ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记] – ตอนที่ 98 สามีผู้เหน็ดเหนื่อยยามกลับมาบ้าน

ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记]

ตอนที่ 98 สามีผู้เหน็ดเหนื่อยยามกลับมาบ้าน

จี้เจี้ยนอวิ๋นจากบ้านไปนานเกือบสองเดือน ซึ่งสองเดือนที่จากกันไปนี้ ซูตานหงก็พบว่าเขามีหน้าตาหล่อเหลาขึ้น แม้ตัวเขาจะดูผอมลงอย่างเห็นได้ชัด แต่เธอก็เห็นแววตามั่นใจสมชายชาตรีฉายออกมาจากดวงตาคู่นั้นของชายคนนี้

“ภรรยา ผมกลับมาแล้ว” จี้เจี้ยนอวิ๋นกระซิบ ดวงตาที่จ้องมองภรรยานั้นดูราวกับจะเปล่งแสงสีเขียวน่ากลัวออกมาได้ แม้ซูตานหงจะคิดถึงเขา แต่อยู่ต่อหน้าชายคนนี้เธอก็ยังรู้สึกเขินอายอยู่ดี

“รีบกอดลูกชายของคุณเถอะค่ะ ป่านนี้เขาคงจำคุณไม่ได้แล้วล่ะ” ซูตานหงอุ้มเหรินเหรินน้อยใส่อ้อมแขนของเขาโดยไม่พูดพร่ำทำเพลงใด ๆ

“แอ๊!” เหรินเหรินน้อยร้องขึ้นเมื่อถูกยัดใส่อ้อมแขนของคนแปลกหน้า สำหรับเด็กน้อยแล้วเขาก็ดูเหมือนคนแปลกหน้าจริง ๆ นั่นแหละ แม้จะมีส่วนที่คุ้นเคยอยู่บ้างก็ตาม? แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เด็กชายดิ้นและยืดแขนไปหาแม่ของเขา

“เฮ้ นี่พ่อของลูกไงจ๊ะ ให้พ่ออุ้มหน่อย” ซูตานหงเอ่ยยืนยัน

“แอ๊!” เหรินเหรินน้อยออกอาการงอแง เด็กน้อยกลัวคนตัวดำเป็นเหนี่ยงคนนี้เหลือเกิน!

“เจ้าเด็กใจร้าย พ่อออกไปนานหน่อยก็จำพ่อไม่ได้แล้วเหรอ? ไม่ใช่ว่าลูกหรอกเหรอที่ปกติก่อกวนให้พ่อมาเล่นด้วย?” จี้เจี้ยนอวิ๋นเห็นความไร้หัวใจของลูกชายแล้วก็เริ่มแหย่ลูกในขณะที่กำลังอุ้มเขาอยู่

เหรินเหรินน้อยถูกเขาใช้มือจี้และยกตัวอุ้มขึ้นสูงครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่นานนักเด็กน้อยก็เริ่มคุ้นเคยกับสัมผัสของผู้เป็นพ่อ

“พ่อ….พ่อ?” เยียนเอ๋อร์ที่ยืนตรงหน้าประตูเห็นภาพนี้เข้า เธอก็มองจี้เจี้ยนอวิ๋นอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะร้องเรียกในทันที

จี้เจี้ยนอวิ๋นถึงกับใบ้กิน

ซูตานหงเห็นเขาอึ้งไป เธอก็เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เรื่องนี้ฉันไม่ได้สอนเยียนเอ๋อร์นะคะ เยียนเอ๋อร์เธอเรียกแบบนี้เอง”

หลังเรียกแล้ว เยียนเอ๋อร์ก็เดินเข้ามากอดขาคุณลุงสามไว้และมองเขาอย่างรักใคร่ เห็นชัดว่าเธออยากถูกพ่ออุ้มแล้วยกตัวขึ้นสูง ๆ เหมือนที่ทำกับน้องชายเช่นกัน

จี้เจี้ยนอวิ๋นเห็นแล้วก็รู้สึกขบขันเล็กน้อย แต่เด็กน้อยยังเล็กนักเขาจึงไม่ใส่ใจ จึงวางเหรินเหรินลงแล้วอุ้มเยียนเอ๋อร์ขึ้น

ความรู้สึกที่ถูกเขาอุ้มช่างต่างจากตอนอยู่ในอ้อมแขนของซูตานหง นอกจากนี้การที่เธอเดินได้แล้วจึงทำให้ซูตานหงไม่ค่อยได้อุ้มเธอบ่อยเท่าใด เยียนเอ๋อร์จึงรู้สึกดีใจมากที่ถูกจี้เจี้ยนอวิ๋นอุ้มแบบนี้

“แอ๊ ๆ!” เหรินเหรินน้อยเองก็ดีใจที่เห็นพี่สาว เด็กทั้งคู่มองหน้ากันไปมาและรู้สึกมีความสุขมาก

ตอนนี้เป็นเวลาเกือบบ่ายสามแล้ว ปกติช่วงนี้จะเป็นช่วงที่เยียนเอ๋อร์จะได้กินแอปเปิลส่วนเหรินเหรินน้อยจะได้ดื่มนม แต่เมื่อครึ่งเดือนที่แล้วซูตานหงก็ให้เหรินเหรินน้อยหย่านมและให้เขาดื่มนมผงกับกินอาหารที่ย่อยง่ายแทน

เธอชงนมผงกับปอกแอปเปิล จากนั้นก็ให้จี้เจี้ยนอวิ๋นเป็นคนดูแลลูกชายของเขาขณะดื่มนม ส่วนเธอนั้นขูดแอปเปิลเละ ๆ ให้เยียนเอ๋อร์กิน

หลังจากนั้นซูตานหงก็ออกจากบ้านไปที่ภูเขา

“ตานหง ทำไมถึงมาที่นี่ล่ะ?” คุณแม่จี้แสดงอาการตกใจเมื่อเห็นเธอ ด้วยนึกว่ามีเรื่องอะไรบางอย่างเกิดขึ้น

“คุณแม่ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกค่ะ คือว่าจี้เจี้ยนอวิ๋นกลับมาบ้านแล้ว ตอนนี้เขากำลังเลี้ยงลูกอยู่ที่บ้าน ฉันก็เลยขึ้นมาที่นี่เพื่อจะมาจับไก่กลับไปตุ๋นให้เขากินคืนนี้น่ะค่ะ” ซูตานหงบอก

หลังได้ยินดังนี้ คุณแม่จี้ก็โล่งใจ พอได้ยินว่าลูกชายกลับมาแล้วนางก็มีสีหน้าดีใจเช่นกัน “เจี้ยนอวิ๋นกลับมาแล้วเหรอ? งานข้างนอกคงหนักมากสินะ ถึงเวลาต้องบำรุงเขาแล้ว เธอรอที่นี่ก่อน แม่จะเป็นคนไปจับไก่มาเอง!”

จากนั้นนางก็รีบเข้าไปในเล้าไก่และจับไก่มาตัวหนึ่ง ก่อนจะส่งให้กับเธอ

ซูตานหงมองไก่แล้วก็รู้สึกลำบากใจเล็กน้อย เพราะเธอตั้งใจว่าจะจับแม่ไก่ที่ออกไข่ แต่แม่สามีก็จับไก่ตัวที่ตั้งใจจะจับไปขายในเมืองมาให้เธอเสียอย่างนั้น

คุณแม่จี้เหมือนจะอ่านสีหน้าเธอออก นางจึงกล่าวว่า “เจี้ยนอวิ๋นแข็งแรงบึกบึนขนาดนั้น เขาไม่จำเป็นต้องกินแม่ไก่นั่นหรอก ออกไข่ได้วันละฟองมันน่าเสียดายนะ ไก่ตัวนี้ก็เหมือนกัน ไม่ต่างกับตัวอื่น ๆ นักหรอก”

ซูตานหงไม่เอ่ยอะไร จะว่าไปแล้วมันก็ไม่ได้แย่ ไก่ทุกตัวล้วนได้กินน้ำวิเศษกันหมด เพียงแต่ไก่ที่ตั้งใจเลี้ยงไว้ให้ออกไข่นั้นได้กินเนื้อทุกวัน ในขณะที่ไก่อื่น ๆ เกือบทุกตัวกินแต่ใบผัก

หลังได้ไก่มาแล้ว ซูตานหงก็เดินลงจากภูเขา เมื่อเธอมาถึงบ้าน จี้เจี้ยนอวิ๋นก็กำลังเลี้ยงเด็กทั้งสองอยู่และบังคับให้เด็กทั้งสองเข้านอน ยามที่เขาสบตามองเธอ ดวงตาของเขานั้นดูร้อนแรงเสียจนซูตานหงไม่กล้ามองเขา

“รีบไปต้มน้ำแล้วเชือดไก่เร็วเข้าค่ะ แล้วจะได้ตุ๋นกินทันเย็นนี้” ซูตานหงบอก

เมื่อเห็นว่าภรรยาของตนกำลังจะทำอาหารให้เขากินบำรุงร่างกายแล้ว จี้เจี้ยนอวิ๋นก็เกิดความกระตือรือร้นขึ้นมา แม้หลายวันมานี้เขาจะรู้สึกอ่อนล้า แต่ทุกครั้งที่คิดถึงภรรยาและลูกชายที่บ้าน เขาก็บังเกิดความฮึกเหิมมีพลังใจเต็มเปี่ยม

“คุณจะยืนอึ้งอยู่ทำไม รีบไปสิคะ” ซูตานหงไล่

จี้เจี้ยนอวิ๋นพยักหน้า การเชือดไก่นั้นไม่ใช่งานยากอะไรสำหรับเขา ซูตานหงเข้าครัวไปต้มน้ำ เมื่อน้ำเดือดแล้ว ไก่ตัวนั้นก็ถูกถอนขน ทำความสะอาด และใส่ส่วนผสมอื่น ๆ ลงไป จากนั้นเธอก็หย่อนไก่ลงไปในหม้อน้ำวิเศษและทำการตุ๋น

“ภรรยา ผมคิดถึงคุณจังครับ” จี้เจี้ยนอวิ๋นเอนกายมาสวมกอดไว้ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อใด จนสัมผัสได้ถึงร่างกายอุ่นร้อนนุ่มนิ่มของซูตานหง

“ยังมีน้ำร้อนเหลืออยู่นะคะ คุณไปอาบก่อนเถอะค่ะ” ซูตานหงกระซิบด้วยใบหน้าแดงซ่าน

ดวงตาของจี้เจี้ยนอวิ๋นเป็นประกายลุกวาว เขารีบไปตักน้ำตรงหน้าประตูแล้วลงมืออาบน้ำกลางลานบ้านในทันที จากนั้นก็พาภรรยากลับเข้าห้อง

ทุกการกระทำเป็นไปอย่างอ่อนโยน แต่ในการพลิกตัวกลับไปกลับมาในครั้งนี้ก็กินเวลานานนัก จนกระทั่งซูตานหงถึงกับนอนหลับไป

จี้เจี้ยนอวิ๋นที่ได้กินเนื้อแล้วก็มีท่าทางสดชื่นกะปรี้กะเปร่าขึ้น พอเหรินเหรินกับเยียนเอ๋อร์ตื่นแล้วเขาก็พาสองพี่น้องออกไปปูเสื่อฟางที่ชานบ้าน และนำของเล่นออกมาให้สองพี่น้องได้เล่นกัน

จี้เจี้ยนอวิ๋นลงมือทำอาหารเย็น เมื่อเห็นว่ายังมีปลาตัวหนึ่งและเนื้ออีกมากอยู่ในตู้เย็น เขาก็ลงมือทำปลานึ่ง รวนเนื้อ และตอกไข่ 7 ฟองลงไปทำไข่คน แล้วก็เดินไปที่สวนหลังบ้านไปเก็บผักกวางตุ้งสดมาหนึ่งกำมือ

เพิ่มแม่ไก่แก่ตุ๋นเข้าไปด้วยแล้ว อาหารค่ำนี้ช่างอุดมสมบูรณ์เหลือเกิน

หลังกินอาหารเสร็จ จี้เจี้ยนอวิ๋นก็เข้าไปดูภรรยาที่อยู่ในห้อง เธอยังคงหลับอยู่ด้วยความเหนื่อยล้าจากการถูกเขาจับพลิกตัวไปมา จี้เจี้ยนอวิ๋นยิ้ม แล้วก็ให้ต้าเฮยอยู่เฝ้าบ้าน ก่อนที่เขาจะพาเยียนเอ๋อร์กับเหรินเหรินขึ้นไปบนภูเขา

เมื่อขึ้นมาถึงภูเขา เขาก็บอกให้คุณแม่จี้ลงไปนำอาหารขึ้นมา เขามีมือว่างแค่มือเดียวจึงนำขึ้นมาให้ไม่ถนัด

คุณแม่จี้ไม่จำเป็นต้องเดาก็รู้ว่าตอนนี้ตานหงต้องนอนหลับอยู่ ส่วนสาเหตุที่หลับนั้นเป็นอันรู้กันว่าคนหนุ่มสาวทำอะไรกัน ไม่ต้องพูดก็เข้าใจ

พวกเด็ก ๆ นี่นะ…คุณแม่จี้คิดแล้วก็ไม่เอ่ยออกมา

จี้เจี้ยนอวิ๋นอุ้มพาเด็กทั้งสองไปรอบ ๆ ภูเขา พาไปทักทายคุณพ่อจี้ แล้วก็คุยกับสวี่อ้ายตั๋งกับจี้หงจวิน จากนั้นก็เดินลงภูเขาพร้อมกับคุณแม่จี้

“เพิ่มตะเกียบคู่หนึ่งกับชามใบหนึ่งด้วย เย็นนี้ฉันจะกินกับคุณพ่อบนภูเขา” คุณแม่จี้บอก

จี้เจี้ยนอวิ๋นพยักหน้า

“ในเมื่อแกกลับมาแล้ว คืนนี้แม่ก็จะกลับไปนอนที่บ้านเดิมแล้วกัน” คุณแม่จี้เอ่ย

“ครับ แม่ไม่ต้องทำอาหารเองนะครับ แวะมากินข้าวที่นี่ได้ ไม่มีปัญหาหรอกครับ” จี้เจี้ยนอวิ๋นบอก

คุณแม่จี้กระซิบ “มันจะดีเหรอ?” ลูกชายกับสะใภ้ยังหนุ่มยังสาว ให้พวกเขากินข้าวกับลูกชายของพวกเขาเถอะ

“จะเป็นอะไรไปล่ะครับ? ตานหงไม่สนใจกับเรื่องพวกนี้หรอก หล่อนก็อยากให้แม่มากินด้วยเหมือนกัน แล้วก็ให้แม่มาช่วยดูแลเด็ก ๆ เป็นครั้งคราว หล่อนจะได้วางมือแล้วไปสำรวจในเมืองสักทีน่ะครับ” จี้เจี้ยนอวิ๋นบอก

…………………………………………

ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记]

ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记]

Status: Ongoing
คุณหนูซูผู้มีชีวิตอยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือน ยึดหลักสามเชื่อฟังสี่คุณธรรมมาตั้งแต่ยังเล็ก ยังไม่ทันจะได้ออกเรือนนำเกียรติมาให้วงศ์ตระกูลกลับจับไข้สิ้นลมกลางสายฝนยามสารทฤดู และมาเกิดใหม่ในปี 1980 นางไม่คิดเลยว่าวิถีกุลสตรีในชาติที่แล้วของตนจะกลายเป็นคุณสมบัติอันยอดเยี่ยมในยุคนี้ เนื่องจากเจ้าของร่างเดิม ซูตานหง ผู้กระทำอัตวินิบาตกรรมด้วยการกินยาฆ่าแมลงตายคนนี้ นอกจากนามสกุลเดียวกันแล้วก็ไม่มีอะไรดีเหมือนนางเลยสักด้าน ถึงอย่างนั้นคุณหนูซูก็ไม่สนใจ นางคิดเพียงว่าจะใช้ทักษะที่มีอยู่มาสร้างเงินทอง ปลูกต้นไม้ดอกไม้มีค่า เย็บปักถักร้อยวาดภาพภูเขาสายน้ำอันงดงาม ใช้ชีวิตในชาตินี้ให้เรียบง่ายสุขสบายตามอัตภาพเท่านั้นและนี่ก็คือเรื่องราวของคุณหนูสูงศักดิ์จากยุคโบราณผู้มาเกิดใหม่ในร่างหญิงสาวยุค 80 เพื่อทำสวนทำไร่และให้กำเนิดบุตร นางจะเอาชีวิตรอดในยุคที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่อย่างไรบ้าง เอาใจช่วยคุณหนูซูไปพร้อมๆ กันได้ในเรื่องนี้เลย

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท