข้าเองก็รู้สึกลนลานเช่นกันและลอบตบมือใต้โต๊ะของตัวเองไปสองที พลางแอบด่าตัวเองในใจว่าเจ้ามือไม่รักดี

คืนนั้น จนถึงตอนที่ข้าจะจากไป แม่นางน้อยก็ยังไม่ออกมาจากห้องครัวหลัง ก่อนจากไป ข้าจึงยืนอยู่หน้าประตู เอ่ยกับนาง “ข้าชื่อเฉียวสิงโจว”

แม้จะเปลี่ยนเป็นสกุลมู่แล้ว ทว่ามู่คือสกุลแห่งแผ่นดิน จึงกลัวว่าจะทำให้นางตกใจ เลยเอ่ยชื่อที่เคยใช้ของตัวเอง คงไม่ทำให้นางตกใจเท่าใดนัก

ข้าไปร้านอาหารเล็กๆ นั้นถี่ขึ้นเรื่อยๆ เมื่อก่อนไปแค่ตอนพลบค่ำ ต่อมาเปลี่ยนเป็นตอนเช้า กลางวันและเย็น

ตอนเช้ากับตอนกลางวันมีลูกค้าค่อนข้างมาก แม่นางวุ่นจนหัวหมุน ไม่มีเวลาคุยกับข้า เพียงแต่อาหารของข้าดูจะมากกว่าลูกค้าคนอื่นหน่อย

บ้างก็มีไข่เพิ่มมาอีกหนึ่งฟอง บ้างก็มีเนื้อเพิ่มมาอีกหลายชิ้น สรุปคือแม่นางน้อยมักจะแอบเพิ่มให้ข้าจน ‘ล้นชาม’

คดีทุจริตมีผลกระทบค่อนข้างรุนแรง มีคนพัวพันอยู่เบื้องหลังค่อนข้างมาก เมื่อสืบหาลัดเลาะไปราวเถาวัลย์เคี้ยวคดก็ละเมิดผลประโยชน์ของคนอื่นไปไม่น้อย พวกเขาจึงอยากจะเอาชีวิตข้า

ช่วงเวลานั้น ข้ามักจะถูกลอบสังหาร หลบซ่อนนู้นบ้างนี่บ้าง จึงไม่มีเวลาไปหาแม่นางในร้าน

เมื่อไปเจอนางอีกครั้ง ก็คือหลังสิบวันมาแล้ว

ข้ายังคงไปในยามพลบค่ำเหมือนเคย ในร้านเหลือเพียงแม่นางคนเดียว เพียงแต่ วันนี้นางไม่ได้ยุ่งอยู่ในร้าน แต่นั่งอยู่หน้าประตูร้านพลางมองไปไกลยังดวงตะวันที่กำลังจะตกดิน ราวกับรอใครสักคนก็ไม่ปาน

เมื่อเห็นข้า แม่นางน้อยก็ดูราวกับประหลาดใจมาก ดวงหน้าอวบกลมดูตกตะลึง

ข้ายิ้มบางเบาให้นาง พลางยกมือทักทาย ทว่าหลังจากที่แม่นางตะลึงงัน ก็ย้ายม้านั่งหน้าประตูเข้าไปในร้านอย่างโมโห

ข้าไม่รู้ว่าตัวเองไปทำให้แม่นางขุ่นเคืองใจเมื่อใด จึงหันกลับไปถามฉืออีองครักษ์ข้างกาย ทว่าฉืออีอายุมากกว่าข้าไปสองปี เลยไม่เข้าใจความคิดของเด็กสาว

ข้าเข้าไปในร้าน ขณะที่แม่นางหลบซ่อนอยู่ในครัวหลังร้านไม่ยอมออกมา ข้าจึงพิงขอบหน้าต่างห้องครัวเรียกนาง กระนั้นนางก็ยังคงไม่สนใจข้า

“เจียวเจียว ออกมาเถิดนะ?”

นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าเรียกชื่อนาง เมื่อก่อนเรียก ‘แม่นางสวี’มาตลอด พอสิ้นเสียง ข้าก็ชะงักไปครู่หนึ่ง รู้สึกอายเล็กน้อย แม่นางเองก็นิ่งอึ้งเช่นกัน

แม้นางจะไม่ตอบข้า ทว่ายังต้มบะหมี่ให้ข้าหนึ่งชาม จวบจนถึงเวลาที่ควรกลับแล้ว ถึงได้ยินวาจาตัดพ้อของนาง “ต่อไปเจ้าจะมาหรือไม่อยากมาก็ไม่สำคัญ!”

ที่แท้ก็โกรธเพราะข้าไปไม่ลาหลายวันนี่เอง ในที่สุดก็เข้าใจสาเหตุที่แม่นางโกรธแล้ว ข้าจึงโล่งอก และเรียบเรียงคำพูดเอ่ยง้อกับนาง

หลังจากวันนั้น ข้าไปรายงานตัวในร้านแม่นางทุกวัน แม้การสืบคดีจะยุ่งมาก ต้องวิ่งเต้นไปนั่นไปนี่ ทว่าทุกคราที่นั่งอยู่ในร้านของแม่นาง ฟังนางเอ่ยอย่างอ่อนโยน ใจของข้ากลับสงบเป็นพิเศษ ประหนึ่งล่องลอยตามหาบ้านเจอในต่างแดน

ข้ากับแม่นางยิ่งรู้จักกันมากขึ้นเรื่อยๆ ข้าเปลี่ยนการเรียกนางจาก ‘แม่นางสวี’ เป็น ‘เจียวเจียว’ ส่วนนางเปลี่ยนการเรียกข้าจาก ‘คุณชายเฉียว’เป็น ‘พี่เฉียว’ แล้วก็เป็นเป็น ‘พี่โจวโจว’ ในตอนท้าย

แม้คำว่าพี่โจวโจวจะดูเหมือนชื่อสตรีไปหน่อย แต่พอมันออกมาจากปากนาง กลับรู้สึกว่าน่าฟังเป็นพิเศษ

คดีทุจริตได้รับการสืบจนไปถึงปลายทาง ปลาใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังถูกข้าจับได้ และคิดว่าเรื่องจะจบลงเพียงเท่านี้

แต่ไม่คิดเลยว่าคนอยู่เบื้องหลังจะอยากต่อสู้กันจนตายไปข้างหนึ่ง จึงส่งคนมาล้อมปราบ และข้าก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการโจมตีครั้งนี้

ส่วนท้องกับหลังถูกฟันไปหลายดาบ เมื่อเย็บแผลแล้ว ก็ต้องนอนรักษาตัวเป็นเวลายาวนาน ข้าย่อมมิอาจไปหาเจียวเจียวได้

ทว่าครานี้ข้าเรียนรู้ที่จะฉลาดแล้ว ส่งฉืออีไปแจ้งแก่เสี่ยวเจียวเจียว เพื่อไม่ให้นางเอาแต่รอข้า

บาดแผลมีค่อนข้างมาก การพักฟื้นจึงค่อนข้างช้า ข้าอยากไปหาเจียวเจียวมาก ทว่าก็กลัวนางเสียใจที่เห็นสภาพบาดเจ็บของข้า จึงคอยให้แผลหายอย่างกระวนกระวายใจมาตลอด

ฉืออีเจ้าคนหัวรั้นนี้ ยามถึงคราวฉลาดกลับไม่ฉลาด ยามไม่ควรฉลาดกลับฉลาดขึ้นมา

เขาเห็นข้าคิดถึงเจียวเจียว ก็พาเจียวเจียวมาหาข้าก่อนที่รายงานข้า

เมื่อแม่นางเห็นข้านอนรักษาตัวอยู่บนเตียง ดวงตาพลันแดงก่ำขึ้นทันใด น้ำตากลิ้งไหลลงมาเป็นหยดๆ ตกลงสู่พื้น อาการเช่นนี้ของนางราวกับทุบลงกลางใจข้า รุ่มร้อนจนเจ็บปวดใจขึ้นมาเป็นระลอกๆ

ข้านึกถึงท่าทางที่บิดาเกลี้ยกล่อมมารดาเมื่อก่อน ใช้น้ำเสียงอ่อนโยนเกลี้ยกล่อม หลังจากเกลี้ยกล่อมให้แม่นางไม่ร้องไห้ในที่สุดแล้ว นางก็จะลงโทษข้า

นางตำหนิข้าที่ไม่รักและทะนุถนอมร่างกายตัวเอง ตำหนิข้าที่ปิดบังอาการบาดเจ็บกับนาง…

กล่าวคือ ขุดคุ้ยความผิดของข้าออกมาเป็นกอง

ในที่สุดข้าก็รู้แล้วว่าเหตุใดท่านพ่อต้องยอมรับผิดเสียงเบาทุกครั้งยามทะเลาะกับมารดา เพราะสตรีที่กำลังโกรธไม่ควรไปยั่วยุด้วยจริงๆ

หลังจากที่แม่นางรู้ว่าข้าบาดเจ็บ ก็เปลี่ยนวิธีทำของบำรุงให้ข้า บำรุงจนร้อนท้องดุจไฟสุม ขมขื่นจนพูดไม่ออก

แต่ทุกครั้งที่เห็นในตากลมโตเผยความเป็นห่วงออกมา แม้จะบำรุงจนเลือดกำเดาไหล ข้าก็จะดื่มมันไปทั้งน้ำตา

ฉืออีกระทำการก่อนแล้วค่อยแจ้งทีหลัง ถูกข้าลงโทษแล้ว ทว่าความสัมพันธ์ของข้ากับแม่นางพุ่งขึ้นอย่างก้าวกระโดดด้วยเหตุนี้ เมื่อข้าดีใจขึ้นมา ก็ตบรางวัลให้เขา

ฉืออีได้รับกำลังใจอย่างมาก จากนั้นก็เหมือนกับได้รู้แจ้งแล้วก็มิปาน เก็บรวบรวมข่าวต่างๆ ของแม่นางมาให้ข้า กระทั่งให้คนไปจับตาดูอยู่หน้าประตูร้านแม่นาง จดจำเรื่องราวที่แม่นางทำในตลอดวัน ตกเย็นก็มาเล่าให้ข้าฟัง

แม้ข้าจะฟังอย่างมีความสุข กระนั้นก็รู้สึกว่าตัวเองเหมือนคนโรคจิตเล็กน้อย

ต่อมา ฉืออีสืบหาภูมิหลังของแม่นางได้แล้ว หลังจากที่ข้ารู้ ก็ปวดใจอยู่เนิ่นนาน

ความจริงแม่นางไม่มีญาติพี่น้องอยู่บนโลกนี้นานแล้ว อยู่อย่างโดดเดี่ยวเพียงลำพัง อาศัยเปิดร้านอาหารเลี้ยงชีพ แถมยังถูกญาติอ้างชื่อหลอกคนรวยรังแกอีก

คืนนั้น ข้าอ่านภูมิหลังของแม่นางที่ฉืออีนำมาให้นานมาก ใจก็เจ็บแปลบเป็นระลอกๆ อยากจะดึงนางเข้ามากอดแน่นเสียเดี๋ยวนั้น ลูบหัวนาง ดวงหน้านาง และบอกนางว่ายังมีข้าอยู่

ตั้งแต่พูดคุยติดต่อกับแม่นางมาหลายวัน ข้าก็รู้ตัวว่าข้ามีความคิดอย่างอื่นกับแม่นางนุ่มนิ่มน่ารักคนนี้ ต่อมาความคิดนี้ก็ยิ่งรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ

ข้ายังไม่ได้สารภาพความในใจกับนาง แต่ข้าสัมผัสได้ว่าในใจของนางมีข้าแล้ว

คืนนั้นข้าพลิกตัวไปมา และตัดสินใจ เมื่อฟ้าสางก็ไปหาแม่นาง บอกแก่แม่นางว่าข้าชอบนาง อยากจะร่วมเรียงเคียงคู่กับนาง

หลังจากฟ้าสาง ใจของข้าเต้นตุ้มๆ ต่อมๆ อยากจะบินไปอยู่ข้างกายแม่นางเสียเดี๋ยวนั้น แต่จะทำอย่างไรได้ในเมื่อบาดแผลบนร่างกายยังไม่หายดี การเคลื่อนไหวจึงต้องช้าลง

ฉืออีพาข้ามาที่ร้านของแม่นาง ทว่ายังห่างไกลกันมาก แต่กลับเห็นหน้าประตูร้านล้อมเต็มไปด้วยผู้คน

ข้ารู้สึกกังวลใจ จึงโดดลงจากรถม้าอย่างไม่ทันได้คิด วิ่งตรงเข้าไปในร้าน

แม่นางของข้าถูกรังแกแล้ว! ไม่นึกเลยว่าจะมีคนกล้ามารังแกแม่นางของข้า!

ข้าก้าวสามขุมไปทางหน้าประตูด้วยโทสะเต็มเปี่ยม ทำให้บาดแผลบนร่างกายฉีกขาด เลือดแดงสดไหลซึมออกมา

แต่เมื่อเห็นสถานการณ์ภายในร้านชัดเจน ความโกรธที่สุมอยู่ในอกแทบจะพวยพุ่งออกมาของข้าก็จุกอยู่ที่ลำคอ และท่าทางตกตะลึงก็เปลี่ยนเป็นมาเป็นปิติยินดี

ที่เห็นคือ ในมือแม่นางถือไม้นวดแป้งอยู่ และทุบหญิงร่างอ้วนคนหนึ่งอยู่กับพื้น ด้านข้างยังมีชายที่ถูกทุบด้วยชามนอนหมดสติอยู่

“แค่ปล่อยให้เจ้าปากเสีย ก็คิดว่าหญิงสาวอย่างข้าจะรังแกได้ง่ายหรือ วันนี้เจ้าก็ลิ้มลองความร้ายกาจของข้าหน่อยเถิด!”

แม่นางแสดงท่าทางดุดัน เหมือนกับกระต่ายน้อยที่กัดคนเพราะถูกยั่วยุ แม่จะด่าคนอยู่ แต่ก็ยังนุ่มนิ่ม

ลูกค้าที่อยู่รอบๆ ซุบซิบนินทากัน ข้าจึงรู้เรื่องราวผ่านบทสนทนาของพวกเขา

หญิงอ้วนที่ถูกตีอยู่นั้นคือแม่สื่อ นางมาเป็นแม่สื่อให้กับชายที่โดนทุบหมดสติอยู่ด้านข้าง ทว่าทั้งสองมีวาจาสกปรก พูดมาแต่ละคำไม่น่าฟังนัก หลังจากแม่นางถูกยั่วยุจนโกรธก็ทุบตีคนขึ้นมา

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

แม่นางคนนี้เหมาะสมกับฉวนเอ๋อร์แล้วล่ะ ดูท่าทางนุ่มนิ่มอ่อนโยนแต่เวลาสู้คนก็สู้ยิบตา

ไหหม่า(海馬)

ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม?

ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม?

Status: Ongoing
หลังตกภูเขาตายก็ได้มาเกิดใหม่ในร่างชายาอ๋องผู้ถูกเนรเทศที่กำลังคลอดบุตร​ แถมได้อยู่ในบ้านอันรกร้างมีแค่ที่ดินเปล่าๆ​ ผืนหนึ่งและระบบตัวช่วยชาวสวนที่จ้องแต่จะหักแต้มหากขี้เกียจ ต่อจากนี้ฉันจะทำยังไงดี?เรื่องย่อ: หลังพลัดตกภูเขาลงมาตาย​ วิญญาณของเฉียวเยี่ยนก็ได้มาเข้าร่างของหญิงสาวผู้หนึ่งที่กำลังท้องแก่ใกล้คลอดบุตร​อย่างไม่ทันตั้งตัว​ พอตั้งตัวได้ก็ต้องปวดหัวกับเรื่องที่พบเจอ​ ได้แก่…​ 1.ตนเป็นชายาอ๋องที่มีความผิดฐานบังคับจิตใจสามีจนถูกเนรเทศ​มาอยู่ในบ้านโกโรโกโสแห่งนี้​ 2.ตนมีลูกกับเขาผู้นั้นแล้ว​ และยังเป็นลูกแฝด​ชายหญิง 3.ตนมีระบบปลาเค็มคอยเป็นผู้ช่วยในภารกิจต่างๆ​ ติดตัวมาด้วย​ แต่ดูเหมือนจะเป็นเจ้าหนี้นอกระบบมากกว่า​ ถ้าไม่ทำงานสร้างเนื้อสร้างตัวก็จะโดนหักแต้มเฉียวเยี่ยนจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องงัดวิชาความรู้ทั้งหมดมาใช้ในการทำสวน​ หาเลี้ยงลูก​ สร้างฐานะให้ตัวเอง… ลำพังตัวข้าคนเดียวก็ทำได้โดยไม่ต้องพึ่งสามีอ๋องโบ้ผู้นั้นกระมัง?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท