ตอนที่ 286 ผลของการปากพล่อย
“1 เหมา?” ฉีฉีทำตาโตใส่ “พี่ชายของผมขายไอศครีมครีมแค่แท่งเดียวก็ได้เงิน 1 เหมา!”
“กว่าจะสามารถหาเงินได้ 1 เหมา พี่ชายของลูกก็ต้องมีต้นทุนเหมือนกัน เขาต้องขายไอศครีม 10 แท่ง ถึงจะได้เงิน 1 เหมา ลูกคิดว่าการหาเงินเป็นเรื่องง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ?” ซูตานหงกล่าว
“เขาบอกเมื่อวานนี้ว่าเขาหาเงินได้ 18 หยวน!” ฉีฉีพูด
“นั่นเป็นเงินที่เขาขายมานานเท่าไหร่แล้ว?” ซูตานหงพูด “แม่จะคำนวณให้นะ ตอนนี้ลูกเก็บไข่ทุกวัน แม่จะให้เงินลูก 1 เหมา ใน 1 เดือนมี 30 วัน ได้รับเงินวันละ 1 เหมา 1 เดือนลูกจะได้เงิน 3 หยวน แค่ 6 เดือน ลูกก็มีเงินเก็บ 18 หยวนแล้ว!”
ฉีฉียังคำนวณไม่ได้ จึงได้แต่มองดูเธอ “แม่ไม่ได้โกหกผมใช่ไหมครับ?”
“แม่เคยโกหกลูกเมื่อไหร่ล่ะ” ซูตานหงพูด
“แม่อย่าลืมว่าครั้งที่แล้วแม่หลอกผม แม่บอกว่าจะให้พ่อพาผมไปเล่นน้ำที่อ่างเก็บน้ำ แม่ยังไม่ได้บอกเลย!” ฉีฉีพึมพำ
นี่มันเรื่องเมื่อสามวันก่อนแล้ว คิดไม่ถึงว่าเจ้าเด็กนี่จะยังจําได้
“แม่คุยกับพ่อส่วนตัวแล้ว แต่พ่อของลูกไม่อนุญาต แม่จะทำยังไงล่ะ? ดูพี่ชายของลูกสิ ตอนนี้เขาก็ไม่ได้ไปไม่ใช่เหรอ?” ซูตานหงพูด
ฉีฉีถึงกับจำนนต่อคำพูด
“จะเก็บไข่ไหม?” ซูตานหงถามอีกครั้ง
“แต่เงิน 1 เหมามันน้อยเกินไป!” ฉีฉีขมวดคิ้ว
“ทำไมถึงน้อยไปล่ะ ลูกดูพวกต้าโหวสิ ในมือของพวกเขา ลูกเคยเห็นพวกเขามีเงินอยู่ในกระเป๋าไหม? ตอนที่มาเก็บสตรอว์เบอร์รี่พวกเขาถึงจะมีเงินค่าขนมในกระเป๋านิดหน่อย บางครั้งพวกเขายังไม่มีเงินแม้แต่เหมาเดียว”
นี่คือความจริง เพื่อนตัวน้อยของเขากระเป๋าเกลี้ยงยิ่งกว่าอะไร ในบางครั้งการซื้อไอศครีมก็เหมือนกับได้ฉลองวันปีใหม่ แต่เขาไม่ค่อยชอบไอศครีมแบบแท่งหวานเย็นมากนัก เขาชอบไอศครีมนมมากกว่า แบบนั้นอร่อยที่สุด!
“งั้นก็ได้ แม่เอาเงิน 1 เหมามาให้ผมก่อน” ฉีฉีพูด
“ไม่สมเหตุสมผลเลยที่ต้องจ่ายเงินก่อนทำงาน ลูกไปเก็บไข่ก่อนแล้วค่อยกลับมาเอา แม่จะไปถามคุณย่าของลูก ถ้าขี้เกียจและไม่มีความน่าเชื่อถือก็อย่าหวังว่าต่อไปแม่จะเชื่อลูกเลย” ซูตานหงกล่าว
“เข้าใจแล้วครับ!” ฉีฉีเบ้ปากแล้ววิ่งขึ้นไปบนภูเขาด้วยตัวเอง
“ในที่สุดก็ไล่เจ้าเด็กนี่ออกไปได้เสียที” ซูตานหงถอนหายใจด้วยความโล่งอก จี้เจี้ยนอวิ๋นเอาแต่หัวเราะตั้งแต่ต้นจนจบโดยไม่เคยพูดแทรก
“คุณเองก็รีบไปเถอะค่ะ เห็นพวกคุณพ่อลูกแล้วฉันปวดหัว” ซูตานหงเอ่ยอย่างอารมณ์ไม่ดี
เมื่อคืนสามีคนนี้ทรมานเธออยู่ 2 รอบ ช่วงนี้ชักจะบ่อยเกินไปแล้ว เอวของเธอแทบรับไม่ไหว ยังปวดระบมอยู่เลย
จี้เจี้ยนอวิ๋นยิ้ม เขามีธุระต้องทำ ดังนั้นจึงจากไป
ซูตานหงปิดประตูและพาลูกชายตัวน้อยที่เพิ่งกินอิ่มเข้านอน
เมื่อตื่นมาก็เกือบ 9 โมงแล้ว ซูตานหงพาเสียงเสียงออกไปเดินเล่นและแวะที่บ้านคุณป้าหยาง
“ช่วงนี้ร้อนเกินไปแล้ว เสียงเสียงมีผดผื่นบ้างหรือเปล่าจ๊ะ?” คุณป้าหยางพูด
“ไม่มีค่ะ” ซูตานหงพูด
ไม่ว่าจะเป็นเสียงเสียงที่อยู่ตรงหน้า หรือเหรินเหรินกับฉีฉี ต่างก็ไม่เคยมีอาการผดผื่นแสบร้อนเลย อีกทั้งผิวพรรณของพวกเขาก็ดูดีมาก
คุณป้าหยางได้ยินดังนั้นจึงพยักหน้ายิ้มพลางมองเสียงเสียงที่อยู่ในรถเข็นแล้วกล่าว “ตอนท้องได้กินแต่ของดี ๆ คลอดลูกออกมาเลยไม่เหมือนกัน เธอดูลูกสาวของซูเจวียนสิ เช้านี้พากันไปที่คลินิกแล้ว”
“เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ?” ซูตานหงพูด
“ไม่ใช่ว่ามีผดผื่นหรอกเหรอ? ขึ้นมาเต็มหัวเลย” ป้าหยางกล่าว
“ฉันคิดว่าตอนที่หล่อนท้องก็ได้กินอาหารดีมากเลยนะคะ” ซูตานหงพูด “ไม่ต้องทำงานด้วย”
“ก็จริงอยู่ที่ได้กินดี แต่ตานหงคงไม่รู้ ป้าได้ยินมาว่าช่วงตั้งท้องหล่อนซื้อปลาหมึกแห้งจากทางใต้มากินเยอะแยะ สภาพมันไม่ค่อยสดนัก แถมบางตัวก็เน่าเสีย แต่ติดที่ว่าราคาถูก ได้ยินว่าหล่อนซื้อมาไม่น้อยและกินจนหมดด้วย” ป้าหยางบอก
“มันเน่าเสียแล้วทําไมยังกินอีกล่ะคะ?” ซูตานหงได้ยินดังนั้นก็เอ่ยขึ้น
“ก็ไม่ได้เสียมากหรอก แต่เพราะหล่อนท้องอยู่จึงไม่ควรกิน ตอนนี้ลูกสาวของหล่อนเลยเป็นผดผื่น” ป้าหยางกล่าว
เห็นได้ชัดว่าสภาพผิวไม่ค่อยดี
“ไม่ใช่เรื่องใหญ่หรอกค่ะ แค่ทาแป้งบาง ๆ ก็พอแล้ว ในหมู่บ้านไม่ใช่มีแค่ลูกสาวของหล่อนที่เป็นนี่คะ” ซูตานหงพูดขึ้น
“ได้ยินมาว่ามันแพร่เชื้อได้ ป้าเห็นหล่อนมาที่นี่บ่อย ๆ เธอต้องระวังเสียงเสียงไว้ด้วย ถ้าหล่อนอยากให้เธอช่วยให้นมลูกสาว เธอก็ปฏิเสธได้เลย” เห็นได้ชัดว่าคุณป้าหยางพูดอย่างมีอคติ
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ลูกสาวของหล่อนโตแล้ว ไม่จำเป็นต้องกินนมของฉันหรอก” ซูตานหงพูด
เป็นเรื่องปกติที่ผู้หญิงบางคนในหมู่บ้านจะให้ลูกคนอื่นกินนม ทว่าซูตานหงไม่เคยให้นมกับใครนอกจากลูกของตัวเอง
“ไม่ใช่แค่หล่อนเท่านั้น คนอื่น ๆ ในหมู่บ้านก็เหมือนกัน เธอไม่รู้เหรอพวกหล่อนพูดกันว่าน้ำนมของเธอเป็นของดี?” คุณป้าหยางพูด
“ใครยังพูดเรื่องนี้อีกคะ?” ซูตานหงขมวดคิ้ว
“แค่ไม่กี่บ้านหรอก” แน่นอนว่าคุณป้าหยางไม่ปิดบัง จึงบอกชื่อทันที “นี่เป็นเพราะว่าเห็นเหรินเหรินกับฉีฉีและเสียงเสียงต่างก็ผิวพรรณดูดี เลยอิจฉาน่ะสิ”
ซูตานหงพูด “ไม่ต้องสนใจพวกหล่อนหรอกค่ะ”
แต่อย่าให้บอกเลยว่า มีผู้หญิงในหมู่บ้านมาขอยืมน้ำนมของเธอจริง ๆ
การยืมน้ำนมเป็นเพียงคำพูดปากเปล่า ยืมไปแล้วจะเอาคืนได้อย่างไร?
มีบางคนที่ซูตานหงปฏิเสธแล้วกลับไป แต่บางคนก็หยิกลูกของตัวเองจนเด็กร้องไห้อย่างหนัก ทว่าซูตานหงก็ไม่ใจอ่อน เพียงแค่ชงนมผงให้หนึ่งแก้วและป้อนให้เท่านั้น
สำหรับน้ำนมของเธอแล้ว เธอไม่สามารถรีดออกมาได้ ยกเว้นเพื่อลูกของตัวเอง
การกระทําของเธอทําให้ผู้หญิงบางคนในหมู่บ้านแอบนินทาว่าเธอตระหนี่และโหดร้าย ขนาดเด็กร้องไห้ขนาดนั้น ยังไม่ให้กินนมสักคำ
ซูตานหงแสดงใบหน้ายิ้มแย้มออกมา แต่ลอบจดบัญชีแค้นไว้ในใจ
ตอนนี้มีคนทยอยขนมันเทศขึ้นไปบนภูเขาแล้ว เมื่อส่งแล้ว ก็ได้ราคาพอ ๆ กับคนหมู่บ้านอื่น คนที่ไม่ได้รับสวัสดิการของคนในหมู่บ้านมีเพียงไม่กี่ครอบครัวเท่านั้น ส่วนรายอื่น ๆ ยังได้ราคาสูง
คนเหล่านี้ไม่พอใจจึงถามหาสาเหตุ ซูตานหงที่อยู่ที่นั่นกับเสียงเสียงจึงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ไม่มีเหตุผลอะไรหรอกค่ะ ถ้าพวกคุณไม่ยินดีขายกันก็ขนกลับไปเถอะค่ะ”
สุดท้ายจึงซื้อตามราคาของคนนอกหมู่บ้าน
แต่พวกเขาเหล่านั้นก็ยังไม่เข้าใจ ว่าทำไมจู่ ๆ ตนถึงมีเรื่องกับภรรยาของจี้เจี้ยนอวิ๋นได้?
มีบางคนที่รู้ความจริงก็ได้กระซิบกระซาบมาว่าให้พวกเขาลองกลับไปถามภรรยาดู
แน่นอนว่าเมื่อพวกเขากลับไปถามถึงได้รู้สิ่งที่เกิดขึ้น เป็นเพราะความปากพล่อยของพวกหล่อนนั่นเอง!
เมื่อจี้เจี้ยนอวิ๋นรู้เรื่องนี้เข้า 2 วันหลังจากนั้นสีหน้าของเขาก็แทบดูไม่ได้ และหาเรื่องบังเอิญมาทุบตีสามีของพวกหล่อน
ตอนนี้จี้เจี้ยนอวิ๋นอยู่ในหมู่บ้าน จะต่อยใครก็ไม่จำเป็นต้องกังวล ในเมื่อเขาลงมือกับผู้หญิงไม่ได้ ดังนั้นจึงจัดการกับสามีของพวกหล่อนโดยไม่ออมมือแม้แต่น้อย
จี้เจี้ยนอวิ๋นนั้นหมัดหนักจริง ๆ แค่ชกเข้าไปสักทีก็จมูกช้ำหน้าบวมปูดแล้ว
เมื่อถูกทุบตีกลับไป พวกเขาก็ย่อมจัดการภรรยาปากพล่อยของตัวเองให้เรียบร้อย หลังจากนั้นเมื่อบรรดาภรรยากลุ่มนี้เห็นซูตานหง พวกหล่อนก็ไม่กล้าสู้หน้าเธออีก
ซูตานหงนั้นพอใจมาก จึงทำอาหารมื้อใหญ่ให้จี้เจี้ยนอวิ๋น
ส่วนผลลัพธ์ของบรรดาภรรยากลุ่มนั้นกลับไม่ธรรมดา ต้องตกอยู่ในสถานการณ์น่าอับอายในหมู่บ้าน เนื่องจากผู้หญิงคนอื่นในหมู่บ้านต่างปฏิเสธพวกหล่อน แม้แต่จะมาขอยืมอะไรก็ไม่ให้ยืม
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ตานหงอัพเกรดระบบเป็นเวอร์ชันโหดเหรอคะ น่ากลัวใช่ย่อยเลย น่าจะเปลี่ยนเป็นร่างนี้ตอนจัดการกับยัยสองอวิ๋นตั้งนานแล้ว
ไหหม่า(海馬)