ตอนที่ 384 แต่ละคนมีเส้นทางของตัวเอง
หัวหน้าฉางนั่งอยู่ในห้องเหมยหลันเพียงสี่ห้านาที ดื่มเหล้าไปไม่กี่แก้วก็กลับไป
จุดประสงค์หลักของการมาเยือนคือแก้ไขความเข้าใจผิด และถือโอกาสทำความรู้จักกับดาราที่กำลังโด่งดังที่สุดของวงการบันเทิงในตอนนี้ พูดคุยเรื่องการถ่ายทำละคร ‘ฟูลเฮ้าส์’
ละครเรื่องนี้สถานีโทรทัศน์เจ้อตงได้สิทธิ์ในการออกอากาศครั้งแรกไป และปิดภาคเรียนฤดูร้อนที่กำลังจะมาถึงนี้ กิจกรรมโปรโมตครั้งใหญ่ก็จะเริ่มต้นขึ้น สถานีโทรทัศน์เจ้อตงคาดหวังในยอดเรตติ้งมาก แม้แต่แผนการโฆษณาก็ได้เริ่มทำออกมาล่วงหน้าแล้ว
หัวหน้าฉางรู้ดีอย่างลึกซึ้ง จึงให้ความเคารพแก่ลู่เฉินและเฉินเฟยเอ๋อร์เป็นอย่างสูง ไม่ใช่แค่เพราะตำแหน่งของทั้งสองในวงการ สิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือความร่วมมือระหว่างสถานีโทรทัศน์เจ้อตงกับสตูดิโอของทั้งสองชักนำเอาผลประโยชน์มหาศาลเข้ามา
หัวหน้าฉางเพิ่งออกไป โทรศัพท์มือถือของลู่เฉินก็ดังขึ้น
คนที่โทรหาลู่เฉินคือเกาเฮ่อ “เจ้าสาม นายมาถึงหังโจวหรือยัง”
แม้ตอนนี้ลู่เฉินจะเป็นดาราไอดอลที่โด่งดังระดับประเทศ แต่ในสายตาของเกาเฮ่อ เขายังเป็นเจ้าสามแห่งหอพักห้อง 405 ของมหาวิทยาลัยเจียงไห่
ลู่เฉินเองก็หวังให้เป็นเช่นนี้
เขายิ้ม “มาถึงแล้ว ตอนนี้มากินข้าวอยู่ที่ร้านไป๋ลู่ นายล่ะ”
“อะแฮ่ม!”
เกาเฮ่อเหมือนมีน้ำดีเต็มท้องอยากจะอาเจียนออกมา “ฉันกับเจ้าสี่และเพื่อนอีกกลุ่มหนึ่งอยู่ที่บ้านของเสี่ยวหลิง ถูกขวางไว้เข้าไปไม่ได้ พวกเพื่อนเจ้าสาวแทบจะเอาพวกฉันตายอยู่แล้ว!”
“ฮ่าๆๆ!”
ลู่เฉินหัวเราะเสียงดัง “ไปรับตัวเจ้าสาวต้องผ่านสามด่าน หรือจะให้ฉันไปช่วย”
เกาเฮ่อเห็นด้วย “นายมาช่วยได้เป็นดีที่สุด นายรีบกินเร็วๆ ฉันจะให้เจ้าสี่ขับรถไปรับนาย”
ความสนิทสนมของทั้งสอง หากเอ่ยคำเกรงใจจะยิ่งกลายเป็นเหินห่าง
ลู่เฉินไม่มีข้อแม้ “ให้เจ้าสี่ถึงแล้วโทรบอกฉันด้วย ฉันจะออกไปหาเขาเอง”
เกาเฮ่อตอบ “ได้!”
วางสายลง เถียนเถียนที่นั่งอยู่ข้างๆ ถามอย่างสงสัยว่า “เพื่อนของนายแต่งงานวันนี้เหรอ”
ลู่เฉินพยักหน้า “ใช่ครับ วันนี้ผมต้องฝากเฟยเอ๋อร์ไว้กับคุณแล้ว
เถียนเถียนเม้มปากยิ้ม “นายจะซ่อนพี่เฟยเอ๋อร์เอาไว้อย่างนี้ ไม่พาเธอไปดื่มเหล้ามงคลด้วยกันเหรอ”
คำยุแยงให้แตกกันนี้ไม่ได้สร้างความลำบากให้ลู่เฉินเลย เขายิ้มตอบว่า “ครั้งหน้าผมแต่งงานผมจะพาเธอไปด้วย!”
เป็นเพราะสถานะของเฉินเฟยเอ๋อร์พิเศษเกินไป การพาเธอไปดื่มเหล้ามงคลออกจะเป็นการทำลายงานมากกว่า เขาไม่ควรทำให้งานแต่งของเพื่อนรักกลายเป็นงานคอนเสิร์ตของนักร้องสาวหรอกจริงไหม
ลู่เฉินคุยกับเฉินเฟยเอ๋อร์ไว้แล้วว่าพรุ่งนี้จะเลี้ยงข้าวเจ้าสาวเจ้าบ่าวด้วยกัน แบบนี้ถึงจะดีกับทุกฝ่าย
เถียนเถียนพูดไม่ออก
เฉินเฟยเอ๋อร์หัวเราะพร้อมกับกอดเธอ “ฉันไม่อยากจะไปสนใจเขาหรอก พวกเรามาอยู่ในโลกของเราสองคนกันดีกว่า!”
เถียนเถียนถอนหายใจ “เห็นพวกเธออยู่เป็นคู่แล้วฉันก็อยากมีแฟนบ้าง”
เฉินเฟยเอ๋อร์ตอบ “ฉันแนะนำแฟนให้เธอได้นะ”
เถียนเถียนเบะปาก “อย่าเลย ตอนนี้ฉันโฟกัสเรื่องงานอย่างเดียว เรื่องผู้ชายไร้สาระ เอาไว้ทีหลัง”
ทั้งสองพูดคุยสนุกสนานด้วยบรรยากาศอันเป็นมิตร
ผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมง เจ้าสี่โทรเข้ามาแล้ว
ลู่เฉินโบกมือถือใส่เฉินเฟยเอ๋อร์ พลางบอกว่า “ผมไปก่อน พวกคุณค่อยๆ กินนะ”
เฉินเฟยเอ๋อร์พยักหน้า “ระวังตัวหน่อย”
ลู่เฉินรับคำ “รู้แล้วครับ ที่รัก”
“อี๋~”
เถียนเถียนห่อไหล่ “ฟังแล้วขนลุก!”
ลู่เฉินหัวเราะฮ่าๆ หันไปบอกลาคู่สามีภรรยาเซียวไห่เฉา แล้วออกจากห้องอาหารไป
ด้านนอกภัตตราคารไป๋ลู่ ลู่เฉินพบกับรถของเจ้าสี่อย่างรวดเร็ว
“เจ้าสี่ ตอนนี้นายอู้ฟู่ไม่เบาเลยนะ!”
เข้าไปนั่งในรถแล้ว ลู่เฉินมองดูการตกแต่งภายในรถใหม่เอี่ยมอย่างตื่นตาตื่นใจ “ได้ขับเบนซ์แล้ว”
เจ้าสี่หรือโจวรุ่ยเป็นคนหังโจวแต่ดั้งเดิม รูปร่างผอมตัวเล็ก หน้าตาไม่โดดเด่น เขาเหลือบมองลู่เฉินอย่างดูถูกทีหนึ่ง “ดาราใหญ่อย่างนายอย่าล้อฉันเล่นเลย รถเบนซ์คันนี้ยืมมาใช้ในงานแต่งงานเท่านั้น ฉันเป็นแค่คนขับรถกระจอกๆ!”
ลู่เฉินหัวเราะฮ่าๆ เสียงดัง ชกเขาเข้าหนึ่งหมัด “อย่ามัวพูดมากเลย ออกรถ!”
โจวรุ่ย “ถุย!”
ระหว่างทางไปบ้านเจ้าสาว ลู่เฉินพูดคุยกับโจวรุ่ย ถามไถ่ถึงเพื่อนเสนิทกลุ่มนี้ว่าช่วงนี้เป็นอย่างไร
เกาเฮ่อหลังจากจบมหาวิทยาลัยยังอยู่ที่เมืองหังโจวไม่ได้กลับบ้านเกิด ยิ่งไปกว่านั้นแม้แต่งานที่เคยหาได้ก่อนหน้านั้นก็ยังทิ้งไป ตอนนี้เขากับเสี่ยวหลิงทำงานที่บริษัทเกมแห่งหนึ่งในเมืองนี้ด้วยกัน แม้ยังซื้อบ้านไม่ไหว แต่ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข รีบแต่งงานเร็วเพราะคิดไตร่ตรองดีแล้ว ไม่ได้เกิดจากความหุนหันพลันแล่น
โจวรุ่ยบอกว่า “ทางบ้านของพี่สะใภ้น่ะไม่เห็นด้วยมากๆ เพราะยังไม่มีบ้าน ก็เลยต้องจดทะเบียนสมรสไปเลย”
ไม่ใช่แค่ไม่เห็นด้วย พ่อแม่ของหวังเสี่ยวหลิงไม่เห็นด้วยที่ทั้งสองคบกันตั้งแต่แรก จนเกือบตัดขาดการติดต่อกับหวังเสี่ยวหลิง…อยากให้ทั้งสองท่านเห็นด้วยก็ได้นะ อันดับแรกเกาเฮ่อต้องซื้อบ้านในหังโจวให้ได้ก่อน
ปัญหาอยู่ที่ราคาบ้านในหังโจวตอนนี้ไม่มีหนุ่มสาวคนไหนรับไหว
สุดท้ายเป็นเพราะความเด็ดเดี่ยวรักเดียวใจเดียวของหวังเสี่ยวหลิงและความซื่อสัตย์จริงใจของเกาเฮ่อบังเกิดผล เรื่องราวที่เกิดขึ้นระหว่างนั้นนำมาเขียนเป็นนิยายได้เลย
ลู่เฉินพยักหน้า เกาเฮ่อกับหวังเสี่ยวหลิงกว่าจะได้อยู่ด้วยกันนั้นไม่ง่ายเลย ความรักทางไกล 99% ล้วนจบไม่สวย โชคดีที่ทั้งสองคนมีความกล้าหาญและเข้มแข็งมากจนถึงที่สุด
เจ้าเคหรือว่านหงจื้อหลังจากเรียนจบแล้วไปที่ฮู่ไห่ก่อน เดิมทีทำงานอยู่กับรุ่นพี่ แต่ไม่นานก็ลาออกไปอยู่เมืองเซินไห่ทางใต้ ทำงานที่บริษัทอินเทอร์เน็ตแห่งหนึ่ง เพราะงานยุ่งมากจึงไม่ได้มาร่วมงานแต่งของเกาเฮ่อ
ส่วนตัวโจวรุ่ยเองนั้น ทำงานในแผนกเกมของบริษัทเฟยเถิง
บริษัทเฟยเถิงเป็นบริษัทอินเทอร์เน็ตที่ใหญ่ที่สุดหนึ่งในสามของประเทศ เว็บไซต์อี้เป่าและอี้ฟู่เป่าอันโด่งดังนั้นล้วนเป็นของบริษัทนี้ นอกจากนี้แผนกเกมก็เป็นแผนกที่แข็งแกร่งมาก ทั้งผลิตเองและเป็นตัวแทนจำหน่ายเกมออนไลน์ยอดฮิตมากมาย
สิ่งสำคัญคือบริษัทเฟยเถิงเป็นบริษัทท้องถิ่นของเมืองหังโจว อีกทั้งยังเป็นหนึ่งในบริษัทที่ให้ค่าตอบแทนดีที่สุดในวงการ ดังนั้นในบรรดารูมเมตทั้งสี่คน นอกจากลู่เฉินแล้ว โจวรุ่ยเป็นคนที่ได้งานดีที่สุด
แต่ละคนมีเส้นทางของตัวเอง โดยรวมแล้วทุกคนมีชีวิตที่ดี น่าเสียดายที่ครั้งนี้ไม่ได้รวมตัวกันครบถ้วน
โจวรุ่ยแอบกระซิบ “เจ้าสาม นายกับเฉินเฟยเอ๋อร์จะแต่งงานกันจริงหรือเปล่า”
สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความอิจฉา เฉินเฟยเอ๋อร์นี่เป็นระดับนางฟ้าเชียวนะ ใครจะคิดว่ารูมเมตที่เคยนอนห้องเดียวกันจะได้คบหากับนางฟ้า ถือเป็นความสำเร็จสูงสุดในชีวิตเรื่องหนึ่ง!
ลู่เฉินหัวเราะ “ตอนนี้ยังไม่ได้คิดเรื่องแต่งงาน แล้วนายมีแฟนหรือยัง”
โจยรุ่ยหน้าม่อยลง “โดนแม่ฉันจับไปนัดบอดอยู่หลายครั้ง แต่พวกเธอไม่ชอบฉัน ถึงมีสักคนชอบฉัน แต่ฉันก็ไม่ถูกใจ ฉันไม่ได้คิดอะไรมากแล้ว ปล่อยไปตามยถากรรมแล้วกัน”
พูดถึงเรื่องนี้ ในบรรดารูมเมตทั้งสี่คน โจวรุ่ยมีวาสนาด้านความรักน้อยที่สุด สี่ปีในมหาวิทยาลัยเขาไม่เคยคบหากับใครเลย ที่น่าสงสารที่สุดคือเพื่อนอีกสามคนล้วนแต่มีคู่ เขากลับอยู่ตัวคนเดียว
โจวรุ่ยปล่อยวางได้มาก อยู่กับเกมก็มีความสุขได้
พูดคุยกันไปจนทั้งสองคนมาถึงเขตที่หวังเสี่ยวหลิงอยู่
…………………………………………