ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก – บทที่ 303 กระบี่ทำลายล้าง

ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก

บทที่ 303 กระบี่ทำลายล้าง

“ที่นี่รึ”

ในทันทีที่ค้างคาวเลือดพิษได้ร่อนลงพื้น มันก็ได้ไปหลบซ่อนหลังต้นไม้ที่อยู่ห่างจากสิ่งที่ถูกเรียกว่าถ้ำสามเมตร

“กวิ้กวกิ้ก”

“นายท่าน ย้อนกลับไปตอนนั้น ข้ายังเป็นเพียงทหารขั้นกลางอยู่”

“ในตอนนั้น ข้าเอง เมื่อได้รับรู้ว่ามีคนสู้กันอยู่ใกล้ๆ เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ยุ่งเกี่ยวกับการต่อสู้ ข้าจึงได้ซ่อนตัวเองอย่างไร้ตัวตนอยู่หลังไม้และใช้การตรวจจับด้วยเสียงเพื่อรับฟัง”

“แต่ข้าก็ไม่คิดว่าคนสามคนนั้นจะวิ่งมาที่นี่อย่างรวดเร็ว”

“และหนึ่งในนั้นคือท่านเองนั่นแหละ นายท่าน”

หลังจากพูดจบ ค้างคาวเลือดพิษเพลิงก็ได้เหลือบมองไปที่เฉินเฉียงที่กำลังมองมาที่มันโดยไม่พูดอะไรออกมา และนี่ทำให้ค้างคาวเลือดพิษได้เล่าต่อ

“แต่ด้วยการที่รู้นั้นมันเล็กเพียงสองคนก็ยังเข้าไปลำบาก นี่จึงทำให้ท่านไม่มีทางเลือก และทำได้เพียงออกมาคนเดียวและต่อสู้กับศัตรูที่ตามมาถึง

“แต่ศัตรูในครานั้นทรงพลังอย่างมาก และตัวท่านก็เหมือนจะหมดเรี่ยวแรงไปแล้ว”

“หลังจากนั้น ศัตรูที่ไล่หลังตามมาอีกละลอกมาจนถึงที่ตรงนี้ แต่ท่านก็ได้กลับเข้าไปหลบที่หลุมนั่นอีกครา แต่ยังไงก็ตาม ด้วยหลุมเพียงเท่านั้นก็ไม่เพียงพอที่จะให้คนสามคนหลบได้อยู่ดี”

“เป็นตอนนี้ที่ในทันทีที่ท่านเหยียบย่างเข้าไป หนึ่งในคนที่หลบซ่อนก็ได้ซัดไปที่หน้าอกของท่านอย่างไม่ทันตั้งตัว”

“ฟู่วววว”

“นายท่าน ข้าเองก็ได้เห็นฝ่ามือในครานั้นกับตาตัวเองว่ามันทะลุผ่านหน้าอกของท่านอย่างรุนแรง รุนแรงขนาดที่ว่าทำให้ท่านลอยตกผาไปในทีเดียว”

“ข้าล่ะไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองจริงๆว่าท่านนั้นยังมีชีวิตอยู่”

หลังจากได้ยินคำของค้างคาวเลือดพิษ เฉินเฉียงได้จ้องมองไปที่หน้าอกของตน

โดนโจมตีอย่างจังที่หน้าอกในทีเดียวเนี่ยนะ

ไม่ใช่ว่าเฉินเทียนเว่ยตกตายในทันทีรึไงกัน

แต่ว่าเขาเองก็ลงไปตรวจสอบข้างล่างมาแล้ว เขาก็ไม่พบร่างที่น่าจะเป็นของเฉินเทียนเว่ยแต่อย่างใด

และในตอนนั้นก็มีเพียงเว่ยหยวนตี้และหลี่ปิง

เฉินเทียนเว่ยในครานั้นเป็นนายพลวิญญาณขั้นสูง และหลี่ปิงเองก็พึ่งจะเป็นเพียงนายพลวิญญาณขั้นกลางเพียงเท่านั้นในตอนที่เขาตกตาย

หากดูจากความน่าจะเป็นแล้ว คนเพียงคนเดียวที่สามารถโจมตีทรงพลังอย่างนั้นได้มีเพียงเว่ยหยวนตี้เท่านั้น เขาเป็นเพียงคนเดียวที่มีระดับการบ่มเพาะพอๆกับเฉินเทียนเว่ย

เรื่องราวทั้งหมดนี่เกิดจากไอ้ขยะสด เว่ยหยวนตี้

เฉินเฉียงกำหมัดแน่นจนเกิดเสียงกระดูกลั่น ก่อนที่จะตะโกนกู่ก้องลั่นท้องฟ้า

“เว่ย หยวน ตี้ ข้าจะให้เจ้าชดใช้หนี้เลือดนี้…..”

ด้วยการที่ท่าทางของเฉินเฉียงในตอนนี้น่ากลัวอย่างที่สุด นี่ทำให้ค้างคาวเลือดพิษถึงกับสั่นกลัวอย่างไม่หยุดในทันที

หลังจากเฉินเฉียงได้ตะโกนระบายแค้นเสร็จแล้ว เขาก็นึกอะไรได้บางอย่าง เพียงแค่คำบอกเล่าของค้างคาวเลือดพิษแล้วนั้น ซากร่างของเฉินเทียนเว่ยเองแม้จะตกตายมานานแล้วแต่ก็ควรจะอยู่ที่ก้นผานี่

ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม เขานั้นต้องหาศพให้พบแล้วนำกลับไปฝังที่ข้างร่างของปู่ซุน

เมื่อคิดได้เช่นนี้ เฉินเฉียงก็ได้กระโจนลงผาไป

เมื่อค้างคาวเลือดพิษทั้งสามได้เห็นฉากนี้ ก็รีบบินหนีไปอย่างฉับพลัน

ที่ด้านล่างช่องผานี้ เฉินเฉียงได้ทำการสำรวจดูอีกครั้งอย่างละเอียดลออ

อย่างไรก็ตาม หลังจากผ่านไปนานมาก เขาก็พบเพียงซากร่างของมนุษย์กลายพันธุ์อีกสิบกว่ร่างเท่านั้น ไม่มีวี่แววร่างของเฉินเทียนเว่ยแต่อย่างใด

เป็นไปได้ยังไงกัน

นี่ขนาดเขาหาไปสี่รอบแล้วนะ

“เฉินเฉียง ข้ารู้ว่าเจ้าอยู่นี่ รีบออกมานะ”

เป็นตอนนี้ที่เฉินเฉียงได้ยินเสียงที่คุ้นเคยจากบนผา

เป็นเสียงของหยานเสวี่ย

เขาเองก็เตือนหยานเสวี่ยไปแล้วว่าเขาไม่ยอมพบเจอนางอีก

ด้วยการที่ราชาสวรรค์ไม่ยอมบอกเกี่ยวการตายของพ่อของเขาสักที เฉินเฉียงจึงไม่อยากจะพบเจอเขาอีกต่อไป

ถึงแม้ว่าเขาจะได้ยินแต่ก็ทำเป็นหูทวนลม แล้วทำการค้นหาซากร่างของเฉินเทียนเว่ยต่อไป

“เฉินเฉียง ออกมาเดี๋ยวนี้นะ ท่าน…ท่านราชาสวรรค์จะตายอยู่แล้ว รีบออกมาเร็วๆเข้า”

ด้วยเสียงที่เต็มไปด้วยน้ำตาของหยานเสวี่ยนี้ พร้อมคำพูดที่เธอแทบอยากจะกู่ร้องออกมานี้ ทำให้เฉินเฉียงต้องนิ่งอึ้งไป

ราชาสวรรค์จะตายเหรอ

เป็นไปได้ยังไงกัน

ในเหล่าราชาเทียบเท่าราชาขุนพลที่เขาได้พบเจอมานั้น เขาไม่เคยเห็นใครที่แกร่งกว่าราชาสวรรค์มาก่อน

แล้วใครกันที่ทำร้ายเขาได้ขนาดนี้

ยังไม่รวมเรื่องที่ว่าเขาน่าจะเป็นคนของฮุยตู๋นั่นอีก

ด้วยสถานะแห่งฮุยตู๋ ยังมีคนที่คิดฆ่าเขาอีกงั้นเหรอ

แต่น้ำเสียงของหยานเสวี่ยที่เขาได้ยินนี้ เฉินเฉียงก็รับรู้ได้ว่านี่ไม่ใช่เรื่องโกหกอย่างแน่นอน

ยังไม่รวมถึงการที่หยานเสวี่ยภักดีของราชาสวรรค์อย่างหมดใจ เธอย่อมไม่เอาเรื่องอย่างนี้มาพูดเพื่อหลอกล่อเขาให้ออกไป

เพียงการโจนทะยานเพียงครั้งเดียว เฉินเฉียงก็ได้ออกจากหมอกพิษขึ้นตรงไปที่หน้าผา แล้วเขาก็พบหยานเสวี่ยที่ลอยอยู่เหนือหน้าผา พร้อมใบหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตา

“ราชาสวรรค์…ท่าน…จริงเหรอ” เฉินเฉียงถามออกมาด้วยเสียงอันสั่นเทา

“อื้ม” หยานเสวี่ยพยักหน้ารับพร้อมน้ำตาที่นองหน้า

“เฉินเฉียง เร็วเข้า รีบไปพบท่านเป็นครั้งสุดท้ายเร็วเข้า ท่านอยากจะพบเจ้า”

“ท่านอยู่ที่ใด”

“เขาหมาง ตรงจุดที่ข้าไปเจอเจ้าครั้งสุดท้าย”

เพียงหยานเสวี่ยพูดจบ เฉินเฉียงก็ได้หายวับไปในทันที

เขาเองก็ไม่รู้เหตุผลเหมือนกัน เขารู้เพียงว่าเขาต้องไปพบเพียงเท่านั้น

และนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ใช้ความเร็วที่สมกับเป็นปีกสีเงินระดับแปด

ใช้เวลาหกนาที

หากเป็นก่อนหน้านี้ เขาต้องใช้เวลาอย่างน้อยครึ่งชั่วโมงในการเดินทางหนึ่งพันไมล์

แต่ในตอนนี้ เขาได้ใช้พลังทั้งหมดของมัน และนี่ทำให้มันใช้เวลาเพียงหกนาทีเท่านั้น

ที่ด้านนอกเขาหมาง ตรงหน้าประตูทางเข้าอาณานิคม หลิงเว่ยและนายพลคนอื่นๆแห่งเขาหมางได้ยืนรออยู่ก่อนแล้ว

ทุกคนได้กำกระบี่ทองคำในมือแน่ พลางจ้องมองไปยังใครคนหนึ่งที่ยืนนิ่งอยู่หน้าหลุมศพของซุนต้าฮู่ที่อย่างห่างไปสามไมล์

ชายคนนี้มีหมอกไอดำคลุมอยู่ทั่วร่างกาย มือของเขาไพล่หลัง หันหน้าเผชิญเข้ากลับหลุมศพของซุนต้าฮู่ มือขวาของเขาถือดาบเล่มหนึ่งไว้ในมือ พร้อมกับผ้าคลุมสีเทาที่สงบนิ่งไม่ไหวติง

ถึงแม้เฉินเฉียงนั้นจะมีพลังจิตที่ลึกล้ำ แต่เขาก็รับรู้ได้ว่า ราชาสวรรค์ผู้นี้ที่เป็นถึงราชาเหนือมนุษย์ ย่อมมีพลังจิตที่เหนือกว่ามากนัก

และด้วยพลังจิตที่สูงล้ำของเขานี้ แม้แต่ต้องเจอกับหลินไฮ่หวังที่เป็นราชาของมนุษย์กลายพันธุ์พลังจิตที่มีพลังจิตแข็งแกร่งที่สุดในเหล่ามนุษย์กลายพันธุ์ เขาก็ยังไม่กริ่งเกรงแต่อย่างใด

ทันทีที่คลื่นพลังจิตของเฉินเฉียงใกล้เข้ามา ราชาสวรรค์จึงเริ่มเคลื่อนไหว

ในตอนนี้ ตัวเขานั้นแสดงออกมาราวกับผู้ทรงพลังคนสุดท้ายในโลก ที่ยืนท้าทายลมฟ้าอย่างโดดเดี่ยวเดียวดาย

เขากำลังร่ายรำ

ราชาสวรรค์ได้ชูดาบในมือของตนชี้ขึ้นฟ้าแล้วพูดออกมา

“เพลงดาบทำลายวิญญาณ เพลงดาบของจอมราชันย์”

“เฉินเฉียง จงจำไว้ให้ขึ้นใจ”

“กระบวนท่าแรก กรงเล็บมังกรคราม”

“พลังฟ้าดินเคลื่อนไหวราวกับมังกรทะลวงเมฆา”

“ทะลุผ่านเมฆหมอก เทพเซียน และอหิงสา”

เพียงราชาสวรรค์ได้พูดจบคำ เฉินเฉียงที่พึ่งจะปรากฏตัวก็ได้เห็นชั้นสีเงินรายรอบดาบเหล็กธรรมดาในมือของราชาสวรรค์

กระบวนท่าแรก กรงเล็บมังกรครามเป็นกระบวนท่าที่หนึ่งในเพลงดาบทำลายวิญญาณ เขาเองก็ใช้มันมาอย่างนับครั้งไม่ถ้วนย่อมรู้เรื่องนี้เป็นอย่างดี

ยิ่งไปกว่านั้นคือ เพียงกระบวนท่านี้ เฉินเฉียงก็ทำให้ศัตรูมากมายต้องตกตายไปในดาบดั้นเมฆของเขา

อย่างไรก็ตาม หากเทียบกับกระบี่ธรรมดาที่ร่ายรำกระบวนท่าแรกออกมาโดยราชาสวรรค์ ดาบดั้นเมฆในมือเขาไม่ได้ต่างไปจากตะเกียบธรรมดาที่เขาใช้กินข้าวแต่อย่างใด

ไม่เพียงเท่านั้น แม้มันจะดูธรรมดา แต่เฉินเฉียงก็รับรู้ได้ว่า เมฆหมอกบริเวณนั้นได้แปรเปลี่ยนไปตามกระบวนท่านี้

และด้วยท่าร่างที่ราชาสวรรค์แสดงออกมาให้เขาดูนี้ เขารู้สึกได้ว่านี่คือกระบวนท่าที่สมบูรณ์แบบที่สุดแล้ว

และนี่เป็นเพียงกระบวนท่าแรกเท่านั้น

จงดูต่อไป

เมื่อดาบเหล็กในมือของราชาสวรรค์ได้ชักออกมาจากฝัก ราชาสวรรค์ได้ตั้งมุมดาบขึ้นสี่สิบห้าองศาเมื่อเทียบกับผืนดิน เป็นตอนนี้ที่ดาบเหล็กธรรมดาได้ปลดปล่อยไอดาบที่ราวกับจะทำให้ตัวดาบเองนั้นต้องหักสะบั้นได้ทุกเมื่อ

อย่างไรก็ตาม ด้วยการที่ราชาสวรรค์ต้องการเพียงถ่ายทอดเพลงดาบให้เฉินเฉียงเพียงเท่านั้น นี่จึงทำให้เฉินเฉียงที่อยู่ไม่ไกล สามารถเห็นชั้นไอดาบที่หนักหน่วง เป็นวงรอบดาบเหล็กของราชาสวรรค์อย่างไม่ไหวติง

วิธีการควบคุมพลังฟ้าดินอะไรกันเนี่ย

เมื่อเฉินเฉียงได้เห็นฉากนี้ก็อดไม่ได้ที่จะตื่นตะลึง พร้อมความสงสัยอยู่เต็มอก

ไม่ใช่ว่าหยานเสวี่ยบอกว่าราชาสวรรค์กำลังจะตายไม่ใช่รึ

แล้วคนที่กำลังจะตายสามารถควบคุมพลังสายเลือด(พลังฟ้าดิน)ได้ขนาดนี้ได้ยังไงกัน

เฉินเฉียงในตอนนี้แม้จะมีบางทักษะของเขาที่บรรลุในระดับขั้นสูงสุดแล้วก็ตาม ถึงแม้มันจะเป็นเพียงทักษะการขุดรูและเคล็ดวิชาการเสริมสร้างร่างกายพื้นฐาน

แต่กับเพลงดาบทำลายวิญญาณสายฟ้าของเขานั้นกลับคงอยู่ที่ระดับเรียนรู้

แต่เพียงแค่ได้เห็นการร่ายรำเพลงดาบทำลายวิญญาณจากราชาสวรรค์ นี่ทำให้เขาบรรลุเข้าสู่ระดับขั้นสูงได้แทบจะในทันที

ในขณะที่เขากำลังคิดอยู่นี้ ราชาสวรรค์ที่จรดกระบวนท่าแรกเสร็จแล้ว ก็ได้ร่ายรำกระบวนท่าที่สองต่อในทันที

ในตอนนี้เฉินเฉียงก็รับรู้ได้ว่า ต่อให้เขาอยากจะหยุดแค่ไหนก็ไม่อาจจะทำอะไรได้

“กระบวนท่าที่สองเพลงดาบทำลายวิญญาณ ลมหายใจมังกรคลั่ง”

“เฉินเฉียง เพลงดาบทำลายวิญญาณนี้เจ้าต้องจดจำไว้ให้ดีว่าทั้งเจ็ดกระบวนท่านี้ แต่ละกระบวนท่าสามารถผสมท่าร่างเข้าด้วยกัน และเมื่อร่ายรำแต่ละครั้ง ศัตรูที่พบต่างก็ตกตาย”

และเจ็ดกระบวนท่านี้สามารถร่ายรำได้อย่างต่อเนื่อง ไม่มีติดขัดในกระบวนท่า

หลังจากราชาสวรรค์พูดจบ ปลายดาบในตอนนี้ได้หมุนวนไปรอบตัวเขา ในขณะที่มือซ้ายของเขาผลักดันพื้นไว้ จนบังเกิดอากาศที่หมุนวนโดยรอบ

การร่ายรำของราชาสวรรค์นี้ราวกับการแสดงประกอบบทเพลง

“งูขดตัวหมุนวนศัตรูไม่กล้าย่างกาย”

“กลายเป็นมังกรทะยานต้องลมเมฆา”

ก่อนที่คลื่นพลังของดาบจะหมดลง ราชาสวรรค์ก็ได้พูดแต่ด้วยน้ำเสียงที่นิ่งลึก “เพลงดาบนี้เป็นการดัดแปลงมาจากเพลงกระบี่ ดังนั้นไม่ว่าจะดาบหรือกระบี่ก็สามารถใช้มันได้อย่างไม่ขัดแย้ง”

“ต่อให้คนต้องตกตาย แต่เพลงดาบยังคงอยู่”

“ต่อให้ดาบกระบี่สะบั้นสิ้น แต่ร่างกายยังโจนทะยาน”

“เจ้าจะได้รับรู้ถึงสิ่งนี้ด้วยตัวเองในภายภาคหน้า”

กระบวนท่าที่สาม

ราชาสวรรค์ในตอนนี้ราวกับกำลังสะกดข่มความโกรธในใจ เพียงพูดจบคำ กระบี่เหล็กในมือก็ได้ลอยขึ้นมา พร้อมร่างกายที่ลอยขึ้นตามก่อนจะหมุนบิดวนกระจายคลื่นพลังออกไปจากทั่วร่าง

“คลื่นมังกรถาโถม”

“คลื่นใต้ทะเลลึกรุนแรงและเชี่ยวกราก”

“ประดุจดั่งเป็นตัวขับเคลื่อนหมุนวนโลกา”

“ไม่ว่ารอบข้างจะเป็นสิ่งใด จงมั่นคงประดุจขุนเขา”

“กระบวนท่าคลื่นมังกรถาโถมนี้เหมาะกับการโจมตีศัตรูยามที่ถูกรุมล้อม มันจะช่วยให้เจ้ารอดตายได้”

เฉินเฉียงเคยได้ใช้กระบวนท่าคลื่นมังกรถาโถมนี้มาแล้วยามที่อยู่ในเขตแดนจักรพรรดิ และนั่นทำให้เขารับรู้ได้ถึงพลังอำนาจของมันที่กำจัดศัตรูที่รุมล้อมได้เป็นอย่างดี

อย่างไรก็ตาม หลังจากที่เขายกระดับปีกสีเงิน เขาคิดว่ามันเหมาะกับการโจมตีศัตรูทีละหลายคนมากกว่า เขาจึงไม่ค่อยได้ใช้กระบวนท่านี้สักเท่าไหร่นัก

หลังจากผ่านไปสามกระบวนท่า สายลมหนึ่งก็ได้มาปะทะเฉินเฉียง

“ท่านราชาสวรรค์ ได้โปรดหยุดเถอะค่ะ”

“ท่านจะตายทั้งอย่างนี้ไม่ได้นะคะ”

ในทันทีที่หยานเสวี่ยได้มาถึง เมื่อเธอได้เห็นราชาสวรรค์กำลังร่ายรำเพลงดาบด้วยดาบเหล็กที่หนักแน่นราวกับเสือร้ายที่เผชิญหน้าสายลมคลั่งนี้ น้ำตาของเธอก็ไหลรินออกมาอย่างไม่หยุด หลังจากนั้นเธอได้หันไปหาเฉินเฉียงแล้วตะคอกออกมาอย่างขุ่นเคือง “ไอ้บ้าเฉินเฉียง”

“ท่านราชาสวรรค์กำลังปางตายอยู่ เจ้ายังมีหน้าขอให้ท่านร่ายรำเพลงดาบให้ดูอีกเนี่ยนะ”

แต่กอ่นที่เฉินเฉียงจะได้พูดออกไป ราชาสวรรค์ก็ได้พูดออกมา

“หยานเสวี่ย เจ้าเองก็อยู่ข้างกายข้ามากว่าสิบห้าปี เจ้าเชื่อฟังตัวข้าในทุกเรื่องและไม่เคยคิดขวาง ต่อให้เป็นช่วงเวลานี้ข้าก็ยังหวังให้เจ้ากระทำอยู่เช่นดังเดิม”

“ถอยไปซะ”

ราชาสวรรค์พูดออกมาด้วยท่าทางที่ดูกระปรี้กระเปร่า ก่อนที่จะพูดออกมาอย่างดังลั่น “เฉินเฉียง จงดูให้ดี”

“กระบวนท่าที่สี่ มังกรคำรามพยัคฆ์คำรณ”

เฉินเฉียงไม่คุ้นเคยกระบวนท่านี้สักเท่าไหร่นัก ในมุมมองของเขานั้น กระบวนท่านี้เป็นเพียงกระบวนท่าที่ไร้กระบวนเพื่อการเชื่อมต่อไปยังกระบวนท่าอื่นเพียงเท่านั้น แต่เขาก็อดสงสัยไม่ได้เหมือนกันว่ากระบวนท่านี้มันจะมีความหมายอื่นแอบแฝง ไม่อย่างนั้นก็คงไม่ได้ชื่อว่ามังกรคำรามพยัคฆ์คำรณ

และในตอนนี้ ต่อหน้าเฉินเฉียง ราชาสวรรค์ได้ทำให้เขาเข้าใจได้ในที่สุด

“เฉินเฉียง เจ้าเองก็คงสงสัยอยู่ใช่รึเปล่า”

“ว่าทำไมท่าร่างนี้ถึงเรียกว่ากระบวนท่าได้ จงฟังข้าซะ”

“ดาบหลอมรวมกับคลื่นพลัง ปลดปล่อยไอดาบ เข่นฆ่าศัตรูโดยรอบต้องแพ้พ่าย”

“หลังจากใช้กระบวนท่าที่สาม ตัวเจ้าจะเปรียบได้ดั่งมังกรและพยัคฆ์ที่โจนทะยานขึ้นฟ้า หลังจากเป็นหนึ่งกับพลังฟ้าดินจะทำให้อาวุธในมือทรงพลังเหนือใคร แม้จะไม่ขยับตัวแต่กลิ่นอายแห่งพลังยังคงเข้าฟาดฟันศัตรู”

“เฉกเช่นในท้องฟ้าที่รับรู้ว่ามีดวงตะวันจันทราที่มังกรอาศัยอยู่”

“เฉกเช่นขุนเขาที่รับรู้ว่ามีพยัคฆ์ร้าย”

เมื่อราชาสวรรค์พูดจบ เฉินเฉียงก็ราวกับจะได้เห็นเงาร่างของซุนต้าฮู่ที่เคยแสดงกระบวนท่านี้ให้เขาดูมายืนรับชมการร่ายรำกระบี่นี้ก่อนที่จะพยัคหน้าออกมาอย่างยอมรับนับถือ

ด้วยการที่เฉินเฉียงเองก็ใช้กระบวนท่านี้อยู่บ่อยครั้งจึงพอคุ้นเคยอยู่มากแต่ก็ไม่เข้าใจถึงความหมายที่แท้จริง จวบจนกระทั่งถึงตอนนี้

“กระบวนท่าที่ห้า ดอกไม้ในเกลียวคลื่น”

เมื่อร่ายรำกระบวนท่าที่สี่เสร็จสิ้น ดาบเหล็กบนมือของราชาสวรรค์ก็ดูราวกับเป็นหนึ่งเดียวกับราชาสวรรค์ และตัวของราชาสวรรค์นั้นก็ดูราวกับเป็นดาบแกร่งเล่มหนึ่ง

แม้เฉินเฉียงในตอนนี้จะจ้องมองราชาสวรรค์อย่างไม่วางตา แต่เขาก็รู้สึกได้ราวกับราชาสวรรค์ที่อยู่ตรงหน้าเขาไม่ใช่ราชาสวรรค์ที่เขาคุ้นเคย ราวกับเขาได้กลายเป็นดาบเหล็กอันหนักแน่นที่กำลังหมุนวนไปมาบนพื้นดิน

“ดาบคือคน คนคือดาบ”

“บุคคลที่ไร้ดาบ ก็เปรียบได้ดั่งดอกไม้ที่อยู่ท่ามกลางมหาสมุทร”

เมื่อร่ายรำกระบวนท่าที่ห้าเสร็จสิ้น ระดับเคล็ดวิชาทำลายวิญญาณของเขาก็เข้าสู่ระดับสูงแล้ว

และนี่ทำให้เขาเข้าใจหลักการของกระบวนท่าเหล่านี้ได้เป็นอย่างดี

ถึงแม้หลักการสำคัญของกระบวนท่าเหล่านี้คือเป็นหนึ่งเดียวกับดาบ แต่เฉินเฉียงก็ยังไม่อาจเข้าไปถึงขั้นนั้นได้

อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้ ด้วยกระบวนท่าที่ราชาสวรรค์ได้ร่ายรำให้ดูนี้ นี่ทำให้ความเข้าใจของเฉินเฉียงที่มีต่อกระบวนท่านี้ได้ขยายขอบเขตมากขึ้น

ภายใต้แสงกระบี่ที่สาดส่อง คนและกระบี่ไม่ขัดขวางซึ่งกันและกัน บางครั้งเห็นคน บางครั้งเห็นกระบี่ บางครั้งไม่เห็นสิ่งใด นี่ทำให้ยากที่จะบอกว่าสิ่งที่เห็นอยู่นี้เป็นเรื่องจริงหรือภาพลวงตา

“กระบวนท่าที่หก ทำลายล้างสิบทิศ”

เฉินเฉียงได้จ้องมองการร่ายรำของราชาสวรรค์ด้วยท่าทางที่มหัศจรรย์พันลึกเมื่อเห็นราชาสวรรค์เริ่มรายรำกระบวนท่าที่หก

เฉินเฉียงเคยได้เห็นกระบวนท่านี้เป็นครั้งแรกก็ตอนที่ที่ราชาสวรรค์แสดงให้ดูในครั้งก่อน

และด้วยการแสดงกระบวนท่าให้ดูในครั้งนี้ทำให้เขานั้นเพิ่มระดับความเข้าใจในเคล็ดวิชาได้ในทันที

และนี่ก็เป็นเฉกเช่นในครั้งก่อน

ในขณะที่ราชาสวรรค์ได้เริ่มร่ายรำ เฉินเฉียงก็เข้าใจถึงแก่นแห่งเคล็ดวิชาดาบทำลายวิญญาณมากขึ้นอีกครั้ง

และเมื่อเห็นราชาสวรรค์ร่ายรำจนเกือบเสร็จสิ้น เฉินเฉียงก็ได้เบิกตากว้างราวกับไม่อยากจะพลาดในบางสิ่งใด

นั่นก็เพราะกระบวนท่าถัดไปนี้เขายังไม่เคยเรียนรู้มากก่อน

ตราบใดที่เขาได้เรียนรู้กระบวนท่าสุดท้าย มันน่าจะเพียงพอที่ทำให้เคล็ดวิชาดาบทำลายวิญญาณของเขานั้นก้าวเข้าสู่ระดับสูง…ไม่สิ สูงสุดได้ และนั่นจะทำให้เขานั้นแข็งแกร่งยิ่งขึ้นไปอีกระดับ

ราวกับจะเข้าใจความคิดของเฉินเฉียง ราชาสวรรค์เองได้หยุดกระบวนท่าของตนไปเล็กน้อย ก่อนที่จะพูดออกมาด้วยเสียงที่ดังก้อง “กระบวนท่าที่เจ็ด ห้วงวิญญาณดับสูญ”

เพียงราชาสวรรค์สิ้นคำพูดนี้ ความเงียบก็ได้คลืบคลานไปหาทุกสรรพสิ่งโดยมีราชาสวรรค์เป็นจุดศูนย์กลาง

ยิ่งไปกว่านั้น ดาบเหล็กในมือของราชาสวรรค์ก็ค่อยๆตกลง

มันเชื่องช้ามากจนทำให้ผู้คนที่พบเห็นเลียนแบบท่าทางได้อย่างไม่ผิดเพี้ยน

ราวกับการร่ายรำไท้เก็กที่เฉินเฉียงคุ้นเคย แม้มันจะดูช้าเชื่อง แต่กับแฝงไว้ซึ่งความทรงพลังที่ไม่อาจจะหยั่งถึง

ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก

ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก

Status: Ongoing
ฉินเฉียงรู้สึกตัวอีกครั้งก็มาอยู่ในยุค ที่มีสัตว์อสูร และผู้บ่มเพาะพลังเสียแล้ว ด้วยความบังเอิญเขาได้ใช้มือสัมผัสกับซากสัตว์อสูร ทำให้คนธรรมดาแบบเขาได้รับสายเลือดพิเศษฉินเฉียงรู้สึกตัวอีกครั้งก็มาอยู่ในยุค ที่มีสัตว์อสูร และผู้บ่มเพาะพลังเสียแล้ว ด้วยความบังเอิญเขาได้ใช้มือสัมผัสกับซากสัตว์อสูร ทำให้คนธรรมดาแบบเขาได้รับสายเลือดพิเศษ หลังจากที่เขาศึกษาระบบนี้ทำให้รู้ว่า เขาสามารถดูดความสามารถดั้งเดิมแบบสุ่มของซากศพได้ ไม่ว่าจะเป็นสัตว์อสูร หรือแม้แต่มนุษย์ด้วยความสามารถนี้ทำให้เฉินเฉียงมั่นใจว่าเขาจะมีชีวิตรอดในยุคโลกาวินาศนี้ได้ ยิ่งเขาฆ่า!มากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท