วันนี้หลิงหลานเข้าไปในห้องประลองทำการฝึกฝนพื้นฐานตามปกติ อย่างไรก็ตาม ไม่นานเธอกลับถูกหลิงฉินขัดจังหวะด้วยใบหน้าเคร่งขรึม
“คุณปู่หลิงฉิน? เกิดเรื่องอะไรเหรอ?” หลิงหลานเห็นอีกฝ่ายทำสีหน้าหนักอึ้งก็หยุดการเคลื่อนไหวในมือลงอัตโนมัติ เอ่ยถามไปพลางหยิบผ้าขนหนูเช็ดเหงื่อไปพลาง
“นายท่าน เมื่อสักครู่นี้ทางกองทัพส่งข้อความแจ้งเตือนเร่งด่วนมาว่า นายพลหลิงที่เลื่อนขั้นคนใหม่ของสหพันธรัฐกำลังมาตระกูลหลิงเพื่อเยี่ยมเยือนผู้นำตระกูลเดี๋ยวนี้” สีหน้าของหลิงฉินดูสับสนงุนงงอย่างยิ่ง
ควรรู้เอาไว้ว่านายพลเป็นผู้มีอำนาจทางการทหารที่แท้จริงรองจากจอมพล นายพลทั่วทั้งสหพันธรัฐบวกกับที่เพิ่งเลื่อนขั้นมาใหม่คนนี้ก็มีแค่เก้าคนเท่านั้น พวกเขาทุกคนต่างก็เป็นผู้บัญชาการของกองพลแห่งหนึ่งหรือกระทั่งกองพลหลายแห่ง แค่กระทืบเท้าก็สามารถทำให้สหพันธรัฐแผ่นดินไหว ภูเขาสั่นสะเทือนได้ ทำไมบุคคลที่เมื่อก่อนพวกเขาต้องแหงนหน้ามองถึงมาเยี่ยมเยือนตระกูลหลิงด้วยตนเองล่ะ?
ถ้าหากผู้นำตระกูลหลิงเซียวยังอยู่ เขาคงไม่รู้สึกแปลกใจ ถึงยังไงหลิงเซียวก็เป็นหนึ่งในผู้ควบคุมหุ่นรบขั้นเทวะที่สหพันธรัฐมีอยู่เพียงสิบสองคนเท่านั้น ต่อให้เป็นจอมพลก็ไม่กล้าดูถูก ดังนั้นนายพลเหล่านี้จึงไม่กล้าดูแคลนอยู่บ้างเช่นกัน การจะเข้ามาเยี่ยมเยือนก็ไม่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้ แต่ตอนนี้ผู้นำตระกูลของตระกูลหลิงคือหลิงหลานที่เพิ่งจะอายุสิบหกปีเต็ม สำหรับโลกภายนอกเขายังเป็นเด็กหนุ่มที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสมากเกินไป เห็นได้ชัดว่าอนาคตไม่สามารถเติบโตได้สักเท่าไหร่ คนทั่วไปไม่มีทางสนใจตระกูลหลิงที่เป็นเช่นนี้หรอก…
สิ่งที่ทำให้หลิงฉินกังวลมากที่สุดคืออีกฝ่ายใช้นามสกุลหลิง นี่ทำให้หลิงฉินจำเป็นต้องระแวงขึ้นมา กังวลอยู่บ้างว่านายพลคนนั้นจะมาจากตระกูลหลิงที่ถูกพวกเขาขับไล่ออกไปจากโดฮาหรือเปล่า?
ถ้าหากเป็นแบบนี้จริงๆ ละก็ มีความเป็นไปสูงว่านี่เป็นการเตือนอย่างหนึ่งของอีกฝ่าย ไม่แน่ว่าการมาคราวนี้อาจจะต้องทำให้ตระกูลหลิงจ่ายค่าตอบแทนบางอย่างก็เป็นได้! เวลานี้ในใจของหลิงฉินอดรู้สึกหวาดหวั่นพรั่นพรึงขึ้นมาบ้างไม่ได้
หลิงหลานได้ยินคำพูดก็ขมวดคิ้วลงน้อยๆ เธอก็ข้องใจกับนามสกุลหลิงนิดหน่อยเหมือนกัน แต่ว่าเธอไม่ได้คิดซับซ้อนและกังวลขนาดหลิงฉิน เธอแค่หงุดหงิดเล็กน้อยที่ตัวเองออกห่างจากสายตาของพวกคนระดับสูงในกองทัพได้ยากมาก ตอนนี้เธอน่าจะถูกพวกเขาให้ความสนใจอีกครั้งเพราะการมาเยือนของนายพลหลิงท่านนี้ นี่ขัดต่อแผนการเดิมของเธอ
อย่างไรก็ตาม หลิงหลานรู้เช่นกันว่า ในเมื่อกองทัพแจ้งเข้ามาแล้วก็ไม่สามารถปฏิเสธพวกเขาได้ เธอได้แต่รับมือไปตามสถานการณ์เท่านั้น
“คุณปู่ฉิน เตรียมพร้อมให้เรียบร้อยก่อนหลังจากนั้นค่อยว่ากัน!” ในมือหลิงหลานยังมีกระบี่อาญาสิทธิ์อยู่ นั่นก็คือเธอเป็นลูกกำพร้าของผู้ควบคุมหุ่นรบขั้นเทวะหลิงเซียว ต่อให้นายพลหลิงท่านนี้จะมีเจตนาร้ายต่อตระกูลหลิง เขาก็ไม่กล้าใช้กำลังโจ่งแจ้งหรอก
“ครับ นายท่าน!” หลิงฉินรับคำสั่งแล้วจากไป
หลิงหลานถึงค่อยกลับไปที่ห้องนอนแล้วเปลี่ยนเป็นชุดเครื่องแบบพิธีการต้อนรับแขก ในเมื่ออีกฝ่ายเป็นนายพล เธอก็จะเสียมารยาทไม่ได้
ส่วนหลานลั่วเฟิ่ง หลิงฉินกับหลิงหลานไม่ได้ไปแจ้งเธอ การที่หลิงฉินไม่ไปเป็นเพราะหลิงหลานคือผู้นำตระกูลของตระกูลหลิงแล้ว เรื่องราวทุกอย่างควรเป็นไปตามความต้องการของหลิงหลาน นอกเสียจากหลิงหลานไม่อยู่ถึงจะพิจารณาว่าจะแจ้งหลานลั่วเฟิ่ง และหลิงหลานก็ไม่อยากให้เรื่องนี้รบกวนหลานลั่วเฟิ่ง นับตั้งแต่ที่มิติมรดกของหลิงเซียวหายไปเมื่อสามปีก่อน คำพูดที่ทิ้งท้ายไว้ว่าให้เธอดูแลหลานลั่วเฟิ่งให้ดี หลิงหลานจึงเห็นหลานลั่วเฟิ่งเป็นบุคคลที่เธอจะปกป้องไปชั่วชีวิต
เมื่อพวกหลิงหลานได้รับข่าวว่าขบวนของนายพลกำลังจะมาถึง หลิงหลานค่อยพาหลิงฉินกับหลิงอวี่มายืนที่หน้าประตูคฤหาสน์ตระกูลหลิงทำการรอคอยด้วยความเคารพ ในฐานะที่เป็นพลเมืองธรรมดาไม่มีผลงานการรบหรือยศศักดิ์ หลิงหลานยังไม่มีคุณสมบัติรอคอยอยู่ข้างในบ้าน
สิ่งแรกที่ปรากฏเข้ามาในสายตาคือหุ่นรบรุ่นเล็กสองตัว เครื่องหมายบนหน้าอกนั้นหลิงหลานรู้ดีว่าเป็นของหน่วยคุ้มกันหุ่นรบที่มีเฉพาะระดับนายพลในกองทัพ หลังจากนั้นโฮเวอร์คาร์หรูหราห้าคันที่ตั้งเป็นขบวนรถก็แล่นตามมาที่นี่อย่างรวดเร็ว สองฝั่งของขบวนรถต่างมีหุ่นรบรุ่นเล็กสามตัวทำการคุ้มกันอยู่รอบนอกสุด และสุดท้ายก็เป็นหุ่นรบรุ่นเล็กสองตัวที่อยู่รั้งท้าย
ไม่นึกเลยว่าขบวนรถของนายพลจะเรียบง่ายอย่างเหนือความคาดหมาย ไม่ได้ยิ่งใหญ่โอ้อวดอำนาจอย่างที่หลิงหลานคิดไว้ขนาดนั้น หุ่นรบรุ่นเล็กสิบตัวบวกกับโฮเวอร์คาร์หรูหราห้าคันตั้งเป็นขบวนรถธรรมดาเข้ามาแบบนี้ นี่ทำให้ในใจหลิงหลานเกิดความรู้สึกดีๆ ต่อนายพลหลิงท่านนี้ขึ้นมารางๆ อย่างน้อยที่สุดเขาก็ไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกว่าใช้อำนาจบาตรใหญ่ขนาดนั้น
เมื่อขบวนรถมาถึงหน้าประตูตระกูลหลิง หุ่นรบสิบตัวลอยขึ้นไปบนท้องฟ้าอัตโนมัติ พวกมันตรวจตราทุกทิศทางของขบวนรถ ในขณะเดียวกันหน่วยคุ้มกันที่ติดอาวุธครบครันทั่วทั้งตัวสิบกว่าคนลงมาจากโฮเวอร์คาร์หรูหราสี่คันอย่างรวดเร็ว พริบตาเดียวก็ตั้งเป็นวงกลมขนาดใหญ่ปกป้องรอบๆ โฮเวอร์คาร์ที่เหลืออยู่คันนั้น
จนกระทั่งเวลานี้เอง ประตูรถที่นั่งข้างคนขับของโฮเวอร์คาร์คันนั้นได้เปิดออก พันตรีอายุสามสิบกว่าคนหนึ่งเดินลงมาจากรถแล้วมองสำรวจสภาพการณ์อย่างระมัดระวังแล้วค่อยเปิดประตูหลังของโฮเวอร์คาร์
หลิงหลานเห็นร่างคนที่สวมชุดเครื่องแบบนายพลคนหนึ่งก้มศีรษะโค้งตัวก้าวเท้าออกมาจากในโฮเวอร์คาร์ ไม่รู้ว่าเธอรู้สึกไปเองหรือเปล่า หลิงหลานรู้สึกมาตลอดว่าพริบตาที่อีกฝ่ายลงจากรถ เขาดูเคร่งเครียดไม่สบายใจอยู่บ้าง…นี่ทำให้หลิงหลานรู้สึกสงสัยขึ้นมาในใจเล็กน้อย
หลิงหลานรีบสะกดกลั้นความสงสัยเอาไว้ในใจ เธอปลุกใจให้ฮึกเหิมแล้วพาหลิงฉินกับหลิงอวี่สองคนเร่งฝีเท้าเดินขึ้นหน้าไปต้อนรับ
เวลานี้เอง นายพลหลิงคนนั้นเงยหน้ามองเข้ามา เมื่อสายตาของทั้งสองฝ่ายประสานกัน ต่างฝ่ายต่างใจสั่นสะท้าน
หลิงหลานเห็นดวงหน้าของคนผู้นั้นก็แทบจะหน้าเปลี่ยนสีไปทันที ใบหน้านั้นสลักลึกอยู่ในความทรงจำของเธอ ไม่เพียงเพราะว่าหลานลั่วเฟิ่งหยิบรูปภาพของหลิงเซียวมาพูดพร่ำต่อหน้าเธอบ่อยๆ ยังเป็นเพราะดวงหน้านั้นอยู่เป็นเพื่อนเธอตอนที่ผ่านชีวิตวัยเด็กในมิติมรดก
ส่วนท่าทีของหลิงฉินยิ่งสุดจะทานทนมากกว่า เขาตัวสั่นเทาอย่างไม่อาจควบคุมได้ด้วยความตื่นเต้น อ้าปากกว้างอยากจะร้องเรียกชื่อในความทรงจำออกมา แต่บางทีเขาอาจจะตื่นเต้นมากเกินไป ทำให้เขาไม่สามารถส่งเสียงออกมาได้
“คุณอาฉิน ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ!” หลิงเซียวเห็นแล้วก็อดเอ่ยด้วยรอยยิ้มขื่นไม่ได้ ได้เจอคนที่ดูแลเขามาตั้งแต่เด็กๆ อีกครั้งในรอบสิบเจ็ดปี ความรู้สึกต่างๆ ประเดประดังเข้ามาในใจเขาจนแทบจะควบคุมน้ำตาไว้ไม่อยู่
“นายท่าน…” หลิงฉินเค้นคำพูดนี้ออกมาในที่สุด น้ำตาไหลพรากลงมา
ในฐานะที่เป็นหัวหน้าหน่วยหุ่นรบตระกูลหลิงคนปัจจุบัน หลิงอวี่ตกตะลึงในใจอย่างยิ่งยวดเช่นกัน ถึงยังไงหลิงเซียวก็เป็นไอดอลของเขาในตอนวัยหนุ่ม แต่เมื่อเทียบกับความตื่นเต้นของหลิงฉินแล้ว เขาใจเย็นมากกว่านิดหน่อยเพราะว่าตอนนี้เขาเป็นหัวหน้าของหน่วยหุ่นรบคุ้มกันของหลิงหลานที่เป็นผู้นำตระกูลคนปัจจุบัน เขาจงรักภักดีแค่หลิงหลานเท่านั้น เพราะฉะนั้นหลังจากที่เขาตื่นเต้นแล้วก็ทอดสายตามองกลับไปที่หลิงหลาน
“ท่านนายพลหลิง ขออภัยที่พ่อบ้านของผมเสียมารยาทไปบ้าง! เชิญเข้ามาครับ!” หลิงหลานที่อยู่ด้านข้างส่งสายตาเย็นเยียบไปให้หลิงฉินทันที ทำให้หลิงฉินได้สติรู้ว่าตัวเองลืมตัวไปแล้ว เขารีบถอยกลับไปอยู่ข้างหลังหลิงหลาน ไม่กล้ามองหลิงเซียวอีกสักแวบหนึ่ง
ตอนนี้หลิงหลานเปลี่ยนเป็นเยือกเย็นมาก การทรมานเคี่ยวกรำที่ได้รับในมิติการเรียนรู้มาสิบหกปีได้แสดงผลอันยอดเยี่ยมของมันในเวลานี้ เธอไม่ได้สูญเสียความบันยะบันยังเนื่องจากอีกฝ่ายเหมือนกับหลิงเซียวมากเลย พวกเขาจะทำเสียแผนเองก่อนที่เขาจะแสดงสถานะตัวตนของเขาออกมาไม่ได้หรอกนะ
คำเรียกนายพลหลิงอย่างสุภาพของหลิงหลานทำให้ฝีเท้าของหลิงเซียวช้าลง ใบหน้าที่เดิมทีมีรอยยิ้มน้อยๆ พลันแข็งทื่อ แต่เขารู้ว่าที่นี่ไม่เหมาะให้พูดคุยกัน ดังนั้นเขาจึงกล้ำกลืนฝืนทนเดินเข้าไปในประตู
นี่เป็นบ้านของเขาชัดๆ แต่ตอนนี้เขาดูเหมือนมาเป็นแขกก็ไม่ปาน! เห็นท่าทีลูกชายของตัวเองแล้ว ดูไม่ชอบเขาอย่างมากๆ เลย…ไม่มีความตื่นเต้นยินดีที่ได้เจอพ่อเลยสักนิดเดียว ตรงกันข้ามกลับตั้งป้อมระมัดระวังเขา เหมือนเขามาขโมยของอะไรอย่างนั้น นี่มันเกินไปแล้วจริงๆ นะ! ความขุ่นเคืองพวยพุ่งขึ้นมาในใจหลิงเซียว เขาอยากกอดลูกชายอย่างสนิทสนมอะไรทำนองนี้ชัดๆ แต่น่าเสียดายที่ลูกชายไม่ให้โอกาสนี้แก่เขาเลย
หลิงหลานมองหลิงเซียวที่เดินอยู่หน้า ในใจเริ่มใคร่ครวญว่านี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? หรือว่าหลิงเซียวตรงหน้าคือหลิงเซียวจริงๆ? ถึงแม้ว่าสหพันธรัฐใช้เซลล์ DNA ของยีนมาระบุตัวตนที่แท้จริง ดังนั้นจึงตัดความเป็นไปได้ว่ามีคนศัลยกรรมปลอมตัวเป็นเขาไปได้เลย แต่หลิงหลานจำเป็นต้องสงสัยขนาดนี้ เนื่องจากเวลาที่นายพลหลิงปรากฏตัวประจวบเหมาะมากเกินไป หลิงหลานยังจำได้ว่ามิติมรดกของหลิงเซียวหายไปเมื่อสามปีก่อน…
แน่นอนว่าบางทีหลิงเซียวตรงหน้าอาจจะเป็นหลิงเซียวจริงๆ แต่ทำไมเขาต้อง ‘แสร้งตาย’ ไปสิบเจ็ดปี แล้วปรากฎตัวขึ้นมาอย่างกะทันหันในตอนนี้ด้วยล่ะ? มีความลับอะไรอยู่ในนี้หรือเปล่า? เขาไปทำภารกิจลับบางอย่างสำเร็จแล้ว? จำเป็นต้องแสร้งตาย? หรือว่าตอนที่หลิงเซียวออกรบ ตอนนั้นเขาไม่ได้ตาย เพียงแต่มีคนช่วยชีวิตเอาไว้แล้วสูญเสียความทรงจำ?
เวลานี้หลิงหลานจินตนาการฉากเหตุการณ์นับไม่ถ้วน โดยเฉพาะเมื่อนึกถึงความเป็นไปได้ว่าพอหลิงเซียวสูญเสียความทรงจำแล้วได้แต่งงานมีลูก หลังจากนั้นจู่ๆ ก็ฟื้นฟูความทรงจำได้ในสิบเจ็ดปีให้หลังถึงค่อยกลับมาอีกครั้ง…ความโกรธเกรี้ยวในใจหลิงหลานกำลังลุกโชนขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นความเป็นไปได้แบบไหนก็ไม่ยุติธรรมต่อหลานลั่วเฟิ่งแม่ของเธอทั้งนั้น ทิ้งภรรยาและลูกไม่สนใจพวกเขาเพื่อเกียรติยศตำแหน่งหน้าที่การงาน ผู้ชายคนนี้สมควรตาย! แต่งงานมีลูกเพราะสูญเสียความทรงจำ ไม่กลับมาก็แล้วไปเถอะ แต่กลับมาเพื่อจะใช้ชีวิตแบบมีทั้งเมียหลวงและเมียน้อย เขาก็ยังสมควรตาย!
ทันใดนั้นหลิงเซียวที่เดินอยู่ด้านหน้ารู้สึกหนาวยะเยือกไปทั่วทั้งร่าง รู้สึกมาตลอดว่ามีจิตสังหารที่ไร้ที่มาที่ไปอยู่รอบๆ บริเวณ…แต่ที่นี่มีใครคิดอยากฆ่าเขากันล่ะ? หลิงเซียวส่ายศีรษะอย่างอธิบายไม่ได้ ขับไล่ความหนาวเหน็บในใจออกไป
เมื่อเข้าสู่คฤหาสน์ของตระกูลหลิง หลิงเซียวมองไปยังห้องโถงที่คุ้นเคยตรงหน้า บนกำแพงยังคงแขวนรูปภาพของเขากับหลานลั่วเฟิ่งเอาไว้ แน่นอนว่าด้านข้างมีรูปภาพใหม่เพิ่มมาด้วยใบหนึ่ง เป็นรูปภาพของหลิงหลานในพิธีบรรลุนิติภาวะตอนอายุสิบหก
ฉากที่คุ้นเคยทำให้ดวงตาทั้งสองข้างของหลิงเซียวร้อนผ่าว น้ำตาแทบจะทะลักออกมา โชคดีที่ความทุกข์ทรมานที่ได้รับในหลายปีมานี้ทำให้หัวใจของเขาเปลี่ยนเป็นแข็งแกร่งกว่าสิบเจ็ดปีก่อน หลิงเซียวควบคุมอารมณ์ตื่นเต้นนี้ไว้
“คุณอาฉิน ลั่วเฟิ่งอยู่ที่ไหนล่ะ? เธอสบายดีหรือเปล่า?” หลิงเซียวอยากรู้ว่าคนที่เขาใส่ใจมากที่สุดสบายดีหรือเปล่าเป็นอันดับแรก
หลิงฉินกำลังคิดจะตอบ แต่กลับนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เขามองไปที่หลิงหลาน รอคอยคำสั่งของหลิงหลาน ถึงแม้ว่าหลิงเซียวจะเป็นบิดาของหลิงหลาน สามีของหลานลั่วเฟิ่ง เป็นผู้นำตระกูลก่อนหน้านี้ของเขา แต่ว่าผู้นำตระกูลในตอนนี้คือหลิงหลาน เขาจำเป็นต้องได้รับการอนุญาตจากหลิงหลานก่อน
กอปรกับการแสดงออกของหลิงหลานตรงหน้าประตู หลิงฉินสัมผัสได้อย่างรวดเร็วว่าหลิงหลานไม่พอใจหลิงเซียว ถึงขนาดที่มีความระแวดระวังอยู่ในนั้น นี่จึงทำให้หลิงฉินจำเป็นต้องระมัดระวังขึ้นมา หลิงฉินที่อารมณ์ค่อยๆ สงบนิ่งลงก็รู้สึกได้เหมือนกันว่าการปรากฏตัวของนายพลหลิงตรงหน้าประจวบเหมาะมากเกินไป
ถึงยังไงหลิงเซียวก็ถูกประกาศออกไปอย่างเป็นทางการไปแล้วว่าพลีชีพไปเมื่อสิบเจ็ดปีก่อน ถ้าหากนายพลหลิงคนนี้เป็นหลิงเซียวจริงๆ ละก็ เขาจะซ่อนตัวเองถึงสิบเจ็ดปีทำไม? หลิงฉินสังหรณ์ใจว่าภายในเรื่องนี้ไม่ธรรมดาอยู่บ้าง แต่เขาอย่าเสนอความคิดเห็นเองในตอนที่เขายังไม่สามารถเผชิญหน้ากับเรื่องที่หลิงเซียวฟื้นคืนชีพกลับมาได้อย่างเยือกเย็นเลย ไม่สู้มอบเรื่องนี้ให้คุณชายหลานผู้นำตระกูลในตอนนี้จัดการดีกว่า
สามปีมานี้ การกระทำของหลิงหลานในตระกูลทำให้หลิงฉินเคารพนับถือโดยสิ้นเชิง เขาคิดว่าหลิงหลานสามารถจัดการเรื่องนี้ได้ ดังนั้นเขาจึงก้มหน้าลงและเงียบกริบ ถอยหลังไปก้าวหนึ่งให้หลิงหลานปรากฎตัวอย่างเด่นชัด เขาใช้การกระทำนี้บอกหลิงเซียวว่า ตอนนี้ตระกูลหลิงมีหลิงหลานเป็นผู้นำ
…………………