หลิงหลานจ้องเสี่ยวซื่ออย่างไม่สบอารมณ์ “นายยังมีเวลาเอ้อระเหยห่วงใยคนอื่นอีกเหรอ? แก้ไขความลับของหมัดหนึ่งนิ้วออกมาได้หรือยัง?”
เสี่ยวซื่อได้ยินคำพูดก็พองแก้มซาลาเปาของตัวเองด้วยความโมโห คำขอข้อนี้ของลูกพี่มันเกินไป ความลับของหมัดหนึ่งนิ้วแก้ง่ายที่ไหนกัน? ไม่เห็นลูกน้องเป็นลูกน้องมากเกินไปแล้ว เห็นได้ชัดว่าเป็นการใช้แรงงานเด็กอย่างทารุณ…
เหอะ เขาอยากไปร้องเรียน…เอ่อ หาคนช่วย!
แววตาหรี่ลงของเสี่ยวซื่อแสดงออกถึงการไม่ได้รับความเป็นธรรมสุดขีด เขาปรายตามองดูหลิงหลานที่กลับไปสนใจโลกภายนอกแล้ว ก่อนจะค่อยๆ หายตัวไปจากมิติแห่งจิตอย่างไร้ร่องรอย
………….
ลั่วเฉาเอาชัยชนะกลับมาทำให้พวกลั่วล่างมีใจจะไปสนใจผลการต่อสู้ของหลัวเส่าอวิ๋นกับหลี่จิงหง หลัวเส่าอวิ๋นเลื่อนมาที่ 100 อันดับแรกได้สำเร็จตามที่คาดไว้ ส่วนหลี่จิงหงกลับโค่นล้มล้มเหลว นักเรียนห้องพิเศษไม่ใช่พวกกินพืช อยากจะตอบโต้กลับก็ยากเหมือนกับปีนขึ้นไปบนฟ้าจริงๆ
เมื่อลั่วล่างรู้ว่าใครคือคู่ต่อสู้ของหลี่จิงหงแล้ว ใบหน้าเขาก็เต็มไปด้วยความคิดที่ว่าทำไมถึงได้โชคร้ายขนาดนี้นะ ที่แท้คู่ต่อสู้ของหลี่จิงหงคืออู่จย่ง คนที่ได้อันดับสองของห้องสเปเชียลเอ ต่อให้เป็นลั่วล่างก็ไม่มั่นใจว่าจะเอาชนะหมอนั่นได้แน่นอน แพ้ชนะอยู่ที่ห้าสิบห้าสิบ บางทีลั่วล่างอาจจะยังด้อยกว่านิดหน่อย
ผ่านไปไม่นาน ฉีหลงก็วิ่งกลับมาด้วยความตื่นเต้นยินดี คู่ต่อสู้ของเขาคือคนจากห้องดีเด่นจึงไม่ได้สร้างความกดดันให้เขามาก เขาเลยล้มคู่ต่อสู้ได้ภายในสิบกระบวนท่าและเอาชัยชนะกลับมา
ส่วนหยวนโหยวอวิ๋นยังคงต่อสู้อยู่ คาดว่าไม่น่าจะจบเร็วขนาดนั้น จากนั้นไม่นาน การแข่งรอบที่สี่ก็เริ่มต้นขึ้น หานจี้จวินกับเหอเฉาหยางก็ขึ้นไปบนสนาม ต่อจากนั้นก็เป็นลั่วล่างที่ประลองรอบที่ห้ากับหลิงหลานที่ประลองรอบที่หก พวกหลิงหลานสิบคนก็ผลัดกันขึ้นไปแบบนี้จนสิ้นสุดการประลองในช่วงเช้าของพวกเขา
หลี่จิงหงกับเหอเฉาหยางจากห้องดีเด่นสิ้นสุดการก้าวเดินพร้อมกัน ส่วนอีกแปดคนที่เหลือก็เข้าไปในโควตาหนึ่งร้อยอันดับแรกได้อย่างราบรื่น รับประกันตำแหน่งห้องพิเศษของพวกเขาแล้ว เห็นได้ว่าเดิมทีตำแหน่งของเด็กห้องพิเศษก็มั่นคงมาก ถ้าหากเด็กห้องดีเด่นอยากจะโค่นล้มให้สำเร็จ เส้นทางก็ยังอีกยาวไกลมากๆ
หลิงหลานเป็นหนึ่งในคนที่เลื่อนอันดับมาได้สบายมากที่สุดจากในหมู่พวกนักเรียนที่เลื่อนขึ้นมาเป็นหนึ่งร้อยอันดับแรก เธอใช้แค่กระบวนท่าเดียวก็ล้มเด็กห้องดีเด่นได้ แน่นอนว่าวิธีการนี้เกือบจะทำลายความมั่นใจของคนนั้นจนหมดสิ้น โชคดีอาจารย์ที่รับหน้าที่ตัดสินรีบปลอบใจและให้คำแนะนำอย่างปราดเปรื่อง ถึงได้กอบกู้อนาคตของเด็กคนนี้กลับมาได้ ด้วยเหตุนี้เอง หลิงหลานเลยได้รับสายตาไม่พอใจจากอาจารย์คนนั้นมาไม่น้อย สายตานั้นบอกอย่างชัดเจนว่าให้เธอโจมตีสักหลายๆ ท่าก่อนแล้วค่อยลงมือก็ไม่สาย ทำไมต้องโหดร้ายขนาดนี้ด้วย…
สายตาคมกริบของอาจารย์ทำให้หลิงหลานได้แต่ถูจมูกและเดินจากไปอย่างหดหู่ อันที่จริงนี่จะโทษเธอก็ไม่ได้ พอฝ่ายตรงข้ามลงมือ เธอก็มองเห็นจุดอ่อนของอีกฝ่ายแล้ว รัศมีแสงที่แผ่ออกมาจากจุดอ่อนนี้มันเจิดจ้ามากเกินไปจริงๆ เธอยังไม่ทันมีปฏิกิริยาตอบสนองก็ต่อยออกไปแล้ว พอเธอรู้สึกตัว ฝ่ายตรงข้ามก็ถูกเธอซัดจนออกไปจากสนามประลอง ต่อให้เธออยากจะแสดงสักหลายกระบวนท่าก็ไม่มีโอกาสแล้ว
นอกจากตัวประหลาดอย่างหลิงหลานแล้ว ผลการแข่งที่ดีรองลงมาคือคนที่ล้มคู่ต่อสู้ภายในสิบกระบวนท่า ซึ่งจำนวนคนมีไม่น้อยจริงๆ เด็กที่อยู่ห้าอันดับแรกของห้องสเปเชียลเอต่างก็ทำได้ รวมไปถึงฉีหลงกับลั่วล่างสองคนด้วย
การประลองในช่วงเช้าก็เสร็จสิ้นทั้งหมดเช่นนี้เอง หลี่จิงหงกับเหอเฉาหยางจัดการกับอารมณ์ของตัวเองและแสดงความยินดีกับพวกเพื่อนๆ ที่เลื่อนอันดับสำเร็จด้วยความดีใจ พวกเขามาถึงโรงอาหารของสถาบันด้วยกันก่อนจะเตรียมตัวทานอาหารมื้อใหญ่ดีๆ สักมื้อเพื่อเป็นรางวัลให้กับตัวเอง
เวลานี้หลิงหลานก็ใจดีมากเช่นกัน เธอตกลงหยิบห้าพันเครดิตออกมา และให้พวกเขาสั่งอาหารหรูหราที่อยากทานมานานมากแล้วเพื่อเป็นการเฉลิมฉลอง จากนั้นก็ทานด้วยความแฮปปี้มากๆ หลังจากที่พวกเขาอิ่มหนำสำราญก็ได้พักผ่อนสะสมกำลังเพื่อเผชิญหน้ากับการประลองในรอบบ่ายอีกครั้ง นี่เป็นการต่อสู้จากอันดับ 100 เข้าไปในอันดับที่ 50 ความจริงมันก็คือศึกตัดสินแย่งชิงที่นั่งห้องเอ
เนื่องจากจำนวนคนลดลงไปครึ่งหนึ่ง การต่อสู้ช่วงบ่ายจึงมีแค่สามรอบเท่านั้น คราวนี้หลิงหลานไม่ได้เข้าแข่งเป็นคนสุดท้ายอีกต่อไป หากแต่เป็นคนแรกที่ออกไปประลอง
คู่ต่อสู้ของหลิงหลานคือนักเรียนที่เดิมทีมาจากห้องสเปเชียลบี ย่อมไม่มีทางเกิดเหตุการณ์ที่นักเรียนห้องเอต่อสู้กันเองในการเลื่อนอันดับจาก 100 ไปสู่ 50 อันดับแรกแน่นอน ทางสถาบันไม่ได้ไร้สมองถึงขั้นให้เด็กที่ยอดเยี่ยมมาต่อสู้กันล่วงหน้าจนสูญเสียโอกาสเลื่อนอันดับไป ดังนั้น ถ้าหากเด็กห้องบีอยากจะโค่นล้มเพื่อเข้าไปในห้องเอ พวกเขาต้องเอาชนะเด็กห้องเอให้ได้เพื่อพิสูจน์ความแข็งแกร่งของตน
เมื่อหลิงหลานขึ้นไปบนสนามประลองก็สังเกตเห็นสายตาตักเตือนที่คมกริบอย่างยิ่ง หลิงหลานเหลือบมองไป ในใจก็รู้สึกว่างเปล่าอยู่บ้าง หน้าผากของเธอเริ่มหลั่งเหงื่อเย็นๆ ออกมา ‘ให้ตายสิ ทำไมโชคร้ายขนาดนี้เนี่ย?’
ที่แท้คนที่รับหน้าที่เป็นกรรมการของสนามประลองนี้บังเอิญเป็นอาจารย์ที่ตัดสินการต่อสู้ของเธอในตอนเช้า เมื่อเขาเห็นหลิงหลานขึ้นมาบนลานประลอง สายตาที่หรี่ลงของอาจารย์เต็มไปด้วยการเตือน บอกให้หลิงหลานบันยะบันยังในครั้งนี้ อย่ารีบร้อนลงมือ ไม่ว่ายังไงก็ต้องเหลือความมั่นใจให้เพื่อนร่วมชั้นปีบ้าง
หลิงหลานลอบปาดเหงื่อเย็นๆ บนหน้าผาก เตือนตัวเองว่าไม่สามารถทำผิดพลาดเหมือนรอบที่แล้วได้อีก ด้วยเหตุนี้เองเธอจึงเอาสองมือของตัวเองไขว้ไปที่ข้างหลัง และกุมมือสองข้างไว้แน่นๆ ให้มันควบคุมกันเอง แบบนี้ต่อให้ปฏิกิริยาตอบโต้ของเธอแข็งแกร่งอีกสักแค่ไหนก็ลงมือไม่ได้
ถึงแม้ว่าการกระทำของหลิงหลานจะเป็นเจตนาดี แต่สำหรับฝ่ายตรงข้ามแล้ว ท่วงท่าที่หลิงหลานเอามือไพล่หลังนั้นดูหยิ่งยโสเกินไปแล้วจริงๆ เห็ดได้ชัดว่ากำลังดูถูกเขาอยู่ เขารู้สึกได้ว่าตัวเองถูกลบหลู่เกียรติ ดวงหน้าน้อยๆ ที่ดูอ่อนเยาว์ก็แดงก่ำขึ้นมาจากความโกรธทันที
เมื่อได้ยินกรรมการส่งเสียงคำว่าเริ่มได้ เขาก็พุ่งเข้ามาโดยที่ไม่ได้ลองหยั่งเชิงอะไรเลย สิ่งที่เข้ามาก็คือลูกเตะข้างลมกรดอันทรงพลัง พละกำลังนั้นเรียกได้ว่าใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดของร่างกายแน่นอน มองเห็นได้ว่าอีกฝ่ายโมโหถึงขั้นไหน เกรงว่าแม้กระทั่งสติก็ใกล้จะไม่มีแล้ว ไม่อย่างนั้นก็ไม่มีทางพุ่งเข้าใส่หลิงหลานและโจมตีเธอโดยที่ไม่สนใจใยดีอะไรเช่นนี้
แม้ว่าหลิงหลานจะเตรียมการไว้มากมายก่อนที่จะต่อสู้ แต่น่าเสียดายที่ทุกอย่างไม่มีประโยชน์เลย พอหลิงหลานเห็นฝ่ายตรงข้ามเตะเข้ามาอย่างรุนแรง จากนั้นการเคลื่อนไหวของเขาก็เข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ ช่องโหว่ที่ถึงตายแน่นอนปรากฏขึ้นตรงหน้าหลิงหลาน
โดยปกติแล้ว กระบวนท่าที่ใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดต่างก็เปิดเผยช่องโหว่แบบนี้ออกมา แต่ความแตกต่างอยู่ตรงที่ปัญหาเรื่องช่องโหว่ใหญ่หรือเล็ก
ปฏิกิริยาตอบสนองของหลิงหลานย่อมอยู่ในระดับสุดยอด เมื่อเธอเห็นช่องโหว่นี้ ยังไม่ทันได้มีเวลาครุ่นคิด ปฏิกิริยาตอบโต้ก็คือโจมตีออกไป…
ไม่ใช่ว่าหลิงหลานกุมสองมือของตัวเองอยู่เหรอ? ทำไมยังโจมตีได้อีกล่ะ?
มือของหลิงหลานจับไว้แน่นมากจริงๆ ไม่สามารถทำการโจมตีได้เลย แต่ว่าใครใช้ให้สิ่งที่คู่ต่อสู้โจมตีออกมาคือลูกเตะล่ะ ดังนั้นเธอก็เลยตอบโต้กลับส่งเท้าเตะออกไปตรงๆ
เมื่อเธอเตะใส่ร่างคนอย่างหนักหน่วง เธอก็รู้ว่าท่าไม่ดีแล้ว น่าเสียดายที่เวลานั้นเธอไม่สามารถเก็บแรงได้ เรื่องดีเพียงอย่างเดยวก็คือเธอไม่ได้ใช้วิชาคลื่นซ้อนที่เรียนรู้มาจากในมิติการเรียนรู้ ขนาดพลังกายก็ถูกเธอควบคุมไว้ให้ใช้ออกไปแค่ครึ่งเดียว
ทว่าต่อให้เป็นแบบนี้ ฝ่ายตรงข้ามยังคงถูกเธอเตะร่วงจากสนามประลองไป ลูกเตะที่ประณีตหมดจดนี้ทำให้บรรดาเพื่อนร่วมชั้นที่ชมการต่อสู้ต่างอุทานด้วยความตกใจ และก็ทำให้นักเรียนชั้นสูงบางคนที่มองเห็นฉากนี้โดยไม่ได้ตั้งใจถึงกับทำหน้าจริงจังมาก และยิ่งกระตุ้นสายตาแผดร้อนของอาจารย์กรรมการตัดสินที่มีโทสะพุ่งขึ้นสูง ให้ตายเถอะ ไม่ใช่ให้เธอยั้งมือหน่อยเหรอ? ทำไมเธอยังทำซ้ำแล้วซ้ำอีก ทำซ้ำอยู่นั่น…
การประณามและความขุ่นเคืองในแววตาของอาจารย์ทำให้หลิงหลานแบกรับไม่ไหวแล้ว เธอหนีหัวซุกหัวซุนกระโดดลงจากสนามประลองและวิ่งหนีไป
กระบวนท่าเดียวล้มคู่ต่อสู้ที่กล้าหาญเฉียบขาดของหลิงหลานกระตุ้นความสนใจของนักเรียนชั้นปีหนึ่งทั้งหมด ต้องทราบว่าคู่ต่อสู้ของหลิงหลานในตอนนี้ก็คือ นักเรียนห้องสเปเชียลบี ถึงแม้ว่านักเรียนห้องเอจะแข็งแกร่งกว่านักเรียนห้องบีหนึ่งขั้น แต่ก็ไม่ได้สูงถึงขั้นทีสามารถเอาชนะได้ในกระบวนท่าเดียว การกระทำอันยอดเยี่ยมของหลิงหลานทำให้ทุกคนคาดเดากันลับๆ ว่าหลิงหลานอาจจะเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่เด็กชั้นปีหนึ่ง ส่วนตำแหน่งอันดับหนึ่งอะไรนั่นก็เป็นแค่เมฆเลื่อนลอย
การประลองอีกหลายรอบในเวลาต่อมาก็ได้พิสูจน์เรื่องนี้ หลี่อิงเจี๋ยอันดับหนึ่งของห้องเอได้ล้มคู่ต่อสู้ในกระบวนท่าที ยี่สิบแปดขณะที่ปะทะกับนักเรียนห้องบี เมื่อเปรียบเทียบกับผลการต่อสู้ในหลายปีทีผ่านมา ผลการต่อสู้นี้ก็นับว่าโดดเด่นเช่นกัน แต่น่าเสียดายที่พอเปรียบเทียบกับปีศาจอัจฉริยะอย่างหลิงหลานแล้ว ความสามารถที่หลี่อิงเจี๋ยแสดงออกมาก็ธรรมดาอย่างยิ่งยวด นี่ทำให้หลี่อิงเจี๋ยรู้สึกแค้นเคืองไม่หาย เขามีเหตุผลที่เกลียดชังหลิงหลานเพิ่มมากขึ้น นั่นก็คือ ไอ้คนโอ้อวดที่แย่งชิงจุดสนใจของเขาไปนั้น มันน่าชิงชังมากเกินไปแล้วจริงๆ…
ผลงานของฉีหลงก็ไม่เลวเช่นกัน เขาเอาชนะคู่ต่อสู้ในกระบวนท่าที่สามสิบ ลั่วล่างด้อยกว่าเล็กน้อย แต่ก็ล้มคู่ต่อสู่ในห้าสิบกระบวนท่า ผลการต่อสู้นี้ก็นับว่าเป็นคนที่เก่งกาจยอดเยี่ยมในห้องเอแล้ว
ส่วนหานจี้จวินก็ตกอยู่ในศึกยืดเยื้อ ช่วยไม่ได้ สมองของหานจี้จวินฉลาดล้ำเลิศ แต่ว่าความสามารถในการต่อสู้อ่อนด้อยกว่าเล็กน้อย บวกกับไม่มีทักษะโจมตีทีเดียวจอด เขาเลยได้แต่ใช้การต่อสู้ยืดเยื้อเพื่อลดทอนเรี่ยวแรงของฝ่ายตรงข้าม สุดท้ายเมื่อต่อสู้ไปได้เกือบสามร้อยกระบวนท่า หานจี้จวินที่เฉลียวฉลาดก็หาโอกาสล้มคู่ต่อสู้ที่แทบจะหาไม่เจอพบ และเลื่อนสู่ห้าสิบอันดับแรกได้สำเร็จ
ส่วนหานซู่หย่า ลั่วเฉา หลัวเส่าอวิ๋นและหยวนโหยวอวิ๋นสี่คนที่เดิมทีอยู่ห้องบีก็ยังคงหยุดอยู่ตรงนี้ ไม่สามารถเข้าสู่ห้าสิบอันดับผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดได้ พวกเขายังคงเรียนอยู่ในห้องบีในครึ่งปีหน้า นี่ก็พิสูจน์อีกครั้งแล้วว่า อยากจะก้าวหน้าขึ้นไปอีกขั้นไม่ใช่เรื่องที่ง่ายดายขนาดนั้นแน่นอน
เมื่อการต่อสู้วันนี้สิ้นสุดลง รายชื่อผู้แข็งแกร่งห้าสิบอันดับแรกก็ประกาศออกมาสดๆ ร้อนๆ อย่างเป็นทางการ รายชื่อสี่สิบเก้าคนในนั้นไม่มีการเปลี่ยนแปลง ยังคงเป็นสมาชิกแต่เดิมของห้องเอ มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่เกิดการเปลี่ยนแปลง นักเรียนรองบ๊วยของห้องเอแต่เดิมนั้นถูกนักเรียนอันดับสองของห้องบีเอาชนะไปได้ และแทนที่โควตาของเขาได้สำเร็จ สามารถเลื่อนมาเป็นอันดับห้าสิบคนแรกได้อย่างราบรื่น กลายเป็นเด็กเพียงคนเดียวที่โค่นล้มได้สำเร็จ
ผลสรุปนี้ทำให้อันดับหนึ่งของห้องบีร้องไห้โอดครวญ ความจริงแล้วเขาแข็งแกร่งกว่าอันดับสองนิดหน่อยด้วยซ้ำ แต่ว่าเขากลับพ่ายแพ้ให้กับหลินจงชิงซึ่งอยู่อันดับโหล่ของห้องเอ เขาโชคไม่ดีจริงๆ ความสามารถของหลินจงชิงแข็งแกร่งกว่าคนที่ได้รองบ๊วยมาก ทำให้เขาไม่มีโอกาสเลยสักนิดเดียว สุดท้าย เขาเลยได้แต่มองเพื่อนร่วมห้องที่สู้ตัวเองไม่ได้เลื่อนอันดับไปอย่างราบรื่น ส่วนเขากลับต้องรอคอยไปอีกครึ่งปี
ความจริงพอถึงวันนี้ก็ยืนยันระดับได้แล้ว ส่วนอีกหลายวันข้างหน้านั้นก็เป็นศึกจัดอันดับภายในห้องอย่างแท้จริง โดยเฉพาะศึกจัดอันดับของผู้แข็งแกร่งห้าสิบคนแรกที่ได้รับความสนใจจากผู้คนมากมาย
วันที่ห้า ศึกจัดอันดับภายในห้องก็เริ่มต้นอย่างเป็นทางการ ตารางการต่อสู้ถูกประกาศในวันนั้น มันยังคงดูจากผลการสอบ นั่นก็คืออันดับหนึ่งแข่งกับอันดับโหล่ อันดับที่สองแข่งกับอันดับที่สี่สิบเก้า เป็นเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ
เมื่อเห็นตารางแข่งขันนี้ นักเรียนที่ได้อันดับที่สามสิบสี่ของห้องเอก็ร้องไห้โฮขึ้นมาเป็นคนแรก เนื่องจากคนที่เขาต้องต่อสู้ด้วยก็คือหลิงหลานที่เลื่อนสู่ห้าสิบอันดับแรกโดยการเอาชนะติดต่อกันได้ในกระบวนท่าเดียว เพื่อนร่วมชั้นข้างๆ ที่สนิทสนมกับเขาต่างทยอยกันตบบ่าเขาเพื่อแสดงความปลอบใจ แต่ความจริงในใจกลับลอบถอนหายใจ โชคดีที่ไม่ใช่พวกเขา
…………………………………………