หลิงหลานลูบหุ่นรบฮิวแมนนอย์ระดับต่ำที่แลกมาใหม่ตรงหน้าด้วยความพึงพอใจ ทั่วทั้งด้านนอกของหุ่นรบเป็นสีเทาเข้ม ถึงแม้ว่ามันไม่ค่อยสะดุดตา แต่ว่าหุ่นรบตัวนี้ก็เลื่อนขั้นก้าวใหญ่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นความทนทานความปลอดภัยหรือว่าอาวุธ
มันไม่เพียงมีปืนพลังงานลำแสงซึ่งเป็นอาวุธร้อนที่มีพลังทำลายล้างแข็งแกร่งอย่างยิ่งยวด มันยังมีดาบใหญ่อัลลอยสูงอาวุธเย็นหลัก รวมถึงมีดทหารสองเล่มที่ห้อยอยู่ตรงเอวด้วย นอกจากนี้ตรงต้นขาสองข้างยังซ่อนมีดสั้นอัลลอยสูงเอาไว้ เห็นได้ชัดว่าระดับความแข็งแกร่งทนทานของมันไม่ใช่สิ่งที่มีดสั้นของหุ่นรบฝึกหัดเทียบเคียงได้เลย อย่างไรก็ตาม ถึงยังไงมันก็ยังอยู่ในระดับต่ำ ดังนั้นจึงยังไม่มีคุณสมบัติพกดาบแสง แต่ตอนนี้หลิงหลานไม่ต้องการดาบแสงแล้ว เนื่องจากเธอมีปู้หุ่ยอาวุธเย็นหลักที่ดีกว่าดาบแสงร้อยเท่า ใช้ไปจนถึงหุ่นรบไพ่ราชาได้โดยไม่ต้องกังวล
หลิงหลานชื่นชมหุ่นรบระดับต่ำตัวนี้ของเธอเสร็จแล้วก็ค่อยกดปุ่มรีโมทในมือ ห้องคนขับของหุ่นรบที่เดิมทีปิดอยู่ก็เปิดออกฉับพลัน หลิงหลานไม่ได้เลือกลงไปบนบันไดเลื่อนขึ้น หากแต่สาวเท้ากระโดดขึ้นไป มือเท้าทะยานขึ้นปีนป่ายบนตัวหุ่นรบก่อนจะพุ่งแฉลบขึ้นไปทันที พริบตาเดียวก็เข้าไปนั่งในห้องคนขับ
หลิงหลานปิดห้องคนขับลวกๆ แล้วเปิดใช้งานหุ่นรบ เมื่อทุกอย่างทำงานแล้วก็ค่อยบังคับหุ่นรบทำท่าเคลื่อนไหวพื้นฐานหลายท่าในมิติล็อกอินของตัวเอง เธอรู้สึกว่าบังคับได้ไหลรื่นกว่าหุ่นรบฝึกหัดมาก ถ้าหากเธอเอาหุ่นรบตัวนี้คุ้มกันจีอู๋ปู้ซิวไปยังเมืองซิ่นหยางละก็ หลิงหลานเชื่อว่า ต่อให้ไม่ต้องใช้อาวุธ อาศัยแค่ความสามารถของหุ่นรบเพียงอย่างเดียวก็สามารถจัดการงูยักษ์หลายตัวนั้นได้ด้วยมือเปล่า
หลังจากที่หลิงหลานทำความคุ้นเคยสักพักถึงค่อยหยิบปู้หุ่ยออกมาจากในกระเป๋าหลังด้วยความพึงพอใจ ก่อนจะแทนที่ดาบใหญ่อัลลอยสูงธรรมดาซึ่งเป็นอุปกรณ์พื้นฐานที่จัดเตรียมให้หุ่นรบระดับต่ำ ในเมื่อมีอาวุธที่ดีกว่า หลิงหลานย่อมเลือกใช้มัน ขอเพียงเธอทำความคุ้นเคยปู้หุ่ยจนถึงขั้นเหมือนแขนตัวเองแล้ว เธอถึงจะแสดงอานุภาพของปู้หุ่ยได้จนถึงขีดสุด
หลิงหลานเก็บดาบใหญ่อัลลอยสูงเข้าไปในกระเป๋าสัมภาระ จากนั้นก็นึกโยงได้ว่าก่อนหน้านี้ไม่นาน เธอยังรักดาบแครอทที่ห่างชั้นกับดาบใหญ่อัลลอยสูงมากๆ ราวกับว่าเป็นสมบัติล้ำค่าอยู่เลย หลิงหลานอดทอดถอนใจไม่ได้ ‘คนเราเนี่ยก็ได้ใหม่ลืมเก่าแบบนี้แหละ พอเห็นของดีก็จะทิ้งของที่ห่วยแตกพวกนั้นโดยไม่มีความปรานี ช่างไร้หัวใจจริงๆ เลย’
หลิงหลานจมปลักกับความทุกข์ ไม่ง่ายเลยกว่าที่เธอจะแสดงสิ่งที่เรียกความอ่อนไหวคิดมากของผู้หญิงออกมา จากนั้นเธอค่อยเลือกเข้าไปในโลกหุ่นรบอย่างใจเย็น เนื่องจากหลิงหลานเปลี่ยนเป็นหุ่นรบฮิวแมนนอยด์ระดับต่ำแล้ว และหุ่นรบครึ่งหนึ่งในหมู่บ้านซานหยางแทบจะเป็นหุ่นรบแบบนี้ ดังนั้นการปรากฏตัวของเธอเลยไม่ได้ดึงดูดความสนใจของคนในหมู่บ้าน
ในเมื่อแลกหุ่นรบตัวใหม่ได้แล้ว หลิงหลานก็ไม่สนใจไปหอสังเวียนรังแกพวกมือใหม่แล้วเหมือนกัน หลิงหลานคิดว่าถึงเวลาติดต่อกับพวกฉีหลงแล้ว ดังนั้น หลิงหลานเลยกรอกชื่อหลิงเทียนเก๋อโต้ว (การต่อสู้ของหลิงเทียน) ทันทีก่อนจะส่งคำขอเพิ่มเพื่อนไป
หลิงเทียนเก๋อโต้วรับคำขอเป็นเพื่อนของเธออย่างรวดเร็ว ในเวลาเดียวกัน ออปติคัลคอมพิวเตอร์หลักของหุ่นรบพลันส่งเสียงพูดว่า “หลิงเทียนเก๋อโต้วขอติดต่อกับคุณ Yes or No?”
เฮ้ย ตอบเร็วมาก! หลิงหลานย่อมเลือกตกลงอยู่แล้ว หลังจากนั้นเสียงหนึ่งที่สามารถสะเทือนเส้นเลือดในหูเธอดังขึ้นมาในห้องคนขับ “ลูกพี่ ในที่สุดนายก็ติดต่อฉันแล้ว!” นี่ย่อมเป็นเสียงเซ่อซ่าของฉีหลง
ในขณะเดียวกัน เสียงของระบบดังติ๊งๆๆ แจ้งเตือนข้อความที่ข้างหูหลิงหลาน หลิงเทียนซ่วนผาน (ลูกคิดของหลิงเทียน) หลิงเทียนเปากั่ว (หีบสัมภาระของหลิงเทียน) หลิงเทียนเจียนเตา (ดาบแหลมคมของหลิงเทียน) หลิงเทียนที่ปู่ (ตัวแทนของหลิงเทียน) ขอเพิ่มเพื่อน…
หลิงหลานรับคำขอพวกนี้โดยไม่ลังเล เธอรู้ว่าพวกเขาคือใคร หลิงเทียนซ่วนผานคือหานจี้จวิน หลิงเทียนเปากั่วคือหลินจงชิง หลิงเทียนเจียนเตาคือลั่วล่าง หลิงเทียนที่ปู่ก็คือเซี่ยอี๋โดยไม่ต้องสงสัยเลยสักนิดเดียว
แน่นอนว่าหลิงหลานรับคำขอไปพลาง แขวะในใจไปพลาง ไอ้พวกโง่เง่ากลุ่มนี้ ตั้งชื่อบ้าบออะไรเนี่ย? ไม่มีระดับเลยสักนิดเดียว
หลังจากที่หลิงหลานรับคนอื่นๆ แล้ว ฉีหลงก็ลากคนอื่นๆ เข้ามาในช่องสื่อสาร จากนั้นก็ได้ยินฉีหลงเอ่ยถามด้วยความตื่นเต้นว่า “ลูกพี่หลาน กระต่ายตัวนั้นใช่นายหรือเปล่า?”
หลิงหลานอึ้งไป “กระต่ายอะไร?”
“ก็หุ่นรบกระต่ายที่ใช้กระบวนท่าเดียวสังหารหุ่นรบระดับเดียวกันในพริบตาตัวนั้นไง พวกเราเห็นการดวลมือใหม่หนึ่งร้อยรอบนั้นแล้วนะ” น้ำเสียงของฉีหลงล้วนสื่อความหมายว่า นายไม่ต้องปิดบังอีกต่อไปแล้ว นอกจากเซี่ยอี๋ที่เข้ามาหลังสุดแล้ว คนอื่นๆ ต่างรู้ความสามารถในการควบคุมหุ่นรบของหลิงหลานดี
“ไม่ใช่!” หลิงหลานปฏิเสธอย่างเด็ดขาด เธอไม่มีทางยอมรับว่ากระต่ายแอ๊บแบ๊วตัวนั้นคือเธอ นี่มันส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ยอดเยี่ยมสูงส่งของเธอมากเกินไปแล้ว
การปฏิเสธอย่างเด็ดขาดของหลิงหลานทำให้ฉีหลงพูดไม่ออก ในใจเขามีเพียงหลิงหลานเท่านั้นถึงจะสามารถควบคุมหุ่นรบฝึกหัดสังหารศัตรูตายในท่าเดียว นี่เป็นสไตล์ของหลิงหลานมาตลอด ไม่ใช่ว่าเขาเลื่อนขึ้นมาเป็นอันดับห้าในสถาบันศูนย์กลางลูกเสือแบบนี้เหรอ? สุดท้ายพอเจอเขากับลั่วล่างถึงค่อยหยุดรูปแบบการต่อสู้นี้ไว้ไม่ทำต่อ
“ถ้าไม่ใช่ลูกพี่หลาน แล้วยังมีใครทำได้อีกล่ะ? ฉันจินตนาการไม่ออกเลยว่ายังมีคนทำเรื่องนี้ได้ด้วย” ลั่วล่างไม่เชื่อเช่นกัน
“เอาล่ะ ในเมื่อลูกพี่หลานไม่อยากพูดเรื่องหุ่นรบกระต่าย พวกเราก็อย่าถามเลย!” หานจี้จวินเอ่ยห้ามปรามอย่างเฉียบขาด แน่นอนว่าเขาเองก็ไม่เชื่อคำปฏิเสธของหลิงหลานเช่นกัน ในสายตาเขา นี่เป็นเรื่องจริงอย่างไม่ต้องสงสัย อย่างไรก็ตาม ในเมื่อลูกพี่หลานไม่อยากพูด ก็ย่อมมีเหตุผลอะไรบางอย่าง หานจี้จวินไม่อยากให้หลิงหลานลำบากใจ
ถึงแม้ว่าหานจี้จวินจะหยุดหัวข้อสนทนานี้ไว้ แต่หลิงหลานรู้จากในน้ำเสียงตอบรับของพวกเขาว่าไม่มีใครเชื่อคำพูดของเธอเลย แต่เวลานี้เธอก็ได้แต่กัดฟันปากแข็งต่อไปเหมือนกัน ถึงยังไงเธอไม่มีทางยอมรับอยู่แล้วว่าหุ่นรบกระต่ายคือเธอ ส่วนพวกฉีหลงจะคิดยังไงก็ไม่ใช่เรื่องที่เธอกำหนดได้
พวกฉีหลงรอเจอหลิงหลานไม่ไหวแล้ว หลิงหลานนึกได้ว่าเธอเป็นหุ่นรบระดับต่ำแล้วและก็เซฟเมืองซิ่นหยางเอาไว้แล้วเหมือนกัน สามารถวาร์ปไปที่เมืองซิ่นหยางได้ ดังนั้นก็เลยเสนอให้ไปรวมกลุ่มกันที่เมืองซิ่นหยาง
ไม่นึกเลยว่าข้อเสนอของเธอกลับทำให้หลายคนร้องโอ๊ะๆ ขึ้นมา ฉีหลงก็เอ่ยพลางหัวเราะเสียงดังว่า “ฉันพูดแล้วไง…นอกจากลูกพี่แล้ว ยังเป็นใครได้อีก?” ฉีหลงเอ่ยคำพูดครึ่งแรกอย่างคลุมเครือ หลิงหลานไม่ต้องคิดก็รู้ว่าที่ฉีหลงพูดย่อมเป็นหุ่นรบกระต่ายแน่นอน
“ทำไม? เมืองซิ่นหยางมีอะไรผิดปกติหรือไง?” หลิงหลานเอ่ยถามอย่างใคร่รู้
“เรื่องมันเป็นแบบนี้ เมืองซิ่นหยางคือเมืองหลวงของยอดฝีมือ มีเพียงผู้ควบคุมหุ่นรบที่ฝ่าถนนซิ่นหยางจากหมู่บ้านมือใหม่ต่างๆ ได้ถึงจะมีคุณสมบัติเข้าไปในเมืองซิ่นหยาง…” หานจี้จวินอธิบาย “หมู่บ้านมือใหม่ทุกแห่งต่างมีเส้นทางสี่สายนำไปสู่เมืองที่แตกต่างกัน เส้นทางสามสายจากในนั้นมีระดับความยากค่อนข้างต่ำ ขอเพียงทำตามขั้นตอนก็สามารถเข้าไปในเมืองใหญ่ต่างๆ ได้ แต่ว่าเส้นทางอีกสายของหมู่บ้านต่างเป็นเส้นทางที่พาไปยังเมืองซิ่นหยาง เมืองซิ่นหยางมีเอกลักษณ์เฉพาะมากในโลกหุ่นรบ มีเพียงยอดฝีมือที่สามารถฝ่าเส้นทางในหมู่บ้านมือใหม่เท่านั้นถึงจะเข้าไปข้างในได้ คนที่เข้าเมืองอื่นจากเส้นทางอื่น ไม่มีทางเข้าไปในเมืองซิ่นหยางโดยอาศัยเมืองอื่นได้เลย”
“ดังนั้นผู้ควบคุมหุ่นรบที่สามารถเข้าเมืองซิ่นหยางได้ต่างเป็นยอดฝีมือที่โดดเด่นเหนือใคร เมืองซิ่นหยางก็คือดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของหุ่นรบในสายตาของผู้ควบคุมหุ่นรบทุกคน มันไม่เพียงมีภารกิจมากมาย มันยังมีอาวุธและอุปกรณ์ประเภทต่างๆ ครบครัน และยังเป็นตำหนักในการเลื่อนขั้นสู่ระดับพิเศษของทุกอาชีพด้วย ก็เหมือนกับผู้ควบคุมหุ่นรบอย่างพวกเรา ถ้าอยากเลื่อนขั้นจากนักรบหุ่นรบชั้นสูงไปยังผู้ควบคุมหุ่นรบระดับพิเศษ ก็ต้องไปทำการทดสอบที่เมืองซิ่นหยาง” ลั่วล่างกล่าวเสริม
“ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง แต่ว่าเส้นทางของเมืองซิ่นหยางไม่ได้ยากมากเลยนะ ขอแค่เรียนการควบคุมหุ่นรบดีๆ ก็ผ่านกันได้ทั้งนั้น” หลิงหลานเอ่ยอย่างไม่เห็นด้วย
“ง่ายขนาดนั้นที่ไหนล่ะ ต่อให้เป็นนักรบหุ่นรบชั้นสูงก็อาจจะผ่านไม่ได้เหมือนกันนะ คิดถึงตอนนั้น พวกเราตายหมู่ระหว่างทางสามครั้ง ถึงค่อยโชคดีผ่านมาได้” ฉีหลงเอ่ยด้วยสีหน้าหวาดกลัว เห็นได้ว่าเส้นทางของเมืองซิ่นหยางยากมากแค่ไหน
“ต่อให้เส้นทางของเมืองซิ่นหยางมีความยากอยู่บ้าง ไม่สามารถผ่านได้ด้วยตัวเอง แต่ถ้าเชิญยอดฝีมือมาช่วยเหลือก็ได้แล้วนี่” หลิงหลานไม่เชื่อว่าคนของเมืองซิ่นหยางจะเป็นคนที่ฟันฝ่าเส้นทางด้วยตัวเองทั้งหมดจริงๆ ยกตัวอย่างเช่น จีอู๋ปู้ซิว ไม่ใช่ว่าเธอคุ้มกันเขาไปเหรอ?
“มียอดฝีมือคนไหนยินดีพาภาระไปด้วยในตอนที่ฝ่าเส้นทางล่ะ? ควรรู้เอาไว้ว่ายิ่งจำนวนคนมาก สัตว์อสูรก็จะเพิ่มขึ้นตามจำนวนคน ความสามารถก็จะแข็งแกร่งขึ้นตาม นอกจากนี้ มีเพียงคนที่ไม่เคยผ่านเส้นทางซิ่นหยางเท่านั้นถึงจะสามารถฝ่า เส้นทางได้ คนที่เคยผ่านด่านพวกนี้อย่างพวกเราไม่สามารถเข้าสู่เส้นทางได้แล้ว”
หานจี้จวินพูดถึงข้อจำกัดของเส้นทางเมืองซิ่นหยาง นี่ก็เป็นเหตุผลที่ผู้เล่นทักษะดำรงชีพทั่วไปเข้าเมืองซิ่นหยางไม่ได้ นอกเสียจากจะเข้าร่วมองค์กร กลุ่มอำนาจ ตระกูลอะไรพวกนี้ถึงจะสามารถทำการรวมกลุ่มจัดการและทุ่มแรงมหาศาลพาผู้เล่นทักษะดำรงชีพที่มีพรสวรรค์ดีเยี่ยมบางคนเข้าไปในเมืองเพื่อพัฒนาต่อไป
หลิงหลานได้ยินถึงตรงนี้ก็อดลอบร้องว่าขาดทุนแล้วไม่ได้ ถ้ารู้แต่แรกว่าไปเมืองซิ่นหยางยากขนาดนี้ละก็ เธอก็ไม่จำเป็นต้องเกรงใจตอนที่รับอาวุธปู้หุ่ยของจีอู๋ปู้ซิวแล้ว
ทั้งหกคนรวมกลุ่มกันที่เมืองซิ่นหยางอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นหุ่นรบฮิวแมนนอยด์รูปร่างงดงามสีฟ้าเงินห้าตัวตรงหน้า หลิงหลานก็มองไปที่ตัวหุ่นรบอ้วนฉุสีเทาเข้มของตัวเองอีกครั้ง แล้วพลันคิดว่าแย่แล้ว….ฉากนี้ย่อมให้ความรู้สึกเหมือนกับลูกเป็ดขี้เหร่วิ่งเข้าไปฝูงหงส์เลย
และฉากนี้ก็ทำให้นักรบหุ่นรบชั้นสูงหรือว่าผู้ควบคุมหุ่นรบระดับพิเศษบางคนที่อยู่รอบข้างชำเลืองมองมาไม่หยุดเลยจริงๆ แต่พวกเขาเดาว่า มีความเป็นไปได้สูงที่หุ่นรบระดับต่ำตัวนี้ถูกนับรบหุ่นรบชั้นสูงเหล่านี้พาเข้าเมืองซิ่นหยาง ทำให้คนรู้สึกอิจฉาในความโชคดีของหุ่นรบระดับต่ำตัวนี้ ก็เหมือนกับหุ่นรบระดับกลางเมื่อไม่กี่วันก่อนตัวนั้น
“หลายวันนี้ฉันหมกมุ่นอยู่ในโลกหุ่นรบ ด้านนอกเกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือเปล่า?” เมื่อหลิงหลานรวมกลุ่มกับพวกฉีหลง คำถามแรกของเธอก็คือเรื่องนี้ ไม่รู้ว่าทำไมในใจเธอรู้สึกไม่ค่อยสงบมาตลอด รู้สึกเหมือนมีเรื่องอะไรบางอย่างกำลังจะเกิดขึ้น
“อันที่จริง หลายวันมานี้สถานการณ์ด้านนอกผิดปกติอยู่บ้าง” เมื่อเทียบกับฉีหลงที่เถรตรงไม่แยแสอะไรแล้ว หานจี้จวินที่เป็นคนละเอียดละออสังเกตเห็นความผิดปกติบางอย่างจริงๆ
“เกิดอะไรขึ้น?” หลิงหลานนิ่วหน้าถาม
“จากที่อู่จย่งพูดมา เมื่อวานมีคนรังแกคนของกลุ่มนักเรียนใหม่เรา หลี่อิงเจี๋ยทนมองเฉยๆ ไม่ได้อยู่แล้วก็เลยพาคนกลับไปตอบโต้คืนทันที แต่ว่าตอนที่หมอนั่นจากไป ก็บอกให้หลี่อิงเจี๋ยระวังตัวไว้หน่อย ท่าทีดูอวดดีมาก ตอนนั้นฉันก็สงสัยแล้วว่าอาจจะเป็นคนของสักกลุ่ม” หานจี้จวินกล่าว
“หยั่งเชิง? หรือว่ายั่วยุ? ตรวจสอบเจอไหมว่าเป็นคนของกลุ่มไหน?” สีหน้าของหลิงหลานเคร่งขรึมขึ้นมา
“ต่อมาอู่จย่งตรวจสอบแล้ว ดูเหมือนจะมีความเกี่ยวข้องกับกลุ่มหุ่นรบเหลยถิง หมอนั่นเป็นลูกน้องที่ใครสักคนในกลุ่มหุ่นรบเหลยถิงรับไว้ ตอนนี้ไม่รู้ว่านี่เป็นความคิดของเหลยถิง หรือว่าเป็นการกระทำส่วนตัวของหมอนั่น” หานจี้จวินกล่าวถึงตรงนี้ก็ขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อยเช่นกัน พวกเขายังยืนในโรงเรียนทหารไม่มั่นคงก็มีเรื่องกับกลุ่มหุ่นรบเหลยถิงที่เป็นกลุ่มอำนาจอันดับหนึ่งของโรงเรียนทหารแล้ว ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่ไม่เป็นผลดีต่อพวกเขาอย่างยิ่งยวด
“เหลยถิง? ราชันสายฟ้า?” หลิงหลานนึกถึงคำพูดของจีอู๋ปู้ซิว แล้วถอนหายใจกล่าวว่า “ต่อให้ไม่ใช่ความคิดของเหลยถิง พวกเขาก็ไม่มีทางปล่อยโอกาสนี้ไปเหมือนกัน เกรงว่าครั้งนี้ราชันสายฟ้าจะลงมือแล้ว” เชือดไก่ให้ลิงดู กลุ่มนักเรียนใหม่ของพวกเขาเหมาะที่จะเป็นไก่ตัวนี้มากเกินไปแล้วจริงๆ