ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记] – ตอนที่ 239 จี้กวงซง

ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记]

ตอนที่ 239 จี้กวงซง

  

น้าไช่และสามีเตรียมการไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ โดยคิดว่าจี้เจี้ยนอวิ๋นจะหักเงินที่พวกเขาเสียไปในช่วง 3 ปีมานี้

ทว่าเขาทำแบบเดียวกับที่ทำสัญญาเช่าสวนของลุงจี้ จี้เจี้ยนอวิ๋นเปลี่ยนชื่อผู้เช่าและจ่ายให้ในราคาเดิม ทั้งยังพาผู้ใหญ่บ้านไปยืดระยะเวลาสัญญาเป็น 70 ปี เท่ากับภูเขาลูกก่อนหน้า

มีหลายสิ่งต้องจัดการ แต่เมื่อมีรถทำให้ทุกอย่างสะดวกสบายมากขึ้น ใช้เวลาเพียงครึ่งเช้าเท่านั้น ภูเขาลูกนี้ก็กลายเป็นของตระกูลจี้

ภูเขาลูกนี้อยู่ไม่ไกลนัก ในตอนแรกพวกเขาได้รับว่าจ้างหลังจากสวนผลไม้ของจี้เจี้ยนอวิ๋นสามารถพลิกฟื้นขึ้นมาได้ ผู้ใหญ่บ้านจึงวางแผนให้พวกเขาเรียนรู้จากประสบการณ์ของจี้เจี้ยนอวิ๋นอย่างใกล้ชิด เพื่อดูว่าจะสามารถทำตามได้หรือไม่

จี้เจี้ยนอวิ๋นจ้างไช่จ่านกั๋วลูกชายคนโตของน้าไช่ด้วยค่าแรง 35 หยวนต่อเดือน โดยถามว่าเขาอยากทำหรือไม่

ไช่จ่านกั๋วตอบตกลงโดยไม่ลังเล ทว่าคุณน้าไช่มีท่าทางอึดอัดและยังขอให้จ่านเฟยไปทำงานด้วย แต่จี้เจี้ยนอวิ๋นปฏิเสธ

ไช่จ่านกั๋วเป็นคนงานที่ดี จี้เจี้ยนอวิ๋นจึงอยากจ้างเขา ส่วนไช่จ่านเฟยนั้นยังไม่ได้แต่งงาน อารมณ์ของเขายังไม่มั่นคงเหมือนจี้เจี้ยนเหอเมื่อปีก่อน ดังนั้นจี้เจี้ยนอวิ๋นจึงไม่ต้องการ

ตอนนี้จี้เจี้ยนเหอถูกเขากำราบจนอยู่หมัด ได้ยินว่าภรรยาของจี้เจี้ยนเหอกำลังตั้งครรภ์ ชายหนุ่มจึงตั้งใจทำงานให้ดีมากยิ่งขึ้น

นอกจากไช่จ่านกั๋วแล้ว ยังมีญาติห่าง ๆ ของจี้เจี้ยนอวิ๋น ที่ใช้แซ่จี้เหมือนกันอีก 1 คน แม้ว่าจะอยู่ห่างไกลออกไป แต่ก็นับว่ามีบรรพบุรุษคนเดียวกัน

เขาคือจี้กวงซง ที่แปลว่าผู้นำแสงสว่างมาสู่วงศ์ตระกูล

พูดได้ว่ากว่าจะมีจี้กวงซงคนนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากเขามีพี่สาวถึง 6 คน แม่ของเขาจึงพยายามอย่างหนักที่จะให้กำเนิดลูกชาย จนกระทั่งคลอดเขาซึ่งเป็นลูกคนที่ 7 ออกมา และได้ลูกชายดังใจหวัง จึงได้ชื่อว่าจี้กวงซง ที่แปลว่าผู้นำแสงสว่างมาสู่วงศ์ตระกูล

คนในหมู่บ้านที่มีประสบการณ์ต่างคาดเดาว่าเจ้าเด็กนี่จะต้องถูกตามใจจนเสียนิสัย โดยปกติแล้วหากมีลูกสาวมาก่อน ลูกชายคนสุดท้องมักจะได้รับการเอาใจตั้งแต่ยังเป็นเด็ก

อย่าว่าแต่จะเป็นแสงสว่างแห่งวงศ์ตระกูลเลย ขอเพียงไม่สร้างเรื่องเสื่อมเสียให้ตระกูลจี้ก็นับว่าดีแล้ว

ทว่าจี้กวงซงกลับเติบโตมาอย่างดี

เมื่อเขายังเด็ก พี่สาวคนโตและคนรองก็ถึงวัยแต่งงานแล้ว ตอนนั้นเขายังไม่รู้ความนัก

จนกระทั่งพี่สาวสามและพี่สาวสี่แต่งงาน เด็กน้อยในวัยเกือบ 7 ขวบเติบโตขึ้นมาก ตอนนั้นเขาเอ่ยกับพี่เขยทั้งสองว่าหากกล้ารังแกพี่สาวของเขา จี้กวงซงจะบุกเข้าไปทําลายบ้านของพวกเขาทันที!

หลังจากนั้นพี่สาวทั้งสองของเขาก็ทะเลาะกับสามีและหนีกลับมาอยู่ที่บ้านเดิมด้วยความโมโห เด็กน้อยจึงบุกไปถึงบ้านของครอบครัวพี่สาวทั้งสองโดยไม่เกรงกลัวสิ่งใด

เมื่อพี่สาวคนที่ห้าและหกแต่งงาน ในตอนนั้นเขาอายุเกือบ 12 ปีแล้ว ทั้งยังเข้าใจถึงความสำคัญของสินเดิมเจ้าสาว ดังนั้นเด็กหนุ่มจึงกดดันให้พ่อแม่ของเขานำทรัพย์สินเงินทองออกมาเป็นจำนวนมาก เพื่อมอบให้พวกหล่อนในวันแต่งงาน

ทั้งพ่อและแม่อยากเก็บเงินนี้ไว้ให้เขา ทว่าเด็กหนุ่มกลับไม่ต้องการ เขายังบอกอีกว่าเมื่อโตขึ้นจะหาเงินด้วยตัวเอง

พี่สาวคนที่ห้าและหกต่างก็ร้องไห้ออกมา และกอดเขาเอาไว้ด้วยความซาบซึ้งใจ

ตอนนี้จี้กวงซงอายุเกือบ 20 ปีแล้ว แม้จะยังไม่แต่งงาน แต่คนในหมู่บ้านล้วนมีทัศนคติที่ดีต่อเขา

ครอบครัวของเขามีที่ดินอยู่มากราว 5 ถึง 6 หมู่ ชายหนุ่มดูแลท้องทุ่งทั้งหมดนี้เพียงลำพัง แม้ว่าพ่อกับแม่ของเขาจะสามารถช่วยงานได้ แต่อายุของพวกเขาก็ไม่น้อยแล้ว

เป็นปกติที่จี้กวงซงจะไม่ยอมให้แม่ของเขาต้องมาทำไร่ไถนา เขาขอให้นางเลี้ยงไก่อยู่ที่บ้านเป็นจำนวนมาก เมื่อสะสมไข่ได้ 1 ตะกร้า จี้กวงซงก็จะนำไข่พวกนั้นไปให้พี่สาวของตน

ดังนั้นหลานชายหลานสาวของจี้กวงซงจึงชอบน้าชายคนนี้เป็นพิเศษ

เมื่อหลายปีก่อนในตอนที่เพิ่งแต่งงานออกไป พี่สาวของเขาจะรับไข่พวกนี้ไว้ แต่หลังจากนั้นพวกหล่อนต่างก็ไม่ยอมรับมันอีก หรือถ้ารับไว้ก็จะนำไปขายและเอาเงินกลับมาให้แม่ เก็บไว้เป็นสินสอดทองหมั้นให้น้องชายในอนาคต

ต่อมาจี้กวงซงบังเอิญรู้เข้าจึงโกรธเคืองกันไปพักใหญ่ ทว่าเมื่อเห็นบรรดาพี่สาวของตนมีชีวิตที่ดีแล้ว เขาจึงไม่ส่งไปให้อีก ยกเว้นในช่วงวันปีใหม่ที่เขามักจะซื้อเนื้อหมูส่งไปให้พวกหล่อน เพื่อให้สามีของพวกเธอตระหนักว่าบรรดาพี่สาวไม่ได้ถูกทอดทิ้งจากทางบ้านมารดา และไม่สามารถรังแกพวกหล่อนได้ตามใจชอบ

เพราะมีน้องชายคนนี้ พี่สาวทั้ง 6 คนที่แต่งงานออกไปแล้วจึงมีชีวิตครอบครัวที่ดี

นี่เป็นลักษณะอันยอดเยี่ยมของสุภาพบุรุษ และแสดงให้เห็นถึงข้อดีของการมีลูกชาย

ครั้งนี้จี้เจี้ยนอวิ๋นไม่ได้เรียกหาจี้กวงซง แต่เป็นจี้กวงซงเองที่มาติดต่อเขาและขอทำงานด้วยหากยังขาดคนทำงาน

จี้เจี้ยนอวิ๋นหัวเราะ “ขาดคนก็ขาดอยู่ แต่ว่าตอนนี้คุณลุงอายุ 55 ปีแล้ว ที่บ้านนายยังมีที่ดินอีกเยอะ ถ้านายมาทำงานให้ฉันแล้วจะจัดการงานที่บ้านยังไง?”

“ผมวางแผนจะปลูกมันเทศกับข้าวสาลี ปลูกพืชพวกนี้ไม่ใช่เรื่องยุ่งยากหรอกครับ ผมยังมีเวลาอีกเหลือเฟือที่จะมาทำงานให้พี่!” จี้กวงซงพูดกับเขาอย่างมั่นใจ

ปีนี้เขาอายุเพียง 20 ปีเท่านั้น เป็นช่วงเวลาที่มีพลังมากทีเดียว

“ได้ แค่นายคนเดียวนะ” จี้เจี้ยนอวิ๋นรับคํา

“ขอบคุณครับพี่สาม!” จี้กวงซงยิ้มด้วยความดีใจ

“หนุ่มน้อย นายเองก็ใกล้ถึงวัยแต่งงานแล้วนะ” จี้เจี้ยนอวิ๋นตบไหล่เขาเบา ๆ จี้กวงซงอายุเพียง 20 ปี แต่เขาตัวสูงถึง 180 เซนติเมตร นับได้ว่าสูงกว่าทุกคนในนี้

แต่ก็อย่างที่รู้ เขาเป็นลูกชายคนเดียวของพ่อแม่ แม้จะเหลือไข่เพียงแค่ฟองเดียว พวกเขาก็ไม่ยอมปล่อยให้ชายหนุ่มต้องทนหิว จึงมีรูปร่างสูงใหญ่เช่นนี้

“ยังเร็วไปครับ รออายุถึง 25 ปีค่อยว่ากัน” จี้กวงซงกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ

“งานของฉันไม่ง่ายเลยนะ ต้องแบกน้ำขึ้นภูเขาทุกวัน เพราะอย่างนั้นจึงจ้างนายกับไช่จ่านกั๋ว 2 คน ตอนนี้เงินเดือนอยู่ที่ 35 หยวน ถ้าครึ่งปีหลังยังทำงานต่อ ฉันจะขึ้นให้เป็น 40 หยวนเหมือนกันทุกคน” จี้เจี้ยนอวิ๋นบอกเขา

“ได้ครับ!” จี้กวงซงรับคําแล้วถามเขาอีกเรื่อง “จะสร้างฟาร์มไก่อีกไหมครับ?”

“เรื่องนี้ไว้ค่อยคุยทีหลัง ฉันไม่แน่ใจว่าจะเลี้ยงมันอีกหรือเปล่า” จี้เจี้ยนอวิ๋นตอบ

จี้กวงซงตกตะลึงเมื่อได้ยินเช่นนั้น “ครั้งที่แล้วตอนผมไปช่วยงานในสวนผลไม้ของพี่สาม เห็นฟาร์มไก่ไม่ใหญ่มาก ถ้าไม่เลี้ยงเพิ่มจะพอขายเหรอครับ?”

“ฟาร์มไก่ขนาดเล็กดูแลเรื่องการฆ่าเชื้อได้ง่ายกว่า ถ้าทำใหญ่เกินไปจะจัดการได้ยาก” จี้เจี้ยนอวิ๋นกล่าว “แต่ยังไงก็ควรทำเพิ่มอีกที่ เพราะมันไม่พอขายจริง ๆ นั่นแหละ เอาเป็นว่าตอนนี้ยังไม่คิด ปลูกผลไม้ให้ขึ้นก่อนแล้วค่อยว่ากัน”

คราวนี้จ้างคนงานเพียงแค่ 2 คน เนื่องจากตอนทำสวนผลไม้ 2 แห่งแรกนั้นไม่ยุ่งยากและใช้เวลาไม่นาน จี้เจี้ยนอวิ๋นวางแผนจะย้ายคนงานจากสวนผลไม้เก่า ให้ช่วยกันขุดรื้อต้นกล้าผลไม้เก่าแล้วนำต้นกล้าผลไม้ใหม่ขึ้นไปปลูกที่สวนแห่งใหม่นี้

ครั้งนี้จี้เจี้ยนอวิ๋นจะเน้นปลูกเชอร์รี่เป็นหลักสักครึ่งหนึ่งของภูเขา ส่วนอีกครึ่งที่เหลือเป็นผลไม้ชนิดอื่น ๆ

ช่วยไม่ได้นี่นะ เนื่องจากเชอร์รี่เป็นผลไม้ที่ขายดีมาโดยตลอด ลูกค้าแทบจะแย่งกันทันทีที่นำไปวางขาย โดยเฉพาะร้านค้าในเมืองมหาวิทยาลัย ที่ช่วง 2 ปีผ่านมานี้กิจการที่นั่นเติบโตได้ดีเป็นพิเศษ

…………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

หนุ่มตระกูลจี้งานดีเพิ่มมาอีกคนหนึ่งแล้ว จริง ๆ แล้วตระกูลจี้เป็นแหล่งรวมปีศาจเหมือนกันนะเนี่ย มีแต่คนเปี่ยมความสามารถทั้งนั้นเลย

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记]

ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记]

Status: Ongoing
คุณหนูซูผู้มีชีวิตอยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือน ยึดหลักสามเชื่อฟังสี่คุณธรรมมาตั้งแต่ยังเล็ก ยังไม่ทันจะได้ออกเรือนนำเกียรติมาให้วงศ์ตระกูลกลับจับไข้สิ้นลมกลางสายฝนยามสารทฤดู และมาเกิดใหม่ในปี 1980 นางไม่คิดเลยว่าวิถีกุลสตรีในชาติที่แล้วของตนจะกลายเป็นคุณสมบัติอันยอดเยี่ยมในยุคนี้ เนื่องจากเจ้าของร่างเดิม ซูตานหง ผู้กระทำอัตวินิบาตกรรมด้วยการกินยาฆ่าแมลงตายคนนี้ นอกจากนามสกุลเดียวกันแล้วก็ไม่มีอะไรดีเหมือนนางเลยสักด้าน ถึงอย่างนั้นคุณหนูซูก็ไม่สนใจ นางคิดเพียงว่าจะใช้ทักษะที่มีอยู่มาสร้างเงินทอง ปลูกต้นไม้ดอกไม้มีค่า เย็บปักถักร้อยวาดภาพภูเขาสายน้ำอันงดงาม ใช้ชีวิตในชาตินี้ให้เรียบง่ายสุขสบายตามอัตภาพเท่านั้นและนี่ก็คือเรื่องราวของคุณหนูสูงศักดิ์จากยุคโบราณผู้มาเกิดใหม่ในร่างหญิงสาวยุค 80 เพื่อทำสวนทำไร่และให้กำเนิดบุตร นางจะเอาชีวิตรอดในยุคที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่อย่างไรบ้าง เอาใจช่วยคุณหนูซูไปพร้อมๆ กันได้ในเรื่องนี้เลย

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท