ตอนที่ 332 ออกอากาศครั้งแรกที่ต่างประเทศ
ซ่งเจียอี๋และหยางเยี่ยนนีลงลิฟต์มาที่ชั้นสองของหอพัก
ห้องมัลติมีเดียของชั้นสองใหญ่มาก แบ่งห้องออกเป็นสี่ห้อง ทุกห้องจะมีทีวี ลำโพง และอุปกรณ์คาราโอเกะ ในตอนเย็นจะมีสามห้องที่แยกเปิดรายการโทรทัศน์ของเคบีเอส เอ็มบีซี และเคจีเอส ส่วนใหญ่จะเป็นรายการวาไรตี้และละครโทรทัศน์
เคบีเอส เอ็มบีซี และเคจีเอสเป็นสถานีโทรทัศน์ใหญ่สามแห่งของประเทศเกาหลีใต้ สถานีโทรทัศน์ดิจิทัลทั้งสามแห่งนี้ครอบครองส่วนแบ่งตลาดส่วนใหญ่ โดยออกอากาศข่าว รายการวาไรตี้ และละครโทรทัศน์เป็นหลัก นอกจากนี้ยังมีเคเบิลทีวีที่ต้องเสียเงินอีกมากกว่ายี่สิบแห่ง โดยมากจะเล่นหนัง ซีรีส์ฝรั่ง และละครญี่ปุ่นรวมทั้งหนังผู้ใหญ่ยามดึก เป็นต้น
หอพักของบริษัทเอสพีจีเอนเตอร์เทนเมนต์มีเด็กฝึกหัดอาศัยอยู่เกือบสองร้อยคน เด็กฝึกหัดเหล่านี้ไม่ได้เซ็นสัญญาอยู่ในสังกัดเอสพีจีทั้งหมด บางคนเป็นเด็กที่ทางเอสพีจีรับฝึกสอน แต่ในด้านการบริหารจัดการทางบริษัทก็ปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกัน
สำหรับเด็กฝึกหัดเหล่านี้ การดูรายการโทรทัศน์ของสถานีโทรทัศน์ใหญ่ทั้งสามแห่งนั้นเป็นทั้งการพักผ่อนหย่อนใจและเป็นขั้นตอนการเรียนรู้ไปในตัว พวกเธอสามารถรู้จักรุ่นพี่ในวงการมากมายผ่านหน้าจอโทรทัศน์เหล่านี้ สามารถทำความคุ้นเคยกับรายการวาไรตี้และละครโทรทัศน์ต่างๆ
ทุกคนสามารถศึกษาพูดคุยร่วมกันในห้องมัลติมีเดียได้ เพื่อผ่อนคลายความกดดันจากการฝึกซ้อมที่เข้มงวดเป็นปกติ
ซ่งเจียอี๋และหยางเยี่ยนนีสองคนมาถึงห้องที่เปิดช่องเคจีเอส
ห้องนี้ไม่ใหญ่มาก ด้านหน้าและด้านหลังมีเก้าอี้จัดอยู่ห้าแถว สามารถนั่งดูพร้อมกันได้ห้าสิบหกสิบคน แต่ตอนที่ทั้งสองคนเข้ามา มีเพียงสามสี่คนที่นั่งอยู่ในนั้น ดูเงียบเหงามากอย่างเห็นได้ชัด
โทรทัศน์หน้าจอแอลซีดีขนาดใหญ่แขวนอยู่บนกำแพง กำลังเล่นรายการข่าวทันเหตุการณ์ของของเคจีเอส
ซ่งเจียอี๋และหยางเยี่ยนนีทักทายเด็กฝึกหัดสองสามคนอย่างมีมารยาท จากนั้นก็หาที่นั่ง
ซ่งเจียอี๋พูดเบาๆ ว่า “คนน้อยจัง”
หยางเยี่ยนนีเบะปากพูด “พวกเธอคงดูตารางรายการแล้วแน่นอน พอรู้ว่าเย็นนี้เคจีเอสจะออกอากาศละครที่ซื้อมาจากประเทศจีน จึงไม่สนใจ เพราะเอ็มบีซีกำลังออกอากาศเรื่อง ‘อำนาจราชินี’ อยู่น่ะ!”
ละคร ‘อำนาจราชินี’ เป็นละครเรื่องยาวย้อนยุคฟอร์มใหญ่ที่ผลิตและเปิดตัวในช่วงนี้ เรตติ้งสองสามตอนแรกก็ทะลุยี่สิบห้าเปอร์เซ็นต์แล้ว และหวังว่าจะกลายเป็นละครยอดนิยมเรื่องแรกในปีนี้ นอกจากนี้นักแสดงนำสองสามคนล้วนเป็นดาราดังที่มีชื่อเสียงของประเทศเกาหลีใต้ ดังนั้นจึงมีคนดูมากเป็นธรรมดา
อีกด้านหนึ่งนอกเหนือจากนี้ก็คือ คนดูละครโทรทัศน์ของประเทศเกาหลีใต้ค่อนข้างปฏิเสธละครต่างชาติ ไม่ค่อยชอบละครที่มาจากต่างประเทศเท่าไรนัก แม้ว่าจะเป็นซีรีส์ฝรั่งที่มีการผลิตยอดเยี่ยมและมีคุณภาพดีอันดับหนึ่งก็ตาม ในประเทศเกาหลีใต้ก็ไม่ได้รับความนิยมมากเท่าไร เรตติ้งปกติของเคเบิลทีวีจะน้อยกว่าห้าเปอร์เซ็นต์เสียส่วนใหญ่
สำหรับละครจีน ก็มีเพียงละครประวัติศาสตร์ที่พอจะทำให้ผู้คนของประเทศเกาหลีรู้สึกสนใจเล็กน้อย
หยางเยี่ยนนีกับซ่งเจียอี๋ไม่รู้ว่า หลังจากเอสพีจีซื้อละคร ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ เข้ามาแล้ว ต้องใช้เวลาอย่างมากเกี่ยวกับปัญหาการออกอากาศ สามารถขึ้นสู่หน้าจอของเคจีเอสได้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
เอสพีจีติดต่อเอ็มบีซีก่อน เพราะเอสพีจีมีความสัมพันธ์กับสถานีโทรทัศน์ใหญ่อันดับสองของประเทศเกาหลีใต้แห่งนี้ดีที่สุด แต่เอ็มบีซีไม่ค่อยสนใจละครเรื่องนี้ของเอสพีจีเท่าไรนัก หัวหน้าฝ่ายรายการของเอ็มบีซียังหัวเราะเยาะคนของเอสพีจี คิดว่าพวกเขาจ่ายเงินหนึ่งพันล้านวอนสู้เอาไปทำกิจกรรมการกุศลจะดีกว่า อย่างน้อยก็ยังมีชื่อเสียงที่ดี
ซื้อละครจีนหวังจะได้อะไรเหรอ
ไม่มีเรื่องแปลกใหม่ภายใต้แสงอาทิตย์ เรื่องที่เอสพีจีทุ่มเงินซื้อละครเรื่องหนึ่งเพราะอยากบุกตลาดจีนแพร่กระจายไปทั่ววงการแล้ว คนส่วนใหญ่จึงหัวเราะเยาะกับพฤติกรรมของเอสพีจี คิดว่าเอสพีจีเกิดความเลอะเทอะมึนงงสับสนต่อการแข่งขันที่ดุเดือดกับเคจี และรายการวาไรตี้สัญชาติเกาหลีที่อยู่ในสายอาชีพเดียวกัน
เอ็มบีซีก็ไม่ได้พูดว่าจะไม่เอา แต่เสนอราคาต่ำมาก และไม่รับรองช่วงเวลาออกอากาศ
แน่นอนว่าเอสพีจีไม่สามารถตกลงกับเงื่อนไขแบบนี้ได้ ดังนั้นจึงลองไปติดต่อเคบีเอส ซึ่งก็คือสถานีโทรทัศน์ระบบการกระจายเสียงเกาหลี ผลสรุปว่าทางเคบีเอสกล่าวปฏิเสธโดยตรง ไม่ให้พื้นที่ในการเจรจาต่อรองใดๆ
ด้วยความจนใจ เอสพีจีจึงได้แต่ฝากความหวังไว้ที่เคจีเอส
ในบรรดาสถานีโทรทัศน์ใหญ่ทั้งสามแห่งของเกาหลีใต้นี้ เคจีเอสค่อนข้างเป็นมิตรกับประเทศจีนอยู่เสมอ เคยออกอากาศละครจีนเป็นจำนวนมาก และยังเคยถ่ายทำสารคดีเช่นการใช้ชีวิตของคนเกาหลีในปักกิ่งอีกมากมาย ระดับการยอมรับละครจีนจึงค่อนข้างสูง
ดังนั้นครั้งนี้เอสพีจีจึงไม่ถูกปฏิเสธ หลังจากทางเคจีเอสได้ดูตัวอย่างละคร ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ แล้ว ก็เกิดความสนใจและเริ่มเจรจากับเอสพีจี
แต่เคจีเอสรู้ว่าเอสพีจีได้เจอกำแพงมาจากสองสถานีนั้นแล้ว ดังนั้นจึงต่อราคาโหดมาก สุดท้ายจึงตกลงทั้งสองฝ่าย เซ็นสัญญาพนันคล้ายกับที่ลู่เฉินเซ็นกับสถานีโทรทัศน์ไห่จินในตอนแรก คิดค่าโอนลิขสิทธิ์โดยตัดสินจากเรตติ้ง
สิ่งที่เอสพีจีคว้ามาอย่างยากลำบากก็คือ ช่วงเวลาการออกอากาศของเคจีเอส
ละคร ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ ออกอากาศหลังจากจบการรายงานข่าวทันเหตุการณ์ทั่วโลกในวันศุกร์และวันเสาร์ เวลาออกอากาศคือตอนเย็นเวลาหกโมงครึ่ง ลองปล่อยออกมาก่อนสองตอน จากนั้นก็ค่อยปรับให้เหมาะสมตามความสูงต่ำของเรตติ้ง
หากเรตติ้งสูง ก็เลื่อนเวลาไปสองชั่วโมงไปออกอากาศในช่วงเวลาทอง หากเรตติ้งต่ำก็เลื่อนไปห้าชั่วโมง!
นี่คือเงื่อนไขที่ดีที่สุดเท่าที่เอสพีจีจะคว้ามาได้ พวกเขาสามารถทำได้แค่นี้จริงๆ สำหรับการซื้อละครจีนเรื่องนี้เข้ามา หลังจากนี้ก็ต้องดูการแสดงออกของละคร ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ แล้ว
หยางเยี่ยนนีและซ่งเจียอี๋มีข้อกำจัดในการทำความเข้าใจเหตุการณ์ สำหรับละคร ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ สามารถหาข้อมูลจากอินเทอร์เน็ตได้น้อยมาก รู้แค่ว่าละครเรื่องนี้ได้รับความนิยมมากในประเทศจีน
พวกเธอสองคนหวังเป็นอย่างยิ่งว่าละคร ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ จะประสบความสำเร็จอย่างสวยงามในเกาหลีใต้ แต่แค่คิดก็ไม่น่าเป็นความจริงได้
หลังจากนั่งอยู่สิบนาทีกว่าๆ ตอนนี้ก็ใกล้เวลาออกอากาศแล้ว แต่มีคนเพิ่มขึ้นมาในห้องสามสี่คนเท่านั้น
เด็กฝึกหัดเกาหลีพวกนี้คงอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับละครจีนที่บริษัทของตัวเองเป็นตัวแทนนำเข้ามากระมัง บวกกับช่วงเวลานี้ก็ไม่มีละครฮิตหรือรายการวาไรตี้อะไร ดังนั้นจึงมีความคิดว่าอยากจะดูอะไรแปลกใหม่
ดูจากการพูดจากระซิบกระซาบของพวกเธอก็พอฟังออกได้
ซ่งเจียอี๋มาประเทศเกาหลีใต้สองปีแล้ว เรียนภาษาเกาหลีได้ไม่เลว เพราะฉะนั้นคำพูดของคนอื่นเธอแค่ฟังก็เข้าใจ ดังนั้นจึงรู้สึกไม่สบอารมณ์นิดหน่อย
ความไม่สบอารมณ์แบบนี้แปรเปลี่ยนเป็นความไม่ยอมแพ้ เธอทนไม่ไหวแอบอธิษฐานในใจให้กับละคร ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ ที่ยังไม่เคยดูมาก่อน อธิษฐานว่าอย่างน้อยก็ขอให้ทำผลงานที่ไม่ขายหน้า
หลังจากรายงานข่าวทันเหตุการณ์ทั่วโลกจบลง ไตเติลเปิดตัวละคร ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ ก็ปรากฏบนหน้าจอทีวี
นี่คือละครแนวความรักของคนเมืองของประเทศจีนที่ถูกนำเข้ามา และกำลังออกอากาศในประเทศเกาหลีใต้อย่างเป็นทางการ!
ซ่งเจียอี๋และหยางเยี่ยนนีตกใจเมื่อพบว่า ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ ไม่ได้ใส่เสียงพากย์ใหม่ แต่เป็นเสียงต้นฉบับอย่างแท้จริง ทว่าแค่เพิ่มคำบรรยายสองภาษาเข้ามาเท่านั้น
นี่คือสิ่งที่ทำให้ทั้งสองคนรู้สึกถึงความสนิทสนมเป็นที่สุด ลืมความคิดฟุ้งซ่านพวกนั้นทันที ดูละครเรื่องนี้อย่างตั้งอกตั้งใจ
พวกเธออยากรู้ว่าละครที่สร้างปาฏิหาริย์ด้านเรตติ้งในประเทศจีนเรื่องนี้ มีเสน่ห์ขนาดไหนกันแน่!
สี่สิบห้านาทีต่อหนึ่งตอน บวกโฆษณาต้นเรื่องและท้ายเรื่อง ออกอากาศจบสองตอนใช้เวลาประมาณหนึ่งร้อยนาที
ซ่งเจียอี๋และหยางเยี่ยนนีนั่งดูจนจบ ไม่ลุกไปไหนแม้แต่นาทีเดียว
ความรู้สึกหลังจากดูละครเรื่องนี้คือ นี่คือละครที่ไม่เลวเรื่องหนึ่ง เนื้อเรื่องมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว การผลิตและภาพล้วนมีคุณภาพ เพลงประกอบก็ไม่แพ้ละครฮิตของประเทศเกาหลีใต้เลยสักนิด
ที่สำคัญที่สุดคือ ในสองตอนแรกพระเอกและนางเอกตัวจริงยังไม่ปรากฏตัว ก็ดึงดูดความสนใจของทั้งสองคนได้แล้ว พวกเธอจึงรอดูเรื่องราวหลังจากนี้อย่างตั้งตารอ
“เป็นละครที่สนุกมากเรื่องหนึ่ง!”
ซ่งเจียอี๋และหยางเยี่ยนนีตกใจ จู่ๆ ก็มีเสียงดังมาจากข้างหลัง
ทั้งสองคนหันไปมอง จึงเห็นคนยี่สิบสามสิบคนนั่งอยู่บนเก้าอี้แถวหลังสองสามแถว ทุกคนล้วนเป็นเด็กฝึกหัดเหมือนกับพวกเธอ และคนที่พูดก็คือสาวเกาหลีที่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับทั้งสองคนอยู่เสมอ
เมื่อเห็นท่าทางตกใจของซ่งเจียอี๋กับหยางเยี่ยนนี อีกฝ่ายจึงเผยรอยยิ้มออกมาบนใบหน้า “ฉันชอบเนื้อเรื่องนี้มาก พรุ่งนี้ยังมีอีกใช่ไหม เดี๋ยวถึงเวลาพวกเรามาดูด้วยกันนะ”
ซ่งเจียอี๋พยักหน้าอย่างตกตะลึง “ได้ โอเค”
เธอฉุกคิดขึ้นมาทันใด ลากหยางเยี่ยนนีวิ่งไปที่ห้องคอมพิวเตอร์ที่อยู่ชั้นเดียวกัน จากนั้นก็รูดการ์ดเข้าอินเทอร์เน็ตค้นหาข้อมูล เนื้อเรื่อง รูปภาพ และเบื้องหลังที่เกี่ยวข้องกับละคร ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ ผ่านโปรแกรมค้นหาของประเทศจีน…
กดผ่านลิงก์ที่เกี่ยวข้อง ซ่งเจียอี๋ก็เข้าไปยังหน้าเว็บของละคร ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’
เธอตกใจที่พบว่า มีสมาชิกหลายล้านคนที่ติดตามหน้าเว็บนี้ ได้รับความนิยมสูงมาก บรรยากาศในหน้าเว็บก็ดีมาก และในนั้นก็มีโพสต์ที่กล่าวถึงการออกอากาศที่ต่างประเทศของละคร ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ อยู่ไม่น้อย
โพสต์เหล่านี้เป็นการคาดเดาเรตติ้งเสียส่วนใหญ่ หรือไม่ก็อวยพรและอธิษฐาน
ดูจากโพสต์พวกนี้ ซ่งเจียอี๋ถึงได้รู้ว่า ที่แท้ผู้แต่งละครเรื่อง ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ ก็ยังควบตำแหน่งพระเอกอีกด้วย แถมยังกล้าพูดอย่างฮึกเหิมสำหรับเรตติ้งที่เกาหลีของละครเรื่องนี้ หากเกินสิบเปอร์เซ็นต์ก็จะมอบแพ็กเกจท่องเที่ยวเกาหลีจำนวนหนึ่งพันชุดให้กับแฟนๆ!
ซ่งเจียอี๋ตะลึงอ้าปากค้างกับจำนวนเงินที่เยอะขนาดนี้ และเธอก็ยิ่งตกใจกับความทะเยอทะยานของลู่เฉิน
เรตติ้งสิบเปอร์เซ็นต์เชียวนะ!
ถึงแม้ซ่งเจียอี๋ไม่ค่อยเชื่อว่าละคร ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ จะสามารถทำผลงานนี้ได้ แต่เธอก็รู้สึกอินไปกับความรู้สึกที่ฮึกเหิมกล้าได้กล้าเสียของลู่เฉิน จึงล็อกอินเข้าบัญชีของตัวเองแล้วโพสต์ข้อความอย่างอดใจไม่ไหว
‘ฉันอยู่ที่โซล เกาหลี เพิ่งดู ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ จบ รู้สึกดีมากๆ’
ประเทศเกาหลีใต้กับประเทศจีนเวลาต่างกันหนึ่งชั่วโมง ทางนี้เวลาสองทุ่มครึ่ง ที่ประเทศจีนก็คือเวลาหนึ่งทุ่มครึ่ง เป็นเวลาที่ชาวเน็ตเล่นอินเทอร์เน็ตสูงที่สุด โพสต์นี้จึงได้รับความนิยมอย่างยวดยิ่ง
ดังนั้นซ่งเจียอี๋เพิ่งจะโพสต์ออกไป ก็มีคนมากมายตอบกลับมาทันที
แต่ข้อความตอบกลับเหล่านี้ไม่ค่อยดีเท่าไร
“แม่ง มาหลอกกันอีกแล้ว ยูสเซอร์ระดับหนึ่งกากๆ ไสหัวไป!”
“เจ้าของโพสต์อยู่เกาหลี งั้นฉันก็ตอบอยู่ที่ดาวนาเม็ก ทราบแล้วเปลี่ยน!”
“กรุงโซล เกาหลีเหรอ โซลคือเมืองหลวงของอเมริกาไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงไปอยู่เกาหลีได้ แบบนี้มันไม่ถูกหลักนะ!”
“ไปๆๆ!”
“จริงหรือหลอก ไม่มีรูปไม่ใช่ของจริง”
“เห็นว่าไอดีเจ้าของโพสต์เป็นผู้หญิง ถ้าหากเป็นผู้หญิงจริงๆ กรุณาอย่าแต่งเรื่องมาหลอกกัน ขอบคุณ”
“น่าขำชะมัด…”
ซ่งเจียอี๋คิดไม่ถึงว่าผลลัพธ์จะเป็นแบบนี้ด้วยซ้ำ รู้สึกงงทันที
หยางเยี่ยนนีที่นั่งอยู่ข้างๆ มองเห็นแล้ว จึงโกรธคิ้วหลิวเป็นเส้นตรง รีบวิ่งไปที่ห้องมัลติมีเดียข้างๆ ใช้โทรศัพท์อัดวิดีโอสั้นๆ
“อัปขึ้นไปให้พวกเขาดู ตบหน้าคนพวกนี้ให้ตายไปเลย!”
ผลปรากฏว่าหลังจากอัปโหลดแล้ว ทิศทางลมของโพสต์จึงเปลี่ยนแปลงทันที
“ว้าว จริงเหรอเนี่ย!”
“สถานีโทรทัศน์เคจีเอสเหรอ ปรักปรำเจ้าของโพสต์แล้ว ขอโทษด้วย”
“เจ้าของโพสต์คุณอยู่ที่ไหน ทำไมรู้สึกสถานที่แปลกมาก ห้องดูทีวีเหรอ”
“ขอรูปจริงของเจ้าของโพสต์!”
“สาวๆ เยอะแยะเลย ขอรูปจริงหน่อย!”
……………………………………………………………………………