ถึงแม้จีอู๋ปู้ซิวรู้ว่าสำหรับผู้ควบคุมหุ่นรบระดับต่ำแล้ว กระต่ายที่ดูเหมือนไม่มีพิษมีภัยพวกนั้นน่ากลัวอย่างยิ่งยวด สามารถสังหารผู้ควบคุมหุ่นรบระดับต่ำได้ในพริบตา แต่ว่ากระต่ายที่เห็นได้ชัดว่าเป็นหุ่นรบฝึกหัดตรงหน้านี้ทำให้เขาเกิดความเข้าใจผิดว่ากระทั่งเขาก็สามารถเข้าไปเหยียบย่ำเข่นฆ่าพวกมันได้ตามใจชอบ
เวลาค่อยๆ ผ่านไปทีละนิด กระต่ายบนทุ่งหญ้าผืนนี้ยิ่งน้อยลงเรื่อยๆ เมื่อเลือดของกระต่ายตัวสุดท้ายสาดรดบนทุ่งหญ้า เวลาก็ผ่านไปสองนาทีพอดี ตรงตามเวลาที่หุ่นรบกระต่ายพูดไว้ในตอนแรกโดยไม่ขาดไปสักนิดเดียว
นี่เป็นความสามารถและความมั่นใจระดับไหนกันถึงพูดเวลาออกมาได้ จีอู๋ปู้ซิวที่อยู่ในห้องคนขับอดหยิกแก้มสองข้างของตัวเองไม่ได้ เมื่อเขารู้สึกถึงความเจ็บปวดถึงค่อยเชื่อว่านี่เป็นความจริงในที่สุด
สวรรค์ เขาจ้างนับรบหุ่นรบระดับไหนมากันแน่? ต่อให้เป็นหุ่นรบระดับสูงก็ไม่สามารถจัดการกระต่ายกลายพันธุ์มากมายขนาดนี้ภายในสองนาทีได้ง่ายๆ โดยเฉพาะยังเป็นเวลาที่ตกอยู่ในการล้อมโจมตีมากมายด้วย ตอนนี้จีอู๋ปู้ซิวอดตัวสั่นด้วยความตื่นเต้นไม่ได้…หรือว่าอีกฝ่ายเป็นผู้ควบคุมหุ่นรบระดับพิเศษ? เมื่อคิดถึงความเป็นไปได้แบบนี้ ในใจเขาก็ดีใจอย่างยิ่งยวด บางทีคราวนี้เขาอาจจะไปถึงเมืองซิ่นหยางอย่างราบรื่นจริงๆ ไม่จำเป็นต้องติดอยู่ในหมู่บ้านซานหยางตลอดไปจนไม่สามารถเพิ่มระดับการซ่อมแซมหุ่นรบของตัวเองแล้ว
หลิงหลานฟันกระต่ายตัวสุดท้ายอย่างสบายๆ นอกจากเลือดบนอาวุธแครอทที่ไหลลงมาไม่กี่หยดแล้ว ร่างสีขาวของหุ่นรบกระต่ายไม่ได้โดนเลือดสาดกระเซ็นเลยสักหยด มันยังคงความสะอาดไร้คราบสกปรกดังเดิม นี่เป็นผลจากการที่หลิงหลานควบคุมอย่างแม่นยำและลดความเร็วให้ช้าลง
หุ่นรบกระต่ายกระทืบขาหลังหนึ่งที ร่างของหุ่นรบก็พุ่งขึ้นมาจากพื้น เครื่องยนต์ทำงานทันที พริบตาเดียวมันก็มาถึงตรงหน้าจีอู๋ปู้ซิว การเคลื่อนไหวกะทันหันนี้ทำให้จีอู๋ปู้ซิวตกใจกลัวขึ้นมาอีกครั้ง แต่เขาไม่ได้ตั้งท่าป้องกันโจมตีกลับเหมือนปฏิกิริยาตอบโต้ในครั้งแรกแล้ว มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีความสามารถในการปรับตัวยอดเยี่ยมที่สุดจริงๆ
หลิงหลานบังคับหุ่นรบกระต่ายให้ใช้แครอทเคาะหุ่นรบฮิวแมนนอยด์และเอ่ยถามเรียบๆ ว่า “เป็นยังไง?” เสียงยังคงเย็นเยียบเหมือนเคย แต่ความรู้สึกคุกคามกลับเต็มเปี่ยม ราวกับว่าถ้าจีอู๋ปู้ซิวกล้าพูดคำว่า ‘ไม่’ ออกมาก็จะทำลายให้สิ้นซาก
เวลานี้หัวใจของจีอู๋ปู้ซิวเต็มไปด้วยความยินดี ไม่ยอมอะไรที่ไหนกันล่ะ เขารีบกล่าวว่า “ดีเหลือเกิน ผมขอฝากภารกิจนี้ให้คุณชายหลิงเทียนอีเซี่ยนแล้ว” หลังจากนั้นเขาก็รีบให้ภารกิจมอบหมายนี้แก่หลิงหลาน เขาทำอย่างฉับไวด้วยความกลัวว่าหลิงหลานจะกลับคำ
แน่นอนว่าหลังจากที่ตั้งภารกิจมอบหมายนี้ขึ้นมาแล้วก็จะอยู่ในการควบคุมตรวจสอบจากออปติคัลคอมพิวเตอร์หลักของโลกหุ่นรบ ไม่อนุญาตให้ฝ่ายไหนละเมิดข้อตกลงอย่างไร้เหตุผล
คุณชาย? เสียงของเธอเหมือนผู้ชายขนาดนั้นจริงๆ เหรอ? หลิงหลานกดปุ่มรับภารกิจด้วยความพูดไม่ออก ไม่รู้ว่าเธอต้องภาคภูมิใจไหมที่ตัวเองประสบความสำเร็จในการปลอมตัวเป็นผู้ชายขนาดนี้…
ในเมื่อทั้งคู่ตกลงกันเรียบร้อยแล้ว พวกเขาก็ไม่อ้อยอิ่งต่อไปอีกแล้วรีบเดินทางไปยังเมืองซิ่นหยางทันที
ตลอดทางที่ผ่านมา หลิงหลานไม่เพียงเจอหมาป่ากลายพันธุ์ฝูงเล็กๆ วัวป่ากลายพันธุ์หลายตัว สุดท้ายก็มีกลุ่มเสือดำกลายพันธุ์ห้าตัวโผล่ออกมา ยิ่งไปต่อ ความสามารถของสัตว์ป่ากลายพันธุ์ก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้น เนื่องจากความเร็วของเสือชีตาห์กลายพันธุ์ว่องไวมากเกินไป ทำให้หลิงหลานเสียเวลาตรงนี้เล็กน้อย ถึงยังไงความเร็วของหุ่นรบกระต่ายก็เป็นขยะเมื่ออยู่ต่อหน้าเสือชีตาห์กลายพันธุ์ โชคดีที่พรสวรรค์รู้แจ้งเห็นจริงยอดเยี่ยมมาก ผ่านไปไม่นานก็หาจุดอ่อนของเสือชีตาห์พบ หลิงหลานถึงค่อยสังหารมันทิ้ง แต่ว่าเธอก็พัวพันกับมันไปห้านาทีเพราะเหตุนี้เอง
“ดูท่าหุ่นรบฝึกหัดยังอ่อนแอทุกด้านนิดหน่อยเมื่อรับมือกับสัตว์ป่ากลายพันธุ์ที่แข็งแกร่งมากขึ้น” ถ้าหากมอบหุ่นรบระดับสูงให้หลิงหลานสักตัว เธอก็สามารถฆ่าเสือชีตาห์ห้าตัวได้ในพริบตาที่ยกมือขึ้น ต่อให้ไม่มอบหุ่นรบระดับสูง แต่ว่ามอบหุ่นรบระดับต่ำมาก็ไม่ทำให้หลิงหลานเสียเวลาไปห้านาที เกรงว่าหนึ่งหรือสองนาทีเธอก็สามารถจัดการได้แล้ว นี่คือขีดจำกัดของหุ่นรบ ต่อให้หลิงหลานบรรลุถึงการควบคุมของผู้ควบคุมหุ่นรบไพ่ราชาแล้ว แต่เมื่อเจอสัตว์ป่าที่มีความสามารถสูงกว่าหุ่นรบก็ไม่สามารถฆ่าได้ทันที
ในขณะที่หลิงหลานกำลังรู้สึกเศร้าใจกับหุ่นรบนั้น จีอู๋ปู้ซิวกลับอุทานชื่นชมความสามารถของหลิงหลานที่จัดการมอนสเตอร์ได้สบายๆ ไม่หยุด ควรรู้เอาไว้ว่าตอนแรกเขากับนักรบหุ่นรบชั้นกลางก็เดินทางมาถึงที่นี่ก่อนจะโดนเสือชีตาห์สังหารกลับไปทันที ตอนนั้นพวกเขาถึงขนาดไม่ทันเห็นว่าเสือชีตาห์โผล่มากี่ตัวก็ถูกฆ่ากลับหมู่บ้านในพริบตา
ทว่าตอนนี้เสือชีตาห์โผล่ออกมาห้าตัวพร้อมกัน แต่กลับโดนอีกฝ่ายจัดการได้ง่ายๆ ในช่วงเวลาสั้นๆ ด้วยเหตุนี้จีอู๋ปู้ซิวยิ่งมีความเชื่อมั่นว่าครั้งนี้เขาต้องไปถึงเมืองซิ่นหยางอย่างราบรื่น และเขาก็แน่ใจว่าคนที่บังคับหุ่นรบกระต่ายฝึกหัดตรงหน้านี้ต้องเป็นปรมาจารย์หุ่นรบระดับพิเศษแน่นอน เขารู้สึกว่าตัวเองโชคดีมากที่บังเอิญเจอยอดฝีมือในโลกเกม และก็มีเพียงผู้แข็งแกร่งแบบนี้เท่านั้นถึงสามารถควบคุมหุ่นรบฝึกหัดเดินเล่นมั่วซั่วในโลกระดับต่ำได้
หลิงหลานเพิ่งจัดการเสือชีตาห์ห้าตัวเสร็จ ยังไม่ทันมุ่งหน้าต่อก็ได้ยินเสี่ยวซื่อตะโกนด้วยความตื่นเต้นยินดีว่า “ลูกพี่ อยู่ที่นี่ แกนพลังงานแปลงแสงดาวอยู่ในรังเก่าของมอนสเตอร์ยอดเขาลูกนั้น”
หลิงหลานเอ่ยอย่างนิ่งเรียบว่า “ฆ่าไวรัสเสร็จแล้วเหรอ?” นับตั้งแต่ที่เสี่ยวซื่อโดนเธอเปิดโปงและใช้ข้ออ้างฆ่าไวรัสหนีไป เขาก็ไม่ปรากฏตัวออกมาเลย หลิงหลานยังนึกว่าหมอนี่ไม่กล้าเผชิญหน้าเธอแล้ว ไม่คาดคิดว่าจะโผล่ขึ้นที่นี่อย่างกะทันหันแบบนี้
เสี่ยวซื่อตัวแข็งทื่อ หลังจากนั้นเขาก็รีบทำหน้ายิ้มประจบ “ฆ่าเสร็จแล้ว ฆ่าเสร็จแล้ว ลูกพี่เอาใจใส่ฉันจริงๆ เลย เสี่ยวซื่อตื้นตันมาก…”เขากล่าวจบก็ไม่ลืมกอดต้นขาหลิงหลานออดอ้อนแอ๊บแบ๊ว พยายามทำให้ลูกพี่ลืมความกระด้างกระเดื่องของเขาก่อนหน้านี้อย่างสุดชีวิต
หลิงหลานดีดหัวเสี่ยวซื่อเบาๆ หนึ่งที “เลิกพยายามแอ๊บแบ๊วเอาตัวรอดได้แล้ว อีกเดี๋ยวก็ทำดีไถ่โทษซะ!” เสี่ยวซื่อรีบตอบรับ เห็นได้ชัดว่าลูกพี่เตรียมตัวปล่อยเขาไปแล้ว เขาย่อมไม่โง่พลาดโอกาสนี้ไปแน่นอน
ดังนั้นหลิงหลานจึงเปลี่ยนทิศทางไปตามเส้นทางภูเขาสายหนึ่งที่แทบจะสังเกตไม่เห็น มุ่งหน้าเข้าไปในป่าทึบ
จีอู๋ปู้ซิวเห็นดังนั้นก็ตกตะลึง รีบร้อนตะโกนเสียงดังว่า “คุณชายหลิงเทียนอีเซี่ยน คุณจะไปไหน?” หรือว่าอีกฝ่ายไม่อยากพาเขาไปเมืองซิ่นหยางแล้ว?
หลิงหลานตอบว่า “ฉันอยากกวาดล้างรังเก่าของสัตว์ป่ากลายพันธุ์สักหน่อย”
“ฮะ ข้างในรังเก่ามีแต่สัตว์ป่ากลายพันธุ์ที่เก่งกาจทั้งนั้นเลยนะครับ ไปไม่ได้เด็ดขาด อันตรายมากเกินไปแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น ขอแค่พวกเราเดินไปตามถนนซิ่นหยางก็ไปถึงเมืองซิ่นหยางได้แล้ว ไม่จำเป็นต้องเสี่ยงอันตรายนี้เลย”
หลิงหลานหันหน้ากลับมาฉับพลัน มองดูจีอู๋ปู้ซิวและเอ่ยเรียบๆ ว่า “นี่เป็นภารกิจของฉัน ถ้าคุณไม่อยากไปก็รอฉันอยู่ที่นี่ละกัน”
จีอู๋ปู้ซิวถูกดวงตาว่างเปล่าของหุ่นรบกระต่ายจ้องมองก็ไม่กล้าเอ่ยความเห็นคัดค้านอีก ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้เขารู้ดีว่า เขาเป็นของที่อีกฝ่ายถือติดมือไปด้วยจริงๆ เขาได้สติกลับมาก็เห็นหลิงหลานค่อยๆ เดินทางห่างออกไปเรื่อยๆ ก็เลยตะโกนเสียงดังขึ้นมาทันใดว่า “หลิงเทียนอีเซี่ยน รอผมด้วย ผมก็จะไปเหมือนกัน” ทิ้งเขาไว้ที่นี่คนเดียวย่อมอันตรายกว่าตามอีกฝ่ายไปแน่นอน เขาไม่อยากจบชีวิตตรงนี้นะ
“ว่าไงนะ? นายไม่กลัวตามฉันไปตายเหรอ?” หลิงหลานชะงักเท้า เอ่ยถามด้วยความเยาะหยัน
จีอู๋ปู้ซิวรีบพูดว่า “พวกเราเดินทางมาด้วยกันตลอด ไม่ว่ายังไงก็สนิทสนมกันอยู่บ้าง ผมจะรั้งอยู่ที่นี่คนเดียวโดยที่เห็นเพื่อนเสี่ยงอันตรายได้ยังไง ไม่ว่ายังไงก็ต้องมีสุขร่วมเสพ มีทุกข์ร่วมต้าน…” จีอู๋ปู้ซิวเหมือนกับรู้ว่าคำพูดตัวเองไม่มีพลังโน้มน้าว เสียงของเขาก็เบาลงเรื่อยๆ ราวกับไม่กล้าเผชิญหน้ากับดวงตากระต่ายที่สดใสของหลิงหลาน
หลิงหลานชำเลืองมองอีกฝ่ายแวบหนึ่ง ไม่ได้เปิดโปงคำโกหกของฝ่ายตรงข้าม แต่ในเมื่อจีอู๋ปู้ซิวกล้าตามเธอไปเสี่ยงอันตราย ก็หมายความว่าเขาเชื่อมั่นความสามารถของเธอในระดับที่สูงมาก หลิงหลานไม่พูดอะไรอีก ยอมให้จีอู๋ปู้ซิวตามมาโดยปริยาย
ทั้งสองคนเดินลึกเข้าไปในป่า ทว่าเดินไปได้ไม่ไกลมาก หลิงหลานก็พลันผลักจีอู๋ปู้ซิวออก การเคลื่อนไหวนี้กะทันหันมากเกินไป จีอู๋ปู้ซิวไม่ได้เตรียมการป้องกันไว้ก็ถูกผลักจนล้มลงกับพื้นและกลิ้งไปสองตลบ…
‘ปัง!’ ทันใดนั้นเองตำแหน่งที่เดิมทีจีอู๋ปู้ซิวมุ่งหน้าไปก็ถูกอะไรบางอย่างกระแทกลงกับพื้นแรงๆ ฝุ่นและใบไม้ปลิวว่อนขึ้นมานับไม่ถ้วน
เวลานี้เองหุ่นรบกระต่ายของหลิงหลานเปิดใช้งานเครื่องยนต์ฉับพลัน หุ่นรบทะยานขึ้นไปแล้วตีลังกาอยู่ในสภาพกลับหัวที่กลางอากาศ แครอทในมือจ่อไปยังพื้น จากนั้นมันก็กระแทกลงกับพื้นอย่างหนักหน่วงราวกับเข็มก็ไม่ปาน
‘ปัง!’ เสียงนี้คือเสียงของหุ่นรบที่ร่วงลงสู่พื้น จากนั้นหุ่นรบกระต่ายก็กระโดดขึ้นมาด้วยความปราดเปรียว พุ่งหนีออกไปห้าเมตรก่อนที่สี่เท้าจะลงสู่พื้นอย่างมั่นคง
หลังจากการเคลื่อนไหวชุดนี้ก็ได้ยินเสียงบิดตัวและเสียงดังปังอย่างรุนแรง สุดท้ายก็กลายเป็นความเงียบงัน ฝุ่นใบไม้ที่ปลิวว่อนในตอนแรกร่วงลงมาสู่พื้นในที่สุด ฉากตรงหน้าเปลี่ยนเป็นกระจ่างชัดขึ้นมา
จีอู๋ปู้ซิวค่อยมองเห็นว่า ตำแหน่งที่เขายืนอยู่แต่เดิมมีหลุมลึกกว้างประมาณครึ่งเมตร ลึกประมาณสามสิบเซ็นติเมตรปรากฏขึ้นในสายตา หลุมลึกที่เหมือนกับร่องรอยการโดนหวดนั้นทำให้จีอู๋ปู้ซิวรู้ว่า ถ้าหากเขาโดนซัดเข้าตรงๆ ละก็ ต่อให้หุ่นรบไม่ได้ถูกทำลาย แค่พละกำลังเพียงอย่างเดียวก็สะเทือนเขาจนตายได้แล้ว
จีอู๋ปู้ซิวอดมองหลิงหลานด้วยความซาบซึ้งใจไม่ได้อีกฝ่ายช่วยชีวิตเขาไว้อีกครั้งแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะฝ่ายตรงข้ามผลักเขาออกมาอย่างเฉียบขาด เขาคงตายกลับไปที่หมู่บ้านซานหยางนานแล้ว แต่ยังไม่ทันที่เขาจะกล่าวคำขอบคุณก็ตกตะลึงไปกับภาพเหตุการณ์ของหลิงหลานที่อยู่ด้านข้าง
บริเวณพื้นที่ห่างจากหุ่นรบกระต่ายไม่ถึงห้าเมตรมีปากขนาดใหญ่ที่ดูอำมหิตกำลังอ้าออกอย่างดุดัน เขี้ยวแหลมคมสี่ซี่ส่องแสงเย็นเยียบ มันหุบลงแล้วอ้าออกและส่ายไปมาด้วยความดิ้นรนอย่างสุดชีวิต ราวกับว่าอยากกระโจนเข้าไปกลืนกินหุ่นรบกระต่ายที่อยู่ไม่ไกล และก็เหมือนกับกำลังดิ้นรนจากอะไรบางอย่าง แต่ไม่ว่ามันจะส่ายไปมายังไงก็ไม่สามารถหลุดพ้นจากการกักขังและเคลื่อนตัวไปอีกก้าวได้เลย…
จีอู๋ปู้ซิวมองเห็นชัดเจนอย่างรวดเร็วว่านี่คือหัวงู และดาบเล่มหนึ่งก็เสียบมิดเข้าไปในตัวงูจนถึงด้ามดาบตรงตำแหน่งเจ็ดนิ้วนับจากหัวงู สีของด้ามดาบคือสีเขียวและปรากฏเป็นรูปใบไม้ จีอู๋ปู้ซิวย่อมรู้ว่านี่คือดาบแครอทของหุ่นรบกระต่ายนั่นเอง
ในขณะเดียวลำตัวงูนับจากหัวลงมาเจ็ดนิ้วก็กลายเป็นเนื้อเละๆ กองหนึ่งซึ่งกินพื้นที่ไปประมาณครึ่งเมตร ส่วนหางของมันก็บิดกลายเป็นกลุ่มก้อนโดยไม่ได้ตั้งใจเนื่องจากไม่ได้เชื่อมกับหัวงู ไม่สามารถทำการโจมตีได้อีกต่อไป
สัตว์ป่าดุร้ายที่น่ากลัวตรงหน้านี้คืองูเหลือมกลายพันธุ์ขนาดยักษ์ การโจมตีของมันย่อมเก่งกาจอย่างหาใดเปรียบ ถ้าหากนักรบหุ่นรบชั้นกลางเข้ามา มีความเป็นไปได้สูงว่าจะรับมือมันไม่ไหวแล้วโดนมันลอบโจมตีจนเสียชีวิต ไม่สิ บางทีนักรบหุ่นรบชั้นสูงก็ยากจะหลบหนีการจู่โจมที่แปลกประหลาดแบบนี้พ้นเช่นกัน ทว่าตอนนี้งูเหลือมกลายพันธุ์ตัวนี้ถูกหุ่นรบกระต่ายซัดเข้าที่จุดสำคัญในกระบวนท่าเดียวภายใต้การลอบโจมตีจนไม่มีความสามารถในการโจมตีกลับอีกต่อไปแล้ว
“ยังลุกขึ้นมาได้ไหม?” หลิงหลานมองไปยังจีอู๋ปู้ซิวและขมวดคิ้ว หรือว่าเมื่อสักครู่นี้เธอใช้แรงมากเกินไป ทำให้อีกฝ่ายได้รับบาดเจ็บโดยไม่ได้ตั้งใจ?
จีอู๋ปู้ซิวค่อยได้สติกลับมาจากความตื่นตะลึง เขารีบคลานขึ้นมาเอ่ยว่า “ไม่เป็นไร ผมไม่เป็นไร”